ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เรซูเม่คือสิ่งที่ใช้ในการนำเสนอตัวเอง ซึ่งหากเขียนออกมาได้ดีจะสามารถนำเสนอทักษะ ประสบการณ์และความสำเร็จที่คุณมีได้ตรงกับความต้องการในสายงานที่คุณต้องการ บทความนี้จะให้ตัวอย่างของเรซูเม่สามตัวอย่างซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้กับเรซูเม่ของคุณได้ บทความนี้ยังจะพูดถึงขั้นตอนในการเขียนและรูปแบบในการจัดวางเนื้อหาที่จะช่วยให้ผู้อ่านสนใจ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

รูปแบบเรซูเม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งแรกที่ผู้ว่าจ้างจะเห็นในเรซูเม่ของคุณก็คือตัวอักษร ดังนั้น ตัวอักษรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสร้างความประทับใจให้กับผู้ว่าจ้าง ใช้รูปแบบตัวอักษรที่ดูเป็นมืออาชีพขนาด 11 หรือ 12 ตัวอักษรแบบ Time New Roman เป็นฟอนต์แบบที่มีขีดเล็ก ๆ ที่ปลายอักษรหรือที่เรียกว่าแบบ serif ในขณะที่ฟอนต์ Arial หรือ Calibri เป็นฟอนต์ที่นิยมสำหรับฟอนต์แบบไม่มีขีดที่ปลายอักษรหรือที่เรียกว่าแบบ sans-serif
    • ฟอนต์ Time New Roman เป็นฟอนต์ที่ค่อนข้างอ่านยากสำหรับหลาย ๆ คนเมื่ออ่านบนหน้าจอ. ดังนั้นหากคุณส่งเรซูเม่ผ่านอีเมล์ ลองใช้ฟอนต์ Georgia แทนสำหรับฟอนต์แบบ serif
    • คุณอาจจะเลือกใช้ฟอนต์หลาย ๆ แบบในเรซูเม่ของคุณ แต่พยายามอย่าใช้มากกว่า 2 แบบ หากต้องการให้ฟอนต์หลากหลาย ให้ลองใช้ฟอนต์แบบตัวหนาหรือตัวเอียงแทนในจุดที่คุณต้องการ
    • ขนาดของฟอนต์สำหรับส่วนหัวกระดาษและหัวข้อต่าง ๆ อาจจะใช้ขนาด 14 หรือ 16 ไม่ควรใช้ฟอนต์ที่ขนาดใหญ่มากนัก
    • ข้อความในเรซูเม่ทั้งหมดควรใช้สีดำ อย่าลืมนำลิงค์ต่าง ๆ ออก (อย่างเช่น ลิงค์เข้าไปในอีเมล์ของคุณ) เพื่อไม่ให้ข้อความในส่วนนั้นเป็นสีน้ำเงินหรือสีอื่น ๆ เมื่อพิมพ์ออกมา
  2. เรซูเม่ของคุณควรจะเว้นขอบไว้ด้านละ 1 นิ้ว และมีระยะห่างระหว่างบรรทัดที่ 1.5 หรือ 2 พ้อยท์ เนื้อหาของเรซูเม่ควรจะเขียนชิดด้านซ้ายและหัวกระดาษควรจะอยู่ตรงกลาง
  3. ส่วนนี้เป็นส่วนที่จะอยู่บนสุดของเรซูเม่ของคุณ ซึ่งจะบอกข้อมูลติดต่อทั้งหมดของคุณตั้งแต่ชื่อ ที่อยู่ อีเมล์และเบอร์โทรศัพท์ ชื่อของคุณควรจะใช้ฟอนต์ขนาดค่อนข้างใหญ่ประมาณ 14 หรือ 16 และคุณควรใส่ทั้งเบอร์โทรศัพท์บ้านและเบอร์โทรศัพท์มือถือถ้าคุณมีเบอร์ติดต่อทั้งสองแบบนี้
  4. รูปแบบโดยทั่วไปจะมีทั้งหมดสามแบบ คือ แบบเรียงตามลำดับเวลา, แบบแสดงทักษะและแบบผสม ประวัติการทำงานและประเภทงานที่คุณสมัครจะเป็นปัจจัยในการเลือกรูปแบบเรซูเม่ที่ควรใช้
    • เรซูเม่แบบเรียงตามลำดับเวลาจะใช้เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าในสายงานของคุณ เรซูเม่รูปแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่สมัครงานที่ตรงกับสายงานเดิมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในอาชีพของคุณ
    • เรซูเม่แบบแสดงทักษะจะเน้นที่ทักษะและประสบการณ์มากกว่าประวัติการทำงานจึงเหมาะสำหรับคนที่ยังมีประสบการณ์ทำงานไม่มากหรือเป็นคนที่ได้ประสบการณ์จากการธุรกิจส่วนตัวมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
    • เรซูเม่แบบผสม คือ เรซูเม่ที่ผสมรูปแบบทั้งแบบตามลำดับและแบบแสดงทักษะเข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับการแสดงทักษะความสามารถพิเศษที่คุณมีและวิธีที่คุณได้ทักษะเหล่านั้น หากคุณพัฒนาทักษะของคุณจากการทำงานในหลาย ๆ สายงาน เรซูเม่แบบนี้จะเหมาะที่สุด
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

การเขียนเรซูเม่แบบเรียงตามลำดับเวลา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยเรียงตามลำดับเวลาเริ่มจากงานล่าสุดของคุณก่อน ใส่ชื่อบริษัท ที่ตั้งของบริษัท ตำแหน่งงาน หน้าที่และความรับผิดชอบของคุณขณะที่ทำงานที่นั่น รวมไปถึงวันที่ที่คุณทำงาน
    • คุณอาจจะเขียนชื่อตำแหน่งงานของคุณก่อนหรือเลือกที่จะเขียนชื่อบริษัทก่อนก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเลือกอะไร ให้ใช้รูปแบบนั้นตลอดทั้งเรซูเม่ของคุณ
    • ในแต่ละรายการ ให้เขียนสิ่งที่คุณได้จากการทำงานหรือความสำเร็จจากงานนั้น โดยใส่รายละเอียดสั้น ๆ อธิบายความสำเร็จของคุณ
  2. คุณควรเขียนประวัติการศึกษาของคุณเรียงตามลำดับเวลาเช่นเดียวกับประวัติการทำงาน โดยเรียงจากสถานศึกษาล่าสุดของคุณ เขียนวิทยาลัย โรงเรียนที่คุณไปแลกเปลี่ยนหรือสถานที่ที่คุณได้ทุนไปศึกษาต่อถ้ามี หากคุณได้รับปริญญาบัตร ให้เขียนชื่อวุฒินั้น ๆ พร้อมกับปีที่คุณได้รับ ถ้าคุณยังไม่จบการศึกษา ให้ระบุชั้นปีที่คุณกำลังศึกษาพร้อมทั้งสถานที่และระบุปีที่คาดว่าจะจบ
    • ในแต่ละรายการ ให้เขียนชื่อมหาวิทยาลัย ที่ตั้งและคณะ รวมไปถึงภาควิชาที่คุณศึกษา
    • หากคุณได้เกรดเฉลี่ยรวมเกิน 3.5 ให้ใส่เกรดของคุณลงไปด้วย
  3. หลังจากที่คุณได้เขียนข้อมูลสำคัญอย่างประวัติการทำงานและประวัติการศึกษาแล้ว คุณสามารถเลือกที่จะเขียนอะไรอีกก็ได้ที่คุณเห็นว่าสำคัญ
    • หากคุณสามารถใช้ภาษาได้มากกว่า 1 ภาษา ให้ใส่ภาษาอื่น ๆ ลงในหัวข้อนี้ อย่าลืมที่จะระบุด้วยว่าคุณมีทักษะด้านภาษานั้นในระดับไหน เช่น ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง ใช้ได้คล่องแคล่ว เป็นต้น
    • หากคุณมีทักษะในด้านอื่น ๆ ที่ผู้สมัครคนอื่นอาจไม่มี เช่น ทักษะด้านการเขียนโปรแกรม ให้ระบุลงไปด้วย
  4. คุณควรจะเขียนบุคคลอ้างอิง 2-4 คน (ที่ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อน) โดยใส่ชื่อ ความเกี่ยวข้องกับคุณและข้อมูลติดต่ออย่างเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่และอีเมล์
    • บุคคลอ้างอิงที่ดีที่สุดคือผู้จัดการหรือหัวหน้าฝ่ายที่คุณเคยทำงานหรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัย
    • ที่ที่คุณสมัครงานอาจจะติดต่อบุคคลเหล่านี้ จึงควรบอกบุคคลเหล่านี้ล่วงหน้าว่าคุณให้พวกเขาเป็นบุคคลอ้างอิงในการสมัครงานของคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

การเขียนเรซูเม่แบบแสดงทักษะ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยเรียงตามลำดับเวลาจากสถานศึกษาล่าสุดก่อนและใส่วิทยาลัย โรงเรียนหรือสถานศึกษาที่คุณไปแลกเปลี่ยนหรือได้ทุนไปศึกษาต่อด้วยถ้ามี หากคุณจบปริญญา ให้ระบุชื่อและปีที่คุณได้รับปริญญาบัตร แต่ถ้าคุณยังไม่จบการศึกษาให้ระบุชั้นปีที่คุณกำลังศึกษาพร้อมกับปีที่คาดว่าจะจบการศึกษา
    • ในแต่ละรายการ ให้เขียนชื่อมหาวิทยาลัย ที่ตั้งและคณะ รวมไปถึงภาควิชาที่คุณศึกษา
    • หากคุณได้เกรดเฉลี่ยรวมเกิน 3.5 ให้ใส่เกรดของคุณลงไปด้วย
  2. หากคุณเคยได้รับรางวัลพิเศษหรือประกาศนียบัตร ให้ระบุลงไปพร้อมชื่อ วันที่และสาเหตุที่ได้รับรางวัลนั้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณดูเป็นนักเรียนดีเด่น เป็นคนที่ประสบความสำเร็จและขยัน
    • หากคุณได้รับประกาศนียบัตรพิเศษจากงานก็สามารถใส่ไปได้ด้วยเช่นกัน
    • รางวัลนี้อาจจะรวมไปถึงรางวัลจากงานอาสาสมัคร เน้นย้ำสิ่งดี ๆ ที่คุณเคยทำไม่ว่าจะได้รางวัลจากอะไรก็ตาม
  3. และอาจจะเขียนบุคลิกด้านดี ๆ ที่คุณต้องการแสดงให้ผู้อ่านเห็น อย่างเช่น ความตรงต่อเวลา ความกระตือรือร้น ความขยัน ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เป็นต้น
  4. เนื่องจากส่วนนี้ไม่ใช่ส่วนที่จะเป็นจุดแข็งในเรซูเม่ของคุณ คุณอาจจะเขียนหัวข้อนี้ไว้ท้ายสุดเพื่อให้ผู้ว่าจ้างได้อ่านในส่วนรางวัลและความสำเร็จที่น่าประทับใจก่อน
    • คุณควรใส่หัวข้อย่อยสำหรับประเภทของประสบการณ์ของแต่ละงานที่คุณได้รับ อย่างเช่น ประสบการณ์ด้านการจัดการ ด้านกฎหมาย ด้านการเงิน เป็นต้น
    • ในแต่ละงาน ให้ใส่ชื่อบริษัท ที่ตั้งของบริษัท ตำแหน่งหน้าที่ ความรับผิดชอบของคุณและวันที่ที่คุณทำงาน
    • คุณอาจจะใส่หัวข้อความสำเร็จหรือสิ่งที่ได้รับ แล้วใส่สิ่งที่คุณได้รับจากตำแหน่งงานนั้น ๆ สัก 2-3 อย่างด้วยก็ได้
    • อย่าลืมระบุตัวเลขลงไปในรายละเอียดที่เกี่ยวกับประสบการณ์หรือความสำเร็จของคุณ การใส่ตัวเลขลงไปทำให้ผู้อ่านประเมินทักษะและความสำเร็จของคุณได้ง่ายขึ้น
  5. หากคุณเคยทำงานอาสา ใส่ชื่อของโครงการและวันที่ที่คุณทำหรือจำนวนชั่วโมงที่คุณทำและความรับผิดชอบของคุณ
  6. คุณควรจะเขียนบุคคลอ้างอิง 2-4 คน โดยเป็นบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณโดยตรง แต่เป็นคนที่คุณเคยทำงานด้วย เช่น เจ้านายคนก่อน อาจารย์หรือผู้ประสานงานอาสาสมัคร
    • ระบุชื่อ ความเกี่ยวข้องกับคุณและข้อมูลติดต่ออย่างเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่และอีเมล์
    • ที่ที่คุณสมัครงานอาจจะติดต่อบุคคลเหล่านี้ จึงควรบอกบุคคลเหล่านี้ล่วงหน้าว่าคุณให้พวกเขาเป็นบุคคลอ้างอิงในการสมัครงานของคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

การเขียนเรซูเม่แบบผสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เนื่องจากคุณจะเขียนเรซูเม่แบบผสม จึงไม่มีรูปแบบหรือขอบเขตที่ตายตัว รูปแบบเรซูแม่แบบผสมนั้นแตกต่างออกไปในแต่ละคน คุณควรเน้นไปที่ส่วนที่คุณถนัด นอกจากจะระบุงานและการศึกษาแล้ว คุณสามารถเลือกเขียนทักษะ รางวัล ความสำเร็จ ประวัติการทำงานอาสาและคุณสมบัติอื่น ๆ ได้เช่นกัน
  2. โดยมีรูปแบบหลัก ๆ อยู่สองรูปแบบ หากคุณเคยทำงานมามากกว่าหนึ่งสายงาน คุณควรจะระบุงานของคุณใต้หัวข้อย่อย ๆ ที่บอกถึงทักษะด้านนั้น ๆ แต่หากคุณต้องการจะเน้นถึงความก้าวหน้าทางการงานของคุณ คุณอาจจะเขียนโดยเรียงตามลำดับเวลา โดยไม่ใส่หัวข้อย่อย
    • อย่าลืมที่จะระบุข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับนายจ้างหรือตำแหน่ง รวมไปถึงชื่อบริษัท ที่ตั้ง หน้าที่และวันที่คุณทำงานในที่นั้น ๆ
  3. ข้อมูลในส่วนนี้จะเหมือนกับข้อมูลการศึกษาที่คุณต้องใส่ในเรซูเม่แบบอื่น ๆ แต่จะต่างกันที่ตำแหน่งที่คุณจัดวางหัวข้อนี้ในเรซูเม่ของคุณ ใส่มหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนที่คุณเคยศึกษา บอกชื่อ ที่อยู่ของสถานศึกษา ประกาศนียบัตรหรือปริญญาบัตรที่คุณได้และปีที่คุณเข้าศึกษา
    • หากเกรดเฉลี่ยรวมของคุณเกิน 3.5 คุณอาจจะระบุลงไปได้ด้วยเช่นกัน
  4. หลังจากที่คุณระบุประวัติการศึกษาและการทำงานแล้ว ให้ใส่ข้อมูลอื่น ๆ ที่คุณคิดว่าจะมีประโยชน์ต่องานที่คุณสมัคร คุณอาจจะเลือกใส่หัวข้ออื่น ๆ อย่างเช่น คุณสมบัติพิเศษ ทักษะ รางวัลและความสำเร็จหรืองานอาสาสมัคร
  5. ระบุบุคคลอ้างอิง โดยระบุบุคคล 2-4 คน (ที่ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อน) พร้อมทั้งข้อมูลติดต่อ. อย่าลืมใส่ชื่อ ความเกี่ยวข้อง อีเมล์ ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

การทำให้เนื้อหาของเรซูเม่ของคุณโดดเด่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองดูที่ชื่อตำแหน่งงานที่คุณใส่ว่าน่าสนใจหรือไม่ อย่างเช่น แทนที่คุณจะบอกว่าคุณเป็นแคชเชียร์หรือพนักงานคิดเงิน ให้ระบุว่าเป็นงานบริการลูกค้า หรือแทนที่จะบอกว่าเป็นเลขานุการ ให้บอกว่าเป็นผู้ช่วยฝ่ายจัดการ
    • ตัวอย่างเช่น คำว่า ผู้จัดการ ไม่ได้สื่อว่าคุณจัดหารหรือบริการอะไร คำว่า ผู้จัดการงานขาย หรือ ผู้จัดการฝ่ายบริหารงาน อาจจะเหมาะกว่าในการเขียนเรซูเม่
  2. เพราะตอนนี้ผู้ว่าจ้างหลาย ๆ คนใช้วิธีการสแกนเรซูเม่ด้วยโปรแกรมพิเศษที่คัดกรองคำสำคัญเหล่านี้ ก่อนที่จะส่งไปให้เจ้าหน้าที่อ่าน ดังนั้นคุณควรแน่ใจว่าเรซูเม่ของคุณมีคำสำคัญเหล่านี้สำหรับบริษัทและตำแหน่งงานที่คุณสมัคร
    • สังเกตคำที่ผู้ว่าจ้างใช้ในโฆษณาประกาศงาน หากผู้ว่าจ้างระบุว่าต้องการทักษะด้านการค้นคว้าข้อมูล ให้คุณใส่คำว่า ค้นคว้าข้อมูล ลงไปในคำอธิบายเกี่ยวกับงานหรือทักษะของคุณในเรซูเม่
    • ทั้งนี้ก็ไม่ควรพยายามใช้คำสำคัญทุก ๆ คำที่อยู่ในใบประกาศงาน
  3. ใช้คำกริยาที่บ่งบอกการกระทำในการบรรยายถึงความรับผิดชอบและความสำเร็จของคุณ. เพราะจะทำให้ทักษะความสามารถของคุณดูโดดเด่นขึ้น เลือกใช้คำกริยาและบรรยายหน้าที่ของคุณด้วยคำกริยานั้น ๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นพนักงานต้อนรับ คุณอาจจะลองใช้คำว่า จัดสรรเวลาหรือช่วยเหลือ โดยเขียนลงไปว่า คุณจัดสรรตารางการนัดเวลาและช่วยเหลือลูกค้า
  4. ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก อ่านทวนเรซูเม่ของคุณหลาย ๆ ครั้งและให้คนอื่น ๆ ลองอ่านเรซูเม่ของคุณด้วย การสะกดคำผิดและข้อผิดพลาดอื่น ๆ ในเรซูเม่ของคุณจะทำให้เรซูเม่ของคุณไม่ได้รับการพิจารณาแม้ว่าคุณจะมีทักษะและประสบการณ์ที่ดีก็ตาม
    • ระวังเรื่องการสะกดคำผิดและการให้ข้อมูลติดต่อที่ผิด
    • ตรวจทานเรื่องรูปแบบของคุณด้วยและตรวจดูว่าคุณไม่ได้ลืมใส่ข้อมูลสำคัญอะไรลงไปอีกหรือไม่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใช้วิธีการนำเสนอ ไม่ใช่การเล่า เมื่อเขียนรายการทักษะหรือคุณสมบัติต่าง ๆ ในเรซูเม่ ให้ระบุตัวเลขเสมอเพื่อบอกว่าคุณมีความสำเร็จอะไรบ้าง สิ่งนี้จะช่วยให้นายจ้างทราบถึงผลประโยชน์ที่คุณสามารถทำให้กับบริษัทได้
  • มีความคิดสร้างสรรค์ ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าคุณต้องพิมพ์ตัวอักษรเป็นสีต่าง ๆ หรือฉีดน้ำหอมใส่เรซูเม่ก่อนส่งมาทางจดหมาย แต่หมายถึงการใช้เครื่องหมายลูกศรต่าง ๆ หน้าข้อความ การใช้ตัวอักษรหนาและการจัดวางข้อมูลอย่างเป็นระบบจะทำให้เรซูเม่ของคุณโดดเด่นกว่าผู้สมัครคนอื่นได้ จำไว้ว่านายจ้างจะใช้เวลาดูเรซูเม่โดยเฉลี่ยเพียง 7 วินาทีก่อนที่จะตัดสินใจที่จะอ่านจริง ๆ หรือโยนทิ้ง คุณต้องทำให้นายจ้างสนใจทักษะและความสำเร็จที่คุณมี ซึ่งจะทำให้นายจ้างเห็นว่าเรซูเม่ของคุณดูดีในเวลาเพียงแค่นั้น
  • นำเสนอจุดขายของตนเอง อย่าบอกนายจ้างของคุณแค่ว่าคุณมีหน้าที่ตอบรับโทรศัพท์ในงานก่อน แต่บอกว่าคุณมีหน้าที่ตอบรับระบบโทรศัพท์ 5 คู่สายด้วยความสุภาพและเหมาะสม
  • ปรับเรซูเม่สำหรับแต่ละงานที่คุณสมัคร วิเคราะห์ประกาศโฆษณางานที่คุณสมัครเพื่อช่วยให้คุณรู้ว่านายจ้างมองหาอะไร หากงานนั้นระบุว่าต้องการผู้สมัครที่มีประสบการณ์การทำงาน 3-5 ปี เรซูเม่ที่คุณส่งไปจะต้องสะท้อนให้เห็นว่าคุณมีประสบการณ์แล้วจริง ๆ
  • เลือกใช้กระดาษสีขาวมีคุณภาพและซองจดหมายที่เหมาะสมถ้าคุณจะส่งเรซูเม่ทางจดหมาย อย่าลืมพิมพ์ที่อยู่ของบริษัทและที่อยู่ของคุณด้วย สิ่งนี้สำคัญมากหากคุณสมัครงานอย่าง เลขานุการ ผู้ช่วยผู้จัดการหรือผู้ช่วยทนาย ซึ่งคุณจำเป็นต้องรู้วิธีการเขียนจ่าหน้าซองและส่งจดหมายที่ถูกต้อง
  • เรซูเม่ของคุณควรสมจริง ไม่เขียนอะไรเกินจริงลงไป
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,063 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา