ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดี พวกมันอยากรู้อยากเห็น ขี้เล่น ขี้อ้อน และน่ารัก อย่างไรก็ตาม พวกมันต้องอาศัยการดูแลที่จริงจัง เพราะฉะนั้นพ่อแม่ของคุณอาจจะลังเลว่าจะให้คุณเลี้ยงแมวดีหรือไม่ คุณไม่สามารถบังคับพ่อแม่ให้ตอบตกลงแต่คุณสามารถทำให้พวกเขาเปิดรับแนวคิดด้วยการวางแผนที่จะดูแลแมว พูดคุยอย่างสงบและเป็นผู้ใหญ่ และแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณมีความรับผิดชอบ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การเตรียมตัวเพื่อพูดคุย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อคุณเข้าใจความกังวลของพ่อแม่ คุณจะสามารถหาวิธีแก้ไขได้ รับฟังอย่างตั้งใจว่าพ่อแม่พูดอะไร อย่าขัดจังหวะและถามคำถามเพิ่มเติม
    • คุณสามารถถามว่า “หนูรู้ว่าพ่อแม่ไม่อยากเลี้ยงแมวแต่บอกหน่อยได้ไหมว่าทำไม?”
    • ถ้าพวกเขาพูดว่าคุณจะไม่ทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่เกิดจากแมวได้ คุณสามารถถามว่า “ทำไมถึงคิดแบบนั้น?”
  2. สิ่งนี้จำเป็นโดยเฉพาะถ้าพ่อแม่คิดว่าคุณจะไม่มีเวลาดูแลแมว เขียนสิ่งที่คุณตั้งใจทำในแต่ละวันของสัปดาห์ นึกถึงโรงเรียน การบ้าน กิจกรรมนอกเหนือจากวิชา และงานบ้าน จากนั้นดูว่าคุณจะสามารถดูแลแมวได้อย่างไร นำตารางที่เสร็จสมบูรณ์ให้พ่อแม่ดู
  3. หาข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของการรับแมวมาเลี้ยงและดูแล. การเลี้ยงแมวอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง นอกเหนือจากค่าตัวแมวแล้ว คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อพาแมวไปหาสัตวแพทย์ ซื้ออาหาร ของเล่น และยารักษาโรค คุณต้องรู้ค่าใช้จ่ายเพื่อที่จะสามารถเก็บเงินและนำสิ่งนี้ไปเสนอให้พ่อแม่ดู
    • การรับแมวจากสถานสงเคราะห์สัตว์มาเลี้ยงคือทางเลือกที่ถูก คุณอาจจะต้องจ่ายเงินประมาณ 1,500 ถึง 3,000 บาท [4]
    • ค่าใช้จ่ายของยารักษาโรค อาหาร และของใช้อาจจะสูงถึง 20,000 บาทต่อปีสำหรับแมว 1 ตัว [5]
  4. เก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวกับแมว. เริ่มเก็บเงินให้เร็วที่สุด ใช้จ่ายค่าขนมให้น้อยลง หางานทำ หรือถามพ่อแม่ว่าคุณจะขอค่าขนมเพิ่มด้วยการทำงานบ้านเพิ่มเติมได้หรือไม่ [6]
    • พ่อแม่อาจจะสามารถช่วยคุณเรื่องค่าใช้จ่ายได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  5. ทำชิ้นงานเสนอหรือพูดถึงประโยชน์ของการเลี้ยงแมว. หาข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของการเลี้ยงแมว เขียนเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมคุณถึงคิดว่าแมวจะเป็นสมาชิกใหม่ที่ดีของครอบครัว ใช้เวลานึกถึงวิธีที่คุณจะแก้ไขความกังวลของพ่อแม่ คุณสามารถนำเสนอข้อมูลนี้ระหว่างที่พูดคุยกับพ่อแม่หรือทำชิ้นงาน PowerPoint หรือรายงานเพื่อนำเสนอ
    • เช่น ถ้าพ่อแม่ของคุณกลัวว่าพวกเขาจะต้องดูแลแมวเอง คุณสามารถพูดว่าคุณมีความรับผิดชอบกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในอดีตมาก่อน
    • ถ้าพ่อแม่ของคุณกังวลเรื่องความสกปรก คุณควรพูดว่าคุณจะป้องกันสิ่งเหล่านั้นและแก้ไขเมื่อเกิดความสกปรกได้อย่างไร
    • คุณสามารถพูดว่าการรับแมวจากสถานสงเคราะห์สัตว์มาเลี้ยงเป็นการก่อกุศลเพราะมันช่วยให้แมวมีบ้านอยู่
  6. ถ้าคุณทำชิ้นงานเพื่อนำเสนอก็ควรฝึกนำเสนอ 2-3 ครั้งจนคล่องปาก ถ้าคุณจะใช้การพูดแบบธรรมดาก็ควรวางแผนว่าคุณจะพูดอะไรล่วงหน้าและฝึกซ้อมหน้ากระจก ด้วยวิธีนี้คุณจะจำได้ว่าประเด็นสำคัญของคุณคืออะไร
  7. ถ้าสมาชิกในครอบครัวเป็นภูมิแพ้ก็ควรพิจารณาเรื่องการรับเลี้ยงแมวที่จะไม่ทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ. มีแมวหลายสายพันธุ์ที่จะไม่ทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ ถ้าคุณไม่สามารถหาแมวสายพันธุ์เหล่านั้นได้ก็ไม่ควรเลี้ยงแมว แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีแต่โรคภูมิแพ้แมวอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ ถ้าสมาชิกในครอบครัวเป็นภูมิแพ้ คุณก็อาจจะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ให้อนุญาตให้คุณเลี้ยงแมวได้นอกเสียจากว่าคุณจะหาแมวสายพันธุ์ที่ไม่ทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรหาสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น [7]
    • ถ้าคุณชอบแมวมากแต่ไม่สามารถเลี้ยงแมวได้ก็ให้ลองเป็นอาสาสมัครที่สถานสงเคราะห์สัตว์เพื่อใช้เวลากับลูกแมวที่นั่น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การขอพ่อแม่เลี้ยงแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณต้องคุยเมื่อพ่อแม่มีเวลา ถ้าพวกเขากำลังเร่งรีบและไปทำงานสายก็ควรรอจนกว่าทุกอย่างจะสงบลงกว่านี้ คุยกับพ่อแม่เมื่อพวกเขาอารมณ์ดีเพราะพวกเขาน่าจะฟังสิ่งที่คุณจะพูดมากกว่า [8]
  2. เริ่มด้วยการชื่นชมสิ่งที่พ่อแม่ทำให้คุณทั้งหมด. อย่าทำเหมือนว่าคุณสมควรที่จะได้เลี้ยงแมว มันจะทำให้พ่อแม่ของคุณปิดใจ คุณต้องเข้าเรื่องด้วยทัศนคติที่ตื้นตัน พ่อแม่ของคุณจะเปิดใจกับสิ่งที่คุณต้องการพูดมากขึ้น [9]
    • คุณสามารถบอกว่า “หนูอยากเริ่มโดยพูดว่าหนูรู้สึกดีใจที่พ่อแม่ให้กำลังใจหนูและทำงานหนักเพื่อให้หนูมีทุกอย่างที่ดี”
  3. ถ้าคุณทำชิ้นงานนำเสนอก็ถึงเวลาที่ต้องโชว์ฝีมือแล้ว หรือพูดถึงประเด็นสำคัญที่คุณวางแผนไว้ล่วงหน้า อย่าลืมพูดถึงแผนการดูแล ทำไมคุณถึงอยากเลี้ยงแมว และวิธีแก้ไขสิ่งที่พ่อแม่กังวล
  4. เสนอที่จะออกค่าใช้จ่ายมากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้. คุณอาจจะไม่สามารถจ่ายได้ทุกอย่างแต่การเสนอที่จะออกค่าใช้จ่ายเพื่อเลี้ยงแมวแสดงว่าคุณจริงจังกับสิ่งนี้ [10]
    • สมมุติว่าคุณมีเงินแค่ 1,500 บาทแต่คุณต้องใช้เงิน 3,000 บาทเพื่อรับแมวมาเลี้ยง คุณสามารถพูดว่า “แม่ หนูอยากได้แมวแต่แมวที่สถานสงเคราะห์สัตว์ราคาประมาณ 3,000 บาท ถ้าหนูจ่าย 1,500 บาท แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายอีกครึ่งนึงให้หน่อยได้ไหม”
    • หรือคุณสามารถเสนอที่จะออกค่าใช้จ่ายในเบื้องต้นและขอให้พ่อแม่ช่วยค่าใช้จ่ายประจำปี
  5. ทำข้อตกลงที่จะมีผลการเรียนที่ดีขึ้นหรือทำงานบ้านมากขึ้น. บางทีถ้าคุณได้เกรด 4 ทั้งหมดในเทอมหน้า พ่อแม่ของคุณอาจจะอนุญาตให้คุณเลี้ยงแมว หรือเสนอที่จะทำงานบ้านเพิ่มขึ้นนับจากตอนนี้ ไม่ว่าคุณและพ่อแม่จะตกลงกันด้วยเรื่องใดก็ควรยึดมั่นกับคำพูด มันจะแสดงว่าคุณมีความรับผิดชอบในการเลี้ยงแมว [11]
    • คุณสามารถพูดว่า “ถ้าหนูได้เกรด 4 วิชาคณิตศาสตร์ในเทอมหน้าซึ่งจะต้องใช้ความพยายามมากเพราะมันคือวิชาที่ยากที่สุด แม่จะให้หนูเลี้ยงแมวไหม? หนูอยากทำให้ดูว่าหนูตั้งใจแค่ไหน”
  6. ถ้าคุณอารมณ์เสีย คุณอาจจะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ได้ พยายามวางตัวสงบและไม่โกรธถึงแม้ว่าพ่อแม่ปฏิเสธเสียงแข็งก็ตาม ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณจะอารมณ์เสียก็ควรหายใจเข้าลึกๆ [12]
    • ถ้าคุณไม่สามารถวางตัวสงบได้ก็ให้ขอคุยกับพ่อแม่ในภายหลัง
  7. ให้เวลาพ่อแม่ 2-3 วันเพื่อคิดก่อนที่จะให้คำตอบ. ถ้าคุณกดดันพ่อแม่เพื่อให้ได้คำตอบที่รวดเร็ว พวกเขาก็อาจจะปฏิเสธ คุณต้องให้เวลาพ่อแม่ 2-3 วันเพื่อคิดก่อนที่จะให้คำตอบ [13]
    • พูดว่า “พ่อแม่ไม่ต้องตอบหนูตอนนี้ก็ได้ ลองเก็บเอาไปคิดก่อนที่จะให้คำตอบก็ได้”
  8. การพูดว่า “พ่อแม่ปฏิเสธตลอดเลย” หรือ “หนูไม่เคยได้อะไรที่อยากได้เลย” จะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ถ้าพวกเขาปฏิเสธ คุณก็ต้องยอมรับในตอนนี้และลองถามอีกครั้งในภายหลัง การโต้ตอบอย่างเป็นผู้ใหญ่จะช่วยเพิ่มโอกาสที่พ่อแม่จะเปลี่ยนใจในอนาคต
    • ถามพ่อแม่ว่าทำไมพวกเขาถึงปฏิเสธ บางทีคุณอาจจะเจอวิธีเพื่อให้พ่อแม่เปลี่ยนคำปฏิเสธเป็นคำยอมรับได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การแสดงว่าคุณมีความรับผิดชอบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การแสดงว่าคุณมีความรับผิดชอบจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเกลี้ยกล่อมพ่อแม่เพื่ออนุญาตให้คุณเลี้ยงแมว เริ่มด้วยการทำงานบ้านหรือเก็บที่นอนเมื่อพวกเขาขอโดยไม่บ่นหรือเถียง อย่ารอ ทำสิ่งที่พวกเขาขอทันที [14]
  2. คุณควรรับมือกับข้อโต้แย้งอย่างสงบและเป็นผู้ใหญ่ให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการตะโกน บ่น หรือขัดจังหวะพ่อแม่ ตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาพูดและยินยอมที่จะประนีประนอม [15]
    • ถ้าคุณอยากไปเที่ยวกับเพื่อนนอกบ้านแต่พ่อของคุณอยากให้คุณอยู่บ้านกับครอบครัวก็อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่และพูดว่า “ไม่ยุติธรรมเลย” คุณต้องเสนอที่จะใช้เวลาครึ่งหนึ่งของเย็นวันนั้นกับครอบครัวและอีกครึ่งหนึ่งกับเพื่อน
  3. เมื่อคุณสัญญาที่จะทำอะไรบางอย่างก็ควรรักษาสัญญา ถ้าคุณบอกแม่ว่าคุณจะทำการบ้านให้เสร็จก่อนที่จะไปเล่นบ้านเพื่อนก็ควรทำเช่นนั้น ถ้าคุณรักษาสัญญาที่จะดูแลน้องหรือกลับบ้านตรงเวลา พ่อแม่ของคุณจะเชื่อมั่นว่าคุณสามารถรักษาสัญญาที่จะดูแลแมวได้ [16]
  4. ถ้าคุณเห็นจานชามสกปรกอยู่เต็มอ่างหรือเห็นเศษอาหารบนพื้นก็อย่ารอให้พ่อแม่จัดการสิ่งนั้น ทำความสะอาดโดยที่พวกเขาไม่ต้องร้องขอ คุณจะแสดงให้พ่อแม่เห็นว่าคุณมีความรับผิดชอบ
  5. ช่วยน้องทำการบ้าน พับเสื้อผ้า หรือทำอาหารมื้อเย็นให้ครอบครัวทาน การกระทำที่ดีแบบนี้แสดงว่าคุณเป็นผู้ใหญ่และสามารถเลี้ยงแมวได้ [17]
    • อย่าส่งเสียงดังและพูดว่า “ดูว่าหนูทำดีแค่ไหน” การทำสิ่งที่ดีๆ ให้กับครอบครัวอย่างเงียบๆ จะมีความหมายและแสดงออกถึงความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • รับแมวจากสถานสงเคราะห์สัตว์มาเลี้ยงนอกเสียจากว่าคุณมีความจำเป็นที่ต้องเลี้ยงแมวสายพันธุ์ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ฟาร์มเพาะเลี้ยงเท่านั้น สัตว์เลี้ยงที่ถูกนำมาปล่อยที่สถานสงเคราะห์สัตว์ส่วนใหญ่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเจ้าของเก่า ไม่ใช่ว่าพวกมันมีปัญหา คุณจะได้ลูกแมวที่ราคาถูก สุขภาพดี และอาจจะทำหมันแล้ว คุณยังจะได้ทำความดีด้วย
  • ถ้าคุณตัดสินใจซื้อแมวจากฟาร์มเพาะเลี้ยงก็ควรหาฟาร์มที่เชื่อถือได้ที่ดูแลสวัสดิภาพของแมวเป็นอย่างดี
  • อย่าถอดใจถ้าพ่อแม่ปฏิเสธ พวกเขาอาจจะเปลี่ยนใจเมื่อเห็นความพยายามของคุณ
  • ถ้าพ่อแม่บอกว่าแมวจะทำลายเฟอร์นิเจอร์ก็ให้บอกพวกเขาว่าคุณจะฝึกแมวให้ทำลายเฟอร์นิเจอร์น้อยลง บอกให้พวกเขารู้ว่าถ้าแมวทำลายเฟอร์นิเจอร์ คุณจะหาซื้อถุงมือแมว หาอุปกรณ์ป้องกันเฟอร์นิเจอร์ และตัดนิ้วแมวเพื่อไม่ให้แมวทำลายข้าวของ จำไว้ว่าการตัดนิ้วแมวควรเป็นทางเลือกสุดท้าย มันทำให้แมวเจ็บและเทียบเท่ากับการตัดนิ้วแมวออกตั้งแต่ข้อนิ้วกลาง
  • ทำตัวมุ่งมั่นและอย่าท้อถอย
  • ทำสิ่งที่พ่อแม่ขอให้ทำทันที
  • ถ้าพ่อแม่หรือผู้ปกครองกังวลเรื่องพฤติกรรมของแมว คุณก็ควรเลือกแมวที่สงบและอ่อนหวาน การเลือกแมวที่มีพลังล้นเหลืออาจจะสนุกแต่ต้องอาศัยการดูแลมาก คุณต้องทำให้แมวเป็นมิตรและฝึกแมวถ้าจำเป็น
โฆษณา

คำเตือน

  • คุณต้องพร้อมดูแลแมวก่อนที่จะใช้เวลาและความพยายามเพื่อเกลี้ยกล่อมพ่อแม่
  • ถ้าคุณวางแผนที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลังจากชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย คุณอาจจะไม่สามารถพาแมวไปอยู่ที่หอพักนักศึกษาได้ คุณต้องทำให้แน่ใจว่าพ่อแม่ของคุณจะสามารถดูแลแมวหลังจากที่คุณออกจากบ้านได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 13,710 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา