ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเขียนบันทึกประจำวันอาจเป็นการเขียนบันทึกกิจกรรมต่างๆ ที่คุณทำในแต่ละวัน การรวบรวมความคิดอันลึกซึ้งเกินบรรยาย หรืออาจเป็นเพียงแค่การควบคุมให้คุณทำงานได้สม่ำเสมอเมื่อคุณต้องทำงานอะไรสักอย่างให้สำเร็จ ในขณะเขียนบันทึกประจำวันของตัวเองนั้น ลองเขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ของแต่ละวัน ความลับที่คุณต้องการระบายหรือจะเขียนร้อยเรียงความคิดที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญก็ได้ แต่หากคุณต้องเขียนบันทึกประจำวันเพื่อส่งครู คุณต้องอ่านโจทย์ที่ได้มาอย่างละเอียด คิดให้ดีว่าคุณได้เรียนรู้อะไรไปบ้างและเขียนถ่ายทอดสิ่งที่ได้วิเคราะห์ออกมา พวกกฎเกณฑ์เฉพาะเจาะจงในการเขียน เช่น เขียนทำไม เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไรนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับคุณเป็นตัวกำหนดเป็นกรณีไป แต่แค่เริ่มทำตามนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วล่ะ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

เขียนบันทึกส่วนตัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอาจจะใช้สมุดโน้ต สมุดฉีก สมุดเปล่า โปรแกรมช่วยพิมพ์ หรือแอปพลิเคชั่นช่วยบันทึกเช่น เรดโน้ตบุ๊ค หรือจะซื้อสมุดบันทึกล็อกกุญแจที่ร้านเครื่องเขียนหรือเขียนลงบนอะไรที่คุณพอใจก็ได้ แค่ขอให้สิ่งนั้นมีหน้าว่างๆ ให้คุณเขียนก็พอ และหน้าเหล่านั้นต้องอยู่รวมกันจะได้ไม่กระจัดกระจายหายไปไงล่ะ
  2. หากคุณเลือกในโปรแกรมช่วยพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ในขั้นตอนแรกก็ข้ามขั้นตอนนี้ไป แต่ถ้าคุณใช้สมุดจริงๆ ก็เลือกใช้ปากกาที่คุณชอบ (คุณอาจจะใช้ดินสอเขียนบันทึกก็ได้ แต่สิ่งที่เขียนจะจางหายไปเยอะเลยเมื่อเวลาผ่านไป) หลายคนที่ชอบเขียนบันทึกจะมีปากกายี่ห้อโปรดหรือลักษณะปากกาที่ชอบต่างกัน (เช่น บางคนชอบปากกาหมึกเจลมากกว่าปากกาลูกลื่น) ไม่ว่าจะอย่างไร เครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้เขียนบันทึกจะต้องจับถนัดมือและช่วยให้คุณเขียนได้คล่องตามต้องการ
  3. คุณอาจจะถือสมุดบันทึกไปด้วยทุกที่จะได้เขียนลงไปเมื่อไหร่ก็ตามที่ความคิดพุ่งกระฉูด หรือคุณอาจจะเลือกเขียนบันทึกในเวลาเดียวกันของแต่ละวันโดยนั่งลงและปลดปล่อยความคิดผ่านการเขียน ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหนก็หัดเขียนให้เป็นนิสัย การเขียนบันทึกให้เป็นกิจวัตรจะช่วยทำให้คุณมีโอกาสเขียนอย่างต่อเนื่องมากกว่านะ
  4. เลือกสภาพแวดล้อมที่สร้างความสงบและชวนให้รู้สึกอยากเขียน ไม่ว่าจะเป็นมุมส่วนตัวในห้องหรือในร้านกาแฟอันพลุกพล่าน หากคุณไม่แน่ใจว่าจะไปเขียนที่ไหน ก็ลองเขียนหลายๆ ที่ในต่างเวลาของช่วงวันดูสิ
  5. อาจจะดูน่าเบื่ออยู่สักหน่อยแต่นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องทำเมื่อเขียนบันทึก คุณจะต้องทึ่งเมื่อรู้ภายหลังว่าการลงวันที่ในแต่ละวันนั้นมีประโยชน์มากเพียงใด
  6. เมื่อคุณเริ่มเขียนบันทึก เขียนถึงความคิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในหัว หากคุณรู้สึกเขียนไม่ออก ลองเริ่มจากการเขียนว่าคุณได้ทำอะไรไปบ้างในวันนั้นหรือเขียนถึงสถานการณ์สำคัญในชีวิตที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ ประเด็นเหล่านี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่หัวข้อน่าสนใจอื่นๆ ที่อาจจะนำไปต่อยอดได้
    • พยายามคิดเสียว่าการเขียนบันทึกคือการ "ถ่ายทอดความคิดลงบนกระดาษ" คุณไม่จำเป็นต้องเรียบเรียงความคิดจนสวยหรูหรือเขียนถูกหลักไวยากรณ์และใช้เครื่องหมายวรรคตอนถูกเป๊ะๆ พยายามคิดเสียว่าบันทึกก็คือพื้นที่ที่คุณสามารถเขียนอะไรลงไปก็ได้และเป็นสิ่งที่ช่วยจัดระเบียบความคิดและความรู้สึกของคุณเอง
    • อย่าเขินอาย. หากคุณไม่ได้คิดว่าจะโชว์บันทึกของตัวเองให้คนอื่นอ่าน ก็แค่จำไว้ว่าบันทึกนี้มีแค่คุณที่ได้อ่านและไม่ต้องไปกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร การปลดปล่อยความคิดอย่างอิสระนั้นเป็นส่วนสำคัญในการทำให้บันทึกที่คุณเขียนมีความหมายนะ
  7. พยายามหัดเขียนหลายๆ แนวลงไปบนบันทึก เช่น เขียนไล่ลงมาเป็นรายการ เขียนกลอน เขียนบทละคร หรือเขียนอะไรก็ตามที่ไหลผ่านเข้ามาในห้วงคำนึง คุณอาจจะผนวกผลงานศิลปะลงไปในงานเขียนด้วยก็ได้เช่นสเก็ตช์ภาพหรือตัดแปะไงล่ะ
  8. คุณอาจจะหยุดเขียนทันทีที่รู้สึกเหนื่อยกับการใช้ความคิดหรือเมื่อคุณเขียนไปได้หลายหน้าแล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกหยุดตอนไหน หยุดก่อนที่คุณจะรู้สึกเหนื่อยเกินไป จำไว้ว่าคุณอยากจะรักษาพลังงานเอาไว้เพื่อที่จะได้กลับมาเขียนบันทึกได้อีกครั้งนะ
  9. คุณอาจจะอ่านทันทีหลังจากเขียนเสร็จหรือแบ่งเวลาไว้เฉพาะสำหรับอ่านสิ่งที่เขียนในอดีตก็ได้ คุณอาจจะได้เรียนรู้เรื่องราวลึกซึ้งมากมายเพียงแค่ได้ย้อนอ่านบันทึกเท่านั้นเอง
  10. ยิ่งคุณให้เวลากับการเขียนบันทึกมากเท่าไหร่ บันทึกนั้นก็จะยิ่งมีคุณค่า พยายามเขียนบันทึกจนเป็นนิสัยและเขียนต่อไปเรื่อยๆ นะ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

เขียนบันทึกส่งครู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ครูสั่งให้คุณเขียนบันทึกประสบการณ์ส่วนตัวหรือเขียนสรุปความคิดหลังจากได้อ่านหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งกันล่ะ? ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไร คุณต้องอ่านและอ่านย้ำว่าครูสั่งให้ทำอะไรกันแน่เพื่อที่จะได้เข้าใจคำสั่งอย่างถ่องแท้
  2. คุณอาจจะต้องเขียนบันทึกจำนวนหนึ่งเพื่อจะทำงานที่ครูสั่งให้เสร็จ แทนที่จะเขียนรวดเดียวหนึ่งคืนก่อนถึงวันส่ง พยายามเขียนตามกำหนดเวลาจะดีกว่า หากคุณลืมเขียนบันทึกก็ตั้งเตือนไว้บนมือถือหรือขอให้คนอื่นช่วยเตือนเมื่อถึงเวลาก็ได้
  3. เริ่มต้นการเขียนบันทึกด้วยการลงวันที่เขียน หรือหากคุณอยากเขียนเวลากำกับไว้ว่าเริ่มเขียนตอนกี่โมงก็ทำได้เช่นกัน
  4. เริ่มเขียนบันทึกหนึ่งหรือสองบรรทัดนับจากวันที่ ลองทำตามคำแนะนำด้านล่างดูหากคุณต้องเขียนบันทึกเพื่อส่งครูที่โรงเรียน
    • ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ คุณวางแผนที่จะนำบทเรียนมาปรับใช้กับชีวิตตัวเองอย่างไร?
    • หยิบยกข้อความจากหนังสือหรือการบ้านที่คุณรู้สึกว่ามีความหมายกับตัวเอง หลังจากเขียนข้อความลงไปแล้วก็เขียนอธิบายต่อว่าทำไมถึงชอบข้อความนั้นๆ
    • เขียนอธิบายความคิดและสิ่งที่คุณรู้สึกต่อการบ้าน ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องเขียนบันทึกการอ่านก็อาจจะเขียนความรู้สึกของคุณที่มีต่อตัวละครบางตัวหรือบทบางบทในหนังสือก็ได้
  5. การเขียนบันทึกนั้นคือการเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวเอง ดังนั้นคุณควรจะเขียนโดยใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง ซึ่งก็คือการเขียนคำว่า “ฉัน” “ตัวฉัน” “ของฉัน” ในประโยคนั่นเอง
  6. หากการบ้านระบุมาว่าต้องเขียนยาวกี่บรรทัดก็เขียนให้ได้ตามนั้น หากไม่มีกำหนดมาก็พยายามเขียนให้ได้ราวสองร้อยถึงสามร้อยคำต่อบันทึกหนึ่งเรื่อง
  7. สรุปจบบันทึกแต่ละเรื่องด้วยการทิ้งท้ายความคิด. อาจจะดีถ้าคุณลองสรุปความคิดของตัวเองออกมาเป็นประโยคหนึ่งถึงสองประโยคเพื่อปิดท้ายบันทึกของวันนั้นๆ ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเริ่มว่า “สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากวันนี้ก็คือ...” หรือ “ผมอยากจะใช้เวลาคิดเรื่อง...ให้มากขึ้น”
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณไม่จำเป็นต้องเริ่มบันทึกด้วยการเขียนว่า "ถึงบันทึกเพื่อนรัก" หรอกนะ เขียนแบบนี้ฟังดูแปลกจะตาย ลองเขียนถึงใครสักคน ตัวเอง หรือไม่ก็ไม่ต้องบอกว่าเขียนถึงใครเลย แค่เริ่มเขียนก็พอแล้ว
  • ใช้เวลาในการเขียน ไม่ต้องรีบและพยายามเขียนทุกอย่างลงไปให้เร็วที่สุดเพราะหากทำเช่นนั้นสิ่งที่เขียนอาจจะหนักเกินไปแทนที่จะมีพลังและมีความหมาย
  • บางทีเราอาจจะรู้สึกคับอกคับใจเมื่อเรื่องแย่ๆ เพิ่งเกิดขึ้นและเรื่องพวกนี้มักเป็นเรื่องที่เราเขียนถึง อย่างไรก็ดี พยายามจดจำสิ่งสวยงามในชีวิตดูบ้าง คุณคงอยากจะยิ้มหรือหัวเราะเมื่อย้อนกลับมาอ่านบันทึกใช่ไหม ดังนั้นก็คิดบวกเข้าไว้!
  • หากคุณไม่ได้เขียนบันทึกมาสักระยะหนึ่งแล้ว อย่าพยายามเขียนทุกเหตุการณ์สำคัญลงไปทั้งหมดเพราะนั่นจะทำให้คุณหมดอารมณ์เขียนเร็วเสียเปล่าๆ แค่เริ่มเขียนจากปัจจุบันและหากมีอะไรสำคัญที่เพิ่งเกิดขึ้นและยังติดอยู่ในใจก็แค่เขียนเพิ่มลงไป ลองคิดเสียว่าบันทึกคือ “การถ่ายภาพ”​ ช่วงเวลาต่างๆ ไม่ใช่การ “ถ่ายวิดีโอ” ชีวิตของตัวเองอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ นี่เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนะ!
  • หากคุณติดใจการเขียนแล้วล่ะก็อาจจะหยุดไม่ได้ง่ายๆ อย่าคิดว่าจะเลิกได้ล่ะ!
  • เขียนบทสนทนาเต็มๆ ลงไปเลย เขียนเหมือนเขียนหนังสือน่ะ
  • หากบันทึกของคุณเขียนได้ดีมากและคุณกลายเป็นคนดังภายหลัง บันทึกนี้อาจกลายเป็นอัตชีวประวัติของคุณก็ได้นะ
  • บางครั้งการอาบน้ำใต้ฝักบัวหรือแช่น้ำในอ่างอาจช่วยให้คุณจดจำและสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ดีขึ้น
  • เขียนไล่เรียงที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และอีเมลของเพื่อนรักทุกคนของคุณไว้ย้อนดูภายหลัง
  • เขียนระบุช่วงเวลาของเหตุการณ์ต่างๆ ไว้สิ! เช่น เขียนตามคาบเรียน เช่น “คาบเรียนแรกเริ่มตั้งแต่ ...โมง ถึง ...โมง คาบที่สองเริ่ม...” แล้วก็เขียนต่อไปเรื่อยๆ
  • เขียนบันทึกที่เหมาะกับตัวเอง หากเขียนบันทึกความรู้สึกทำให้คุณรู้สึกหม่นหมอง ลองเขียนว่าคุณได้ทำอะไรสำเร็จบ้างในแต่ละวันแทน ลองเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวไม่ใช่ดราม่าฟ้องบันทึกเหมือนเด็กแรกรุ่น
  • คุณอาจจะเขียนบันทึกถึงช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัวก็ได้เช่นกัน
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณเขียนเรื่องส่วนตัวสุดๆ ลงไปบนบันทึกก็ต้องเก็บให้ตัวเองอ่านได้แค่คนเดียวนะ
  • พกบันทึกไปด้วยทุกที่เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้ว่าตัวเองจะเกิดความคิดที่น่าสนใจจนควรบันทึกไว้ตอนไหน!
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 46,703 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา