ฟีเจอร์อัดเสียงของสมาร์ทโฟนสมัยนี้ เป็นอะไรที่สะดวกมากแต่มักถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย อย่าง iPhone และมือถือ Android ส่วนใหญ่ ก็มีแอพอัดเสียงในตัว แต่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์เพิ่มเติม ก็ต้องลองไปโหลดแอพฟรีแต่ดีมาลองใช้ดู ไม่ว่าจะใช้แอพในเครื่องหรือแอพที่โหลดมาใหม่ ก็ใช้อัดเสียงได้สะดวก ทั้งเตือนความจำ เลคเชอร์ในห้องเรียน อัดเสียงการประชุม คอนเสิร์ต และอื่นๆ อีกมากมาย
ขั้นตอน
-
เปิดแอพ Voice Memos. เป็นแอพใช้อัดเสียงของ iPhone ปกติอยู่ในโฟลเดอร์ "Extras" หรือ "Utilities" [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
แตะปุ่ม Record สีแดง เพื่อเริ่มอัดเสียงได้เลย. iPhone จะเริ่มอัดเสียงที่ผ่านเข้ามาในไมโครโฟนของเครื่องทันที
-
หันด้านล่างของ iPhone ไปทางต้นเสียง. เพื่อให้อัดเสียงออกมาชัดเจนที่สุด ต้องหัน "ก้น" iPhone ไปทางต้นตอของเสียง เพราะแถวๆ นั้นมีไมโครโฟนอยู่ ที่สำคัญอย่าเผลอเอามือไปบังไมค์ล่ะ และทิ้งระยะห่างระหว่างคุณกับเสียงที่จะอัดหน่อย เพื่อให้ได้ยินชัดเจนแต่เสียงไม่แตก [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
แตะปุ่ม Stop ตอนที่จะหยุดอัด. แล้วกลับมาอัดต่อได้ โดยแตะปุ่ม Record อีกรอบ คุณลาก timeline เพื่อปรับแต่งได้ ว่าอยากเริ่มอัดต่อตรงไหน
-
แตะ "New Recording" เพื่อตั้งชื่อไฟล์เสียง. จะมีช่องพิมพ์กับคีย์บอร์ดโผล่ขึ้นมา คุณก็พิมพ์ชื่อไฟล์ที่ต้องการได้เลย
-
เล่นไฟล์เสียงที่อัดไปโดยแตะ "Play" . จะได้ฟังเสียงที่อัดไปก่อนเซฟ จากนั้นขยับ timeline เพื่อเลือกจุดที่จะเริ่มเล่น
-
แตะปุ่ม "Edit" เพื่อ trim หรือตัดบางส่วนของคลิป. ปุ่ม Edit จะหน้าตาเหมือนกล่องสีฟ้า มีเส้นยื่นออกมาจาก 2 มุม อยู่ทางขวาของชื่อไฟล์เสียง
- แตะแล้วลากแถบ selection bar เพื่อเลือกส่วนของไฟล์ที่อยากตัดออก แตะปุ่ม "Delete" เพื่อลบท่อนที่เลือก หรือแตะปุ่ม Trim เพื่อลบทุกอย่างที่ไม่ได้เลือก
-
แตะ "Done" หลังตัดต่อเสร็จ. ถ้ายังไม่ตั้งชื่อไฟล์ จะมีให้พิมพ์ชื่อตอนนี้
-
เล่นไฟล์เสียง. ไฟล์เสียงที่อัดไปจะอยู่ในแอพ Voice Memos ให้แตะเพื่อดูเมนูควบคุมการเล่น หรือแตะปุ่ม Share ที่โผล่มา ถ้าอยากส่งไฟล์เสียงไปให้ใคร ส่วนปุ่ม Edit ใช้ trim (ตัด) ส่วนที่ไม่ต้องการออก และ Trashcan (ถังขยะ) ใช้ลบไฟล์
-
อัดเสียงด้วยแอพอื่น. มีหลายแอพให้เลือกใช้ใน App Store ของ iPhone บางแอพก็มีฟีเจอร์ตรงใจกว่า ให้เปิด App Store แล้วค้นหา "voice recorder" จะเจอแอพอัดเสียงเต็มไปหมด แต่อย่าลืมอ่านรีวิวว่าแอพไหนใช้ได้ดีและตรงความต้องการที่สุด
- บางแอพอัดเสียงก็ให้คุณใส่ลูกเล่นได้ รวมถึงเซฟไฟล์เป็นฟอร์แมตอื่น ปรับระดับเสียง แก้ไขขั้นสูง และอื่นๆ
โฆษณา
-
หาแอพอัดเสียงในเครื่อง. Android แต่ละเครื่องก็แตกต่างกันไป และแต่ละค่ายมือถือก็จะโหลดแอพตั้งต้นมาต่างกันตอนซื้อ แบบนี้เลยไม่มีแอพอัดเสียงบังคับของ Android เหมือน iOS เครื่องคุณน่าจะมีแอพอัดเสียงติดมาแล้ว แต่ถ้าไม่มีก็ดาวน์โหลดเองได้
- หาแอพชื่อ "Recorder", "Voice Recorder", "Memo" หรือ "Notes" และอื่นๆ
-
ดาวน์โหลดแอพอัดเสียงจากใน Google Play Store. ถ้าหาแอพอัดเสียงในเครื่องไม่เจอ ก็ให้เลือกติดตั้งมาแอพหนึ่งจากใน Google Play Store มีแอพอัดเสียงฟรีแต่ดีให้เลือกหลายแอพ
- เปิด Google Play Store แล้วค้นหา "voice recorder"
- browse หาในรายชื่อที่โผล่มา จนเจอแอพที่ตรงตามความต้องการที่สุด อย่างที่บอกว่ามีแอพอัดเสียงให้เลือกมหาศาล ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ให้สังเกตคะแนนผู้ใช้ดีๆ จะได้รู้ว่าแอพไหนคนนิยม แตะที่แอพจะมีรายละเอียดให้อ่านเพิ่มเติม เช่น รีวิวผู้ใช้ และรูปที่แคปมาจากหน้าจอ
- แตะปุ่ม "Install" เมื่อเจอแอพที่อยากลองใช้ ถ้าเป็นแอพแบบเสียเงิน ก็ต้องแตะที่ราคาเพื่อจ่ายเงินก่อน ถึงจะแตะ "Install" ได้
-
เปิดแอพอัดเสียง. พอเจอหรือดาวน์โหลดแอพแล้ว จะไปอยู่ใน App Drawer ก็แตะเพื่อเปิดแอพได้เลย คุณเปิด App Drawer ได้โดยแตะปุ่มตารางจุด ล่างหน้า Home หน้าตาเมนูจะต่างกันไปตามแต่ละแอพ ขั้นตอนในบทความนี้เลยเป็นแค่คำแนะนำคร่าวๆ เท่านั้น
-
แตะปุ่ม Record เพื่อเริ่มอัดเสียง. พอเปิดแอพอัดเสียงแล้วจะเจอหน้าจอ New Recording (สำหรับอัดไฟล์ใหม่) หรืออะไรที่ใกล้เคียง บางแอพเปิดมาแล้วเจอรายชื่อไฟล์เก่าที่เคยอัดไว้
-
หันด้านล่างของมือถือ Android ไปทางต้นเสียง. อุปกรณ์ Android ส่วนใหญ่จะมีไมโครโฟนที่ก้น ที่สำคัญอย่าเผลอเอามือไปบังไมค์ตอนอัดล่ะ
-
แตะปุ่ม Pause เพื่อหยุดอัดเสียงชั่วคราว. คุณหยุดอัดเสียงชั่วคราวได้ ไม่ต้องเริ่มอัดใหม่แต่ต้น จะกลับมาอัดต่อเมื่อไหร่ก็ตามใจ
-
แตะปุ่ม Stop เมื่ออัดเสร็จ. ไฟล์เสียงจะถูกเซฟลงเครื่อง แต่บางทีก็ต่างออกไปแล้วแต่แอพที่ใช้
-
แก้ไขไฟล์เสียงที่อัด. แอพอัดเสียงส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชั่นแก้ไข ใช้ตัดส่วนที่ไม่ต้องการของไฟล์เสียงได้ ปกติปุ่ม Edit จะโผล่มาหลังอัดเสียงเสร็จ
-
แชร์ไฟล์เสียงที่อัด. แตะปุ่ม Share เพื่อส่งไฟล์เสียงไปให้ใครก็ได้ในแอพแชท ส่วนใหญ่ไฟล์เสียงจะเป็น WAV หรือ MP3 เปิดฟังได้ในแทบทุกอุปกรณ์โฆษณา
-
เปิด OneNote. คุณอัดบันทึกเสียงไว้เตือนความจำได้ทันทีด้วยแอพ OneNote ที่ติดมากับเครื่อง ปกติ OneNote จะอยู่ใน App list หรือรายชื่อแอพ
-
แตะ body หรือเนื้อหาของบันทึก แล้วแตะปุ่ม "Audio". ที่หน้าตาเหมือนไมโครโฟน OneNote จะเริ่มอัดเสียงทันที
-
แตะปุ่ม Stop เมื่ออัดเสียงจนพอใจแล้ว. ไฟล์เสียงจะถูกเพิ่มเข้าไปในเนื้อหาของบันทึก
-
แตะปุ่ม "Play" เพื่อฟังบันทึกเสียงที่อัดไป. ไฟล์เสียงจะเริ่มเล่นทันที
-
ดาวน์โหลดแอพอัดเสียงอื่น ถ้าอยากใช้ตัวเลือกเพิ่มเติม. OneNote จะไม่มีตัวเลือกแก้ไขขั้นสูงหรือการแชร์ไฟล์ เพราะงั้นถ้าอยากได้แอพอัดเสียงที่ฟีเจอร์ครบครัน ให้ดาวน์โหลดจากใน Windows Store มีสารพัดแอพให้เลือกใช้กัน แต่แอพดังๆ ก็มี [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- Voice Memos
- Mini Recorder
- Ultimate Recorder
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา