ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเขียนบัตรเชิญอย่างเป็นทางการนั้นเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับการจัดงานเลี้ยงแบบเป็นทางการ ไม่ว่าคุณจะเลือกส่งเป็นการ์ดกระดาษหรือส่งแบบออนไลน์ก็ตาม บัตรเชิญคือสิ่งที่บ่งบอกถึงลักษณะของงานและทำให้แขกรู้ว่าควรเตรียมตัวอย่างไร การเลือกถ้อยคำเชื้อเชิญที่เหมาะสมสำหรับงานและการเลือกวิธีการส่งบัตรเชิญที่เหมาะสม จะทำให้การเชิญแขกมาร่วมงานดูดีและสร้างความประทับใจให้แขกได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้คำที่เหมาะสมสำหรับบัตรเชิญที่เป็นทางการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ว่างานที่คุณจัดจะเป็นงานเลี้ยงประเภทใด คุณก็ต้องเขียนคำเชิญด้วยภาษาที่เป็นทางการลงไปในบัตรเชิญอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็หมายความว่าคุณต้องลงวันที่และเขียนคำอื่นๆ ที่มักย่อกันออกมาเป็นคำเต็ม [1]
    • ตัวอย่างเช่น คุณต้องเขียนว่า "วันเสาร์ที่ 19 พฤษจิกายน” แทนที่จะเขียนว่า “วันเสาร์ 19 พ.ย.”
    • คุณควรเขียนที่อยู่ว่า“253212 ถนน บอสตัน” ไม่ใช่ “253212 ถ. บอสตัน”
  2. อย่าเขียนชื่อย่อของแขก เช่น คุณควรเขียนว่า “สเตฟานี่ สมิธ” ไม่ใช่เขียนชื่อย่อว่า “สเตฟ สมิธ" นอกจากนี้คุณควรเลือกเรียกแขกด้วยนามสกุลเสมอ
  3. หนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของบัตรเชิญอย่างเป็นทางการคือการระบุเจ้าภาพลงไปในบัตร ร่ายเรียงชื่อบรรดาเจ้าภาพเพื่อบอกให้แขกทราบว่าใครคือบุคคลที่เชิญพวกเขาไปร่วมงาน วิธีการเขียนชื่อเจ้าภาพและวิธีการเรียงลำดับนั้นขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนจัด การทำตามกฎเกณฑ์เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเป็นพิเศษเมื่อคุณกำลังเขียนบัตรเชิญสำหรับงานแต่งงาน [2]
    • ตัวอย่างเช่น คุณควรเริ่มต้นข้อความเชิญชวนมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยการบอกว่า "แซมและเอเลน สมิธ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเชิญชวนให้ท่านมาร่วมฉลองการจบการศึกษาของเลสลี่ ลูกสาวของทั้งสองที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท"
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ปรับเปลี่ยนรูปแบบสำหรับบัตรเชิญมาร่วมมงานแต่งงาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยปกติแล้วเจ้าภาพคือคนที่จ่ายเงินสำหรับจัดงานแต่งงาน ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะมีบทบาทต่อการเรียงลำดับชื่อเจ้าภาพในบัตรเชิญ ชื่อพ่อแม่ของเจ้าสาวมักปรากฎชื่อที่บรรทัดแรก จากนั้นจึงตามด้วยชื่อพ่อแม่เจ้าบ่าวที่บรรทัดที่สาม โดยมีคำว่า "และ"​ คั่นอยู่ที่บรรทัดที่สอง จำไว้ว่าชื่อของเจ้าสาวนั้นต้องมาก่อนชื่อของเจ้าบ่าวเสมอ
    • หากคุณกำลังเขียนบัตรเชิญสำหรับงานแต่งของคนเพศเดียวกัน คุณจะลำดับชื่อพ่อแม่ของทั้งคู่ไว้อย่างไรก็ได้ตามที่คุณเห็นสมควร โดยคุณอาจเรียงตามลำดับตัวอักษรหรืออาจจะโยนเหรียญเสี่ยงทายเอาก็ได้ว่าจะให้ใครมาก่อน [3]
  2. มีกฎเกณฑ์หลายอย่างที่คุณต้องทำตาม เพื่อเขียนชื่อเจ้าภาพให้ถูกต้องแต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าภาพเป็นใคร โดยปกติแล้ว เจ้าภาพจะขึ้นต้นด้วยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าสาวก่อน จากนั้นจึงตามด้วยบรรดาญาติๆ ของเจ้าบ่าว
    • หากพ่อแม่ของเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวยังคงสถานภาพแต่งงาน ให้เขียนไปว่า "คุณและคุณนาย" จากนั้นก็ตามด้วยชื่อและนามสกุลของพ่อเจ้าสาว ดังนั้น ชื่อพ่อแม่ของทิฟฟานี่ สมิธ ควรจะเขียนว่า "คณและคุณนาย จอห์น สมิธ" หรือ "คุณและคุณนาย เจมส์ คาร์เตอร์" ที่บรรทัดแรกของการ์ด จากนั้นชื่อของพ่อแม่เจ้าบ่าวก็ควรจะเขียนออกมาในรูปแบบเดียวกันที่บรรทัดที่สาม (โดยมีคำว่า "และ"​ คั่นกลางอยู่ที่บรรทัดที่สอง)
    • หากทั้งครอบครัวของเจ้าสาวและเจ้าบ่าวเป็นเจ้าภาพ คุณควรเขียนว่า "ครอบครัวของคู่บ่าวสาว"​ ไว้ที่บรรทัดแรก จากนั้นจึงตามด้วยชื่อของเจ้าสาว คำว่า "และ"​ และชื่อของเจ้าบ่าว โดยใส่ไว้ที่บรรทัดที่สอง สามและสี่ตามลำดับ
    • หากพ่อแม่ของเจ้าสาวหย่าร่างหรือแต่งงานใหม่แต่เป็นเจ้าภาพร่วมกัน คุณควรเรียงลำดับโดยเริ่มจากชื่อและนามสกุลใหม่ของแม่ จากนั้นจึงตามด้วยชื่อพ่อ ตัวอย่างเช่น คุณอาจเขียนว่า "คุณและคุณนาย จิล วิลบี และ คุณและคุณนาย เกรก สมิธ" เช่นเดียวกับกรณีก่อนหน้านี้ แต่ละคู่จะเขียนแยกคนละบรรทัดและมีคำว่า "และ"​ คั่นกลางที่บรรทัดที่สอง
    • หากบุคคลอื่นนอกเหนือจากพ่อแม่หรือพ่อแม่เลี้ยงเป็นเจ้าภาพ เขียนชื่อเจ้าภาพและระบุความสัมพันธ์ที่มีต่อเจ้าสาวและเจ้าบ่าว เช่น หากพี่ชายของเจ้าสาวเป็นเจ้าภาพ คุณควรเขียนว่า "คุณสแตนลีย์ สมิธ มีความยินดีที่จะเชิญให้คุณมาร่วมงานแต่งงานของสเตฟานี่ สมิธ ผู้เป็นน้องสาว"​
  3. เมื่อคุณได้เขียนรายชื่อเจ้าภาพของงาน(ตามลำดับที่ถูกต้อง)แล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณต้องเชื้อเชิญแขกมาร่วมงานแต่งงานแล้วล่ะ ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าภาพ บรรทัดถัดจากรายชื่อเจ้าภาพต้องเขียนว่า "รู้สึกยินดีที่จะเชื้อเชิญให้คุณมาร่วมเป็นเกียรติในงาน"​หรือ "รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งให้คุณมาร่วมแสดงความยินดี"​ จากนั้นจึงตามด้วยคำว่า "ในงานแต่งงานของ"​ หากมีบุคคลอื่นนอกจากเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเป็นเจ้าภาพ หรือ "ในงานแต่งงาน"​ หากเจ้าสาวและ/หรือเจ้าบ่าวเป็นเจ้าภาพด้วย
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจบอกว่า "(ชื่อเจ้าภาพ) รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียนเชิญคุณร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานของทิฟฟานี่ สมิธ ผู้เป็นลูกสาวกับนายอดัม โจนส์ (หากพ่อแม่ของเจ้าสาวเป็นเจ้าภาพ) หรือ "(ชื่อเจ้าภาพ) รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียนเชิญคุณมาร่วมงานแต่งงานระหว่างทิฟฟานี่ สมิธกับอดัม โจนส์ ผู้เป็นลูกชายของทั้งสอง" (หากพ่อแม่ของเจ้าบ่าวเป็นเจ้าภาพ) [4]
  4. เมื่อคุณได้แจ้งแล้วว่าใครเป็นเจ้าภาพและเชิญชวนแขกมาร่วมงานเรียบร้อยแล้ว ก็ใส่รายละเอียดที่เหลือของงานแต่งลงไปด้วย โดยคุณควรเรียงลำดับโดยเริ่มจาก วันที่ เวลา และสถานที่ที่จัดงานแต่งงานโดยเขียนแยกออกมาทีละบรรทัด
  5. หากจะมีงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสที่เชิญแขกเหรื่อทุกคนมาร่วมหลังจากพิธีแต่งงาน คุณสามารถใส่ข้อมูลนี้ลงไปที่บัตรเชิญได้เลย หากไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับเชิญ คุณควรเขียนข้อมูลสำหรับวันมงคลสมรสแยกต่างหากและใส่ร่วมไปกับบัตรเชิญมาร่วมงานแต่ง
    • หากคุณใส่ข้อมูลเกี่ยวกับงานฉลองมงคลสมรสลงไปบนบัตรเชิญเลย ข้อมูลส่วนนี้ควรมาหลังสุดและระบุเวลารวมถึงสถานที่จัดงาน ตัวอย่างเช่น คุณอาจเขียนว่า "งานฉลองมงคลสมรสจะจัดขึ้นเวลา 5 โมงเย็น ที่เดอะ คันทรีคลับ 3000 คันทรี คลับ เลน มินเนอาโพลิส มินนิโซตา” หรือเขียนว่า “งานฉลองมงคลสมรสจะจัดขึ้นในวันเดียวกัน”​ และ “เวลา 5 โมงเย็น” โดยทั้งสองประโยคควรเขียนแยกคนละบรรทัด เช่นเดียวกับชื่อถนน ชื่อสถานที่จัดงาน และชื่อเมืองที่จัดงาน
    • หากคุณเขียนบัตรเชิญร่วมงานฉลองมงคลสมรสต่างหาก เขียนระบุไว้ที่ใต้บัตรเชิญด้วย [5]
  6. หากคุณต้องการให้แขกตอบว่าจะมาร่วมงานหรือไม่ (ซึ่งเจ้าภาพส่วนใหญ่จะต้องการให้ตอบรับเพราะสถานที่จัดงานต้องทราบจำนวนแขกที่จะมาร่วมงาน) คุณต้องระบุไปด้วยว่าแขกจะตอบรับอย่างไร ซึ่งโดยปกติแล้วมักมีการ์ดตอบรับคำเชิญซึ่งระบุวันที่ต้องตอบรับ พร้อมบอกที่อยู่และแนบซองจดหมายที่ติดแสตมป์แล้วแนบมากับบัตรเชิญด้วย เว้นที่ให้แขกเขียนชื่อตัวเองและระบุว่าจะคนมาร่วมงานด้วยกี่คน [6]
    • ตัวอย่างเช่น การ์ดตอบรับคำเชิญแบบมาตรฐานจะเขียนว่า “คุณ______________ __ จะมาร่วมงาน __ จะไม่มาร่วมงาน” คำว่า “คุณ” ที่ตอนต้นจะทำให้แขกเขียนเพิ่มได้ว่าเป็น “คุณนาย” “คุณ” “คุณและคุณนาย” หรือ "คุณและภรรยา” ซึ่งจะทำให้เจ้าภาพทราบได้ว่าแขกกี่คนจะมาร่วมงาน
    • หากคุณขอให้แขกเลือกเมนูอาหารล่วงหน้า คุณต้องเขียนเมนูไว้ที่การ์ดตอบรับคำเชิญด้วย ร่ายเรียงตัวเลือกสำหรับเมนูอาหารและเว้นที่ด้านล่างไว้เพื่อให้แขกใส่ชื่อว่าใครต้องการเมนูอะไรบ้าง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เขียนคำเชิญมาร่วมงานที่ไม่ใช่งานแต่งงานอย่างเหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เชิญแขกมาร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นอย่างเป็นทางการ. เมื่อคุณต้องการเชิญแขกมาร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นอย่างเป็นทางการ คุณควรใช้คำเชิญว่า "มางานเลี้ยงอาหารเย็น" หรือ "มาร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็น"​ แต่อย่าใช้คำว่า "มารับประทานอาหารเย็น" เด็ดขาด ข้อความที่ส่งเชิญชวนควรเขียนว่า "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเชิญชวนให้ท่านมางานเลี้ยงอาหารเย็น" หรือ "เรารู้สึกเป็นเกียรติที่จะเชิญให้คุณมาร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็น" ก่อนจะระบุว่าจะเลี้ยงอาหารเย็นเนื่องในโอกาสอะไร ​ [7]
    • คุณจะระบุเจ้าภาพที่จัดงานเลี้ยงอาหารเย็นอย่างเป็นทางการนี้หรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าจะระบุต้องระบุไว้ที่ด้านบนของบัตรเชิญ
  2. การเขียนบัตรเชิญมาร่วมงานฉลองครบรอบแต่งงานนั้นคล้ายกับการเขียนเชิญมร่วมงานแต่งงานนั่นแหละ คุณต้องใส่ชื่อเจ้าภาพ วันที่ และสถานที่ แต่คุณต้องระบุไว้ด้วยว่าเป็นงานเลี้ยงฉลองครบรอบแต่งงาน [8]
    • เช่น คุณอาจเขียนว่า "แดนและแครอล สมิธจะฉลองครบรอบแต่งงานครบห้าสิบปี บรรดาลูกๆ จึงใคร่อยากเรียนเชิญให้ท่านมาร่วมงานเลี้ยงฉลองที่เดอะคันทรีคลับ"
    • หากคุณไม่ต้องการให้แขกเตรียมของขวัญมาให้คู่สมรส คุณอาจระบุไปว่า "งดของขวัญนะคะ/นะครับ”​ ที่ท้ายบัตรเชิญ
  3. เชิญแขกมาร่วมงานเลี้ยงฉลองก่อนการแต่งงานของเจ้าสาวหรืองานเลี้ยงก่อนคลอดลูก. บัตรเชิญประเภทนี้มักจะไม่เป็นทางการเท่าบัตรเชิญมาร่วมงานแต่งงาน คุณจะใส่ชื่อเจ้าภาพหรือไม่ก็ได้ แต่คุณควรระบุชื่อว่าที่เจ้าสาวและ/หรือคู่แต่งงานและข้อมูลเกี่ยวกับงานเลี้ยง โดยการเว้นวรรคตอนของบัตรเชิญมาร่วมงานควรทำตามการเว้นวรรคตอนสำหรับการเขียนบัตรเชิญไปร่วมงานแต่งงาน [9]
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจเขียนว่า "ขอเรียนเชิญคุณให้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองก่อนงานแต่งงานของทิฟฟานี่ สมิธ ผู้เป็นเจ้าสาว โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน เวลา 6 โมงเย็น ที่เดอะคันทรีคลับ มินเนอาโพลิส มินนิโซตา”
  4. วิธีการตอบรับคำเชิญสำหรับงานเลี้ยงอื่นๆ นอกเหนือจากงานแต่งงานนั้นค่อนข้างหลากหลาย คุณควรให้แขกแจ้งว่าจะมาร่วมงานหรือไม่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณว่าอยากให้อีกฝ่ายบอกโดยวิธีไหน งานเลี้ยงอาหารเย็นอย่างเป็นทางการควรจะแนบการ์ดตอบรับคล้ายๆ กับการ์ดตอบรับมาร่วมงานแต่งงานไปด้วย แต่งานเลี้ยงฉลองครบรอบแต่งงานหรืองานเลี้ยงฉลองก่อนการแต่งงานหรือฉลองก่อนการคลอดลูกนั้น อาจจะแค่ขอให้แขกโทรศัพท์มาแจ้งแก่เจ้าภาพก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การส่งบัตรเชิญไปให้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณจะส่งบัตรเชิญไปให้คู่แต่งงาน โดยปกติแล้วตามธรรมเนียมคุณควรเขียนว่า "คุณและคุณนาย"​ จากนั้นจึงตามด้วยชื่อสามี อย่างไรก็ตาม หากคู่แต่งงานไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกัน คุณควรใส่ชื่อของทั้งคู่ หากคุณจะส่งบัตรเชิญไปให้คู่แต่งงานเพศเดียวกัน คุณควรใส่ชื่อของทั้งคู่เช่นกัน [10]
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจเขียนว่า "คุณและคุณนายสแตนลีย์ สมิธ" "คุณสแตนลีย์ สมิธและคุณนายเอมม่า สโตน" หรือ "คุณนายจูเลีย กูลด์ และ คุณนายเอลิซาเบธ กูลด์"
  2. ส่งบัตรเชิญหาคู่สมรสที่มีคำนำหน้าชื่อเฉพาะใดชื่อหนึ่งหรือมากกว่าชื่อหนึ่ง. หากแขกคนใดของคุณมีคำนำหน้าชื่อเฉพาะ เช่น “คุณหมอ” คุณควรจะใส่คำนำหน้าชื่อนี้ไปด้วย หากหนึ่งในคู่สมรสมีคำนำหน้าชื่อเฉพาะ ใส่คำนำหน้าชื่อนั้นไปและตามด้วยคำว่า “คุณ” หรือ “คุณนาย”สำหรับคู่สมรสอีกคน [11]
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจเขียนว่า "คุณหมอสเตฟานี่และคุณเจมส์ สมิธ" หากทั้งสองมีนามสกุลเดียวกัน "คุณหมอสเตฟานี่ โจนส์ และคุณเจมส์ สมิธ" หากทั้งสองมีนามสกุลแตกต่างกัน หรือ "คุณหมอสเตฟานี่ โจนส์ และคุณหมอเจมส์ สมิธ" หากทั้งสองมีนามสกุลแตกต่างกันและยังมีคำนำหน้าชื่อเฉพาะของตัวเองทั้งคู่ด้วย
  3. ส่งบัตรเชิญต่างหากให้แก่แขกที่อายุสิบแปดปีหรือแก่กว่านี้. เว้นเสียแต่ว่าแขกยังพักอยู่กับพ่อแม่ บุคคลที่อายุสิบแปดปีขึ้นไปควรจะได้รับบัตรเชิญเป็นของตัวเอง คุณจะเรียกอีกฝ่ายว่า "นางสาว" ​หรือ “นาย" หากแขกยังโสดอยู่ [12]
  4. หากคุณอยากจะเชิญแขกทั้งครอบครัวมาร่วมงาน ไม่ว่าแขกจะอายุเกินสิบแปดปีหรือไม่ คุณอาจจะเขียนเพียงแค่ว่า “ครอบครัวสมิธ” และใส่ที่อยู่ของแขกไว้ การทำแบบนี้จะทำให้ผู้รับทราบว่าทุกคนในครอบครัวนั้นได้รับคำเชิญ [13]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ตัวอักษรที่ใช้พิมพ์บัตรเชิญควรจะสะท้อนถึงลักษณะของงานเลี้ยงและ/หรือใส่รายละเอียดที่ระบุถึงแบรนด์ที่อยู่เบื้องหลังงานเลี้ยง โดยปกติแล้วบัตรเชิญมาร่วมงานเลี้ยงทางธุรกิจหรืองานสังคมมักใช้ตัวอักษร Aristocrat, Balmoral, และ Bank Gothic
  • บัตรเชิญควรส่งออกก่อนงานเลี้ยงจริงเกิดขึ้นแปดสัปดาห์
  • แขกที่ยังโสดและอายุเกินสิบแปดปีหรือคู่รักที่อายุเกินสิบแปดปีควรได้รับบัตรเชิญแยกเป็นของตัวเอง
  • หากคุณกำลังเขียนบัตรเชิญมาร่วมงานแต่งงาน ใส่รายละเอียดเรื่องของขวัญของคู่แต่งงานไว้ในการ์ดแยกอีกใบ (ส่วนใหญ่ร้านที่ดูแลเรื่องของขวัญคู่แต่งงานมักจะเตรียมการ์ดแบบนี้ให้อยู่แล้ว) อย่าเขียนลงไปบนบัตรเชิญ
  • บัตรเชิญที่ส่งแบบออนไลน์ควรจะใช้ถ้อยคำและรูปแบบเดียวกับบัตรเชิญแบบเป็นลายลักษณ์อักษร
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 36,207 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา