ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณอยากอ่านหนังสือให้เร็วขึ้นไหม การอ่านหนังสือแบบเร็วนี้ไม่ได้หมายถึงการเร่งอ่านจนไม่เข้าใจหรือไม่ได้อรรถรสของหนังสือเล่มนั้น แต่คือการที่อ่านหนังสือได้เร็วและเข้าใจพร้อมทั้งสนุกในเวลาเดียวกัน เริ่มลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ดู

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เพิ่มความเร็วในการอ่าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทักษะหลายอย่างที่จำเป็นต่อเพิ่มความเร็วในการอ่านเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนทุกวันจนกระทั่งคุณสามารถทำได้อย่างเป็นปกติ การฝึกเพียงแค่วันละ 15-20 นาทีก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นว่าคุณอ่านได้เร็วขึ้นแล้ว
    • การฝึกฝนนี้ต้องใช้เวลาเพราะคุณต้องเริ่มเรียนรู้วิธีการอ่านแบบใหม่ ๆ ดังนั้นคุณต้องอดทนหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอจนกว่าจะเริ่มเห็นผล
    • วิธีง่าย ๆ ในการดูความก้าวหน้าของคุณก็คือ การจับเวลาเมื่อคุณอ่านหนังสือ ลองจับเวลาดูและดูว่าคุณอ่านไปได้กี่คำในเวลาหนึ่งนาที ยิ่งคุณฝึก คุณก็จะยิ่งเห็นว่าคุณอ่านได้มากขึ้น
  2. หาสิ่งที่คุณสนใจและสนุกรวมทั้งอ่านได้ง่ายเมื่อคุณเริ่มฝึกอ่าน แล้วค่อยไปลองอ่านอะไรที่ยากขึ้นเมื่อคุณเริ่มอ่านได้เร็วขึ้นแล้ว
    • ลองเริ่มอ่านหนังสือท่องเที่ยวหรือบันทึกของคนดังก่อนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี หากคุณเริ่มจากอะไรที่ยากอย่างเช่น ตำราสอนฟิสิกส์ คุณก็อาจจะท้อไปซะก่อนจะเห็นผล
    • เมื่อคุณเริ่มรู้ทักษะการอ่านแบบเร็วแล้ว คุณก็อาจจะเริ่มอ่านหนังสือที่ยาวขึ้น ซับซ้อนขึ้น และคุณก็สามารถประยุกต์เอาวิธีที่คุณถนัดมาใช้ในการอ่านได้รวมถึงการหาส่วนสำคัญในหนังสือ
  3. เพื่อช่วยให้คุณรู้ว่ากำลังอ่านถึงตรงไหนจะได้ไม่ต้องกลับไปอ่านซ้ำและยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกด้วย
    • ถ้าคุณขยับปากกาหรือนิ้วให้เร็วขึ้น คุณก็จะบังคับให้ตัวเองอ่านเร็วขึ้นไปด้วย ทำให้คุณสามารถกำหนดความเร็วในการอ่านของคุณได้
  4. สมองของคุณต้องการเวลากว่าจะปรับเข้ากับจังหวะของการอ่าน โดยเฉพาะเมื่อคุณเพิ่งเสร็จจากการทำกิจกรรมอะไรที่ต้องใช้ความกระตือรือร้นมากกว่า กระตุ้นตัวเองให้อ่านให้ได้อย่างน้อย 15 นาทีในแต่ละครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าสมองมีเวลาในการปรับการมุ่งเน้นของมัน
    • ยิ่งฝึกไปคุณก็จะยิ่งพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ
    • ถ้าจำเป็นจะพักบ้างก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก
  5. นอกจากการใช้เทคนิคช่วยในการอ่านหนังสือแล้ว คุณควรจะปรับทัศนคติต่อการอ่านหนังสือด้วย
    • แทนที่จะคิดว่าการอ่านเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ คุณควรคิดว่าการอ่านเป็นโอกาสที่จะทำให้คุณได้ความสนุกและได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
    • ไม่ว่าสิ่งที่คุณอ่านจะเกี่ยวกับอะไรก็ตาม ตราบใดที่คุณเปิดใจและมีความอยากรู้ในเรื่องนั้น ๆ คุณจะอ่านสิ่งนั้นด้วยความสนุกและอ่านได้ง่ายขึ้น
  6. แม้ว่าการอ่านเร็วจะเป็นสิ่งที่ดี แต่บางอย่างก็ต้องใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจบ้าง ดังนั้นบางครั้งคุณก็จำเป็นต้องอ่านให้ช้าลง
    • การอ่านเร็วจะไม่ช่วยอะไรเลยถ้าคุณอ่านแล้วไม่เข้าใจหรือไม่ได้ข้อมูลใด ๆ จากการอ่าน ดังนั้นอีกทักษะหนึ่งที่คุณควรฝึกไว้ก็คือการรู้ว่าส่วนไหนที่คุณควรให้เวลากับมัน
    • นอกจากนี้ยังมีงานเขียนบางประเภทที่คุณไม่ควรจะอ่านเร็วจนเกินไป เช่น นิยาย วรรณกรรมคลาสสิก บทกลอนหรือบทละครเป็นต้น งานเขียนเหล่านี้เป็นงานเชิงศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ซึ่งทุกคำในงานเขียนนั้นจำเป็นจะต้องอ่านและวิเคราะห์ไปด้วย คุณจะเห็นคุณค่าของงานเขียนประเภทนี้น้อยลงมากหากคุณอ่านเร็วเกินไป [1]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

แก้นิสัยเสียในการอ่านหนังสือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลายคนชอบอ่านหนังสือแบบอ่านออกเสียงไม่ว่าจะเป็นการขยับปากไปตามคำที่อ่านหรือนึกเสียงของคำนั้น ๆ ในหัวก็ตาม ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่มีผลทำให้คุณอ่านหนังสือได้ช้าลง
    • แม้ว่าการอ่านออกเสียงจะเป็นวิธีที่ได้ผลในการสอนให้เด็กอ่านหนังสือ วิธีนี้ไม่ได้ช่วยให้คุณอ่านได้เร็วขึ้น ทั้งนี้เพราะว่าการอ่านออกเสียงแบบนี้จะทำให้คุณอ่านได้เร็วเท่าที่คุณสามารถออกเสียงออกมาได้ ซึ่งมักไม่ได้เร็วนัก
    • ถ้าคุณสามารถอ่านแบบไม่ออกเสียงเลยได้ คุณจะอ่านหนังสือได้เร็วขึ้นสองถึงสามเท่าเลยทีเดียว คุณอาจจะลองหาวิธีที่ทำให้ปากของคุณไม่ว่างอย่างเช่น เคี้ยวหมากฝรั่งหรือฮัมเพลง หรือวิธีอื่น ๆ ตามที่คุณสะดวก สำหรับวิธีการหลีกเลี่ยงการออกเสียงในหัวนั้นทำได้ยากกว่า แต่ก็ทำได้โดยการตั้งใจอ่านและการฝึกสมาธิในการอ่าน [2]
  2. การอ่านแบบนี้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คุณอ่านได้ช้าลงอย่างมาก ทางที่ดีคุณควรลองอ่านเป็นกลุ่มคำหรือเป็นประโยค
    • ตัวอย่างเช่น คนที่อ่านหนังสือไม่คล่องจะอ่านประโยคที่ว่า “ม้าตัวหนึ่งอยู่ในคอก” เป็น “ม้า+ตัว+หนึ่ง+อยู่+ใน+คอก” ซึ่งเป็นการแยกการอ่านทีละคำ แต่สมองของเรามีความสามารถที่น่าทึ่งอย่างหนึ่ง คือ สามารถเติมข้อมูลให้ประโยคมีความหมายได้เอง โดยไม่ต้องรู้ทุกคำในประโยค ดังนั้น หากคุณฝึกสมองของคุณให้ประมวลผลประโยคที่ว่า “ม้าตัวหนึ่งอยู่ในคอก” เป็นประโยคที่มีคำสำคัญคือคำว่า “ม้า” และคำว่า “คอก” แล้วปล่อยให้สมองของคุณเติมคำลงในส่วนที่เหลือเอง วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถเข้าใจประโยคได้เหมือนเดิม โดยที่จำนวนคำที่คุณต้องอ่านจะน้อยลงไปถึง 50% ซึ่งช่วยให้การอ่านของคุณเร็วขึ้นอย่างชัดเจน
  3. เมื่อเราเริ่มหัดอ่านหนังสือ เรามักจะถูกสอนให้มองเป็นคำ ๆ แต่ตาของเราสามารถมองได้มากกว่าคำ ๆ เดียว โดยทำได้มากถึงสี่ถึงห้าคำในคราวเดียว ดังนั้นการอ่านโดยมองทีละคำจะทำให้การอ่านของคุณช้าลงอย่างแน่นอน
    • พยายามผ่อนคลายใบหน้าของคุณและลดการจ้องลงเวลาที่คุณอ่านหนังสือ วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถอ่านได้มากกว่าหนึ่งหน้าในคราวเดียว พยายามมองอย่างน้อยทีละ 4 คำ ก่อนจะขยับสายตาเพื่อมองกลุ่มคำถัดไป
    • นอกจากนี้แล้ว คุณยังควรที่จะลองอ่านโดยการใช้มุมสายตาของคุณด้วยขณะที่คุณอ่าน เพราะจะทำให้คุณสามารถอ่านจนจบประโยคได้โดยไม่ต้องปรับการมองบ่อย ๆ ทำให้ประหยัดเวลาได้
  4. การอ่านซ้ำความเดิมคือการอ่านประโยคหรือส่วนหนึ่งของประโยคเดิมซ้ำสองหรือสามรอบไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แน่นอนว่าการอ่านซ้ำเช่นนี้จะทำให้คุณเสียเวลาในการอ่านมากขึ้น โดยแทบไม่ได้ช่วยคุณให้เข้าใจหนังสือได้มากขึ้นเลย
    • บางคนอ่านซ้ำเพราะว่าจำไม่ได้ว่าอ่านไปถึงตรงไหนแล้ว จึงต้องกลับไปหาประโยคที่อ่านค้างไว้ตั้งแต่ต้นย่อหน้า คุณสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นี้ได้โดยใช้นิ้วมือ ปากกาหรืออื่น ๆ เพื่อชี้จุดที่คุณอ่านอยู่
    • คนอีกส่วนหนึ่งอ่านซ้ำเพราะรู้สึกว่ายังไม่เข้าใจความหมายของประโยคจริง ๆ ในการอ่านรอบแรก สิ่งที่คุณควรทำคือ คุณต้องมั่นใจว่าคุณตั้งใจอ่านจริง ๆ ตั้งแต่การอ่านในครั้งแรกเพราะการอ่านหนังสือควรเป็นกิจกรรมที่คุณให้ความสนใจไม่ใช่อ่านแบบผ่าน ๆ ดังนั้นหากเราตั้งใจอ่านตั้งแต่รอบแรกแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องอ่านอะไรซ้ำอีก
    • นอกจากนี้คุณยังควรคิดว่าข้อมูลที่คุณอ่านอยู่นั้นสำคัญพอหรือไม่ที่จะกลับไปอ่านซ้ำ หากคุณเข้าใจใจความสำคัญของประโยคหรือย่อหน้านั้น ๆ แล้ว (แม้ว่าคุณจะไม่ได้อ่านครบทุกคำก็ตาม) การกลับไปอ่านซ้ำอีกก็จะทำให้คุณเสียเวลา [3]
  5. หลายคนอ่านหนังสือได้ช้าเพียงเพราะพยายามอ่านหนังสือในสถานที่ที่ไม่เหมาะแก่การอ่าน หากคุณต้องการจะอ่านได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจสิ่งที่คุณอ่าน คุณต้องกำจัดสิ่งรบกวนทั้งภายในและภายนอกออกไป
    • อย่าพยายามอ่านในที่ที่มีเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นเสียงคนพูดคุยกัน เสียงโทรทัศน์หรือเสียงวิทยุก็ตาม คุณจะไม่มีสมาธิในการอ่าน ซึ่งทำให้คุณต้องกลับไปอ่านซ้ำหรือใช้วิธีการอ่านออกเสียงเพื่อให้คุณเข้าใจสิ่งที่คุณอ่าน คุณควรอ่านในที่ที่เงียบเพราะจะทำให้คุณจดจ่ออยู่กับการอ่านได้ง่ายขึ้น อย่าพยายามทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
    • คุณยังควรจะพยายามกำจัดสิ่งรบกวนภายในอย่างเช่น การคิดถึงปัญหาที่ทำงานหรือคิดว่าคุณจะกินอะไรเย็นนี้ การกำจัดสิ่งรบกวนเหล่านี้เป็นเรื่องที่ยากเรื่องหนึ่ง คุณต้องมีสมาธิและจดจ่อกับสิ่งที่คุณอ่าน แต่หากคุณทำได้ คุณจะอ่านหนังสือได้เร็วมากขึ้นมาก [4]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ปรับเปลี่ยนวิธีการอ่านหนังสือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีหนึ่งที่ทำให้คุณอ่านหนังสือได้เร็วขึ้นคือการเข้าใจสิ่งที่คุณอ่านคร่าว ๆ ก่อนเริ่มลงมืออ่านจริง วิธีนี้ทำให้คุณพอจะรู้ว่าสิ่งที่คุณอ่านเกี่ยวกับอะไรรวมถึงยังช่วยให้คุณตัดสินใจได้ด้วยว่าสิ่งที่คุณจะอ่านนั้นน่าสนใจพอที่จะอ่านทั้งหมดเลยไหม
    • การทำความเข้าใจคร่าว ๆ นั้น อาจทำได้โดยลงอ่านย่อหน้าแรกทั้งย่อหน้า อ่านประโยคแรกของย่อหน้าถัดมาและอ่านย่อหน้าสุดท้ายทั้งหมด
    • ระหว่างย่อหน้าที่คุณอ่านคร่าว ๆ นี้ ให้ลองดูหัวข้อหรือคำที่เน้นไว้ด้วย การทำแบบนี้อาจจะไม่ได้ช่วยให้คุณรู้รายละเอียดทั้งหมด แต่จะช่วยให้คุณบอกได้ว่าส่วนสำคัญที่สุดอยู่ตรงไหน ซึ่งคุณอาจจะลองกลับไปอ่านเพิ่มอีกเล็กน้อยได้ด้วย
    • เทคนิคนี้เหมาะสำหรับหนังสือที่คุณไม่คุ้นเคย หนังสือที่ยาวหรือมีเนื้อหาที่ยาก [5]
  2. อีกเทคนิคหนึ่งที่สำคัญคือการกวาดตาอ่านหนังสือแล้วหาคำสำคัญ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถทำความเข้าใจสิ่งที่คุณอ่านในเบื้องต้นได้โดยไม่เสียเวลาอ่านรายละเอียดสำคัญทั้งหมด
    • เช่น ประโยคที่ว่า “สิงโตที่น่าเกรงขามกำลังซุ่มล่ากวางที่ไม่ทันระวังตัว” ประโยคนี้เราไม่จำเป็นต้องอ่านทุกคำเพื่อให้เข้าใจความหมาย เราสามารถอ่านเฉพาะคำสำคัญในประโยคซึ่งก็จะได้ความว่า “สิงโตล่ากวาง” ซึ่งเป็นใจความสำคัญของประโยคทำให้เราเข้าใจความหมายได้เช่นกัน เพียงทำตามวิธีนี้คุณก็จะประหยัดเวลาการอ่านของคุณไปได้กว่าครึ่งหนึ่ง วิธีนี้เหมาะสำหรับการอ่านเนื้อหาที่สั้นและไม่ยาก เช่น บทความในนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์
  3. อ่านประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของทุกย่อหน้า. หากคุณอ่านบทความ หนังสือหรืองานวิจัยเพื่อหาข้อมูล วิธีนี้ก็เหมาะสมที่จะนำไปปรับใช้ โดยเฉพาะเมื่อคุณอ่านสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว
    • งานเขียนประเภทให้ความรู้หรือสารคดีหลายชิ้นมักจะมีการซ้ำคำอยู่บ่อย ๆ รวมถึงมีการอธิบายคำศัพท์หรือแนวคิดพื้นฐานที่ละเอียด ถ้าคุณเข้าใจแนวคิดนั้น ๆ แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องอ่านทุกบรรทัด
    • วิธีนี้ก็ใช้กับบทความในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารได้เช่นกัน หากคุณต้องการดูเนื้อหาคร่าว ๆ คุณก็สามารถเลือกที่จะอ่านแค่ประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของย่อหน้า ซึ่งก็จะทำให้คุณรู้เนื้อหามากพอสมควร
  4. หากคุณกำลังเพิ่มความเร็วในการอ่านของคุณ คุณควรจะฝึกอ่านข้ามข้อมูลที่คุณรู้หรือเข้าใจอยู่แล้ว เพราะการอ่านส่วนที่คุณเข้าใจอยู่แล้วไม่จำเป็นมากนัก
    • คุณสามารถเลือกว่าส่วนไหนที่คุณควรอ่านโดยการมองหาคำสำคัญหรืออ่านประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของย่อหน้าทุกย่อหน้า วิธีนี้จะทำให้คุณเข้าใจว่าเนื้อหาที่คุณกำลังจะอ่านเกี่ยวกับอะไรและคุณควรจะอ่านหรือไม่
    • วิธีนี้ยังใช้ได้กับสิ่งที่คุณไม่ได้สนใจ เช่น ถ้าคุณกำลังอ่านบันทึกส่วนตัวหรือบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ คุณก็สามารถอ่านข้ามในส่วนที่คุณไม่ได้สนใจได้ วิธีนี้อาจจะขัดกับวิธีการอ่านทั่ว ๆ ไป แต่ก็จะช่วยประหยัดเวลาและยังช่วยให้คุณอยากอ่านต่อไปได้ด้วย
    • อย่างไรก็ตาม คุณก็ไม่ควรรู้สึกแย่ที่จะไม่อ่านหนังสือที่คุณอ่านแล้วไม่สนุกหรืออ่านแล้วไม่ได้ความรู้อะไรเพิ่มเติม หนังสือหลายเล่มก็ไม่ได้เขียนได้ดีหรืออธิบายแนวคิดได้ไม่เข้าใจนัก ลองอ่านหนังสือไปประมาณ 10% ก่อนแล้วถ้าคุณคิดว่าหนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคุณ ก็เปลี่ยนไปอ่านเล่มอื่นได้เลย วิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาและทำให้คุณได้ประโยชน์จากการอ่านมากขึ้นด้วย
  5. ปัญหาใหญ่ที่สุดประการหนึ่งสำหรับคนที่กำลังหัดอ่านเร็วก็คือไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน วิธีแก้ปัญหานี้นอกจากการเป็นคนที่ตั้งใจอ่านให้มากขึ้นแล้ว ก็มีอีกหลายเคล็ดลับที่คุณสามารถลองทำดูได้
    • เชื่อมโยงแนวคิดในหนังสือกับสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว การเชื่อมแนวคิดที่ซับซ้อนกับประสบการณ์หรือความรู้สึกของคุณจะช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหาในหนังสือได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น โยงคำภาษาฝรั่งเศส “heureux” (ซึ่งแปลว่าความสุข) เข้ากับความทรงจำของคุณที่เกี่ยวกับความสุขก็อาจช่วยให้คุณจำศัพท์คำนี้ได้ง่ายขึ้น
    • เน้นหรือขีดเส้นข้อมูลสำคัญแล้วเขียนสรุป ใช้ปากกาไฮไลท์เน้นข้อความหรือแนวคิดสำคัญในหนังสือ และเมื่อคุณอ่านจบ ให้คุณกลับไปดูส่วนที่คุณขีดเส้นหรือไฮไลท์ไว้แล้วเขียนสรุปโดยใช้คำเหล่านี้ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณมีข้อมูลซึ่งคุณสามารถนำไปใช้ในภายหน้าได้และยังช่วยให้คุณจำแนวคิดเหล่านี้ได้ด้วย [6]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เด็กมักจะอ่านผิดเมื่อเริ่มหัดอ่านจึงจำเป็นที่จะปล่อยให้พวกเขาอ่านแบบช้า ๆ คุณไม่ควรเร่งให้เด็กรีบอ่านเพราะเด็กกำลังสร้างทักษะพื้นฐานในการอ่าน หากคุณอยากให้เขาอ่านเร็วขึ้นบ้างก็ค่อย ๆ ปรับทีละน้อย หากการอ่านกลายเป็นสิ่งที่เด็กไม่ชอบ เขาก็อาจจะเป็นเด็กที่ไม่ชอบอ่านไปเลย เมื่อเด็กเริ่มเรียนรู้ศัพท์เพิ่มขึ้นและเริ่มมีนิสัยรักการอ่านแล้ว คุณอาจจะลองใช้วิธีข้างต้นเพื่อทำให้เด็กอ่านได้เร็วขึ้น
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 30,738 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา