ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
แม้ว่าเราจะไม่สามารถแบ่งคนออกเป็นประเภทต่างๆ ได้อย่างชัดเจน แต่การที่เราสามารถระบุแนวโน้มพฤติกรรมของเราได้อย่างกว้างๆ ก็มีประโยชน์ไม่น้อย เพราะการรู้จักบุคลิกลักษณะจะทำให้คุณได้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับตัวคุณเอง เช่น อะไรที่ขับเคลื่อนคุณได้มากที่สุด หรือเมื่อไหร่ที่คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด คุณสามารถทำความเข้าใจบุคลิกลักษณะของตัวเองได้จากการทบทวนตนเอง ทำแบบสำรวจบุคลิกภาพ และเข้าใจว่าความแตกต่างของลักษณะบุคลิกภาพคืออะไร
ขั้นตอน
-
รู้จักหลักศีลธรรมของตัวเอง. ทุกคนล้วนมีความเข้าใจที่ติดตัวมาว่าอะไรผิดอะไรถูก หลายคนเรียกสิ่งนี้ว่า “เสียงข้างใน” หรือจิตสำนึก เมื่อคุณเข้าใจหลักศีลธรรมของตัวเอง คุณอาจจะรู้สึกดีและพอใจ แต่เวลาที่คุณไม่ฟัง "เสียงข้างใน" คุณก็อาจรู้สึกผิด ไม่สบายใจ หรือวิตกกังวล
- รู้เท่าทันหรือตระหนักเมื่อเกิดความขัดแย้งทางศีลธรรม รับฟังจิตสำนึกของคุณเพื่อเป็นแนวทาง
- หลักศีลธรรมจะช่วยเป็นแนวทางให้คุณรู้จักตัวเอง มันอาจจะทำให้คุณตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ไม่ดีกับตัวคุณ รวมถึงสิ่งที่ทำให้คุณมีความหวังด้วย
- ขณะที่คุณใช้ชีวิตตามหลักศีลธรรมของคุณ ให้จำไว้ว่าความดีมีอยู่จริง และความดีสามารถเอาชนะสิ่งอื่นได้เมื่อคุณปฏิบัติตามหลักศีลธรรม
-
ตระหนักถึงค่านิยมของตัวเอง. ค่านิยม เป็นแนวคิดใหญ่ๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจของเรา แนวคิดเหล่านี้เป็นเป้าหมายใหญ่ๆ เช่น การมีความมั่นคงทางการเงิน การได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว หรือการมีสุขภาพที่แข็งแรง เมื่อคุณรู้แล้วว่าค่านิยมของคุณคืออะไร คุณก็จะสามารถตั้งเป้าหมายที่สอดคล้องกับบุคลิกลักษณะของตัวเองได้ ซึ่งจะทำให้คุณมีโอกาสไปถึงเป้าหมายและมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เช่น ถ้าค่านิยมของคุณคือการมีความมั่นคงทางการเงิน เป้าหมายของคุณก็อาจจะเป็นการมีเงินสำรองฉุกเฉินเท่ากับเงินเดือน 6 เดือน แม้ว่าจะเป็นเป้าหมายที่ทำได้ยาก แต่ถ้าคุณซื่อตรงต่อค่านิยมของตัวเอง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็ยิ่งมากขึ้น
-
รู้ว่าตัวเองหลงใหลอะไร. แม้ว่าค่านิยมจะเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนเป้าหมายอยู่ข้างหลัง แต่ ความหลงใหล จะทำให้คุณจดจ่อเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น คุณจะรู้ว่าคุณหลงใหลสิ่งนั้นก็ต่อเมื่อมันดึงความสนใจของคุณไว้ได้นาน ถ้าคุณสร้างอาชีพ (หรือแม้แต่งานอดิเรก) จากความหลงใหล ชีวิตของคุณก็จะมีความสุขและเติมเต็มมากกว่าการที่คุณละเลยมันไป [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เช่น ถ้าคุณหลงใหลศิลปะ การที่คุณได้ทำอาชีพเกี่ยวกับศิลปะจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าการทำงานธนาคาร แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นศิลปิน คุณก็สามารถทำสิ่งอื่นๆ เช่น คัดสรรงานศิลปะ สอนศิลปะ หรือเขียนเกี่ยวกับงานศิลปะ
-
เข้าใจความต้องการด้านสังคม. แม้ว่าเราทุกคนต่างมีสิ่งทั่วไปที่ต้องการเหมือนกัน เช่น เพื่อนและเครือข่ายสนับสนุน แต่ระดับความต้องการของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน และสิ่งที่นี้เองคำว่าคนเก็บตัวกับคนชอบเข้าสังคมเข้ามามีบทบาท ลองสังเกตว่าคุณเติมพลังให้ตัวเองหลังจากผ่านสัปดาห์ที่หนักหน่วงมาอย่างไร คุณไปเที่ยวกับเพื่อนหรือว่าคุณอยากอยู่คนเดียว การเข้าใจความต้องการเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถรักษาสมดุลและมีความสุขขณะก้าวผ่านแต่ละวันในชีวิต [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คนชอบเข้าสังคมจะชอบอยู่กับคนอื่นๆ และจะตอบสนองแบบทันที
- คนเก็บตัวจะชอบอยู่คนเดียวและวางแผนต่อละวันอย่างรอบคอบ
-
ติดตามจังหวะของตัวเอง. การรู้ว่าตัวเองกระฉับกระเฉงและเหนื่อยล้าที่สุดตอนไหนมีผลต่อความสำเร็จโดยรวมของคุณเป็นอย่างมาก สังเกตว่าตอนไหนที่คุณรู้สึกดีกับตัวเองมากที่สุด และเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกเหนื่อย ลองติดตามสิ่งต่างๆ เช่น คุณหิวตอนไหน และเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกอยากออกกำลังกายมากที่สุด ใช้ข้อมูลนี้เพื่อให้จิตใจและร่างกายของคุณทำงานสอดรับกันได้ดี [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณเป็นคนตื่นเช้า การทำงานกะสามก็อาจจะไม่เหมาะกับคุณเท่าไหร่ ในทางตรงกันข้ามคนที่ตื่นตัวตอนกลางคืนถ้าต้องเข้างานหกโมงเช้าก็คงจะไปสาย
-
รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง. ไม่มีใครเก่งไปซะทุกอย่าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ รู้ว่าอะไรที่คนอื่นเห็นว่าคุณทำได้ดี และอะไรที่คุณทำได้ไม่ดี นอกจากนี้ก็ให้สังเกตว่าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทำงานสำเร็จ และเมื่อไหร่ที่คุณต้องพยายามอย่างหนัก วิธีนี้จะช่วยสร้างการตระหนักรู้ในพรสวรรค์และความสามารถของตัวเอง เมื่อคุณรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร คุณก็สามารถใช้ความรู้นี้พัฒนาจุดอ่อนหรือเน้นจุดแข็งให้โดดเด่นก็ได้ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ตัวอย่างจุดแข็งของคุณอาจจะเป็นความสามารถในการ “จดจ่อ” “ทักษะตัวเลข” “ความคิดสร้างสรรค์” และ “เข้าใจผู้อื่น”
-
ขอความเห็น. ถามเพื่อนสนิทและคนในครอบครัวว่าบุคลิกลักษณะของคุณอย่างไร เปรียบเทียบสิ่งที่พวกเขาพูดกับสิ่งที่คุณรู้สึก ถ้าตรงกันก็แสดงว่าคุณแสดงลักษณะของคุณอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
- ถ้าคนใกล้ตัวหลายคนมีมุมมองต่อบุคลิกลักษณะของคุณที่แตกต่างกันมาก คุณควรตรวจสอบความเชื่อเกี่ยวกับตัวคุณเอง
โฆษณา
-
เข้าใจว่าแบบสำรวจไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด. มีแบบสำรวจบุคลิกภาพทางจิตวิทยาหลายร้อยฉบับที่ประเมินและวิเคราะห์ตัวแปรเฉพาะส่วนบุคคล ประเภทของแบบสำรวจที่คุณเลือกจะขึ้นอยู่กับว่า คุณต้องการค้นหาเกี่ยวกับอะไรในตัวเอง คุณสามารถสละเวลาแบบสำรวจได้มากแค่ไหน คุณเต็มใจที่จะตอบคำถามแบบไหน และคุณอยากใช้เวลาในการทำแบบสำรวจแค่ไหน ตัวอย่างแบบสำรวจที่ว่านี้ได้แก่:
- แบบสำรวจเพื่อวิเคราะห์ระดับสติปัญญา รวมถึงการทำงานของระบบประสาทและการวิเคราะห์ทางปัญญา
- แบบสำรวจเพื่อวิเคราะห์ว่าคุณเป็นคนชอบเข้าสังคมหรือคนเก็บตัว และคุณทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างไร
- แบบสำรวจเพื่อวิเคราะห์ว่าคุณประเมินสถานการณ์และรับมือกับความเครียดประเภทต่างๆ อย่างไร
- แบบสำรวจเพื่อวิเคราะห์ว่า คุณมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพจิตประเภทใด
- รู้ว่าแบบทดสอบแต่ละฉบับก็มีจุดอ่อนและจุดแข็งที่ไม่เหมือนกัน และคุณต้องค้นหาข้อมูลว่าแบบสำรวจประเภทไหนที่เหมาะกับคุณ
-
เลือกแบบสำรวจบุคลิกภาพ. คาร์ล ยุงเป็นผู้ที่จุดประกายให้เราหลงใหลการทำแบบสำรวจบุคลิกภาพ ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เขาคิดค้นวิธีการจัดหมวดหมู่ลักษณะบุคลิกภาพของแต่ละคน หลังจากนั้นแนวคิดนี้ก็ผ่านการปรับเปลี่ยนเป็นหลายเวอร์ชัน [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง แบบสำรวจที่นิยมกันก็เช่น: [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แบบสำรวจบุคลิกภาพและแนวโน้มพฤติกรรม (PAPI) - แบบสำรวจนี้มักใช้คัดกรองผู้สมัครในโลกธุรกิจ
- ตัวชี้วัดของไมเออร์ส-บริกส์ - แบบสำรวจนี้ใช้เพื่อสำรวจแนวโน้มพฤติกรรมส่วนบุคคลในแง่ของความสนใจต่อสิ่งภายใน ความสนใจต่อสิ่งภายนอก ความรู้สึก ความคิด สัญชาตญาณ และการดำเนินชีวิต
- แบบสำรวจสีในตัวเรา - แบบสำรวจนี้แบ่งบุคลิกลักษณะออกเป็นสีเพื่อให้เข้าใจง่าย
-
ทำแบบสำรวจในช่วงที่ใจสงบ. หายใจลึกๆ สัก 2-3 ครั้งหรือใช้เทคนิคการคิดภาพเพื่อทำใจให้สงบก่อนทำแบบสำรวจบุคลิกภาพ นอกจากนี้คุณก็ควรทำแบบสำรวจตอนที่คุณพักผ่อนอย่างเพียงพอและท้องอิ่มด้วย เพราะการทำแบบสำรวจตอนเครียดๆ จะทำให้คุณตอบคำถามได้ไม่ตรงและถูกต้องเท่าไหร่นัก การคิดหาคำตอบมากเกินจะทำให้เกิดความสับสนว่าคำตอบไหนเป็น “คำตอบที่ถูกต้อง” กันแน่ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ตอบคำถามอย่างซื่อสัตย์. หลังจากอยู่ในโรงเรียนมาหลายปี คนส่วนใหญ่ถูกกำหนดให้คิดหาคำตอบที่ “ถูกต้อง” หรือ “ถูกต้องที่สุด” แต่แบบสำรวจบุคลิกภาพไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด ไม่มีใครมาให้คะแนนคุณ แต่คุณกำลังสำรวจลักษณะส่วนบุคคลของตัวเองอยู่ต่างหาก ตอบคำถามเหล่านี้ในแบบที่คุณเป็น ไม่ใช่คนที่คุณอยากเป็นหรือคิดว่าคุณควรตอบแบบนั้น [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เช่น คุณอาจจะเจอคำถาม “เวลาทำโปรเจ็กต์ คุณชอบสั่งการหรือทำตามคำสั่ง” หลายคนอาจมีแนวโน้มที่จะเลือก “สั่งการ” เพราะรู้สึกว่าเป็นคำตอบที่ “ถูกต้อง” แต่ถ้าคุณไม่ชอบการจัดการทีมเลย คุณก็ควรตอบว่า “ทำตามคำสั่ง”
โฆษณา
-
รู้หลักการพื้นฐานของแบบสำรวจบุคลิกภาพส่วนใหญ่. ถึงแม้ว่าหลักการพื้นฐานนี้อาจจะใช้กับทุกแบบสำรวจที่เคยสร้างขึ้นมาไม่ได้ แต่แบบสำรวจบุคลิกภาพส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากลักษณะ 5 ประการ (ที่มักเรียกกันว่า ลักษณะบุคลิกภาพใหญ่ 5 อย่าง) ซึ่งแต่ละลักษณะที่ว่ามานี้จะปรากฏอยู่ในตัวทุกคน และบุคลิกภาพของคุณก็จะขึ้นอยู่กับว่าลักษณะไหนที่โดดเด่นออกมา ลักษณะ 5 ประการนี้เรียกย่อๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า OCEAN ซึ่งได้แก่: [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- O คือ Openness (การเปิดรับ)
- C คือ Conscientiousness (ความพิถีพิถัน)
- E คือ Extroversion (ความสนใจต่อสิ่งภายนอก)
- A คือ Agreeableness (ความยินยอมเห็นใจ)
- N คือ Neuroticism (ความไม่เสถียรทางอารมณ์)
-
มองแต่ลักษณะว่าเป็นแถบสี. เช่น ไม่มีใครที่เป็นคนเก็บตัวหรือคนชอบเข้าสังคมอย่างเดียว ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครที่ไม่อยากอยู่กับคนอื่นหรือไม่อยากอยู่คนเดียวเลยสักชั่วขณะนึง แต่ถึงอย่างนั้นคนส่วนใหญ่ก็มักจะมีแนวโน้มไปข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งแต่ละลักษณะก็จะเป็นอย่างนี้ คุณไม่สามารถบอกได้ว่าคุณเป็นคนแบบนี้เท่านั้น แต่คุณจะรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนของแถบสีที่อยู่ระหว่างความสนใจต่อสิ่งภายในกับความสนใจต่อสิ่งภายนอก [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การเปิดรับ ความพิถีพิถัน ความยินยอมเห็นใจ และความไม่เสถียรทางอารมณ์ก็ใช้หลักการนี้เช่นเดียวกัน
-
ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลง. ขณะที่เราดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ เราก็จะได้พบเจอสิ่งใหม่ ประสบการณ์ใหม่เหล่านี้บังคับให้เราต้องเติบโตและเปลี่ยนไปในฐานะมนุษย์ คุณควรตระหนักว่าการเติบโตนี้มีผลต่อบุคลิกลักษณะของคุณอย่างไร ปล่อยให้ตัวเองได้ตระหนักเมื่อบุคลิกลักษณะของคุณเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม วิธีนี้จะทำให้คุณเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริงขณะที่คุณเติบโต [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เปลี่ยนแปลงบุคลิกลักษณะในส่วนที่ทำให้คุณไม่มีความสุข. ถ้าคุณไม่มีความสุขกับบุคลิกภาพในปัจจุบัน คุณก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แค่การตั้งเป้าหมายและการจดจ่ออยู่กับลักษณะที่คุณอยากแสดงออกก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพในระยะสั้นๆ ได้แล้ว และถ้าคุณทำต่อไปเรื่อยๆ จนนานพอ คุณก็จะเริ่มมองตัวเองเปลี่ยนไป และเปลี่ยนตัวตนทางสังคมและอารมณ์ได้จนถึงจุดที่การเปลี่ยนแปลงนั้นกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณตั้งใจจะเปลี่ยนลักษณะใหญ่ๆ ในบุคลิกภาพของคุณจริงๆ คุณอาจจะต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต พวกเขาสามารถให้คำแนะนำและคำปรึกษาเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าคุณรู้สึกว่าผลสำรวจผิด ให้ลองทำใหม่ คุณรู้จักบุคลิกลักษณะของตัวเองดีกว่าใครๆ
โฆษณา
คำเตือน
- ใช้บุคลิกลักษณะของคุณในฐานะจุดแข็ง ไม่ใช่จุดอ่อน เช่น ถ้าคุณเป็นคนชอบเข้าสังคม นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่นั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบคนเดียวบ้าง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/changepower/201603/know-yourself-6-specific-ways-know-who-you-are
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/changepower/201603/know-yourself-6-specific-ways-know-who-you-are
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/changepower/201603/know-yourself-6-specific-ways-know-who-you-are
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/changepower/201603/know-yourself-6-specific-ways-know-who-you-are
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/changepower/201603/know-yourself-6-specific-ways-know-who-you-are
- ↑ http://www.success.com/article/how-to-understand-peoples-personality-types
- ↑ http://list25.com/25-different-personality-tests-to-help-you-discover-yourself/
- ↑ http://www.criteriacorp.com/resources/candidates.php
- ↑ http://www.criteriacorp.com/resources/candidates.php
- ↑ http://www.success.com/article/how-to-understand-peoples-personality-types
- ↑ http://www.success.com/article/how-to-understand-peoples-personality-types
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/media-spotlight/201509/can-you-change-your-personality
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/media-spotlight/201509/can-you-change-your-personality
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,691 ครั้ง
โฆษณา