บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการเขียนและเซฟไฟล์ batch อย่างง่ายในคอมพิวเตอร์ Windows ปกติไฟล์ batch จะมีชุดคำสั่ง DOS (ภาษาของ Windows) ซึ่งเอาไว้ทำ task ที่ทำบ่อยๆ โดยอัตโนมัติ เช่น ย้ายไฟล์ ไม่ต้องดาวน์โหลด editor แพงๆ โปรๆ ก็สร้างไฟล์ batch ได้ ใช้แค่โปรแกรมพื้นๆ ของ Windows อย่าง Notepad ก็ดีเกินพอแล้ว
ขั้นตอน
-
เปิด Notepad. Notepad ใช้เขียนโค้ดเป็นไฟล์ text แล้วเซฟเป็นไฟล์ batch ได้เลย คุณเปิด Notepad ได้โดยเปิด Start พิมพ์ Notepad แล้วคลิกไอคอนสีฟ้าของแอพ Notepad ทางด้านบนของเมนู
- ปกติคนนิยมใช้ Notepad แปลงไฟล์ text เป็นไฟล์ batch แต่คุณจะเขียนโค้ดในไฟล์ batch ด้วยโปรแกรมอะไรก็ตามสะดวกเลย
-
รู้จักคำสั่ง batch พื้นฐาน. ไฟล์ batch จะใช้ชุดคำสั่ง DOS เพราะงั้นคำสั่งที่ใช้ได้ก็จะคล้ายๆ กับคำสั่ง DOS ตัวอย่างคำสั่งสำคัญก็เช่น
- ECHO - แสดงข้อความในหน้าจอ
- @ECHO OFF - ซ่อนข้อความที่ปกติแสดง
- START - เปิดไฟล์ในโปรแกรม default
- REM - เพิ่มบรรทัดคอมเม้นท์ในโปรแกรม
- MKDIR/RMDIR - สร้างและลบ directories
- DEL - ลบไฟล์เดียวหรือหลายไฟล์
- COPY - copy ไฟล์เดียวหรือหลายไฟล์
- XCOPY - copy ไฟล์พร้อมใช้ตัวเลือกเพิ่มเติม
- FOR/IN/DO - เป็นคำสั่งใช้เจาะจงไฟล์
- TITLE - แก้ไขชื่อหน้าต่าง [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เขียนโปรแกรมสำหรับสร้าง directory. หนึ่งในวิธีหัดสร้างไฟล์ batch ได้ดีที่สุด ก็คือเน้นทำ task พื้นฐานก่อน เช่น ใช้ไฟล์ batch สร้างหลาย directories ในคราวเดียว [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
MKDIR c:\example1 MKDIR c:\example2
-
เขียนโค้ดโปรแกรมพื้นฐานสำหรับ backup ข้อมูล. ไฟล์ batch เหมาะจะใช้ออกทีละหลายคำสั่ง โดยเฉพาะถ้าคุณปรับแต่งให้ทำตามคำสั่งได้หลายๆ ครั้ง ถ้าใช้คำสั่ง XCOPY ก็สร้างไฟล์ batch สำหรับ copy ไฟล์จากโฟลเดอร์ที่เลือก ไปยังโฟลเดอร์ backup ได้เลย และจะเซฟทับไฟล์เฉพาะที่มีการอัพเดทหลังจากเวอร์ชั่นล่าสุด
@ ECHO OFF XCOPY c:\original c:\backupfolder /m /e /y
- เป็นคำสั่ง copy ไฟล์จากโฟลเดอร์ "original" ไปยังโฟลเดอร์ "backupfolder" คุณก็แค่แทนที่ด้วย path ของโฟลเดอร์ที่ต้องการ /m ใช้บอกว่าให้เซฟทับเฉพาะไฟล์ที่มีการอัพเดท /e แปลว่าให้ copy ทุก subdirectories หรือโฟลเดอร์ย่อยใน directory หรือโฟลเดอร์ที่ระบุ และ /y จะแสดงข้อความให้คุณยืนยันทุกครั้งที่จะมีการเซฟทับไฟล์
-
เขียนโค้ดโปรแกรม backup ที่ซับซ้อนขึ้น. ถึงการ copy ไฟล์จากโฟลเดอร์หนึ่งไปใส่อีกโฟลเดอร์จะสะดวกดี แต่จะยิ่งสะดวกถ้ามีการจัดระเบียบข้อมูลไปด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะงั้นให้ลองใช้คำสั่ง FOR/IN/DO สำหรับระบุว่าไฟล์ไหนต้องไปที่ไหน โดยแยกตาม extension
@ ECHO OFF cd c:\source REM นี่คือตำแหน่งไฟล์ที่จะจัดระเบียบ FOR %% f IN ( *.doc *.txt ) DO XCOPY c:\source\ " %% f" c:\text /m /y REM นี่ใช้ย้ายไฟล์นามสกุล .doc หรือ REM .txt จาก c:\source ไปยัง c:\text REM %%f คือตัวแปร FOR %% f IN ( *.jpg *.png *.bmp ) DO XCOPY C:\source\ " %% f" c:\images /m /y REM นี่ใช้ย้ายไฟล์นามสกุล .jpg, .png, REM หรือ .bmp จาก c:\source ไปยัง c:\images
-
ลองใช้หลายๆ คำสั่ง batch ที่แตกต่างกันออกไป. ถ้าอยากสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ลองหาตัวอย่างโค้ดไฟล์ batch จากในเน็ตมาศึกษาดูโฆษณา
-
เขียนโค้ดในไฟล์ batch จนเสร็จ. พอเขียนและตรวจทานโค้ดในไฟล์ batch แล้ว ก็เซฟเป็นไฟล์ executable ได้เลย
-
คลิก File . ที่มุมซ้ายบนของหน้าต่าง Notepad แล้วเมนูจะขยายลงมา
-
คลิก Save As… . ที่เป็นตัวเลือกในเมนู File ที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้าต่าง Save As
-
พิมพ์ชื่อ ตามด้วยนามสกุลไฟล์ ".bat" . ในช่อง "File name" ให้พิมพ์ชื่อโปรแกรมตามต้องการ แล้วตามด้วย .bat
- เช่น ถ้าโปรแกรมชื่อ "Backup" ให้พิมพ์ Backup.bat ตรงนี้
-
คลิกช่อง "Save as type" ให้ขยายลงมา. ปกติจะอยู่ทางด้านล่างของหน้าต่าง Save As แล้วเมนูจะขยายลงมา
-
คลิก All Files . ในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเซฟไฟล์ใน extension นั้น (หรือ ".bat" ในที่นี้)
-
เลือกตำแหน่งเซฟไฟล์. โดยคลิกโฟลเดอร์ทางซ้ายของหน้าต่าง (เช่น Desktop )
-
คลิก Save . ที่มุมขวาล่างของหน้าต่าง Save As เพื่อปิดหน้าต่าง
-
ปิดไฟล์ Notepad. ไฟล์จะถูกเซฟเป็นไฟล์ batch ในตำแหน่งที่เลือกไว้
-
แก้ไขโค้ดในไฟล์ batch. คุณแก้ไขโค้ดได้ตลอด โดยคลิกขวาที่ไฟล์ batch แล้วคลิก Edit ในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดไฟล์ batch ที่เป็นเอกสาร Notepad แล้วแก้ไขเปลี่ยนแปลงโค้ดตามใจชอบ จากนั้นเซฟไฟล์โดยกด Ctrl + S
- ค่าใหม่จะมีผลทันทีตอน run ไฟล์ batch
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ต้องใช้เครื่องหมายคำพูด ถ้าจะเปิด directory หรือไฟล์ที่ชื่อมีเว้นวรรค (เช่น start "C:\Documents and Settings\" )
- คุณใช้ editor แบบ third-party อย่าง Notepad++ แก้ไขไฟล์ batch ได้ด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเสียเวลาเปล่า ถ้าแค่จะเขียนไฟล์ batch ง่ายๆ
- บางคำสั่ง (เช่น ipconfig) จะใช้ได้ต้องมี administrative permissions หรือสิทธิ์แอดมิน ให้คลิกขวาที่ไฟล์ แล้วคลิก "Run as Administrator" เพื่ออนุญาตสิทธิ์ก่อน ถ้าใช้บัญชีแอดมินอยู่
โฆษณา
คำเตือน
- อันนี้แล้วแต่คำสั่งที่ใช้ แต่บางทีไฟล์ batch ก็อันตราย ต้องเช็คดีๆ ว่าไม่มีโค้ดไหนเสี่ยงทำ task ที่ผิดพลาดหรือไม่ตรงตามความต้องการ (เช่น ไปลบไฟล์ หรือทำคอมค้าง ระบบล่ม)
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา