ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เจลเบรค iPad แล้ว จะได้ superuser permissions และ root access ทำให้คุณปรับแต่งอุปกรณ์ได้ด้วยธีม แอพ และ tweaks ต่างๆ นอก Apple App Store ได้ จะเจลเบรค iPad ได้ ต้องติดตั้งและเปิดโปรแกรมเจลเบรคที่รองรับรุ่น iPad และ iOS เวอร์ชั่นที่คุณใช้ซะก่อน บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำ 2 วิธีการเจลเบรค iPad ส่วนใหญ่ให้คุณเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เตรียมตัวก่อนเจลเบรค

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เจลเบรคแล้วจะใช้แอพและ tweaks ต่างๆ นอก app store ใน iPad ได้ แต่ก็เท่ากับ bypass ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยของ Apple ไป ทำให้ iPad มีช่องโหว่ ไวรัสและมัลแวร์ต่างๆ ผ่านเข้ามาได้ นอกจากนี้ ถึงจะเกิดได้ยาก แต่ขั้นตอนการเจลเบรคอาจทำเอา iPad ของคุณใช้การไม่ได้อีกต่อไป สุดท้ายคือการเจลเบรคขัดต่อข้อตกลงการใช้งานของ Apple เพราะงั้นประกันของ iPad จะขาดไปเลย ถ้ารับทั้งหมดที่ว่ามาได้ ก็เตรียมตัวเจลเบรคกันเลย
    • เจลเบรคแบบ Semi-Untethered: บางทีก็เป็นการเจลเบรคแบบ semi-untethered แปลว่าการเจลเบรคที่ทำไป จะสิ้นสุดลงหลังรีสตาร์ท iPad พอ iPad เปิดเครื่องกลับมา ก็ต้องใช้โปรแกรมในคอม เจลเบรค iPad ตามขั้นตอนกันใหม่อีกรอบ
  2. ก่อนจะเจลเบรค iPad แนะนำให้ backup ข้อมูลเก็บไว้ก่อน เผื่อเกิดข้อผิดพลาดระหว่างขั้นตอนเจลเบรค แบบนี้คุณสามารถรีเซ็ต iPad กลับค่าโรงงาน แล้วเซฟข้อมูลที่ backup ไว้ กลับลง iPad ได้เลย ปกติคุณ backup ข้อมูลใน iPad ไว้ใน iTunes หรือ Finder ของ Mac ได้เลย หรือทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ ถ้าจะ backup ไว้ใน iCloud
    • เปิดแอพ Settings
    • แตะ Apple ID ทางด้านบน
    • แตะ iCloud
    • แตะ iCloud Backup
    • แตะ Back Up Now
  3. จะเจลเบรคแบบไหน ขึ้นอยู่กับเวอร์ชั่น iOS ที่ใช้ นอกจากนี้เจลเบรคล่าสุดของ iOS 14 ยังใช้ได้เฉพาะกับ iPad บางรุ่นเท่านั้น ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อเช็คเวอร์ชั่น iOS และรุ่น iPad ของคุณ
    • เปิดแอพ Settings
    • แตะ General
    • แตะ About
    • เช็ค "Version"
    • เช็ค "Model"
  4. บางเจลเบรคต้องปิดการทำงานของ Find My iPad ก่อน ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อปิด Find My iPad ได้เลย
    • เปิดแอพ Settings
    • แตะ Apple ID
    • แตะ Find My
    • แตะ Find My iPad
    • เลื่อนสวิตช์ "Find My iPad" ไปที่ off
  5. บางเจลเบรคต้องปิดการทำงานของ Siri ก่อน ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อปิด Siri
    • เปิดแอพ Settings
    • แตะ Siri & Search
    • เลื่อนสวิตช์ "Press Home for Siri" ไปที่ off
    • เลื่อนสวิตช์ "Listen for 'Hey Siri'" ไปที่ off
  6. ส่วนใหญ่ตอนเจลเบรคต้องปิด Wi-Fi ก่อน ง่ายที่สุดคือเปิด Airplane Mode เลย โดยลากมุมขวาบนลงมา แล้วแตะไอคอนเครื่องบิน หรือทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อเปิดโหมด Airplane ในแอพ Settings
    • เปิดแอพ Settings
    • แตะสวิตช์ข้าง "Airplane Mode"
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เจลเบรคด้วย Checkra1n

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติ Checkra1n จะใช้ได้กับอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ใช้ iOS 12 - 13 และรองรับเบื้องต้นใน iOS 14 ของ iPad Gen 5, iPad Air 2, iPad mini 4 และ iPad Pro Gen 1 แต่พอเวลาผ่านไป ก็จะรองรับรุ่นใหม่ๆ เอง จะติดตั้ง Checkra1n ได้ ต้องมีเครื่อง Mac หรือ Linux ด้วย
    • Checkra1n เป็นเจลเบรคแบบ semi-untethered คือถ้ารีสตาร์ท iPad ก็ต้องเจลเบรคกันใหม่ด้วยแอพ Checkra1n ในเครื่อง Mac หรือ Linux
    • Checkra1n ใช้กับ iPhone 6s, 6s Plus, SE, Apple TV 4 และ 4K รวมถึง iBridge T2 ที่ใช้ iOS 14 ได้ด้วย
    • ส่วน Windows ต้องคอยอัพเดทข่าวเรื่อยๆ ว่ารองรับหรือยัง
  2. เข้าเว็บ https://checkra.in/releases/0.11.0-beta ในเบราว์เซอร์. เป็นเว็บ official สำหรับดาวน์โหลด Checkra1n
  3. เพื่อดาวน์โหลดแอพ Checkra1n สำหรับ MacOS
    • ถ้าใช้คอม Linux ให้คลิกลิงค์ดาวน์โหลดตาม Linux เวอร์ชั่นที่ใช้
  4. พอดาวน์โหลดไฟล์เสร็จแล้ว ให้เปิดในเบราว์เซอร์หรือโฟลเดอร์ Downloads แล้วลากไฟล์ Checkra1n ไปที่โฟลเดอร์ Downloads ของ Mac ถ้าใช้คอม Linux ให้ติดตั้ง Checkra1n ไปตามขั้นตอน
  5. ให้เสียบสาย lightning (ที่ติดมากับ iPad) ที่พอร์ท USB ว่างของคอม
  6. ไอคอนจะเป็นรูปหมากรุก 2 ตัวบนพื้นดำ ให้คลิกไอคอนนี้ในโฟลเดอร์ Applications เพื่อเปิด Checkra1n ปกติเปิดแล้วจะบอกรุ่น iPad ที่ใช้ได้เลย แต่ถ้าไม่ ก็ให้ถอด iPad จากคอมก่อน แล้วเสียบเข้าไปใหม่
  7. มุมขวาล่าง เพื่อเริ่มขั้นตอนเจลเบรค
    • ถึงจะใช้ iPad รุ่นที่ไม่รองรับ แต่จะลองเจลเบรคด้วย Checkra1n ดูก็ได้ แต่ไม่รับประกันว่าจะได้ผล และต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น คุณติดตั้ง Checkra1n ใน iPad รุ่นที่ไม่รองรับได้โดยคลิก Options แล้วติ๊ก "Allow untested iOS/iPadOS/tvOS versions"
  8. เพื่อให้ iPad เข้า recovery mode จะมีรูปสาย lightning โผล่มาในหน้าจอ iPad ปกติจะเป็นขั้นตอนอัตโนมัติ แต่ถ้ามีขั้นตอนให้ทำ ก็ทำไปตามนั้น เพื่อให้ iPad เข้า recovery mode
  9. ต้องให้ iPad เข้า DFU (Device Firmware Update) mode ถึงจะติดตั้ง Checkra1n ได้ ก็อ่านขั้นตอนที่ต้องทำ เวลาจะเข้า DFU mode แล้วคลิก Start ส่วนใหญ่ iPad รุ่นที่รองรับ ต้องให้กดปุ่ม Power (มุมขวาบนของเครื่อง) กับปุ่ม Home (ด้านล่างของหน้าจอ) ค้างไว้
  10. กดปุ่มให้ถูกต้องตามที่ขึ้นในคำแนะนำ เพื่อให้ iPad เข้า DFU mode เมื่อถึงเวลา
  11. ขั้นตอนสุดท้ายในการเปิด DFU mode คือปล่อยปุ่ม Power ให้ถูกเวลา แต่ยังกดปุ่ม Home ค้างไว้ต่อไป แล้ว iPad จะรีสตาร์ทเข้า DFU mode จะมีโลโก้ Apple กับโลโก้ Checkra1n โผล่มาในหน้าจอ รวมถึงข้อความบางอย่าง พอติดตั้ง Checkra1n เสร็จแล้ว iPad จะรีสตาร์ท หลังจากเครื่องเปิดกลับมา ก็เจลเบรคเรียบร้อยแล้ว
    • ถ้าเปิดแอพ Checkra1n ใน iPad จะมีตัวเลือกให้ติดตั้ง Cydia ที่เป็น app store แบบไม่เป็นทางการ เอาไว้ดาวน์โหลดแอพและ tweaks ต่างๆ หลังเจลเบรคแล้ว
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เจลเบรคด้วย Cydia Impactor

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เดี๋ยวเราจะต้องโหลดแอพนอก app store ที่ Apple ไม่รองรับ เพราะฉะนั้นต้องมีรหัสผ่านเฉพาะแอพ เอาไว้ bypass การยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอนของ Apple ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อสร้างรหัสผ่านเฉพาะแอพ ในเว็บ Apple
    • เข้าเว็บ https://appleid.apple.com/ ในเบราว์เซอร์
    • ล็อกอินด้วย Apple ID กับรหัสผ่าน
    • ใส่โค้ด Two Factor Authentication (ยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน)
    • คลิก Edit ข้าง Security
    • คลิก Generate Password ล่าง "App-specific password"
    • พิมพ์ชื่อแอพหรือโปรไฟล์ (เช่น "Cydia")
    • คลิก Create
    • จดรหัสผ่านไว้
  2. Cydia Impactor เป็นโปรแกรมที่ใช้ได้ทั้งใน Mac และ Windows ต้องมีถึงจะโหลดแอพนอก app store ลง iPad ได้ รวมถึงใช้ติดตั้งเจลเบรคด้วย คุณดาวน์โหลดและติดตั้ง Cydia Impactor ได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
    • เข้าเว็บ https://cydia-app.com/cydia-impactor/ ในเบราว์เซอร์
    • คลิก Cydia Impactor MacOS ถ้าใช้ Mac และ Cydia Impactor Windows ถ้าใช้ Windows
    • เปิดไฟล์ ZIP ของ Impactor เวอร์ชั่น Windows หรือไฟล์ Impactor ".dmg" ถ้าใช้ Mac
    • แตกเนื้อหาข้างในออกมาจากไฟล์ ZIP ถ้าใช้ Windows หรือลากแอพ Cydia Impactor ไปใส่ในโฟลเดอร์ Applications ของ Mac
  3. ต้องดาวน์โหลดไฟล์ ".ipa" ของ jailbreak utility ตาม iOS เวอร์ชั่นที่ใช้ ต่อไปนี้เป็นลิงค์ไปยังหน้าดาวน์โหลด jailbreak utility ตามเวอร์ชั่น iOS
  4. ต้องดาวน์โหลด iTunes เวอร์ชั่นล่าสุดใน Windows ก่อน ถึงจะใช้ Cydia Impactor ใน Windows ได้ ต้องเช็คดีๆ ว่าใช้ iTunes เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดแล้ว
  5. ใช้สาย lightning ที่ติดมากับ iPad เชื่อมต่อ iPad กับพอร์ท USB ว่างของคอม
  6. ที่เป็นไอคอนรูปสว่าน ถ้าใช้ Windows จะอยู่ในเมนู Windows Start ถ้าใช้ Mac จะอยู่ในโฟลเดอร์ Applications พอเปิด Cydia Impactor แล้วจะแสดงรุ่น iPad อัตโนมัติ ทางด้านบนของหน้าต่าง
  7. เพื่อเริ่มขั้นตอนโหลดเจลเบรคใส่ iPad โดยก่อนติดตั้งไฟล์ต้องล็อกอิน Apple ID ก่อน
  8. ต้องใส่อีเมลกับรหัสผ่าน Apple ID ของคุณ
  9. แทนที่จะยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน ให้ใส่รหัสผ่านเฉพาะแอพ ที่ได้มาจากเว็บก่อนหน้านี้
  10. ไอคอนแอพจะเป็นฟันเฟือง 2 อัน ให้แตะไอคอนนี้ที่หน้า home เพื่อเปิดแอพ Settings ใน iPad
  11. ที่เป็นตัวเลือกแรกในเมนู Settings อยู่ข้างไอคอนฟันเฟืองเดียว
  12. ทางด้านล่างของเมนู General
  13. เพื่อเปิดโปรไฟล์ใหม่ใน iPad
  14. ใน pop-up แจ้งเตือน เพื่อ trust หรือยืนยัน และติดตั้งโปรไฟล์นั้น เท่านี้แอพเจลเบรคก็จะติดตั้งใน iPad
  15. ในหน้า home เพื่อเปิด jailbreak utility
  16. เพื่อเริ่มขั้นตอนการเจลเบรค ย้ำว่าต้องทำตามขั้นตอนทั้งหลักและรองจนเสร็จสิ้น สุดท้าย iPad จะรีสตาร์ท และเจลเบรคจะมีผลใช้งาน โดยติดตั้ง Cydia ลงใน iPad ด้วย
    โฆษณา

คำเตือน

  • การเจลเบรค iPad มีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณ แน่นอนว่า Apple ไม่รองรับการเจลเบรค ประกันของอุปกรณ์นั้นจะขาดไปเลย และ Apple จะไม่รับผิดชอบต่อทุกความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ iPad หรือคอมหลังเจลเบรค
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,677 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา