ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเขียนบทสรุปหนังสือเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้คุณได้ซึมซับสิ่งที่คุณอ่าน และยังทำให้คุณมีแหล่งอ้างอิงที่สามารถกลับไปดูประเด็นหลักของหนังสือได้ทุกเมื่อ ในการเขียนบทสรุปที่ดีนั้น คุณจะต้องอ่านหนังสืออย่างละเอียดและจดโน้ตเกี่ยวกับแนวคิดหลักๆ จุดหักมุม และตัวละครหลักไปด้วย จากนั้นค่อยใช้โน้ตย่อในการร่างและอ่านตรวจทานบทสรุปสุดเจ๋งของคุณ!

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

จดโน้ต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    เขียนเพิ่มเติมลงในหนังสือขณะอ่าน. การเขียนเพิ่มเติมลงในหนังสือขณะอ่านจะช่วยให้คุณเจอตอนสำคัญในหนังสือได้ง่ายเวลาเขียนบทสรุป วงกลม ไฮไลต์ หรือจดอะไรก็ตามที่ดูสับสน สำคัญ น่าประหลาดใจ หรือน่าสนใจ นอกจากนี้คุณอาจจะทำเครื่องหมายตรงที่มีการกล่าวซ้ำ ความไม่สอดคล้อง และจุดเชื่อมโยงระหว่างตอนต่างๆ ในหนังสือด้วยก็ได้ [1]
    • ถ้าหนังสือเป็นของคุณ ก็ไฮไลต์ตอนต่างๆ และเขียนลงไปได้เลย แต่ถ้าหนังสือไม่ใช่ของคุณ ให้ใช้โพสต์อิตทำเครื่องหมายตอนต่างๆ แทน
  2. วางสมุดไว้ข้างๆ ขณะอ่านเพื่อที่คุณจะได้จดความคิดของคุณลงไปได้ การจดโน้ตขณะอ่านจะช่วยให้คุณบันทึกข้อความต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะทำให้ภาระงานของคุณลดลงกว่าการที่คุณจะกลับมาอ่านและตรวจสอบรายละเอียดทีหลัง [2]
    • การวางกระดาษหลายๆ แผ่นไว้ข้างตัวสำหรับจดโน้ตก็เป็นความคิดที่ดี โดยแผ่นนึงเอาไว้จดความรู้สึกทั่วๆ ไปและสิ่งที่แวบเข้ามาในหัว อีกแผ่นอาจจะเอาไว้ใส่รายชื่อตัวละครและเหตุการณ์ และอีกแผ่นไว้บันทึกประเด็นและแนวคิดหลักของหนังสือ
    • นอกจากนี้คุณอาจจะจดโน้ตเพื่อบันทึกคำที่คุณไม่รู้ความหมายก็ได้ เปิดพจนานุกรมเพื่อหาความหมายของคำเหล่านั้นขณะอ่าน จากนั้นเขียนคำนิยามลงไป
    • การขีดเส้นใต้และไฮไลต์นอกจากจะทำลายหนังสือไปตลอดกาลแล้ว ยังไม่ได้ช่วยให้คุณได้บันทึกรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงอีกด้วย
  3. จดชื่อตัวละครหลักและคำอธิบายบุคลิกหรือลักษณะเด่นๆ ของตัวละครนั้นอย่างคร่าวๆ ใส่ช่วงคำพูดของตัวละครสัก 1 หรือ 2 ช่วงที่เกี่ยวกับความปรารถนาและเป้าหมายของตัวละครนั้นๆ อ่านโน้ตนี้เพื่อวิเคราะห์ว่าตัวละครแสดงประเด็นหลักของหนังสืออย่างไร [3]
    • นอกจากนี้คุณจะจดเส้นเวลาของเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในหนังสือด้วยก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลำดับเวลาในเรื่องซับซ้อนหรือสับสน คุณอาจจะเขียนเส้นเวลาไว้หลายๆ เส้นหากเนื้อเรื่องสลับเส้นเรื่องต่างๆ กลับไปกลับมา
  4. เพื่อไม่ให้ภาระงานของคุณหนักหนาเกินไป ให้ลองมองว่าหนังสือแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เรื่องราวจะต้องมีตอนเริ่มเรื่อง ตอนกลาง และตอนจบ จัดระเบียบโน้ตของคุณตามส่วนต่างๆ เหล่านี้ [4]
    • ตอนเริ่มเรื่องจะเน้นไปที่การแนะนำตัวละครหลักและสร้างฉากท้องเรื่อง
    • ตอนกลางของเรื่องจะสำรวจ “ปัญหา” หลักของหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วหรือปมฆาตกรรม
    • ตอนจบจะคลี่คลายปัญหาหลักของหนังสือ
  5. แต่ละส่วนจะมีประเด็นและเป้าหมายของตัวเอง ลองคิดดูว่าผู้เขียนใช้เวลาไปกับอะไรมากที่สุดในแต่ละส่วน นอกจากนี้อย่าลืมวิเคราะห์ด้วยว่าแต่ละส่วนเชื่อมโยงกันอย่างไร [5]
  6. ขณะที่อ่าน ให้คิดถึงบทเรียนที่หนังสือพยายามจะสอน สังเกตว่ามีประเด็นอะไรที่โผล่ขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ อาจจะเป็นสิ่งที่ตัวละครมักพูดถึง หรือจุดบอดหายนะในตัวละครที่ทำให้เกิดปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก [6]
    • เช่น ผู้เขียนอาจจะอยากแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่า ความภาคภูมิใจในตัวเองมากเกินไปทำให้คนตัดสินใจผิดพลาด เพื่อแสดงถึงประเด็นนี้ ผู้เขียนจึงให้ตัวละครหลักตกอยู่ในสถานการณ์ที่เกินความสามารถของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะว่าเขาภาคภูมิใจในตัวเองมากเกินไปและทะนงตัว
    • ถ้าคุณอ่านหนังสือที่ไม่ใช่เรื่องแต่ง ประเด็นหลักอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือสังคม ผู้เขียนอาจจะอยากแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าอาหารขยะไม่ดีต่อสุขภาพ และหนังสือก็ยกตัวอย่างเพื่อพิสูจน์ข้อโต้แย้งนั้นบ่อยครั้ง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ร่างและแก้ไขบทสรุป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช็กดูว่ามีการกำหนดความยาวของบทสรุปหรือไม่. ถ้าคุณเขียนบทสรุปเพื่อส่งเป็นการบ้าน ก็อาจจะมีข้อกำหนดว่าต้องเขียนมากน้อยแค่ไหน เขียนบทสรุปออกมาให้ใกล้เคียงกับข้อกำหนดมากที่สุด เพราะถ้าเขียนน้อยไปก็จะเหมือนว่าคุณไม่ได้อ่านหนังสือ แต่ถ้ายาวไปก็อาจจะเหมือนว่าคุณไม่ได้เขียนบทสรุป [7]
    • เช่น ถ้าเขากำหนดมาว่าให้เขียนไม่เกิน 200 คำ ก็ให้เขียนระหว่าง 190 – 200 คำ
    • แม้ว่าคุณจะเขียนบทสรุปไว้อ่านเอง ก็ให้พยายามเขียนสั้นๆ เข้าไว้ การมีบทสรุปที่น้อยกว่า 500 คำจะทำให้คุณมีแหล่งอ้างอิงที่รวดเร็วและง่าย
  2. 2
    เขียนบทสรุปตามลำดับเวลา. บทสรุปควรแสดงเหตุการณ์ตามลำดับที่เกิดขึ้น อย่ากระโดดไปกระโดดมาระหว่างส่วนต่างๆ ในหนังสือ เริ่มจากต้นเรื่องและจบที่ตอนจบเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของเรื่องต้นฉบับไว้
  3. เริ่มจากแนะนำชื่อเรื่องและผู้เขียน จากนั้นอธิบายคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในหนังสือ ซึ่งน่าจะไม่เกิน 2-3 ประโยค ให้มองว่าเป็นแค่การเกริ่นนำเท่านั้น [8]
    • คุณอาจจะเขียนว่า “ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ของเจ. เค. โรว์ลิ่ง เป็นเรื่องราวของเด็กชายกำพร้าที่พบว่าตัวเองเป็นพ่อมด เขาได้รู้ว่ามีโลกเวทมนตร์อีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยพ่อมดแม่มดฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรมในช่วงปีแรกของการเป็นนักเรียนที่ฮอกวอตส์”
  4. ใช้โน้ตของคุณเพื่อสรุปว่าหนังสือดำเนินเรื่องอย่างไร เขียนอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในแต่ละตอน แต่ละเหตุการณ์สัมพันธ์กันอย่างไร และทำไมตอนนี้ถึงสำคัญต่อประเด็นโดยรวมของหนังสือสัก 4-5 ประโยค
    • ส่วนนี้ในบทสรุปอาจจะประมาณว่า “ส่วนแรกของหนังสือแนะนำให้ผู้อ่านรู้ว่าการเป็นพ่อมดเป็นอย่างไร ผู้อ่านได้รับรู้ว่าการเป็นพ่อมดมันน่ามหัศจรรย์แค่ไหนไปพร้อมๆ กับตัวแฮร์รี่ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในโลกนี้เช่นเดียวกัน ขณะที่เรื่องดำเนินไป ก็เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งร้ายกาจเกิดขึ้นในฮอกวอตส์ และแฮร์รี่ก็ต้องให้เพื่อนใหม่ซึ่งก็คือรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ค้นหาว่ามันคืออะไร ตอนจบของหนังสือเน้นไปที่การทดสอบและอุปสรรคต่างๆ ที่แฮร์รี่จะไม่สามารถผ่านพ้นไปได้เลยหากไม่ได้มิตรภาพและความรักจากแม่”
  5. ปิดท้ายบทสรุปของคุณด้วยการบอกว่า คุณคิดว่าอะไรคือบทเรียนจากหนังสือ ย้อนกลับไปดูโน้ตเพื่อทวนอีกครั้งว่ามีประเด็นอะไรที่โผล่มาซ้ำๆ ส่วนนี้ควรเป็นประโยคสุดท้ายของบทสรุป [9]
    • เช่น “เจ. เค. โรว์ลิ่งใช้เรื่องราวของเธอแสดงให้เห็นว่า แม้แต่คนที่มีพรสวรรค์ก็ยังต้องอาศัยมิตรภาพและความรักเอาชนะสิ่งชั่วร้าย”
  6. บทสรุปควรเป็นการบรรยายหนังสืออย่างเป็นกลาง เน้นไปที่ข้อเท็จจริงของหนังสือ อย่าเขียนว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับหนังสือ หรือคุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผู้เขียน [10]
    • เช่น คุณสามารถพูดได้ว่า “ทั้งศาสตราจารย์ควีเรลล์และลอร์ดโวลเดอมอร์หายตัวไปหลังจากไม่สามารถนำศิลาอาถรรพ์มาได้” แต่ไม่สามารถเขียนได้ว่า “มันแย่มากที่ลอร์ดโวลเดอมอร์หายไป เพราะเขาคือคนที่ร้ายกาจที่สุดและผู้เขียนก็ควรให้เขาถูกจับ”
  7. คุณต้องเช็กตรวจสะกดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณสะกดถูกหมด อ่านบทสรุปออกเสียงเพื่อตรวจหลักภาษาหรือการใส่เครื่องหมายวรรคตอนผิด และเช็กจำนวนคำอีกครั้ง [11]
    • อย่าพึ่งพาโปรแกรมตรวจการสะกดมากนัก เพราะมันไม่สามารถตรวจสอบในแง่บริบทได้และไม่สามารถหาจุดผิดทางหลักภาษาได้
    • คุณอาจจะเขียนบทสรุปสำหรับกลุ่มอ่านหนังสือหรือใช้เอง ซึ่งแม้ว่าการแก้ไขจะไม่ได้สำคัญกับกรณีพวกนี้มากนัก แต่คุณก็ต้องให้บทสรุปของคุณสมเหตุสมผลอยู่ดี อ่านทวนเร็วๆ อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเขียนบทสรุปออกมาได้อย่างชัดเจน
  8. โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเขียนบทสรุปส่งเป็นการบ้านที่โรงเรียน การให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวอ่านทวนงานให้คุณเป็นความคิดที่ดีมาก เพราะพวกเขาอาจจะเจอข้อผิดพลาดที่คุณไม่เห็น ถ้าคุณขอให้เพื่อนที่เรียนด้วยกันอ่านให้ คุณก็อาจจะแลกกันอ่านเพื่อช่วยดูงานให้กันก็ได้!
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

อ่านอย่างละเอียด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาที่เงียบๆ ที่สามารถอ่านหนังสือได้โดยไม่มีสิ่งรบกวน. ที่ที่ห่างไกลจากทีวี ปิดเสียงโทรศัพท์และวางไว้ต่างหากเพื่อที่คุณจะไม่ได้อยากเปิดดู จดจ่อไปที่หนังสือเพียงอย่างเดียว และเพลิดเพลินไปกับเวลาที่คุณจะได้อ่านหนังสือ
    • นอกจากนี้คุณก็ควรเลือกที่ใกล้โคมไฟหรือหน้าต่างเพื่อที่ตาคุณจะได้ไม่ล้าระหว่างอ่านหนังสือ
  2. เพื่อไม่ให้คุณเหนื่อยล้าจนเกินไป ให้อ่านครั้งละ 20 นาที ถ้าคุณอ่านเพลินจริงๆ คุณจะอ่าน 1 หรือ 2 ชั่วโมงก็ได้ วิธีนี้จะทำให้คุณได้ประมวลหนังสือช้าลง
  3. จัดสรรเวลาให้พอถ้าคุณมีกำหนดวันที่ต้องอ่านให้จบ. คุณคงไม่อยากเบิ่งตาอ่านหนังสือและเขียนสรุปรวดเดียวทั้งคืน วางแผนอย่างน้อย 2 สัปดาห์สำหรับหนังสือเล่มบางและประมาณ 1 เดือนสำหรับหนังสือเล่มหนา ค่อยๆ อ่านเก็บเล็กผสมน้อยทุกวัน
    • ถ้าบทสรุปนี้เป็นการบ้านหรือสำหรับกลุ่มอ่านหนังสือ ให้เริ่มอ่านทันทีที่ได้รับมอบหมาย เพราะครูหรือหัวหน้ากลุ่มอาจจะคำนวณจำนวนสัปดาห์ที่คุณต้องใช้ในการอ่านหนังสือให้จบและเขียนบทสรุปแบบไม่รีบจนเกินไปไว้แล้ว
  4. ส่วนที่สำคัญในหนังสือควรจะหาได้ง่าย ถ้าคุณสังเกตว่าตัวละครหลักเกิดการตระหนักรู้ครั้งใหญ่หรือมีจุดหักมุมแบบฟ้าผ่า ให้อ่านย่อหน้าเหล่านั้นในหนังสืออีกครั้ง [12]
    • ส่วนเหล่านี้มักจะไม่เน้นไปที่การบรรยาย แต่จะพูดถึงจุดหักเหของโครงเรื่อง เหตุการณ์สะเทือนใจ หรือการคลี่คลายปมขัดแย้งบางอย่าง
  5. ตัวละครหลักจะเป็นผู้ที่การกระทำ ความผิดพลาด และความรู้สึกของเขาบอกถึงประเด็นหลักของหนังสือ อ่านส่วนที่มีตัวละครหลักโผล่มาให้ละเอียดเป็นพิเศษ [13]
  6. อย่าให้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มาทำให้คุณไขว้เขว. ตอนที่คุณเขียนบทสรุป คุณไม่ควรใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับตัวละครรอง คำอธิบาย หรือประเด็นโครงเรื่องรอง แม้ว่าคุณจะควรอ่านส่วนต่างๆ เหล่านี้ในหนังสืออย่างละเอียดก็ตาม แต่โดยทั่วไปมันไม่ได้มีบทบาทหลักในบทสรุปของคุณ [14]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,100 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา