ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเขียนบทความข่าวแตกต่างจากการเขียนบทความหรืองานเขียนอื่นๆ เพราะบทความข่าวนำเสนอข้อมูลในแบบเฉพาะเจาะจง คุณจำเป็นต้องถ่ายทอดข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้วยจำนวนคำที่จำกัดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้อ่านอย่างแม่นยำ การรู้วิธีการเขียนบทความข่าวสามารถเป็นประโยชน์กับอาชีพสื่อมวลชน พัฒนาทักษะการเขียนและช่วยให้คุณถ่ายทอดข้อมูลได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การเตรียมบทความ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในการเริ่มเขียนบทความข่าว คุณต้องค้นคว้าหัวข้อที่คุณจะเขียนอย่างละเอียด คุณต้องรู้เกี่ยวกับหัวข้อนั้นเป็นอย่างดีเพื่อเขียนบทความที่ใช้คำและรูปแบบที่ดี
    • ถ้าหากคุณเคย เขียนรายงานวิจัย คุณจะเข้าใจวิธีการค้นคว้าหัวข้อ ช่วงแรกของการเขียนบทความข่าวหรืองานวิจัยนั้นคล้ายคลึงกัน
    • เริ่มด้วยการถามคำถามตัวเองด้วยคำถาม “5 ข้อ” นี้ (บางทีก็ “6 ข้อ”) [1]
      • ใคร - ใครที่เกี่ยวข้อง?
      • อะไร - เกิดอะไรขึ้น?
      • ที่ไหน - เกิดขึ้นที่ไหน?
      • ทำไม - ทำไมจึงเกิดขึ้น?
      • เมื่อไหร่ - เกิดขึ้นเมื่อไหร่?
      • อย่างไร - เกิดขึ้นได้อย่างไร?
    • เมื่อคุณสามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างชัดเจนแล้วก็ควรจดข้อเท็จจริงและข้อมูลที่คุณต้องใส่ในบทความ แบ่งข้อเท็จจริงออกเป็น 3 กลุ่ม:
      • 1) สิ่งที่คุณต้องใส่ในบทความ
      • 2) สิ่งที่น่าสนใจแต่ไม่สำคัญ
      • 3) สิ่งที่เกี่ยวข้องแต่ไม่สำคัญกับจุดประสงค์ของบทความ
    • ข้อเท็จจริงและข้อมูลเหล่านี้จะช่วยไม่ให้คุณพลาดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือเรื่องราวและช่วยให้คุณเขียนบทความที่สะอาดตาและกระชับ
    • คุณต้องลงรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงให้ได้มากที่สุดเมื่อเขียนข้อเท็จจริงเหล่านี้ คุณสามารถตัดข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกได้ในภายหลังแต่การตัดเนื้อหาออกง่ายกว่ากันต้องเขียนบทความขึ้นมาใหม่
    • คุณอาจจะมีช่องโหว่ในข้อมูลซึ่งไม่เป็นไร ถ้าหากคุณไม่มีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องก็ควรเขียนคำถามและเรื่องคำถามเพื่อที่คุณจะไม่มีค้นคว้าหาข้อมูล
    • เมื่อคุณมีข้อเท็จจริงแล้ว ถ้าหากบรรณาธิการไม่ได้มอบหมายประเภทของบทความให้กับคุณ คุณควรตัดสินใจว่าคุณจะเขียนบทความแบบใด ถามตัวเองว่านี่คือบทความที่แสดงความคิดเห็น บทความที่ไม่มีอคติและตรงไปตรงมาหรือตกอยู่ระหว่าง 2 ประเภทนี้
  2. โครงร่างที่จะกลายเป็นบทความในภายหลังควรมีรูปแบบเหมือนสามเหลี่ยมกลับด้านซึ่งช่วยให้คุณสร้างเรื่องราวเพื่อให้ข้อมูลที่สำคัญที่สุดอยู่ด้านบน [2]
    • คำพูดที่ว่า “เริ่มเรื่องด้วยประโยคสําคัญ” คือรูปแบบของบทความของคุณ [3] “ประโยคสําคัญ” คือประโยคแรกของบทความที่ปูพื้นเรื่องราวให้กับคุณ การไม่ “เริ่มเรื่องด้วยประโยคสําคัญ” แปลว่าคุณไม่ควรทำให้ผู้อ่านอ่านเนื้อหาหลายย่อหน้าที่คุณจะเข้าประเด็นของบทความ
    • ไม่ว่าคุณจะเขียนบทความให้กับสื่อประเภทใดก็ตาม ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์หรือเว็บไซต์ ผู้อ่านจำนวนมากมักจะอ่านไม่จบบทความ เมื่อคุณเขียนบทความข่าว คุณควรมุ่งเน้นกับการให้สิ่งที่ผู้อ่านต้องการอ่านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • เขียนเหนือรอยพับ รอยพับมาจากหนังสือพิมพ์ซึ่งมีรอยพับครึ่งหน้ากระดาษ ถ้าหากคุณมองหนังสือพิมพ์ เรื่องที่โดดเด่นมักจะปรากฎอยู่เหนือรอยพับ การเขียนทางออนไลน์ก็เช่นกัน รอยพับออนไลน์คือด้านล่างของหน้าจอก่อนที่คุณจะเลื่อนหน้าลง ใส่ข้อมูลที่ดีที่สุดด้านบนเพื่อดึงดูดผู้อ่านและกระตุ้นให้พวกเขาอ่านต่อไป
  3. คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังเขียนให้กับใครเพื่อเขียนบทความข่าวที่ดี ผู้อ่านของคุณจะกำหนดความคิดและท่วงทำนองของบทความและช่วยให้คุณรู้ว่าคุณต้องเขียนอะไร
    • ถามคำถามตัวเองด้วยคำถาม “5 ข้อ” อีกครั้งแต่คราวนี้ถามเกี่ยวกับผู้อ่าน
    • คำถามที่ว่าอายุเฉลี่ยของผู้อ่านของคุณคืออะไร ผู้อ่านอยู่ที่ไหน ท้องถิ่นหรือระดับประเทศ ทำไมผู้อ่านจึงอ่านบทความของคุณและผู้อ่านต้องการอะไรจากบทความของคุณจะสามารถบอกคุณได้ว่าต้องเขียนอย่างไร
    • เมื่อคุณรู้แล้วว่ากำลังเขียนให้กับใคร คุณสามารถจัดระเบียบโครงร่างซึ่งจะให้ข้อมูลที่ดีที่สุดกับผู้อ่านที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
  4. ทำไมบทความนี้จึงไม่เหมือนใครสำหรับคุณ? ความคิดเห็นของคุณคืออะไร? คำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณทำบทความข่าวให้ไม่เหมือนใครและเป็นบทความที่มีแต่คุณเท่านั้นที่เขียนได้
    • ถึงแม้ว่าคุณกำลังเขียนเรื่องราวที่เป็นที่นิยมหรือหัวข้อที่ทุกคนกำลังพูดถึง คุณควรมองหามุมที่จะทำให้บทความนี้ไม่เหมือนใคร
    • คุณมีประสบการณ์ส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือไม่? บางทีคุณอาจจะรู้จักใครบางคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่คุณสามารถขอสัมภาษณ์ได้
  5. การสัมภาษณ์ผู้คนและรับข้อมูลจากแหล่งข้อมูลโดยตรงเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เมื่อคุณเขียนบทความข่าว ถึงแม้ว่าการเข้าหาผู้คนและขอสัมภาษณ์อาจดูเป็นเรื่องที่น่ากลัวแต่มันสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือและอำนาจให้กับบทความของคุณอย่างใหญ่หลวง [4]
    • ผู้คนมักจะชอบพูดถึงประสบการณ์ส่วนตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากข้อมูลของพวกเขาจะถูกระบุอยู่ในบทความที่ใดสักแห่ง เช่น บทความข่าวของคุณ ติดต่อผู้คนผ่านทางโทรศัพท์ อีเมล์หรือแม้แต่สื่อโซเชียลเพื่อถามใครบางคนว่าคุณสามารถสัมภาษณ์เขาได้หรือไม่
    • คุณต้องทำตามกฎเกณฑ์เหล่านี้เมื่อคุณสัมภาษณ์ผู้คน: ระบุตัวเองว่าเป็นนักข่าว เปิดใจ มีเหตุผล ถึงแม้ว่าคุณควรถามคำถามและรับฟังเรื่องราวแต่คุณต้องไม่วิจารณ์
    • บันทึกและเขียนข้อมูลสำคัญจากบทสัมภาษณ์และเปิดเผยอย่างโปร่งใสว่าคุณกำลังทำอะไรและทำไมคุณจึงทำการสัมภาษณ์
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การเขียนบทความข่าว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มด้วยประโยคสำคัญที่หนักแน่น บทความข่าวเริ่มด้วยประโยคสำคัญเพื่อสะดุดตาและดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของงานเขียนเพราะฉะนั้นคุณต้องเริ่มด้วยสิ่งที่ดีเมื่อเขียนบทความข่าว นึกถึงสามเหลี่ยมกลับด้าน
    • ประโยคสำคัญของคุณควรเป็นหนึ่งประโยคและพูดถึงหัวข้อของบทความอย่างสมบูรณ์
    • จำเมื่อตอนที่คุณต้องเขียนเรียงความตอนเป็นนักเรียนได้หรือเปล่า? ประโยคสำคัญของคุณก็เหมือนกับใจความสำคัญของเรียงความ
    • ทำให้ผู้อ่านรู้ว่าบทความข่าวของคุณเกี่ยวกับอะไร ทำไมมันถึงสำคัญและส่วนที่เหลือของบทความมีอะไรบ้าง
  2. ขั้นตอนสำคัญต่อไปของการเขียนหัวข้อข่าวคือการระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับใจความสำคัญ ระบุข้อมูลพื้นฐานของสิ่งที่เกิดขึ้น สถานที่และเวลาที่เหตุการณ์เกิดขึ้น ใครที่มีส่วนร่วมและทำไมข่าวนี้จึงสำคัญ
    • รายละเอียดเหล่านี้สำคัญเพราะว่ามันคือประเด็นสำคัญของบทความที่ให้รายละเอียดกับผู้อ่าน
    • ถ้าหากคุณกำลังเขียนบทความซึ่งเป็นความคิดเห็นของคุณ นี่คือส่วนที่คุณจะพูดถึงความคิดเห็นของคุณเช่นกัน
  3. หลังจากที่คุณได้เขียนข้อเท็จจริงหลักในหัวข้อข่าวของคุณแล้ว คุณต้องระบุข้อมูลเพิ่มเติมที่อาจจะช่วยให้ผู้อ่านรับรู้มากขึ้น เช่น ข้อมูลติดต่อ ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือวลีจากบทสัมภาษณ์
    • ข้อมูลเพิ่มเติมเหล่านี้ช่วยคุณขัดเกลาบทความและเคลื่อนไปยังประเด็นใหม่ๆ อย่างราบรื่น
    • ถ้าหากคุณมีความคิดเห็น นี่คือส่วนที่คุณจะระบุความคิดเห็นที่ขัดแย้งต่างๆ และบุคคลที่มีความคิดเห็นเหล่านั้น
    • บทความข่าวที่ดีจะมีเค้าโครงของข้อเท็จจริงและข้อมูล บทความข่าวที่ดีจะทำให้ผู้อ่านสนใจในระดับอารมณ์
    • ในการดึงดูดผู้อ่าน คุณควรให้ข้อมูลที่เพียงพอจนผู้ที่อ่านบทความของคุณสามารถให้ความคิดเห็นถึงแม้ว่ามันจะขัดแย้งกับความคิดเห็นของผมก็ตาม
    • วิธีนี้ใช้ได้กับบทความข่าวที่คุณซึ่งเป็นผู้เขียนไม่ได้ระบุความคิดเห็นแต่นำเสนอในรูปแบบของข้อมูลที่ไม่มีอคติ ผู้อ่านของคุณควรจะสามารถรับรู้ได้มากพอเกี่ยวกับหัวข้อเพื่อสร้างความคิดเห็น
  4. แสดงความยินดีกับผู้อ่านที่ได้อ่านบทความของคุณจนจบด้วยการมอบบางอย่างให้กับผู้อ่านได้นำติดตัวไป เช่น วิธีแก้ไขปัญหาหรือความท้าทายที่ปรากฏในบทความของคุณ
    • ทำให้มั่นใจว่าบทความข่าวของคุณเสร็จสมบูรณ์และจบด้วยประโยคสรุปที่ดี สิ่งนี้มักจะเป็นการกล่าวประโยคสำคัญ (ใจความ) อีกครั้งหรือประโยคที่ระบุการพัฒนาในอนาคตซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวข้อของบทความ
    • อ่านบทความข่าวอื่นๆ เพื่อหาแนวคิดของวิธีการเขียนบทความข่าวที่ดีที่สุดหรือดูช่องหรือรายการข่าว ดูวิธีที่เหยี่ยวข่าวมักจะปิดท้ายเรื่องราวและจบข่าว จากนั้นจึงพยายามเลียนแบบสิ่งนั้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การตรวจทานบทความ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บทความของคุณจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์จนกว่าคุณได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ว่าคุณจะเขียนหัวข้อข่าวเป็นอาชีพหรือเป็นการบ้านในโรงเรียน การที่คุณเขียนข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องจะทำให้บทความของคุณหมดความน่าเชื่อถือและบั่นทอนการเป็นนักเขียนของคุณ
    • คุณต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงที่อยู่ในหัวข้อข่าวก่อนที่จะส่งซึ่งรวมไปถึงชื่อ วันที่และข้อมูลติดต่อหรือที่อยู่ การเขียนที่แม่นยำคือวิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นนักเขียนบทความข่าวที่มีความสามารถ
  2. คุณต้องทำตามโครงร่างและใช้สไตล์ที่คงเส้นคงวา. บทความข่าวและการสื่อสารมวลชนมีหลากหลายสไตล์ตั้งแต่การรายงานอย่างมีเหตุผลไปจนถึงกอนโซ่ (สไตล์ของการสื่อสารมวลชนที่ผู้รายงานอธิบายเหตุการณ์ในแบบของตัวเองโดยส่วนใหญ่มักจะผ่านการบรรยายของผู้ที่เป็นข่าว) [5] [6]
    • ถ้าหากบทความข่าวของคุณมีเพื่อถ่ายทอดข้อเท็จจริงซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของนักเขียน คุณต้องทำการเขียนของคุณไม่ให้มีอคติและต้องมีเหตุผล หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่เป็นแง่บวกหรือแง่ลบจนเกินไปหรือประโยคที่อาจจะถูกมองว่าเป็นการส่งเสริมหรือวิจารณ์
    • ถ้าหากบทความของคุณมีสไตล์ของการสื่อสารมวลชนแบบสื่อความหมาย คุณก็ควรตรวจสอบว่าคุณได้ให้คำอธิบายที่ลึกซึ้งของเรื่องราวที่ใหญ่กว่าและนำเสนอมุมมองที่หลากหลายอย่างทั่วถึง
  3. ใช้สไตล์แบบ AP สำหรับการจัดรูปแบบและการอ้างอิงแหล่งที่มา. นักข่าวและบทความใช้สไตล์แบบ AP สำหรับแหล่งที่มาและการอ้างอิงในกรณีส่วนใหญ่ หนังสือ AP Stylebook คือหนังสือเพื่อให้นักข่าวทำตามสำหรับการจัดรูปแบบที่เหมาะสม [7]
    • เมื่อคุณอ้างอิงใครบางคนก็ควรเขียนว่าเขาพูดอะไรในการอ้างอิงนั้นและใส่ตำแหน่งของบุคคลนั้นในทันที ตำแหน่งของบุคคลที่เป็นทางการต้องขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์และปรากฏก่อนชื่อบุคคล เช่น: “จอมพล ป. พิบูลสงคราม” [8]
    • เขียนคำสะกดเลข 1 ถึงเลข 9 เก้าเสมอแต่ใช้ตัวเลขสำหรับเลข 10 เป็นต้นไป
    • คุณต้องเว้นช่องไฟเพียง 1 ครั้งเท่านั้นไม่ใช่ 2 ครั้งเมื่อคุณเขียนบทความข่าว [9]
  4. ถึงแม้ว่าคุณได้อ่านบทความของคุณหลายครั้งและคิดว่าทุกอย่างลงตัวแล้วแต่คุณควรขอให้ผู้อื่นอ่านบทความของคุณ นอกเหนือจากการหาคำที่สะกดผิดหรือความผิดพลาดทางไวยากรณ์แล้ว บรรณาธิการของคุณจะสามารถช่วยตัดคำและประโยคที่ไม่เหมาะสมออก
    • คุณไม่ควรตีพิมพ์บทความข่าวก่อนที่จะขอให้ใครบางคนตรวจทาน สายตาอีกคู่จะสามารถช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่างานเขียนของคุณแม่นยำ
    • ถ้าคุณกำลังเขียนบทความข่าวเป็นการบ้านที่โรงเรียนหรือสำหรับเว็บไซต์ส่วนตัว คุณสามารถขอให้เพื่อนตรวจทานและออกความคิดเห็น บางครั้งคุณจะได้รับความคิดเห็นที่คุณต้องการโต้แย้งหรือไม่เห็นด้วยแต่คุณควรพิจารณาความคิดเห็นเหล่านี้ มีบทความข่าวที่ถูกตีพิมพ์ทุกนาทีเพราะฉะนั้นคุณต้องทำให้มั่นใจว่าผู้อ่านของคุณสามารถซึมซับข้อมูลที่คุณนำเสนอได้อย่างง่ายดาย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เริ่มด้วยการค้นคว้าและถามคำถามตัวเองด้วยคำถาม “5 ข้อ” การถามคำถามเหล่านี้จะช่วยคุณสร้างโครงร่างและลำดับเหตุการณ์ของบทความ
  • สัมภาษณ์ผู้คนและวางตัวสุภาพและจริงใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเขียน
  • วางข้อมูลสำคัญที่สุดไว้ที่ช่วงต้นของบทความ
  • ตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณถูกต้องแม่นยำและอ้างอิงได้อย่างเหมาะสม
  • ทำตามสไตล์เอพีนอกเสียจากว่าคุณถูกสั่งให้ใช้สไตล์อื่น
  • ขอให้เพื่อนอ่านบทความของคุณเพราะบางช่วงบางตอนของบทความอาจจะมีแต่คุณที่เข้าใจ
  • เขียนเป็นย่อหน้าและเว้นที่ว่างสำหรับรูปภาพเสมอ
  • จำไว้ว่าการเขียนหัวข้อข่าวเหมือนกับสามเหลี่ยม รายละเอียดที่สำคัญที่สุดอยู่ด้านบน (ช่วงเริ่มต้น) และค่อยๆ ใส่รายละเอียดเพิ่มเติม
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,307 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา