PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

นักออกแบบเสื้อผ้าเป็นอาชีพที่สุดแสนจะน่าตื่นเต้นและไม่ซ้ำซากจำเจ แต่ก็เป็นงานที่หนักและการแข่งขันสูงมากเหมือนกัน ถ้าคุณอยากเป็น แฟชั่นดีไซเนอร์ ที่ประสบความสำเร็จ เส้นทางที่คุณต้องฝ่าฝันยังอีกยาวไกลนัก แต่ก็มีขั้นตอน 1 2 3 4 ที่คุณสามารถทำได้เพื่อเริ่มต้นออกแบบเสื้อผ้า ไม่ว่าคุณตั้งใจจะยึดมันเป็นอาชีพหรือไม่ก็ตาม

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ฝึกฝนทักษะ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณไม่ต้องถึงกับเป็นนักวาดภาพประกอบมือฉมัง เพราะดีไซเนอร์หลายคนก็ร่างแบบเสื้อผ้าสไตล์เก๋ไก๋ตามแบบฉบับของตัวเอง แต่เรื่องของเรื่องคือคุณต้องสามารถสื่อสารภาพในหัวออกมาให้คนอื่นเห็นให้ได้ [1] ไปลงคอร์สวาดรูป ศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือ หรือแค่ฝึก ฝึก ฝึกก็ได้ [2]
    • ส่วนที่สำคัญที่สุดของการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ คือการทำบ่อยๆ แบ่งเวลาวันละครึ่งชั่วโมงมาฝึกวาดภาพ
    • หนังสือที่ควรนำมาใช้หัดวาดภาพคือหนังสือของ Mark Kistler ที่ชื่อ You Can Draw in 30 Days ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีฉบับแปลภาษาไทย
  2. ถึงคุณจะไม่ได้อยากลงมือตัดเย็บเสื้อผ้าที่คุณออกแบบด้วยตัวเอง คุณก็ต้องมีความรู้เรื่องการตัดเย็บบ้าง เพราะการเข้าใจว่าเสื้อผ้าที่คุณออกแบบมานั้นทำได้จริงไหมคือส่วนสำคัญของการคิดไอเดียใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ [3]
    • มีโรงเรียนสอนตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย เช่น โรงเรียนสอนตัดเย็บเสื้อสตรีกรสยาม ที่เปิดสอนตัดเย็บเสื้อผ้าในราคาที่ไม่แพงนัก
    • ถ้าคุณตั้งใจจะตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยตัวเอง คุณจะต้องเรียนการทำแพทเทิร์น [4] เพราะคุณจะต้องรู้ว่าผ้าแต่ละส่วนมันมาประกอบกันได้อย่างไร การรู้ว่าจะแยกย่อยสิ่งที่ออกแบบมาให้เป็นรูปทรงต่างๆ ได้อย่างไรคือหัวใจสำคัญของการตัดเย็บเสื้อผ้า
    • ซื้อแพทเทิร์นเสื้อผ้าทั่วไปจากร้านขายของงานประดิษฐ์เพื่อนำมาฝึก
  3. ถ้าคุณอยากจะสร้างแบบเสื้อผ้าใหม่ๆ คุณก็ต้องรู้ทฤษฎีการออกแบบก่อน [5] คุณอาจจะเริ่มจากหนังสือของ Molly Bang ที่ชื่อ Picture This: How Pictures Work (ยังไม่มีฉบับแปลภาษาไทย) ก่อนก็ได้ เพราะหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีคิดแบบนักออกแบบ
    • อย่าจำกัดตัวเองให้เรียนแค่การออกแบบแฟชั่นอย่างเดียว เพราะหลักการของทฤษฎีการออกแบบสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกสาขา แล้วคุณอาจจะประหลาดใจที่ได้รู้ว่าการศึกษาวิชาการพิมพ์ช่วยสอนคุณเรื่องการออกแบบแฟชั่นได้ขนาดไหน
  4. ถ้าคุณอยากออกแบบเสื้อผ้า คุณจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของแฟชั่นทั้งหมดเท่าที่คุณจะเรียนรู้ได้ คุณอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นคนเก๋ไก๋ไฉไลสุดๆ แต่การรู้ว่าต้องแต่งตัวอย่างไรถึงจะดูดีเป็นแค่ยอดบนสุดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น [6] ถ้าคุณออกแบบเสื้อผ้าจากสิ่งที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนั้น พอคุณออกแบบเสร็จมันก็อาจจะเชยไปแล้วก็ได้ นักออกแบบแฟชั่นมืออาชีพจะคิดล่วงหน้าอยู่เสมอว่าสิ่งใหญ่ๆ ที่กำลังจะมาถึงคืออะไร [7]
    • ดูวิดีโอหรือภาพจากงานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ดังๆ ทางอินเทอร์เน็ต หรือไม่ก็ไปดูเองถ้าหากมีงานแฟชั่นโชว์จัดใกล้บ้าน ดีไซเนอร์มืออาชีพจะออกแบบคอลเลกชั่นประจำฤดูกาลหลายเดือนล่วงหน้า เพราะฉะนั้นโชว์พวกนี้จะทำให้คุณรู้ว่าเทรนด์แบบไหนที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแฟชั่นในอนาคต
  5. สมัยนี้ดีไซเนอร์มีเครื่องมือให้เลือกใช้มากกว่าแต่ก่อน เพราะฉะนั้นนอกจากจะสเก็ตช์ภาพลงในสมุดได้และเย็บจักรเป็นแล้ว คุณยังต้องใช้ Adobe Photoshop และ Illustrator เป็นด้วย
    • เว็บไซต์อย่าง Linda.com หรือ Tuts+ ก็เป็นแหล่งออนไลน์ที่ดี
    • ถ้าคุณอยากจะสเก็ตช์ภาพลงคอมพิวเตอร์มากกว่าสเก็ตช์ลงสมุด คุณจะต้องซื้อแท็บเล็ตปากกาดีๆ อย่าง Wacom
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

คิดไอเดียขึ้นมา

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณหลงใหลอะไรล่ะ อะไรที่คุณเห็นแล้วคันไม้คันมืออยากจะสร้างมันขึ้นมา อาจจะเนื้อผ้าบางแบบ งานทัศนศิลป์ที่คุณเห็น ของที่คุณอยากได้แต่หาไม่ได้ในร้านค้า เสื้อผ้าที่คุณเห็นตามท้องถนน ลวดลายของสีแบบเฉพาะ เทรนด์ย้อนยุคที่คุณอยากนำกลับมา และอื่นๆ อีกมากมาย การได้แรงบันดาลใจไม่มีผิดถูก สิ่งสำคัญคือคุณต้องหาสิ่งที่เร้าใจคุณ
    • นึกถึงลูกค้า คนแบบไหนที่คุณคิดว่าจะมาซื้อผลงานออกแบบของคุณ คนแบบนั้นจะอยากได้อะไรในเสื้อผ้า คิดถึงความเป็นจริงเวลาออกแบบเสื้อผ้าให้ตัวเอง จงออกแบบเสื้อผ้าที่คุณเองก็อยากเป็นเจ้าของหรืออยากใส่
    • การผสมผสานสไตล์และเทรนด์ที่มีอยู่แล้วเข้าด้วยกันก็เป็นวิธีสร้างลุคใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ถ้าคุณรวมลายทหารเข้ากับองค์ประกอบที่ดูอ่อนหวานและพลิ้วไหวมันจะออกมาเป็นยังไง แล้วถ้าเอาเทรนด์ในปี 1990 มารวมกับของปี 1930 มันจะเข้ากันดีไหม คุณจะเอาองค์ประกอบที่อยู่ในเสื้อผ้าผู้ชายไปใส่ไว้ในเสื้อผ้าผู้หญิงได้อย่างไร
  2. คุณอยากได้วัสดุที่ยืดหยุ่นหรือว่าไม่ค่อยยืดหยุ่นเท่าไหร่ เสื้อผ้าที่คุณออกแบบมันพลิ้วไหวหรือมีรูปทรงและโครงสร้างที่โดดเด่น คุณควรใช้ผ้าเรียบหรือมีเนื้อสัมผัส ถ้าแรงบันดาลใจเริ่มแรกของคุณได้มาจากเนื้อผ้าสวยๆ ที่คุณเจอ คุณก็ไม่ต้องคิดเรื่องนี้แล้ว แต่ถ้าไม่คุณก็ต้องมาคิดว่าเสื้อผ้าที่คุณออกแบบมาต้องใช้วัสดุประเภทไหน
    • นึกถึงองค์ประกอบตกแต่งอย่างกระดุม ลูกไม้ ลูกปัด หรือไหมปักด้วย เพราะองค์ประกอบเหล่านี้มักจะมีผลต่อการเลือกเนื้อผ้าเช่นเดียวกัน
  3. ผลงานการออกแบบทั้งหมดขึ้นอยู่กับการเลือกใช้สีและลวดลาย คิดถึงวัตถุประสงค์หลักของเสื้อผ้าที่ออกแบบและนึกภาพคนที่สวมชุดนั้น นึกถึงลูกค้าและคิดว่าเธอจะอยากใส่อะไร ทั้งหมดทั้งมวลคือเลือกสิ่งที่คุณคิดว่าดูดี เพราะเรื่องนี้ไม่มีกฎตายตัว คุณเป็นคนออกแบบ เพราะฉะนั้นเหนือสิ่งอื่นใดคือคุณต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง
    • ย้อนกลับไปดูวงล้อสี จำไว้ว่าสีที่ตัดกัน (สีที่อยู่ตรงข้ามกัน) จะทำให้แต่ละสีดูโดดเด่น ซึ่งจะทำให้เสื้อผ้าของคุณดูจัดจ้าน แต่ถ้าออกแบบมาไม่ดีล่ะก็ มันจะดูขัดกันและไม่น่ามอง [8]
    • ไปสวอชสีที่ร้านสีมาก่อน และมาลองจับคู่สีต่างๆ เข้าด้วยกันก่อนไปซื้อผ้า
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

สเก็ตช์แบบเสื้อผ้า

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เวลาออกแบบเสื้อผ้า คุณต้องคิดว่าเสื้อผ้าของคุณจะออกมาเป็นอย่างไรเมื่อสวมใส่จริงๆ เพราะฉะนั้นดีไซเนอร์ส่วนใหญ่จึงมักออกแบบเสื้อผ้าบนภาพร่างคน แต่การที่ต้องมานั่งวาดภาพร่างคนใหม่ทุกครั้งที่ออกแบบงานชิ้นใหม่ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวและเสียเวลาไม่น้อย เพราะฉะนั้นดีไซเนอร์หลายคนจึงใช้ภาพร่างคนที่มีอยู่แล้ว [9] ซึ่งก็เป็นแบบร่างที่คุณสามารถนำมาใช้ได้เมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณสเก็ตช์แบบเสื้อผ้าชิ้นใหม่ โดยคุณจะต้องเริ่มจากการใช้ดินสอร่างภาพคนออกมาก่อน ซึ่งอาจฟังดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
    • ถ้าคุณไม่ได้กลัวการวาดภาพคนมากนัก ก็วาดมือไปเลย เพราะภาพร่างที่คุณวาดไม่จำเป็นต้องถูกต้องตามหลักกายวิภาคเป๊ะๆ และภาพร่างรูปคนของดีไซเนอร์ส่วนใหญ่ก็มักจะออกมาในแบบสไตล์เฉพาะตัวมากกว่า งานออกแบบของคุณจะยิ่งดูมีเอกลักษณ์มากขึ้นบนภาพร่างที่คุณวาดเอง อย่าไปกังวลเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ให้มองว่าโครงร่างของคุณคือหุ่นจำลองแบบ 2 มิติ
    • ถ้าคุณไม่อยากวาดภาพร่างคนเองตั้งแต่แรก ให้ใช้แบบของคนอื่น ทาบรูปจากหนังสือหรือนิตยสาร หรือดาวน์โหลดเท็มเพลตภาพร่างมาจากในอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เป็นร้อยๆ แบบ [10] [11]
    • ดีไซเนอร์หลายคนใช้วิธีที่เรียกว่าวิธี 9 หัวเพื่อให้แน่ใจว่าภาพร่างได้สัดส่วนเท่ากัน วิธีการก็คือใช้หัวเป็นหน่วยวัด และวาดภาพร่างกายที่ได้สัดส่วนจากเท้าขึ้นไปถึงต้นคอ 9 หัวพอดี [12]
      • วาดเส้นแนวตั้งและแบ่งออกเป็น 10 ส่วนเท่าๆ กันเพื่อเป็นไกด์ให้คุณขณะวาดภาพร่าง
      • ส่วนที่ 1 เริ่มจากใต้ช่วงหัวและวัดลำตัวจากต้นคอไปถึงกลางอก ส่วนที่ 2 วัดจากกลางอกลงไปถึงเอว ส่วนที่ 3 จากเอวลงไปที่ใต้สะโพก ส่วนที่ 4 จากใต้สะโพกลงไปที่กลางต้นขา ส่วนที่ 5 จากกลางต้นขาไปที่เข่า ส่วนที่ 6 จากเข่าไปที่น่องบน ส่วนที่ 7 จากน่องบนไปถึงน่องกลาง ส่วนที่ 8 จากน่องกลางไปที่ข้อเท้า และส่วนที่ 9 ลงไปถึงเท้า [13]
  2. คุณจะต้องวาดตามรอยภาพนี้ลงบนกระดาษอีกแผ่นหนึ่งที่อยู่ด้านบน เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องใช้ปากกาสีเข้มวาดทับภาพร่างลงไปอีกครั้งเพื่อให้มองเห็นเส้น [14]
  3. ในขั้นตอนนี้คุณจะต้องวางปากกาลงแล้วกลับไปหยิบดินสอมาใหม่ วาดตามรอยภาพร่างที่คุณเพิ่งวาดเสร็จไปลงบนกระดาษสีขาวไม่มีเส้น คุณน่าจะมองเห็นภาพร่างที่อยู่ด้านล่างได้พอสมควรถ้าคุณใช้ปากกาสีเข้มวาดทับอีกทีและกระดาษไม่หนาจนเกินไป [15]
    • ถ้าคุณมีกล่องไฟถ่ายรูป ก็เหมาะจะใช้กับขั้นตอนนี้เลย แค่วางภาพร่างที่วาดไว้ลงบนกล่องไฟ วางกระดาษเปล่าทับไว้อีกที เปิดกล่องไฟ แล้ววาดภาพร่างตามเส้น
    • ถ้าคุณไม่มีกล่องไฟถ่ายรูปและมองไม่เห็นเส้นที่อยู่ข้างใต้ ให้ลองเอากระดาษสองแผ่นติดไว้ที่หน้าต่างในวันที่แดดจัด ถึงคุณจะต้องวาดตามมุมที่ดูแปลกๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้โดยพื้นฐานแล้วจะเหมือนกับการใช้กล่องไฟ
  4. วาดเสื้อผ้าที่คุณคิดไว้ในหัวลงไปเบาๆ ด้วยดินสอเพื่อที่คุณจะได้ลบออกได้ถ้าวาดผิด เริ่มจากองค์ประกอบทั่วไปอย่างรูปทรงพื้นฐานของเสื้อผ้า แล้วค่อยๆ เพิ่มรายละเอียดลงไปขณะที่มันเป็นรูปเป็นร่าง เมื่อพอใจแล้ว คุณก็ค่อยใช้ปากกาวาดทับลงไปอีกที [16]
  5. ในขั้นตอนนี้คุณจะใช้อุปกรณ์วาดภาพอะไรก็ได้ที่คุณอยากใช้ ปากกามาร์เกอร์และสีไม้จะเหมาะมากเป็นพิเศษเพราะว่ามันสามารถทาทับได้ เริ่มจากสีที่อ่อนที่สุดที่คุณกะว่าจะใช้ก่อน และระบายเป็นทางยาวๆ สม่ำเสมอในแนวเดียวกับเนื้อผ้า ค่อยๆ ลงสีที่เข้มขึ้น เพิ่มลวดลาย และสร้างเงาขณะลงสี [17] [18]
  6. พอคุณมีภาพร่างคนไว้แล้ว การเริ่มออกแบบงานชิ้นใหม่ก็จะเร็วขึ้นมาก แค่วาดตามรอยภาพร่างแล้วก็ร่างแบบได้เลย
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

ตัดเย็บ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณต้องมีหุ่นตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อให้เห็นเสื้อผ้าขณะที่คุณตัดเย็บและเพื่อแน่ใจว่ามันเข้ากับรูปร่างของคน ถ้าคุณไม่มีหุ่นตัดเย็บเสื้อผ้า คุณก็สามารถทำหุ่นจำลองขึ้นมาเองได้โดยใช้ขนาดตัวของคุณเอง [19]
    • สวมเสื้อที่คุณไม่ใส่แล้ว แล้วเอาเทปกาวพันรอบตัวขณะใส่ แล้วคุณก็จะได้รูปทรงจากเทปกาวแข็งๆ จากรูปร่างของคุณเอง
    • ถอดเทปกาวออกด้วยการตัดด้านข้างจากสะโพกไปที่รักแร้ จากนั้นก็ขึ้นไปตามแนวแขนเสื้อ
    • เอาเทปกาวแปะตรงรอยตัดเพื่อให้ได้รูปทรงทั้งหมดอีกครั้ง ยัดหนังสือพิมพ์ลงไปแล้วปิดก้น คอ และแขนเสื้อด้วยเทปกาวอีกครั้ง คุณจะเก็บแขนไว้หรือตัดแขนออกก็ได้
  2. ใช้ดินสอเผื่อพลาด และเขียนกำกับแต่ละส่วนไว้เพื่อไม่ให้สับสนทีหลัง นึกถึงภาษิตช่างไม้ฝรั่งที่ว่า วัดสองครั้ง ตัดครั้งเดียว เพราะความผิดพลาดแค่ครั้งเดียวก็อาจทำให้คุณเสียเวลามากๆ ได้ เสร็จแล้วให้ตัดแพทเทิร์นที่วาดไว้ออกมา
    • โดยหลักการแล้วคุณควรมีความรู้เรื่องการขึ้นแพทเทิร์นอยู่บ้างก่อนทำขั้นตอนนี้ ไม่เชี่ยวชาญนักก็ไม่เป็นไร แต่คุณต้องนึกภาพออกว่าเสื้อผ้าของคุณจะประกอบกันขึ้นมาอย่างไรและมีทักษะที่จะประกอบชุดนั้น [20]
  3. วางกระดาษคราฟต์ที่มีรูปแพทเทิร์นลงบนผ้ามัสลินแล้ววาดตามรอยออกมา จากนั้นตัดผ้ามัสลินออกตามแบบที่วาดไว้และหมุดเป็นรูปทรงพื้นฐานของเสื้อผ้า [21]
  4. ใช้จักรเย็บผ้าปักตามรอยหมุดบนผ้ามัสลิน จากนั้นแกะหมุดออกแล้วสวมเสื้อผ้าลงบนหุ่นจำลองหรือใส่เองก็ได้ถ้าคุณออกแบบเสื้อผ้าให้ตัวเอง
  5. ดูว่ามันเข้ากันไหม ลองนึกถึงรูปทรงดู อะไรเวิร์ก อะไรไม่เวิร์ก โน้ตไว้ สเก็ตช์ภาพ เพิ่มผ้ามัสลินเข้าไปหรือตัดออก หรืออะไรก็ตามแต่ที่ช่วยให้คุณเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่คุณต้องการ [22]
  6. หุ่นจำลองของคุณใกล้เคียงกับภาพที่คิดไว้แค่ไหน คุณชอบดีไซน์นี้ไหมและพร้อมจะทำขั้นตอนต่อไปหรือยัง คุณต้องทำหุ่นจำลองขึ้นมาอีกตัวก่อนแล้วค่อยลองใช้ผ้าที่ดีกว่านี้ไหม คุณอาจจะกลับไปตั้งต้นใหม่ที่กระดานวาดภาพเลย หรืออาจจะพร้อมตัดเย็บเสื้อผ้าที่ออกแบบไว้ ทั้งหมดนี้แล้วแต่ว่าหุ่นจำลองของคุณออกมาเป็นอย่างไร [23]
  7. ได้เวลาทำให้เสื้อผ้าในจินตนาการออกมาสวมใส่ได้จริงแล้ว ทำเช่นเดียวกับขั้นตอนที่คุณทำกับหุ่นจำลองมัสลิน [24] [25] จำไว้ว่ามันจะต้องมีผิดพลาดบ้างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งแรกๆ อย่าลืมซื้อผ้าให้มากกว่าที่คุณคิดไว้ว่าต้องใช้ เผื่อเวลาให้ตัวเองมากๆ และเช็กการวัดของตัวเองอีกรอบเสมอ อะไรๆ มันอาจจะไม่ได้เป็นไปตามแบบที่คิดไว้ เพราะฉะนั้นเตรียมตัวแก้ปัญหาหรือปรับเปลี่ยนแบบที่คุณคิดไว้ขณะตัดเย็บ เพราะบางครั้งนวัตกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดก็มาจากความผิดพลาดนี่แหละ
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

ขายเสื้อผ้าที่คุณออกแบบ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. รวบรวมผลงานไว้ในรูปแบบของภาพถ่ายขณะที่คุณเริ่มออกแบบเสื้อผ้า วิธีนี้เป็นการโปรโมตตัวเองในฐานะดีไซเนอร์ขณะที่อาชีพของคุณกำลังก้าวหน้า จำไว้ว่าคุณต้องแสดงความเก่งกาจของตัวเองออกมาโดยที่คนอื่นก็ยังคงได้ยินเสียงและมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณด้วย ผลงานในพอร์ตโฟลิโอของคุณควรมีความหลากหลาย แต่ทุกชิ้นก็ควรจะกรีดร้องความเป็นตัว “คุณ” ออกมาด้วย [26] [27]
    • ใช้ภาพถ่ายคุณภาพสูง อย่าแค่เอาเดรสที่คุณตัดมาวางไว้บนเตียงแล้วเอามือถือถ่ายทั้งที่ไฟยังสลัว แต่ให้นางแบบสวมใส่ชุดของคุณจริงๆ แสงไฟต้องดี (ถ้าคุณไม่มีอุปกรณ์ช่วยเสริมแสงไฟในที่ร่ม ให้ออกไปถ่ายกลางแจ้งในวันที่ท้องฟ้ามีเมฆนิดหน่อย วิธีนี้จะทำให้คุณได้แสงไฟในระดับที่เท่ากัน) ใช้กล้องถ่ายรูปคุณภาพดีและใส่ใจรายละเอียดอย่างผม การแต่งหน้า และเครื่องประดับ เพราะวิธีการแสดงผลงานของคุณมีผลต่อผลงานที่คุณสร้างขึ้นเป็นอย่างมาก [28]
  2. แถวบ้านมีห้องเสื้ออิสระที่ขายเสื้อผ้าลักษณะคล้ายๆ กับของคุณหรือเปล่า มีเว็บไซต์ขายเสื้อผ้าไม่ไกลจากบ้านของคุณที่ทำให้คุณนึกถึงเสื้อผ้าของตัวเองไหม พยายามหาดีไซเนอร์ที่สร้างผลงานที่คล้ายๆ กับผลงานของคุณหรือคนที่มีผลงานในแบบที่คุณอยากก้าวไปให้ถึง แล้วสังเกตเทคนิคการผลิตผลงานของเขา
  3. บางเว็บไซต์รับผลิตชิ้นงานตามที่คุณออกแบบถ้าพวกเขาหรือผู้ใช้เว็บไซต์ของเขาประทับใจในผลงานของคุณมากพอ ลองเข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.tudyeb.com/ ถ้าคุณคิดว่าแบบเสื้อผ้าของคุณสวยเกินกว่าที่คุณจะตัดเย็บเองได้ [29]
    • ถ้าคุณเป็นแนวกราฟิกดีไซเนอร์มากกว่าแต่คิดว่าผลงานการออกแบบของคุณถ้าอยู่บนเสื้อผ้าแล้วน่าจะสวย ลองเข้าไปที่เว็บไซต์อย่างของร้าน Smart Print Fabric และ Perfect Inter Product ที่สามารถพิมพ์งานอาร์ตเวิร์กของคุณลงบนผ้าและสินค้าต่างๆ ได้
  4. ถ้าคุณอยากขายเสื้อผ้าที่คุณออกแบบ โลกก็ต้องรู้ซึ้งถึงอัจฉริยภาพในตัวคุณก่อน ทุกวันนี้ไม่ว่าใครก็ออกแบบเว็บไซต์ได้ ลองใช้แพลตฟอร์มอย่าง Squarespace เพื่อสร้างเว็บไซต์ที่แสดงผลงานของคุณ ออกแบบเว็บไซต์ให้ดูเรียบหรู และคุณจะต้องเน้นไปที่การออกแบบเสื้อผ้า ไม่ใช่การออกแบบเว็บไซต์
  5. สร้างเพจในโซเชียลมีเดียและแสดงผลงานผ่าน Twitter Facebook Instagram และ Tumblr ทั้งหมดทั้งมวลคือคุณต้องให้คนอื่นเห็นผลงานของคุณแล้วค่อยไปกังวลทีหลังว่าจะขายได้ไม่ได้ แต่ตอนนี้คุณต้องทำให้คนพูดถึงผลงานของคุณก่อน [30] [31]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 23,780 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา