ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

จะบินไปไหนแต่ละทีอาจทำคุณวุ่นวายจนเครียด โดยเฉพาะใครที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก จริงๆ ไม่ว่าจะบินครั้งแรกหรือหลายครั้งแล้ว เรื่องผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ แต่ขอแค่คุณเตรียมตัวให้เรียบร้อยและไปถึงสนามบินแต่เนิ่นๆ เท่านี้ก็ช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่นขึ้นเยอะเลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

เตรียมบิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คืนก่อนหน้า ให้คุณเช็คให้ชัวร์ว่าจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยและเที่ยวบินถูกต้อง หลังซื้อตั๋วปกติคุณจะได้รับอีเมลยืนยันจากสายการบิน ให้เช็คข้อมูลในอีเมลนั่นแหละ ว่าเที่ยวบินยังออกวันเวลาเดิม [1]
    • ถ้าเช็คแล้วเวลาบินเปลี่ยนไป ก็ต้องรีบปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางตามนั้น ถ้าเที่ยวบินของคุณดีเลย์นานๆ อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนเครื่องระหว่างทางได้ ถ้ากลัวต่อเครื่องไม่ทัน ยังไงลองติดต่อสายการบินดู
    • เช็คสถานะของเที่ยวบินเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงสนามบิน บางสายการบินจะส่ง SMS แจ้งคุณถ้าเครื่องดีเลย์หรือมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่คุณก็ต้องคอยเช็คข่าวสารเองด้วย โดยเฉพาะช่วงมรสุมหรือสภาพอากาศไม่ค่อยเอื้ออำนวย ที่เที่ยวบินมักดีเลย์กันระงม
  2. คุณขึ้นเครื่องไม่ได้แน่นอนถ้าไม่มีตั๋วเครื่องบินและบัตรประชาชน ถ้าอายุเกิน 18 ปี จะใช้ใบขับขี่หรือหนังสือเดินทางแทนก็ได้ แต่ถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปีแถมเดินทางกับผู้ใหญ่ ก็อาจจะไม่ต้องโชว์บัตร (เผื่อไว้ก็ดี) [2]
    • ถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปีแล้วเดินทางคนเดียว ผู้ปกครองควรติดต่อสอบถามทางสายการบินและสนามบินว่าต้องใช้แบบฟอร์มอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า
    • ถ้าเดินทางออกนอกประเทศ ต้องใช้หนังสือเดินทางเท่านั้น
    • ถ้ามาถึงสนามบินแล้วลืมบัตรประชาชน เดี๋ยวนี้หลายสายการบินในประเทศให้คุณใช้รูปบัตรประชาชนในมือถือแทนได้ เพราะงั้นให้ถ่ายเก็บไว้ หรือกะทันหันก็ให้ใครช่วยถ่ายส่งมาแทน [3]
    • เตรียมเอกสารที่จำเป็นไว้ให้พร้อม เพราะต้องแสดงตอนเช็คอินและตอนผ่านด่านตรวจ อย่ายัดใส่กระเป๋าจนหยิบยากล่ะ
  3. นอกจากคนเยอะแล้ว กว่าจะได้เช็คอินบางทีก็หลายขั้นตอน ไม่รวมเหตุสุดวิสัยอีก เพราะงั้นให้ไปถึงสนามบินแต่เนิ่นๆ อย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไปก่อนเครื่องออก [4] ถ้าเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ แล้วคุณเดินทางพร้อมเด็กเล็กหรือผู้พิการ ยิ่งต้องไปถึงสนามบินเร็วกว่านั้น
    • ถ้าคุณขับรถไปสนามบินเอง ต้องเผื่อเวลาหาที่จอดรถด้วย เพราะบางสนามบินก็เดินไกลหรือต้องนั่ง shuttle bus ไปที่ terminal
    • ถ้าคุณไปสนามบินนั้นครั้งแรก ต้องไปถึงเร็วๆ เผื่อหลงตอนเดินหาเคาน์เตอร์เช็คอินและเกท
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

เช็คอิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งแรกที่ต้องทำตอนไปถึงสนามบิน ก็คือมองหาเคาน์เตอร์สายการบินของคุณ อย่าลืมว่าสนามบินมีมากมายหลาย terminal แถมสายการบินต่างๆ ก็อยู่กันคนละ terminal ยังไม่นับว่าอาคารผู้โดยสารขาเข้าและขาออกอยู่คนละชั้นหรือคนละตึกอีก เพราะงั้นคุณต้องไปที่อาคารผู้โดยสารขาออกแล้วมองหาเคาน์เตอร์สายการบินของคุณ คุณเช็คในอีเมล ในเว็บ โทรถามสนามบิน หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ในสนามบินเลยก็ได้ ว่าสายการบินของคุณอยู่ terminal ไหน
    • ถ้าคุณใช่ขนส่งมวลชนสาธารณะหรือมีใครมาส่งที่สนามบิน ต้องบอกเขาก่อนว่าคุณใช้สายการบินไหน จะได้ส่งถูกตึก
  2. แล้วแต่ว่าสัมภาระเยอะแค่ไหน กระเป๋าที่ต้องโหลดใต้เครื่องอาจมี 1 - 2 ใบ สายการบินส่วนใหญ่จะให้คุณมีกระเป๋า carry-on (ถือขึ้นเครื่อง) ได้ 1 ใบ กับกระเป๋าถืออีก 1 ใบ (เช่น กระเป๋าแล็ปท็อปหรือกระเป๋าสะพาย) [5] ถ้าคุณมีกระเป๋าที่ต้องโหลด ให้ตรงไปที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน
    • ถ้าไม่มีกระเป๋าต้องโหลด ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปที่ขั้นตอนเช็คอินได้เลย
    • ผู้โดยสารแต่ละคนจะโหลดกระเป๋าได้ 2 ใบ โดยมีขนาดและน้ำหนักจำกัด ต้องสอบถามทางสายการบินว่าน้ำหนักกระเป๋าที่โหลดได้ไม่เกินเท่าไหร่
    • อย่าพกอะไรไปเยอะเกิน เพราะถ้าชั่งแล้วกระเป๋าคุณน้ำหนักเกิน จะต้องเสียค่าปรับซึ่งก็แล้วแต่สายการบิน [6]
  3. จะขึ้นเครื่องบินได้ต้องมี boarding pass ถ้าคุณมีกระเป๋าต้องโหลด ก็ต้องให้พนักงานดูบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง แล้วเดี๋ยวเขาจะพริ้นท์ boarding pass ให้เอง แต่ถึงไม่โหลดกระเป๋า พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็พริ้นท์ให้คุณได้ หรือเลือกใช้วิธีอื่นที่ง่ายและเร็วกว่า
    • บางสายการบิน (บางสนามบิน) มี kiosk ไว้ให้คุณเช็คอินเอง (self-check in) แต่ต้องใช้บัตรเครดิตยืนยันตัวตน จากนั้นทำตามขั้นตอนเพื่อพริ้นท์ boarding pass [7]
    • บางสายการบินให้คุณเช็คอินออนไลน์ได้ โดยจะส่งอีเมลมา 24 ชั่วโมงก่อนเครื่องออก คุณก็เช็คอินไปตามขั้นตอนในอีเมลได้เลย
    • ให้พริ้นท์ boarding pass พกไปที่สนามบินด้วย ถ้าใช้สมาร์ทโฟนก็เปิด boarding pass ในเครื่องให้พนักงานดูซะเลย
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ผ่านด่าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เวลาผ่านด่านตรวจ คุณต้องถอดทั้งรองเท้า เสื้อนอก แล้วก็เข็มขัด ถ้าใส่เครื่องประดับเงิน โลหะ หรืออื่นๆ ก็ต้องถอดด้วย เพราะจะทำให้สัญญาณดัง [8]
    • ถ้าอายุเกิน 75 ปีหรืออายุต่ำกว่า 13 ปี มักไม่ต้องถอดรองเท้าเวลาผ่านด่านตรวจ แต่ก็แล้วแต่สนามบิน [9]
    • อย่าลืมของในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง! พวกกุญแจหรืออะไรที่เป็นโลหะ พวกนี้ต้องเอาออกก่อน
    • ให้ถอดเสื้อนอกหรือเครื่องแต่งกายอื่นๆ ที่ต้องถอดระหว่างรอคิวเลย แถวจะได้เคลื่อนเร็วๆ ถ้าเบื่อที่คนเยอะต้องรอนานๆ ก็ต้องเริ่มจากตัวเองนี่แหละ ถ้าใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าอื่นที่ถอดยาก ก็ต้องถอดแต่เนิ่นๆ (ถ้าเลือกได้ก็ใส่อย่างอื่นดีกว่า)
    • พอผ่านด่านตรวจแล้ว อย่าขวางทางคนอื่น ให้เดินหลบไปแต่งตัวตรงที่ที่เขาจัดไว้ให้ เช่น ม้านั่งหรือมุมที่ห่างออกไป
  2. ถ้าพกแล็ปท็อปไปด้วย ให้เอาออกจากกระเป๋า แล้ววางในถาดหรือสายพานให้เจ้าหน้าที่สแกน แต่พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยิบย่อยอย่างมือถือ Kindle หรือเกมกด ไม่จำเป็นต้องหยิบออกมาสแกนด้วย บางสนามบินถ้ามีขั้นตอนตรวจสอบล่วงหน้า ก็ไม่ต้องหยิบแล็ปท็อปออกมา [10]
    • ระวังอย่าลืมมือถือหรือ iPod ไว้ตามกระเป๋าเสื้อหรือกางเกง [11]
  3. ถ้าจะพกของเหลวหรือเจลในกระเป๋า carry-on ก็ต้องเอาออกมาให้สแกนด้วย โดยปริมาณต้องไม่เกิน 3 ออนซ์ของเหลว (fluid ounces) หรือประมาณ 88 มล. และไม่เกิน 3 ชิ้น เลยกลายเป็นกฎที่เรียกกันว่า 3-3-3 นั่นเอง ถ้าของเหลวของคุณมากกว่า 3 fluid ounces สนามบินส่วนใหญ่ก็จะริบไป สนามบินไทยของเหลวแต่ละชิ้นต้องมีปริมาณไม่เกิน 100 มล. และรวมทุกชิ้นไม่เกิน 1 ลิตร [12]
    • ถ้าเป็นบางสนามบิน อย่างของอเมริกา คนอเมริกันจะมี TSA Pre-Check หรือสแกนล่วงหน้า ไม่ต้องเอาของเหลวหรือเจลออกจากกระเป๋า [13]
    • ถ้าคุณมีขวดที่เปิดแล้ว (เช่น ขวดน้ำดื่มหรือน้ำอัดลม) เจ้าหน้าที่จะบอกให้ทิ้งตรงจุดตรวจ เดี๋ยวค่อยไปซื้อใหม่หลังคุณผ่านด่านเข้าไปแล้ว
    • เวลาเดินทาง พยายามรวมเครื่องสำอางขนาดพกพาไว้ในถุงซิปล็อคเดียว พอเจ้าหน้าที่ขอตรวจจะได้หยิบออกมาเลย ไม่ต้องรื้อค้นทีละชิ้น คุณหาซื้อเครื่องสำอางขนาดพกพาสำหรับใช้ตอนเดินทางได้ที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางทั่วไป [14]
    • อย่าพกสิ่งของต้องห้าม ไม่ต้องบอกก็น่าจะพอรู้กันอยู่ ว่าอะไรที่เป็นอันตราย ไม่ควรเอาขึ้นเครื่องบ้าง แต่บางอย่างที่ดูไม่อันตราย บางทีก็เอาใส่กระเป๋า carry-on ไปไม่ได้เหมือนกัน ยังไงลองเช็ครายชื่อสิ่งของต้องห้ามจากเว็บของสนามบินดู จะอัพเดทที่สุด [15]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

เช็คอินที่เกท

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอผ่านด่านตรวจมาได้โดยสวัสดิภาพ ก็ถึงเวลาตามหาเครื่องบิน ให้เช็คใน boarding pass ว่าคุณต้องขึ้นเครื่องที่เกทไหน แล้วไปเช็คข้อมูลที่หน้าจอของสนามบินซ้ำอีกที จะมีจอบอกเที่ยวบินขึ้นลงทั่วไป พอรู้แน่แล้วว่าเกทหมายเลขอะไร ก็ไปตามหาได้เลย
    • ก่อนจะออกจากด่านตรวจ ต้องเช็คสัมภาระให้ครบถ้วน ระวังลืมแล็ปท็อปหรือเสื้อนอกเสื้อหนาวล่ะ
    • ถ้าหาเกทไม่เจอจริงๆ สอบถามเจ้าหน้าที่สนามบินได้เลย
  2. สายการบินในประเทศ โดยเฉพาะโลว์คอสต์เดี๋ยวนี้พากันตัดอาหารและขนมที่เสิร์ฟบนเครื่องออกหมด ถ้าคุณต้องบินนานๆ หรือตรงกับมื้ออาหารพอดี ยังไงพกน้ำและอาหารไปเองดีกว่า แต่เกรงใจผู้โดยสารข้างเคียงด้วย อย่าพกอาหารที่กินแล้วเลอะเทอะหรือส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ (อย่างทุเรียนหรือหัวหอม) ขึ้นไปบนเครื่องล่ะ
  3. พออาหารครบมือและหาเกทเจอแล้ว ก็เหลือแต่นั่งรอขึ้นเครื่อง ยิ่งถ้าเป็นไฟลท์ดึกหรือดีเลย์เพราะสภาพอากาศไม่อำนวย หรือจะเพราะขัดข้องทางเทคนิคประการใดก็ตาม ยิ่งต้องรอนาน ให้หาอะไรทำฆ่าเวลา เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง แต่ขอให้อยู่ใกล้ๆ เกทเข้าไว้ จะได้ได้ยินเวลาเขาเรียกขึ้นเครื่อง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ ตอนขาออกก็สบายๆ ไม่ต้องผ่านตม. หรืออะไรให้วุ่นวาย แต่จะตรวจกันเยอะหน่อยตอนคุณแลนดิ้งที่ประเทศปลายทาง และตอนกลับเข้าประเทศ (เช่น มีของต้องสำแดงหรือเปล่า)
  • จะไปประเทศไหน ให้เช็คข้อมูลดีๆ จะเข้าเว็บของสนามบินทางนั้นก็ได้
  • ถ้าต้องเปลี่ยนเครื่องหลายต่อ เช่น บินไปอเมริกา ต้องเผื่อเวลาและเช็คข้อมูลดีๆ เพราะยุ่งยากกว่าเที่ยวบินในประเทศหลายเท่า
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามทิ้งสัมภาระไว้แล้วหายไปไหนนานๆ ห้ามรับฝากสัมภาระของคนแปลกหน้า และห้ามฝากสัมภาระของตัวเองกับคนแปลกหน้าเช่นกัน สรุปคือตัวคุณอยู่ไหน สัมภาระก็ต้องอยู่ที่นั่นตลอดเวลา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,977 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา