ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การอุทิศตัว เป็นการปฏิบัติทางจิตวิญญาณที่สำคัญ แต่แม้ว่าคุณจะเคยได้ยินคำนี้มาก่อนแล้ว คุณก็อาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของมันถ้าไม่มีใครเคยอธิบายให้คุณฟัง มาใช้เวลาทำความเข้าใจความหมายของคำนี้กันสักหน่อย แล้วลองคิดว่าจะนำมันไปใช้ในชีวิตของคุณเองได้อย่างไรบ้าง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ตอนที่หนึ่ง:เข้าใจการอุทิศตัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยทั่วๆ ไป คำว่า “อุทิศตัว” หมายถึงการทุ่มเทให้กับจุดประสงค์หรือความตั้งใจบางอย่าง การ “อุทิศ” ตัวคุณ ก็คือการที่คุณทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับสิ่งที่มีความสำคัญที่สุดนั่นเอง [1]
    • อย่างไรก็ตาม ถ้าจะพูดกันอย่างง่ายๆ “การอุทิศตัว” ก็คือการที่คุณเอาตัวเองไว้ทีหลังและทุ่มเทตัวเองให้กับพระเจ้า และคำว่าพระเจ้าในที่นี้มักจะหมายถึงพระเจ้าแห่งศาสนาคริสต์
    • คำนี้ยังสามารถหมายถึงการบวชเป็นพระในศาสนาคริสต์ได้อีกด้วย แต่สำหรับผู้เชื่อส่วนใหญ่ มันหมายถึงการทุ่มเทตัวเองโดยทั่วไป
    • เมื่อเรา “อุทิศ” บางสิ่ง เราก็ได้ทำสิ่งนั้นให้ศักดิ์สิทธิ์และน่าเคารพบูชา ในแง่นี้ การอุทิศสามารถหมายถึงการถูกทำให้ศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย
  2. ในฐานะการปฏิบัติทางศาสนา การอุทิศตัวมีมาตั้งแต่พันธสัญญาเดิม มีการถกกันเกี่ยวกับเรื่องอุทิศตัวในพระคัมภีร์ไบเบิลทั้งสองภาค จริงๆ แล้ว ชุมชนชาวคริสต์ทุกวันนี้ก็พูดถึงการอุทิศตัวกันอยู่บ่อยๆ
    • การอุทิศตัวได้รับการกล่าวถึงครั้งแรกๆ ในข้อพระคัมภีร์โยชูวา บท 3:5 หลังจากที่ชาวอิสราเอลได้เร่ร่อนผ่านที่อันรกร้างว่างเปล่ามาเป็นเวลานาน 40 ปี พวกเขาได้รับบัญชาให้อุทิศตัวก่อนที่จะเข้าไปยังแผ่นดินแห่งพระสัญญา เมื่อคำบัญชานี้ได้ถูกประกาศและปฏิบัติตาม พวกเขาก็ได้รับการรับรองด้วยว่า พระเจ้าจะทรงบันดาลสิ่งยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นและจะทรงทำตามพระสัญญาที่พระองค์ได้ให้เอาไว้กับพวกเขา [2]
    • พันธสัญญาใหม่ก็กล่าวถึงการอุทิศตัวด้วยเช่นกัน ในข้อพระคัมภีร์ 2 โครินธ์ บท 6:17 พระเจ้าได้ทรงสั่งสอนให้ผู้ติดตามของพระองค์ “เว้นการสัมผัสสิ่งที่ไม่สะอาด” และทรงสัญญาว่าจะต้อนรับพวกเขาเป็นการตอบแทน เช่นเดียวกัน ในข้อพระคัมภีร์โรม บท 12:1-2 เปาโลได้บรรยายถึงความจำเป็นในการมองร่างกายให้เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตแด่พระเจ้า มีไว้เพื่อนมัสการพระเจ้า และไม่ใช่เพื่อทางแห่งโลกอีกต่อไป
  3. พระเจ้าทรงเรียกให้มนุษยชาติอุทิศตัวเพื่อพระองค์ พระเจ้าทรงทำให้การอุทิศตัวของคุณเป็นไปได้ และสิ่งที่ดลใจให้คุณอุทิศตัวก็มาจากพระเจ้าโดยตรง
    • ความศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงล้วนมาจากพระเจ้า และความศักดิ์สิทธิ์อันใดที่มนุษย์แสดงออกมาก็ล้วนแต่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพระเจ้า พระเจ้าเท่านั้นที่มีพลังอำนาจในการทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิขึ้นมาได้ ดังนั้นก็อาจจะกล่าวได้ว่า พระเจ้าทรงอุทิศคุณด้วยการทำให้คุณมีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อคุณตัดสินใจที่จะอุทิศตัวเอง
    • ในฐานะพระผู้สร้าง พระเจ้าทรงอยากให้ทุกคนใช้ชีวิตเป็นพระฉายาของพระเจ้า ดังนั้น พระเจ้าจึงต้องการอุทิศมนุษย์แต่ละคนให้กับชีวิตศักดิ์สิทธิ์
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ตอนที่สอง: อุทิศตัวคุณเพื่อพระเจ้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การอุทิศตัวคุณ ก็คือการตอบรับคำร้องเรียกของพระเจ้าที่ให้เราอุทิศตัวทางจิตวิญญาณ มันหมายถึงการตัดสินใจอย่างมีสติ และเต็มใจที่จะอุทิศจิตวิญญาณ ความนึกคิด หัวใจ และร่างกายของคุณเพื่อพระเจ้า
    • การตัดสินใจนี้ต้องประกอบไปด้วยความเต็มใจ สติปัญญา และความรัก คุณเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจอุทิศตัวคุณเพื่อพระเจ้าได้ ไม่มีใครสามารถบังคับคุณได้
  2. เนื่องจากการอุทิศตัวเป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยความสมัครใจ คุณจึงต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณมีความตั้งใจจริง หรือว่าถูกคนอื่นกดดัน
    • มีเพียงแค่คุณและพระเจ้าเท่านั้นที่รู้จักหัวใจของคุณ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าคุณ “ดูเหมือน” จะมีแรงจูงใจที่ถูกต้องหรือไม่
    • คุณควรให้พันธะของคุณที่มีต่อพระคริสต์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่เรื่องรอง หรืออยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร [3]
    • หัวใจของคุณควรเต็มไปด้วยความสำนึกบุญคุณและความรักในพระเจ้า ถ้าหัวใจของคุณพร้อมที่จะอุทิศเพื่อพระเจ้าแล้ว หัวใจของคุณก็จะตอบสนองความรักที่พระเจ้ามีให้แก่คุณโดยการรักพระเจ้า
  3. การสำนึกบาปเป็นสิ่งแรกๆ ที่คุณควรทำเมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าจะอุทิศตัวเพื่อพระเจ้า การสำนึกบาปประกอบไปด้วยการยอมรับในบาปที่คุณเคยทำ และรู้ว่าความรอดที่พระคริสต์ได้มอบให้กับคุณเป็นสิ่งที่จำเป็น
    • การสำนึกบาปเป็นประสบการณ์ส่วนตัวและไม่ซับซ้อนเลย เมื่อคุณรู้สึกสำนึกบาป สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่อธิษฐานขออภัย และขอให้พระเจ้าช่วยท่านเอาชนะสิ่งล่อใจในอนาคต
  4. การรับบัพติศมาในน้ำเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการอุทิศตัวภายใน เมื่อได้รับบัพติศมาแล้ว คุณก็ได้รับชีวิตใหม่แห่งจิตวิญญาณ และได้อุทิศตัวให้กับชีวิตที่ดำรงอยู่เพื่อการรับใช้พระคริสต์
    • คุณควรยืนยันคำสัญญาแห่งบัพติศมาของคุณเป็นประจำด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณได้รับบัพติศมาตอนที่ยังเป็นทารกอยู่ ซึ่งเป็นวัยที่ยังไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้
    • การยืนยันคำสัญญาแห่งบัพติศมาสามารถทำได้หลายแบบ สำหรับบางนิกาย เช่นโรมันคาทอลิก จะมีพิธีรับศีลกำลัง ซึ่งให้คุณยืนยันเจตนาว่าคุณยังคงต้องการอุทิศตัวเพื่อพระเจ้าต่อไป
    • ถ้าคุณไม่ได้เข้าพิธี คุณก็ยังสามารถยืนยันคำสัญญาแห่งบัพติศมาได้ด้วยการกล่าวหลักข้อเชื่อ หรือด้วยการสาบานตนต่อพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอว่าคุณต้องการอุทิศตัวเพื่อพระองค์ต่อไป
  5. ร่างกายของเรามักจะโน้มเอียงไปทางโลกอยู่เสมอ แต่การอุทิศตัวหมายถึงการให้ชีวิตทางจิตวิญญาณอยู่เหนือชีวิตทางกายภาพ
    • มีสิ่งต่างๆ ทางโลกที่ดีอยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น ในเรื่องปัจจัยพื้นฐาน อาหารเป็นสิ่งที่ดีเนื่องจากมันช่วยให้ร่างกายมนุษย์อยู่รอดได้ และการเอร็ดอร่อยกับอาหารที่คุณรับประทานก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด
    • อย่างไรก็ตาม ในโลกที่เสื่อมถอย แม้แต่สิ่งดีๆ ก็สามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้ ยกตัวอย่างเรื่องอาหาร คุณสามารถทำลายร่างกายของตัวเองได้ถ้ารับประทานอาหารมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณทานอาหารที่เป็นโทษ
    • การปฏิเสธสิ่งชั่วร้ายของโลกไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องปฏิเสธสิ่งที่ดีของโลกไปด้วย คุณเพียงแค่ต้องปฏิเสธด้านที่ไม่ดีของสิ่งต่างๆ ทางโลกเท่านั้น และคุณต้องยอมรับด้วยว่า สิ่งทางโลกไม่มีความสำคัญเท่ากับสิ่งทางจิตวิญญาณเลยแม้แต่น้อย
    • ในทางปฏิบัติ มันหมายถึงการปฏิเสธสิ่งที่โลกส่งเสริมถ้าหากว่าศรัทราของคุณบอกว่าสิ่งเหล่านั้นชั่วร้าย มันยังหมายถึงการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของคุณ แม้ว่ามันจะดูขัดแย้งกับสิ่งธรรมดาๆ ที่โลกให้ความสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงทางการเงิน ความรักโรแมนติก ฯลฯ สิ่ง “ธรรมดาๆ” เหล่านี้สามารถเป็นสิ่งที่ดีได้เมื่อนำไปใช้สำหรับการรับใช้พระเจ้า แต่มันต้องไม่อยู่เหนือการรับใช้พระเจ้า
  6. การปฏิเสธสิ่งชั่วร้ายในโลกไม่เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนแปลงคุณอย่างแท้จริงได้ จิตวิญญาณของมนุษย์ต้องได้ “ดื่ม” จากแหล่งใดแหล่งหนึ่งอยู่เสมอ ถ้าคุณไม่ได้ดื่มจากแหล่งทางโลก คุณก็ต้องดื่มจากแหล่งอันศักดิ์สิทธิ์ [4]
    • เช่นเดียวกับการที่ร่างกายหิวกระหายในทางของโลก จิตวิญญาณก็หิวกระหายในทางแห่งพระเจ้า ถ้าคุณฝึกตัวเองให้ทำตามความต้องการทางจิตวิญญาณมากขึ้นเท่าไหร่ การหันเข้าหาพระเจ้าอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นเท่านั้น
    • มีสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อเข้าใกล้พระเจ้าให้มากขึ้น การอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอันหนึ่ง การนมัสการที่โบสถ์ทุกสัปดาห์และการศึกษาพระคัมภีร์ก็เป็นอีกสองสิ่งที่ได้รับการปฏิบัติกันมากและมีประโยชน์มาก กิจกรรมใดก็ตามที่ช่วยให้คุณมีพระเจ้าเป็นเป้าหมายของชีวิต และช่วยสนับสนุนให้คุณเข้าหาพระเจ้า ก็สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการนั้นได้
  7. การอุทิศตัวไม่ใช่การตัดสินใจแค่ครั้งเดียวจบ มันคือวิถีชีวิต เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะอุทิศตัวเอง คุณก็ต้องพร้อมที่จะรับใช้พระเจ้าไปตลอดชีวิต
    • แม้ว่าคุณจะสามารถเข้าใกล้พระเจ้าได้หลังจากที่อุทิศตัวแล้ว แต่การอุทิศตัวของคุณก็จะไม่มีวัน “สมบูรณ์” คุณไม่มีวันที่จะบรรลุความชอบธรรมที่สมบูรณ์แบบได้
    • อย่างไรก็ตาม พระเจ้าไม่ได้ทรงเรียกร้องความสมบูรณ์แบบ คุณเพียงถูกขอให้ทำตามพันธะที่มีต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง คุณอาจจะเดินสะดุดบ้างระหว่างทาง แต่คุณก็ต้องเลือกที่จะเดินต่อไป
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เข้าใจความหมายของการอุทิศตัวเพื่อพระแม่มารีย์ บางครั้งชาวคาทอลิกก็พูดถึงการอุทิศตัวเพื่อพระแม่มารีย์ แต่คุณต้องรู้จักแยกแยะระหว่างการอุทิศแบบนี้กับการอุทิศตัวเพื่อพระเจ้า
    • พระแม่มารีย์คือต้นแบบของการอุทิศตัวที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าพระแม่มารีย์จะไม่ใช่พระเจ้า แต่พระหฤทัยของพระแม่มารีย์และพระหฤทัยของพระเยซูก็เป็นหนึ่งเดียวกัน
    • การอุทิศตัวเพื่อพระแม่มารีย์ก็คือการทุ่มเทให้กับศรัทราและวิธีการต่างๆ ที่จำเป็นต่อการอุทิศตัวที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม เป้าหมายสูงสุดก็ยังคือพระเจ้า ไม่ใช่พระแม่มารีย์ และการอุทิศตัวเพื่อพระแม่มารีย์ก็เพื่อที่พระนางจะช่วยชี้หนทางสู่พระเยซูคริสต์
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,635 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา