ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่มีอะไรเหมือนรสชาติเค้กที่คุณทำในครัวของตัวเอง การอบเค้กนั้นไม่ยุ่งยาก แค่ตวงส่วนผสม ผสมทุกอย่างตามลำดับ และอย่าลืมเอาเค้กออกจากเตาก่อนจะไหม้ อ่านและเรียนรู้วิธีอบเค้กง่ายๆ 3 แบบ คือ เค้กช็อกโกแลต เค้กแอปเปิล และเค้กปอนด์วานิลลา เลื่อนลงไปดูเคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีทำตามสูตรเค้กด้านล่างกันได้เลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การทำเค้กปอนด์วานิลลา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เค้กปอนด์เป็นหนึ่งในเค้กที่อบง่ายที่สุด สิ่งที่คุณต้องการก็คือ:
    • เนยจืดที่นิ่มแล้ว 1 ถ้วย
    • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
    • เกลือหนึ่งหยิบมือ
    • สารสกัดวานิลลา 2 ช้อนชา
    • ไข่ไก่ 5 ฟอง
    • แป้งเค้ก 2 ถ้วย
  2. เค้กปอนด์จะสุกได้ดีในพิมพ์ก้นลึก เช่น พิมพ์เค้กโลฟ หรือพิมพ์เค้กบันด์
  3. ใส่เนยกับน้ำตาลลงในอ่างผสมและตีจนส่วนผสมเบา ขึ้นฟู และเป็นเนื้อครีม
  4. ตีต่อไปเรื่อยๆ จนไข่เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  5. ใช้เครื่องตีไฟฟ้าที่ความเร็วต่ำหรือใช้ทัพพีไม้กวนแป้งสักพักให้พอเข้ากันดี ระวังอย่าผสมนานจนเกินไป
  6. ใช้ไม้พายขูดข้างอ่างให้ส่วนผสมลงไปในพิมพ์
  7. ลองใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปตรงกลางเค้ก ถ้าดึงออกแล้วไม่มีเนื้อเค้กติดขึ้นมาแปลว่าเค้กสุกแล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การทำเค้กช็อกโกแลต

ดาวน์โหลดบทความ
    • เนยจืด 3/4 ถ้วย ที่อุณหภูมิห้อง
    • ผงโกโก้แบบไม่หวาน 3/4 ถ้วย
    • แป้ง 3/4 ถ้วย
    • เกลือ 1/4 ช้อนชา
    • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
    • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
    • ไข่ไก่ 3 ฟอง
    • สารสกัดวานิลลา 1 ช้อนชา
    • บัตเตอร์มิลค์หรือครีมเปรี้ยว 1/2 ถ้วย
  1. คุณสามารถใช้พิมพ์กลมแบบมาตรฐาน พิมพ์สี่เหลี่ยมจัตุรัส พิมพ์โลฟ พิมพ์บันด์ หรืออะไรก็ได้ที่คุณมี ให้แน่ใจว่าคุณทาเนยหรือฉีดสเปรย์น้ำมันกระป๋องที่พิมพ์เพื่อไม่ให้เค้กติดกับพิมพ์ตอนที่เค้กสุกแล้ว
  2. ใส่เนย ไข่ สารสกัดวานิลลา น้ำตาลทราย และบัตเตอร์มิลค์ลงในอ่าง ใช้ตะกร้อหรือเครื่องตีไฟฟ้าผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี
    • ”ส่วนผสมเปียก” ในสูตรเค้กโดยทั่วไปเป็นส่วนผสมที่มีน้ำ น้ำตาลก็จัดเป็นส่วนผสมเปียกเหมือนกันแม้ว่าจริงๆ แล้วจะไม่เปียกก็ตาม
    • ปกติจะผสมส่วนผสมเปียกในอ่างใบใหญ่ก่อน ส่วนผสมแห้งจะผสมต่างหากแล้วมาเติมทีหลัง
    • ที่สำคัญก็คือต้องทำตามคำแนะนำเกี่ยวกับเนยในสูตรเค้ก ถ้าคุณใช้เนยละลายในสูตรที่ต้องใช้เนยนิ่ม อาจจะทำให้เค้กเสีย ในกรณีนี้ในสูตรต้องการเนยที่อุณหภูมิห้อง คุณสามารถเอาเนยออกมาตั้งรอไว้ก่อนในขณะที่คุณเตรียมส่วนประกอบอื่นๆ จะได้มีเวลาพอให้เนยปรับอุณหภูมิมาอยู่ที่อุณหภูมิห้อง
  3. ใส่แป้ง เกลือ ผงโกโก้ และผงฟูลงในอ่างใบเล็ก คนให้เข้ากันดี
  4. ตีด้วยความเร็วระดับต่ำจนส่วนผสมเข้ากันดีและไม่เหลือแป้งส่วนที่เป็นสีขาว
  5. ใช้ช้อนหรือไม้พายขูดด้านข้างอ่างเพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดลงไปในพิมพ์
  6. เช็คเค้กเรื่อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเค้กจะไม่ไหม้ ถ้าจิ้มไม้จิ้มฟันลงไปตรงกลางแล้วไม่มีเศษเค้กติดขึ้นมาแปลว่าเค้กสุกแล้ว
  7. วางไว้บนเคาน์เตอร์และทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 5 นาทีก่อนจะจัดการกับมัน
  8. ใช้จานอะไรก็ได้ที่คุณคิดว่าจะใช้เสิร์ฟ
  9. ถ้าคุณพยายามแต่งหน้าเค้กด้วยฟรอสติ้งในขณะที่เค้กยังอุ่นๆ อยู่นั้นจะทำให้ฟรอสติ้งละลายและไหลออกไปด้านข้าง ทำช็อกโกแลตบัตเตอร์ครีมฟรอสติ้ง หรือบัตเตอร์ครีมฟรอสติ้งธรรมดา หรือฟรอสติ้งชนิดไหนก็ได้
  10. โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การทำเค้กแอปเปิล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งที่คุณต้องการสำหรับเค้กแอปเปิลก็คือ:
    • แป้ง 3/4 ถ้วย
    • ผงฟู 3/4 ช้อนชา
    • แอปเปิล 4 ลูก
    • ไข่ไก่ 2 ฟอง
    • น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
    • เกลือหนึ่งหยิบมือ
    • สารสกัดวานิลลา 1/2 ช้อนชา
    • เนยจืดละลาย 1/2 ถ้วย
  2. สำหรับสูตรนี้คุณอาจจะใช้พิมพ์เค้กแบบมาตรฐานหรือพิมพ์เค้กสปริงฟอร์มซึ่งสามารถถอดด้านข้างได้และเหมาะมากถ้าคุณจะเสิร์ฟเค้กที่ปาร์ตี้
  3. ควรจะเป็นอุณหภูมิห้องก่อนจะนำไปรวมกับส่วนผสมอื่นๆ
  4. ใส่แป้ง เกลือ และผงฟูลงในอ่างแล้วตีให้เข้ากัน
  5. ใช้มีดหรือที่ปอกผลไม้ปอกเปลือกแอปเปิลแล้วก็เอาแกนออก หั่นแอปเปิลเป็นชิ้นพอดีคำ
  6. ผสมน้ำตาล ไข่ เนย และวานิลลาเข้าด้วยกัน
  7. คนส่วนผสมทั้งหมดให้เนียนเข้ากันดีเป็นเนื้อครีม
  8. ใช้ไม้พายค่อยๆ รวมแอปเปิลเข้ากับส่วนผสมแป้ง อย่าคนส่วนผสมนานเกินไปเพราะว่าจะทำให้เนื้อเค้กแน่นและแข็ง
  9. ใช้ไม้พายเกลี่ยหน้าส่วนผสมให้เสมอกัน
  10. ถ้าด้านบนของเค้กเป็นสีน้ำตาลทองและจิ้มไม้จิ้มฟันลงไปแล้วไม่มีเนื้อเค้กติดขึ้นมา นั่นแปลว่าเค้กสุกแล้ว
  11. [1]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การทำเค้กตามสูตร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มด้วยการอ่านรายการส่วนประกอบและคำแนะนำก่อนลงมือทำ. ที่สำคัญก็คือต้องมีส่วนประกอบทุกอย่างที่ต้องการพร้อม คุณคงไม่อยากวิ่งวุ่นวายไปซื้อส่วนผสมระหว่างที่กำลังทำเค้กอยู่ใช่ไหม สุดท้ายตัวเค้กอาจจะเสียได้ถ้าส่วนประกอบสำคัญหายไป
  2. ให้แน่ใจว่าคุณมีพิมพ์เค้กขนาดหรือรูปร่างที่ถูกต้อง เค้กบันด์ต้องใช้พิมพ์เค้กบันด์ แต่เค้กอื่นๆ สามารถอบได้ในพิมพ์หลากหลายขนาด ทาน้ำมันที่พิมพ์เพื่อป้องกันไม่ให้เค้กติดพิมพ์ ใช้เนยประมาณครึ่งช้อนชาหรือน้ำมันพืชเล็กน้อยทาบนผ้าขนหนูกระดาษและเช็ดข้างในพิมพ์ โรยแป้งประมาณหนึ่งหรือสองช้อนชาข้างบน การโรยแป้งข้างในจะช่วยให้เค้กเกาะด้านข้างตอนอบ นี่จะทำให้แน่ใจว่าด้านบนจะเรียบขึ้นซึ่งสำคัญสำหรับเลเยอร์เค้ก เขย่าและเทแป้งส่วนเกินทิ้งไปและวางพิมพ์พักไว้ก่อน
  3. ส่วนผสมให้เป๊ะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และใส่ตามลำดับที่ระบุไว้. สูตรเค้กส่วนใหญ่เริ่มด้วยการรวมส่วนผสมแห้ง (แป้ง ผงฟู โกโก้ ฯลฯ) แล้วเติมส่วนผสมเปียก (ไข่ น้ำมัน และนม) ให้แน่ใจว่าทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำเป็นพิเศษก่อน เช่น ร่อนแป้ง ตีไข่ หรือตีแป้ง ให้เข้ากันดีก่อนที่จะเติมลงในอ่างหลัก
  4. บางสูตรอาจจะผสมโดยใช้เครื่องตีแป้งไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะหรือแบบมือถือ ต้องระมัดระวังเพราะว่าบางขั้นตอนอาจจะแนะนำให้ใช้พายยางเติมแป้งหรือส่วนผสมอื่นๆ ในขณะที่ผสมให้หยุดเป็นระยะๆ เพื่อขูดข้างๆ ด้วยไม้พายหรือช้อนเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างผสมเข้ากันดี
  5. เทส่วนผสมแป้งลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ให้เสมอกัน. เติมให้ได้ 2/3 ของพิมพ์เนื่องจากเค้กจะขึ้นฟูระหว่างที่อบ เคาะพิมพ์เค้กเบาๆ เพื่อไล่ฟองอากาศใหญ่ๆ ออกจากตัวแป้งที่ผสมไว้
  6. วางพิมพ์ลงตรงกลางชั้นตะแกรงในเตาอบที่อุ่นไว้แล้ว. อย่าให้พิมพ์สัมผัสโดนกันหรือสัมผัสผนังเตา
  7. ปิดประตูเตาอบแล้วตั้งเวลาที่ระบุไว้ในสูตรทันที. ถ้าระบุเป็นช่วงเวลา ให้ใช้เลขค่าเฉลี่ยตรงกลาง (ช่วง 34-36 นาทีให้อบ 35 นาที หรือช่วง 50-55 นาที ให้อบ 53 นาที) การใช้ค่าเฉลี่ยจะทำให้ไม่ต้องกลัวว่าเค้กจะไม่สุกหรืออบนานเกินไป อดใจไว้อย่าเปิดประตูเตาอบในระหว่างอบเพราะว่าความร้อนอาจจะระบายออกไปและอาจทำให้เค้กสุกไม่สม่ำเสมอกัน ให้เปิดไฟเตาอบและดูผ่านหน้าต่างเตาอบดีกว่า
  8. ค่อยๆ จิ้มไม้จิ้มฟันหรือไม้เสียบลูกชิ้นตรงกลางของเค้ก ถ้าไม่มีเนื้อเค้กติดหรือมีเศษเค้กติดออกมาเล็กๆ น้อยๆ แปลว่าเค้กสุกได้ที่แล้ว ถ้ายังไม่สุก ให้เอากลับเข้าเตาอบอีกประมาณ 3-4 นาที ให้ทดสอบทุก 3-4 นาทีจนกว่าจะเค้กจะสุกดี
  9. วางพิมพ์ทิ้งไว้บนชั้นตะแกรงให้เย็นเป็นเวลา 15-30 นาที. เอามีดปาดเนยแซะรอบๆ ขอบพิมพ์เพื่อให้ด้านข้างหลุดจากพิมพ์ วางชั้นตะแกรงไว้บนปากพิมพ์แล้วพลิก เคาะที่พิมพ์เบาๆ ให้ตัวเค้กหลุดออกมา
    • ทิ้งไว้ให้เย็นสนิทก่อนแต่งหน้าเค้กเพราะว่าความร้อนจะทำให้ฟรอสติ้งและไอซิ่งละลาย โรยฟรอสติ้งและตกแต่งตามต้องการ
    โฆษณา

การแก้ปัญหา: การพยายามที่จะแก้เค้ก

  • เค้กของฉันออกมาแฟบแบน... ให้แน่ใจว่าคุณเติมผงฟูลงไปในส่วนผสมแป้งแล้ว ผงฟูเป็นตัวที่จะทำให้เค้กขึ้นฟู ให้แน่ใจว่าพิมพ์ของคุณมีขนาดที่เหมาะสม พิมพ์ที่ใหญ่เกินไปจะทำให้เค้กไม่ฟู และให้มั่นใจว่าคุณไม่ผสมแป้งนานเกินไปด้วย การผสมนานเกินไปจะตีแป้งนานเกินไปและทำให้ไม่ขึ้นฟู พอส่วนผสมเข้ากันแล้วให้หยุดผสมได้
  • เค้กของฉันแห้งเกินไป... ครั้งหน้าให้เช็คดูว่าคุณใส่แป้งลงในส่วนผสมมากเท่าไร เมื่อคุณใส่แป้งมากเกินไป ส่วนผสมเปียกอาจจะซึมเข้าไปในแป้งและทำให้แป้งมีรสชาติแห้ง ถ้าคุณใส่เนยหรือไข่ในส่วนผสมไม่พอเค้กของคุณก็อาจจะแห้งได้เช่นกัน อย่าลืมเช็คอุณหภูมิของเตาอบอีกครั้งด้วย การอบนานเกินไปจะทำให้เค้กแห้งเพราะว่าความร้อนจะดูดน้ำออกจากส่วนผสมเค้กทั้งหมด
  • เค้กของฉันเป็นมันเยิ้ม... ให้มั่นใจว่าคุณเติมเนยในปริมาณที่ถูกต้อง เนยที่เยอะเกินไปจะทำให้เค้กเป็นมันเยิ้มได้ เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งคือให้ผสมเนยให้ดี ก้อนเนยในเค้กจะทำให้เค้กเป็นมันเยิ้มและดูน่าสะอิดสะเอียน
  • เค้กของฉันแตก... จำไว้ว่าต้องรอให้เค้กเย็นสนิทก่อนเริ่มตัด ถ้ายังแตกอยู่ให้ลองผสมน้ำตาลไอซิ่งหรือฟรอสติ้งเข้าด้วยกันกับเค้กเพื่อให้ติดกันเหมือนกาว ในอนาคตให้ลองเติมน้ำลงไปในแป้งผสม การเติมวอลนัทก็สามารถช่วยให้เค้กเกาะตัวกันได้เช่นกัน
  • เค้กของฉันไม่สุก... คุณอาจจะเอาเค้กออกจากเตาเร็วเกินไป เอาเค้กใส่กลับเข้าไปในเตาอบ จิ้มไม้จิ้มฟันเพื่อเช็คว่าเค้กสุกหรือยัง ถ้าขอบเป็นสีน้ำตาลแต่ตรงกลางไม่สุก ให้คลุมขอบด้วยฟรอยด์ ในอนาคตให้เช็คให้แน่ใจว่าอุ่นเตาอย่างถูกต้อง หรืออบเค้กในเตาต่ออีก 5 นาที เตาอบแต่ละเครื่องไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นเวลาในการอบจึงไม่ตายตัว
  • เค้กของฉันไหม้... ให้แน่ใจว่าคุณอบเค้กตามเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่ ถ้าใช่ คุณอาจจะต้องเช็คเครื่องวัดอุณหภูมิของเตาอบว่าตรงไหมและใช้ถูกต้องหรือเปล่า เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่ง: ปกติพิมพ์เค้กที่เป็นสีเข้มจะทำให้เค้กเป็นสีน้ำตาลเร็วกว่า เพราะฉะนั้นให้ลองใช้พิมพ์ที่มีสีอ่อน

เคล็ดลับ

  • ทำให้เป็นมังสวิรัติ: ใช้น้ำมันพืชแทนเนย ใช้ aquafaba หรือซอสแอปเปิลแทนไข่ไก่ ซอสแอปเปิล 1/4 ถ้วย = ไข่ 1 ฟอง
  • เมื่อสูตรต้องการให้ทำให้ส่วนประกอบที่เย็น เช่น เนยหรือครีมชีส ให้อยู่ที่อุณหภูมิห้อง ให้แกะออกจากห่อและผึ่งทิ้งไว้ในอ่างบนเคาน์เตอร์สองสามชั่วโมงเพื่อให้นิ่ม คุณสามารถทดสอบว่านิ่มหรือยังโดยการใช้ส้อมกดลงไป
  • ถ้าในสูตรมีเกลือให้ระวังมาก เกลือที่มากเกินไปแค่ 1/4 ช้อนชาสามารถทำให้เค้กเค็มเกินกว่าที่ควรจะเป็น
  • ล้างมือก่อนอบเค้กเสมอ
  • ถ้าคุณใช้สูตรที่แตกต่างกัน ให้ทำตามคำแนะนำที่ระบุตามสูตร
  • อย่าโรยไอซิ่งเค้กก่อนเค้กจะเย็นตัว เพราะอาจจะทำฟรอสติ้งไหลลงข้างๆ หรือไหลออกจากเค้ก
  • ถ้าคุณพยายามเอาเค้กร้อนๆ ออกจากพิมพ์ อาจจะทำให้ตัวเค้กแตกได้
  • เช็คให้แน่ใจว่าตวงส่วนผสมตรงตามสูตรเป๊ะก่อนจะใส่ลงในอ่างผสม แป้งที่ขาดหรือเยอะเกินไปเพียงไม่กี่ช้อนชาสามารถทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่น่าเชื่อและไม่ต้องการให้เกิดกับเค้กตอนสุกแล้ว
  • ใช้พิมพ์อบเค้กอะลูมิเนียมที่ทนทานและมีคุณภาพสูงเพื่อให้ความร้อนกระจายทั่วถึงและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • ถ้าคุณชอบเค้กฉ่ำๆ ให้ใช้โยเกิร์ตแทนน้ำมัน
  • อย่าผสมแป้งนานเกินไป
  • ใช้ไม้จิ้มฟันลองจิ้มดูว่าเค้กสุกได้ที่หรือยัง
โฆษณา

คำเตือน

  • เตาอบมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นให้เฝ้าดูเค้กของคุณอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้อบนานเกินไป
  • ให้แน่ใจว่ากันเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงให้ออกห่างตอนเปิดเตาร้อนๆ
  • พยายามรอบคอบด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้ส่วนประกอบและเงินอย่างสิ้นเปลือง
  • ใส่ถุงมือจับของร้อนจากเตาอบ หรือถุงมือกันร้อนตอนนำเค้กออกจากเตาเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้มือพอง
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • สูตรเค้ก
  • ส่วนประกอบทั้งหมดที่กำหนดในสูตร
  • อุปกรณ์วัดตวงต่างๆ
  • เครื่องผสม
  • พิมพ์อบขนม
  • ไม้จิ้มฟัน (หรือไม้เสียบลูกชิ้น)
  • มีดปาดเนย
  • เตาอบ
  • ถุงมือจับของร้อนจากเตาอบ หรือถุงมือกันร้อน
  • ชั้นวางผึ่งเค้ก

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,480 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา