ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าคุณจะต้องการเขียนหนังสือให้เร็วขณะจดบันทึกหรือปั่นความเรียงก่อนจะถึงกำหนดส่ง การเขียนหนังสือให้เร็วนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป โดยคุณสามารถเรียนรู้ ระบบชวเลขมาใช้กับการจดบันทึก หรือ วิธีการเขียนข้อความอย่างย่อด้วยสัญลักษณ์ เพื่อใช้ในการจดบันทึก หรือเรียนรู้ไว้เพื่อให้ประหยัดเวลาในการเขียนได้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เสียเวลา งั้นเรามาเริ่มเขียนกันเลยดีกว่า

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

เขียนให้เร็วขึ้นได้ด้วยมือเราเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณเคยรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถจำเรื่องต่างๆ ได้นานสักแค่ไหน ให้ลองใช้คำสำคัญแทนการเขียนทีละคำจากคำพูดของอาจารย์หรือผู้ให้สัมภาษณ์ แต่ต้องมั่นใจว่าคำที่จะจดลงไปนั้นจะต้องเห็นแล้วเข้าใจ หากคุณมาอ่านทีหลังแล้วไม่เข้าใจก็จะไม่เกิดประโยชน์ [1]
  2. ใช้สัญลักษณ์บางตัวแทนสิ่งที่สำคัญที่ต้องการจะสื่อ อาจใช้สัญลักษณ์เพื่อแทนพวกคำฟุ่มเฟือยได้ เช่น “&” แทน “และ”, “+” แทน “บวก” หรือ &c., &c. อย่างไรก็ตามไม่หมดเพียงเท่านี้ อย่าลืมว่าไม่ว่าจะเขียนอย่างไร ก็ไม่ควรใช้คำต่างๆ และคำนามที่มากเกินความจำเป็น
    • สัญลักษณ์ที่ใช้ควรเป็นสัญลักษณ์ที่จำได้ง่าย หากจะเขียนเพื่อเก็บไว้อ่านเอง ให้วาดรูปที่ตัวเองนึกออกได้ใช้เป็นสัญลักษณ์ อย่างเช่น ใช้สัญลักษณ์ θ ซึ่งเป็นอักษรกรีกแทนคำว่า “เซลล์” หรือ “สิ่งที่เกี่ยวกับเซลล์” ลงในบันทึก โดยสัญลักษณ์นี้จะเป็นรูปวงกลมเหมือนเซลล์แต่มีเส้นขวางซึ่งเป็นลักษณะที่สื่อถึงการแบ่งเซลล์
    • สัญลักษณ์จำพวกตัวอักษร ควรเป็นตัวที่เขียนได้รวดเร็ว โดยทั่วไปแล้ว หากใช้สัญลักษณ์ที่ใช้เวลาเขียนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของคำเต็ม จะต้องปรับให้ง่ายขึ้น
    • วิธีที่ดีในการใช้สัญลักษณ์จากตัวอักษรภาษาอื่น คือ การดูและจำให้ได้ขึ้นใจ เผื่อนำมาใช้ภายหลังได้ ใครจะไปรู้ล่ะ สักวันมันอาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้
    • สัญลักษณ์ควรเป็นสัญลักษณ์ที่อ่านง่าย หากจะใช้จดบันทึกควรเป็นตัวที่ใช้กันแพร่หลาย เช่น ใช้ลูกศรสื่อถึงคำว่า “คือ” เพื่อให้เข้าใจง่าย, วงกลมหนึ่งวงและเส้นเฉียง “/” มักหมายถึง ”ไม่, “ไม่ใช่” หรือ “เป็นไปไม่ได้”
  3. วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเขียนให้เร็วขึ้น การใช้วิธีการเขียนแบบชวเลขนี้ จะทำให้เขียนได้เร็วขึ้นได้ หากคุณฝึกเขียนได้เก่งแล้ว จะสามารถเขียนได้ถึง200คำต่อนาที - ซึ่งเป็นความเร็วของเจ้าหน้าที่บันทึกคำให้การในศาลได้เลยทีเดียว ชวเลขแบบเกรกก์เป็นวิธีที่เร็วที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา หากคุณไม่มีเวลามากพอที่จะเรียนรู้รูปแบบที่ไม่ใช้สัญลักษณ์ ก็สามารถเขียนรูปแบบที่ใช้สัญลักษณ์ซึ่งใกล้เคียงกับการเขียนแบบเร็วๆ ก็สามารถเพิ่มความเร็วในการเขียนให้เร็วได้ถึง 60-100 คำต่อนาทีเลยทีเดียว
    • ชวเลขแบบเกรกก์คือการนำพื้นฐานในเรื่องของสัทอักษรและการสะกดคำมาใช้ โดยใช้ลายเส้นแบบไก่เขี่ยที่แตกต่างกันแต่ละตัวมาสร้างให้เป็นคำขึ้นมา ซึ่งมักใช้ได้ดีกว่าแบบปิทแมนในกรณีที่ต้องการจดบันทึกจากคำพูด. [2]
    • ชวเลขแบบปิทแมนจะมีเป็นเทคนิคชวเลขที่นำพื้นฐานเรื่องเสียงพูดมาใช้มากกว่าการสะกดคำ อย่างเช่น เสียง “f” จะถูกนำมาใช้เช่นเดียวกันในคำว่า “elephant” “find” หรือ “tough” โดยแบบปิทแมนนั้นมักจะมี เส้นเฉียง, เส้นโค้ง และจุด เพื่อใช้ในการแยกเสียงในภาษา [3]
    • ชวเลขแบบเขียนเร็วนั้นก็ใช้หลักการสัทอักษรมาจับด้วยว่าคำไหนควรเน้น ดังนั้นจะไม่มีการเขียนตัวอักษรที่ไม่ออกเสียงลงไป มักใช้สัญลักษณ์และตัวอักษรที่แน่นอนในการกำหนดเสียงต่างๆ (เช่น “.” แทนคำว่า “the” หรือ “+” แทนคำว่า “and”) ชวเลขแบบเขียนเร็วนี้จะช่วยให้เขียนได้เร็วขึ้นกว่าการเขียนแบบปกติมากกว่า 2 เท่า
    • ชวเลขแบบคีย์สคริป ก็ใช้เรื่องสัทอักษรเช่นเดียวกัน โดยจะใช้กับเฉพาะตัวอักษรพิมพ์เล็กเท่านั้น และช่วยให้เขียนได้เร็วกว่าการเขียนแบบปกติกว่า 2 ½ เท่า
  4. เรียนรู้วิธีการเขียนจากซ้ายไปขวาสลับกับขวาไปซ้าย. วิธีเขียนจากซ้ายไปขวาสลับกับขวาไปซ้าย [4] คือ การเขียนจากซ้ายไปขวาในบรรทัดแรก และขวาไปซ้ายในบรรทัดที่สอง และทำซ้ำแบบนี้ในแต่ละบรรทัด ถ้าสามารถฝึกอ่านและเขียนจากวิธีนี้ได้ จะช่วยลดเวลาในการยกมือไปขึ้นเขียนบรรทัดใหม่—หรือลดเวลาสิ่งที่ทำให้เสียเวลาอื่นๆ ได้
  5. ยิ่งฝึกฝนยิ่งได้ผล โดยหมั่นเขียนสิ่งต่างๆ ที่คิดออกมาอยู่เสมอ ทั้งร้อยแก้วและโคลงกลอน ทั้งเขียนด้วยความยาวปกติและย่อแบบชวเลขลงในสมุดบันทึกส่วนตัวและเอกสารทางการ (การฝึกฝนเป็นหนึ่งในไม่กี่วิธีที่จะช่วยให้เขียนแบบความยาวปกติได้เร็วยิ่งขึ้น หรือย่อแบบชวเลขก็เช่นกัน)
    • การเขียนย่อแบบชวเลขนั้นจะได้ผลก็ต่อเมื่อคุณจำสัญลักษณ์ได้ หากคุณต้องใช้เวลาในการจำสัญลักษณ์มาก ควรเลือกเขียนเต็มคำแบบปกติจะสะดวกกว่า
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

การเขียนเอกสารให้เร็วขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีนี้เป็นวิธีที่สำคัญอย่างไม่น่าเชื่อหากวันกำหนดส่งเริ่มเข้าใกล้มาแล้ว คุณจะไม่มีอะไรเขียนเลยหากไม่ได้เตรียมค้นคว้าไว้ก่อนจะถึงเวลาที่ต้องเขียน หากมีการค้นคว้าไว้ล่วงหน้า การเขียนนั้นก็จะดูหมูไปเลย
  2. คิดก่อนว่าต้องการจะเขียนอะไรและต้องการจะข้ามหรือไม่เขียนอะไร ซึ่งอาจจะดูวุ่นวายและเลื่อนลอย แต่จะช่วยให้ได้ปรับแต่งคำก่อนที่จะเริ่มลงมือเขียน และให้นึกไว้เสมอว่าฉบับนี้เป็นฉบับร่างแรกเพียงฉบับเดียวของคุณ และเค้าโครงและฉบับร่างจะถูกเปลี่ยนใหม่ได้ทุกครั้งที่เขียนส่ง [5]
    • หากต้องการ เขียนความเรียง , ให้วางแผนใจความหลัก และใส่คำสำคัญในแต่ละหัวเรื่องที่กล่าวถึง หรือในแต่ละย่อหน้าที่เขียน
    • สำหรับบทความนั้น สามารถวางแผนการเขียนด้วยการแบ่งเป็นหัวข้อย่อยต่างๆ ก่อนได้
    • สำหรับนิยายนั้น สามารถวางเค้าโครงการเขียนจากในแต่ละตอน หรือจากโครงเรื่อง ขึ้นกับว่าต้องการให้เรื่องนี้ลึกซึ้งขนาดไหน
  3. คุณจะไม่สามารถเขียนอะไรได้เลยหากถูกรบกวนอยู่ตลอดเวลาหรือเสียสมาธิจากการมีคนคอยมอง ตัวเราเองจะรู้ดีที่สุดว่าที่ไหนเหมาะสม หากสามารถเขียนได้ดีถ้าอยู่ท่ามกลางคนจำนวนมากให้ไปนั่งที่ร้านกาแฟหรือห้องสมุด หากคุณต้องฟังเพลงไปด้วยเพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจหรือหลีกเลี่ยงการถูกรบกวน (เพลงที่ไม่มีเนื้อร้องจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด)
    • โหลดโปรแกรมจำพวก rescue time [6] เพื่อจำกัดเวลาในการเล่นแอพโซเชียล เช่น Tumblr, Facebook, Twitter และอื่นๆ หากคุณไม่หมกมุ่นกับการเล่นโซเชียล ก็จะทำให้มีเวลาในการเขียนมากขึ้น
    • ปิดโทรศัพท์มือถือ การที่จะมีเรื่องด่วนฉุกเฉินภายในไม่กี่ชั่วโมงที่คุณจะใช้เวลาในการเขียนงานแทบจะเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นอย่าเสียสมาธิกับโทรศัพท์เลยจะดีกว่า
  4. อาจเป็นตัวกระตุ้นและแรงกดดันที่ช่วยให้คุณต้องเขียนให้เร็วและเสร็จทันเวลา และอาจทำให้คุณรู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไรในการเขียนบทความ ความเรียง หรือนิยายแต่ละตอนโดยปราศจากสิ่งรบกวนต่างๆ
    • อาจจะไม่ต้องใช้การจับเวลาจริงๆ แต่หากมีคุ้กกี้อยู่สักโหลให้ใช้คุ้กกี้เป็นตัวจับเวลา และจะกินคุ้กกี้ได้ก็ต่อเมื่อเขียนเสร็จเท่านั้น
    • หากเขียนงานขณะนั่งบนรถประจำทางหรือรถไฟฟ้าได้ ให้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเขียนให้เสร็จก่อนที่จะลงรถ
  5. เขียนให้อ่านได้ชัดเจนแต่ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพ. เมื่อคุณพยายามจะเขียนให้เร็วต้องหยุดกังวลเรื่องคุณภาพของงาน ให้โฟกัสในการเขียนลงไปก่อนจะโฟกัสว่าต้องลบแก้อะไรบ้าง เพราะการลบแก้นั้นเป็นเรื่องง่ายหากเขียนจนเสร็จแล้ว [7]
    • ปิดโหมดแก้คำผิดขณะเขียนงาน โดยค่อยกลับมาตรวจทานอีกครั้งเมื่อเขียนเสร็จแล้ว แต่ถ้าคุณคอยเช็คแต่ละคำในแต่ละหน้าจะทำให้เขียนได้ช้าลง
    • อย่ากังวลเรื่องสำนวนหรือการใช้คำ (แม้ว่าจะเป็นการเขียนนิทานหรือแต่งกลอน) แต่ค่อยมาขัดเกลาภาษาทีหลัง หรือหากคุณจะเขียนข่าวหรือความเรียง ก็ไม่ต้องพยายามที่จะใส่สไตล์หรือมุขเด็ดของคุณลงไปจนครบขณะกำลังเขียน
  6. โดยเฉพาะการหาเพื่อนที่ต้องเขียนบางอย่างเช่นเดียวกับคุณ อย่างเช่นหากพวกคุณเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ National Novel Writing Month ด้วยกันทั้งคู่ หรือเรียนอยู่ชั้นเรียนเดียวกัน การมีเพื่อนอีกคนที่จริงจังและคอยดูว่าเราปั่นงานได้เร็วแค่ไหน จะช่วยให้คุณรับผิดชอบงานและเป็นแรงบันดาลใจได้มากยิ่งขึ้น
    • ต้องมั่นใจว่าเพื่อนเขียนของคุณจะไม่มารบกวนคุณ โดยควรเลือกเพื่อนที่ทุ่มเทจริงจังเพื่อให้งานเสร็จไปด้วยกัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ลองฝึกเขียนให้ได้ทั้งสองมือ ซึ่งจะเป็นประโยชน์หากเมื่อยมือข้างหนึ่ง ก็จะสามารถเปลี่ยนมาเขียนด้วยมืออีกข้างหนึ่งได้
  • ใช้ปากกาแทนดินสอ เพราะดินสออาจจะมีรอยเปรอะเปื้อนบนกระดาษและทู่ลงเมื่อเขียนไปเรื่อยๆ
    • ควรเลือกใช้ปากกาหมึกซึมเพราะปากกาหมึกซึมจะมีแรงเสียดทานน้อยทำให้เขียนได้เร็ว หากไม่มีให้ใช้ปากกาเจลหรือปากกาลูกลื่นเพราะมีแรงเสียดทานและผิวสัมผัสที่ดีปานกลาง
โฆษณา

คำเตือน

  • พยายามให้มืออยู่ในท่าที่ผ่อนคลายเล็กน้อยขณะเขียน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดภาวะกดทับของเส้นประสาทบริเวณข้อมือได้
  • หากคุณเขียนได้เร็วแล้ว ต้องมั่นใจว่าตัวหนังสือจะยังอ่านออกอยู่ มันจะสำคัญเลยว่าคุณจะเขียนได้เร็วแค่ไหน ถ้าสุดท้ายแล้วแกะลายมือที่เขียนไม่ออก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 30,091 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา