ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การพยายามอ่านเลขฐานสองที่มีแต่เลข 1 และ 0 เรียงสลับกันเยอะๆ นั้นเป็นอะไรที่ชวนน่าเวียนหัวมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าเรารู้จักใช้ตรรกะทางคณิตศาสตร์สักหน่อย เราก็จะสามารถหาได้ว่าตัวเลขเหล่านั้นมีความหมายว่าอย่างไร มนุษย์เราได้ปรับใช้ระบบเลขฐานสิบก็เพราะว่าเรามีนิ้วมืออยู่สิบนิ้ว แต่สำหรับคอมพิวเตอร์นั้นมีเพียงสอง “นิ้ว” เท่านั้น คือ เปิดและปิด หรือ หนึ่งและศูนย์ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมระบบเลขฐานสองถึงได้ถูกสร้างขึ้นมา

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้กับเลขชี้กำลัง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to อ่านเลขฐานสอง
    ตัวอย่างที่เราจะใช้ คือ 101010
  2. Watermark wikiHow to อ่านเลขฐานสอง
    คูณเลขฐานสองแต่ละตัวด้วย 2 ที่ยกกำลังด้วยเลขตามตำแหน่ง. จำไว้ว่าจะต้องอ่านเลขฐานสองจากขวาไปซ้ายเสมอ โดยตัวเลขที่อยู่ตำแหน่งขวาสุดจะเป็นตำแหน่งที่ศูนย์
  3. Watermark wikiHow to อ่านเลขฐานสอง
    เริ่มจากขวาไปซ้าย ดังนี้
    • 0 × 2 0 = 0
    • 1 × 2 1 = 2
    • 0 × 2 2 = 0
    • 1 × 2 3 = 8
    • 0 × 2 4 = 0
    • 1 × 2 5 = 32
    • ทั้งหมด = 42
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รูปแบบอื่นที่ใช้กับเลขชี้กำลัง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to อ่านเลขฐานสอง
    เราจะขอยกตัวอย่างเป็น 101 ซึ่งในที่นี้จะใช้วิธีเดียวกัน แต่ว่าจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งไม่แน่ คุณอาจจะรู้สึกว่ารูปแบบนี้ดูเข้าใจง่ายกว่าแบบแรกก็ได้
    • 101= (1X2) ยกกำลัง 2 + (0X2) ยกกำลัง 1 + (1X2) ยกกำลัง 0
    • 101= (2X2) + (0X0) + (1)
    • 101= 4 + 0 + 1
    • 101= 5
      • “ศูนย์” ไม่ได้หมายถึงจำนวน แต่เป็นหมายเลขที่ใช้ระบุค่าประจำหลัก
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้ค่าประจำหลัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to อ่านเลขฐานสอง
    ตัวอย่างที่เราจะใช้ คือ 00101010
  2. Watermark wikiHow to อ่านเลขฐานสอง
    ในแต่ละหลักไล่จากขวาไปซ้าย จะมีค่าเพิ่มขึ้นทีละสองเท่า โดยเลขที่อยู่ตัวแรกนับจากทางขวาจะมีค่าเท่ากับ 1 และตัวที่สองจะเท่ากับ 2 ตัวต่อไปก็จะเป็น 4 และเพิ่มที่ละสองเท่าไปเรื่อยๆ
  3. Watermark wikiHow to อ่านเลขฐานสอง
    ส่วน 0 นั้นมีหน้าที่เอามาเรียงเพื่อเทียบเคียงลำดับกันเฉยๆ และไม่ต้องเอามาบวกรวมกัน
    • ฉะนั้น ในตัวอย่างนี้ เราก็จะต้องบวก 2, 8 และ 32 ซึ่งคำตอบก็คือ 42 นั่นเอง
      • บนหลัก 1 คือ “ไม่” หลัก 2 คือ “ใช่” หลัก 4 คือ “ไม่” หลัก 8 คือ “ใช่” หลัก 16 คือ “ไม่” หลัก 32 คือ “ใช่” หลัก 64 คือ “ไม่” และ หลัก 128 คือ “ไม่” ซึ่งคำว่า “ใช่” หมายถึง ให้นำมาบวก ส่วนคำว่า “ไม่” หมายถึง ให้เราข้ามไป ฉะนั้น เราอาจจะหยุดอยู่ที่เลขหนึ่งตัวสุดท้ายที่เราไล่ไปถึงเลยก็ได้
  4. Watermark wikiHow to อ่านเลขฐานสอง
    แปลค่าให้เป็นตัวอักษรหรือเครื่องหมายวรรคตอน. นอกจากนี้แล้ว คุณยังสามารถ แปลงเลขฐานสองให้เป็นเลขฐานสิบ หรือจะ แปลงจากเลขฐานสิบเป็นเลขฐานสอง ก็ได้เหมือนกัน
    • ในเครื่องหมายวรรคตอนต่างๆ นั้น 42 จะมีค่าเท่ากับเครื่องหมายดอกจัน (*) คลิกที่นี่ เพื่อดูตารางการแปลง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เลขฐานสองนั้นนับแบบเดียวกับเลขปกติเลย โดยตัวเลขที่อยู่ทางขวาสุดจะเพิ่มขึ้นได้ทีละหนึ่งจนกว่าจะไม่สามารถเพิ่มได้อีก (ซึ่งในกรณีนี้คือจาก 0 ถึง 1) และจากนั้นก็เพิ่มค่าตัวเลขที่อยู่ถัดไปทางซ้ายมือด้วยหนึ่งอีก และเริ่มต้นใหม่อีกครั้งที่ศูนย์
  • จำนวนเลขต่างๆ ในแบบที่เราเห็นกันในทุกวันนี้นั้นมีค่าประจำหลักหรือตำแหน่งของมัน สมมติว่าเรากำลังจะหาค่าทั้งหมดของจำนวนเลขบางจำนวนอยู่ ตัวเลขที่อยู่ตำแหน่งขวาสุดก็คือ หลักหน่วย ตัวที่ถัดมาทางซ้ายมือก็จะเป็นหลักสิบ ถัดไปอีกก็เป็นหลักร้อย และจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่สำหรับค่าประจำหลักของเลขฐานสองนั้นจะไล่จาก หนึ่ง สอง สี่ แปด และเพิ่มขึ้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 37,523 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา