ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการ copy ไฟล์จากคอมพิวเตอร์ Windows หรือ Mac ลง iPad ไว้ดูแบบ offline ทำได้โดยใช้ iTunes, iCloud Drive, Microsoft OneDrive หรือ Google Drive ก็ได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

ใช้ iTunes

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เสียบปลายสายชาร์จของ iPad ข้างหนึ่ง ที่พอร์ท USB ว่างของคอม จากนั้นเสียบปลายสายอีกด้านที่พอร์ทชาร์จของ iPad
  2. ไอคอนของแอพจะเป็นโน้ตดนตรีสีๆ บนพื้นขาว
    • ถ้ามีขึ้นเตือนให้อัพเดท iTunes ก่อน ก็คลิก Download iTunes ในหน้าต่าง แล้วรีสตาร์ทคอมหลังอัพเดทเสร็จ
    • Apple ประกาศแล้วว่าจะยกเลิกแอพ iTunes หลังปล่อย MacOS Catalina ปลายปี 2562 นี้ โดย iTunes จะกลายเป็น Apple Music, Apple TV และ Apple Podcast แทนสำหรับคนใช้ Mac [1] ส่วนใครใช้ Windows จะยังใช้แอพ iTunes ได้สักพัก [2]
  3. ที่เป็นปุ่มรูป iPad ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง iTunes คลิกแล้วจะไปยังหน้า iPad ของคุณ
  4. พอคลิกไอคอน "Device" ของ file มุมซ้ายบนแล้ว จะเห็นตัวเลือก "File Sharing" ใน sidebar ทางซ้าย ข้างไอคอนรูปตัว "A"
  5. ในคอลัมน์แอพต่างๆ กลางหน้าต่าง iTunes ให้คลิกแอพที่จะเพิ่มไฟล์ ประเภทของไฟล์ไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับแอพ (เช่น จะเพิ่มไฟล์ Microsoft Word ในโฟลเดอร์ iMovie ก็ได้)
    • ทุกแอพของ Apple อย่าง Pages, Keynote, Numbers, iMovie และ GarageBand จะมีโฟลเดอร์ไว้เก็บ projects ต่างๆ ใน iPad เพราะงั้นก็ใช้เก็บไฟล์ได้ทุกประเภทตามสะดวก
  6. ปุ่มนี้จะอยู่ด้านขวาล่างของหน้า คลิกแล้ว File Explorer (Windows) หรือ Finder (Mac) ของคอมจะเปิดขึ้นมา
  7. คลิกเลือกไฟล์ที่จะเซฟลง iPad อาจจะต้องไปยังตำแหน่งโฟลเดอร์ของไฟล์ซะก่อน โดยคลิกโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้อง ทางซ้ายของหน้าต่าง
  8. มุมขวาล่างของหน้าต่าง แล้วจะเห็นชื่อไฟล์โผล่มาในหน้าต่างของแอพ ใน iTunes
  9. ที่เป็นปุ่มด้านขวาล่างของหน้าต่าง iTunes เพื่อเซฟไฟล์ลงแอพที่เลือก ใน iPad เท่านี้ก็ เปิดไฟล์ใน iPad ได้ตลอดเวลา ถึงจะไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ตาม
    • ให้คลิก Done หลัง sync ข้อมูลเสร็จ เพื่อกลับไปยังหน้าหลัก
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

ใช้ iCloud Drive

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้าเว็บ https://www.icloud.com/ ในเบราว์เซอร์. เพื่อเปิดหน้าล็อกอิน iCloud
  2. พิมพ์อีเมลกับรหัสผ่าน Apple ID แล้วคลิกไอคอนลูกศร ทางขวาของแถบ Apple ID และรหัสผ่าน
    • ถ้าล็อกอิน iCloud ไว้แล้ว ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
    • ถ้าเปิดใช้การยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (two-factor authentication) ไว้ ต้องมีเลข 6 หลักที่ได้จาก iPad ถึงจะล็อกอินในคอมได้
    • ถ้ามีให้อนุญาตอุปกรณ์ที่ใช้ล็อกอิน ให้แตะ Trust ทั้งใน iPad และคอม
  3. ที่ด้านบนของหน้า ไอคอนจะเป็นก้อนเมฆ มีลูกศรชี้ขึ้น คลิกแล้วหน้าต่าง File Explorer (Windows) หรือ Finder (Mac) จะเปิดขึ้นมา
  4. ใช้ file browser หาไฟล์ที่จะอัพโหลด แล้วคลิกเลือกไฟล์ได้เลย
    • หรือเลือกทุกไฟล์ที่เห็นในตำแหน่งนั้น โดยคลิกเลือกหนึ่งไฟล์ จากนั้นกด Ctrl + A (Windows) หรือ Command + A (Mac)
    • ถ้าจะเลือกทีเดียวหลายไฟล์ ให้กด Ctrl (Windows) หรือ Command (Mac) ค้างไว้ แล้วคลิกเลือกแต่ละไฟล์ที่ต้องการ
  5. มุมขวาล่างของหน้าต่าง เพื่อเริ่มอัพโหลดไฟล์เข้า iCloud Drive
  6. ใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่วินาที ไปจนถึงเป็นชั่วโมงๆ แล้วแต่ขนาดรวมของทุกไฟล์ พออัพโหลดไฟล์เสร็จแล้ว ก็ทำขั้นตอนต่อไปได้เลย
  7. ที่เป็นรูปโฟลเดอร์สีฟ้าบนพื้นขาว ถ้าเป็น iOS 11 แอพ iCloud Drive จะกลายเป็น Files แทน ให้ดาวน์โหลดไฟล์จาก iCloud ลง iPad ได้ที่นี่
  8. มุมขวาล่างของหน้าจอ
  9. ล่างหัวข้อ "Locations" เพื่อเปิดไฟล์ใน iCloud Drive
    • ถ้าไม่มีตัวเลือกนี้ ให้แตะหัวข้อ Locations แล้วจะโผล่มา
  10. แล้วจะเห็นวงกลมว่างๆ ข้างแต่ละไฟล์
  11. แล้วจะเห็นเครื่องหมายถูกโผล่มาในวงกลมของแต่ละไฟล์ที่แตะ
  12. ทางด้านล่างของหน้าจอ
  13. ข้างไอคอนที่เป็นรูป iPad แล้วจะเห็นรายชื่อโฟลเดอร์ใน iPad
  14. มุมขวาบนของหน้าจอ เพื่อเพิ่มไฟล์ที่เลือกลงโฟลเดอร์ที่ระบุ ต่อไปก็เปิดดูใน iPad ได้เลย ไม่ต้องต่อเน็ต
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

ใช้ AirDrop

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในแถบเมนู ทางด้านบนของหน้าจอ เมนูจะขยายลงมา เห็นโฟลเดอร์ร่วมต่างๆ ใน Finder
  2. ในเมนูที่ขยายลงมา ล่าง "Go" ใน Finder
  3. เมนูจะขยายลงมาทางด้านล่างของหน้าจอ ข้าง "Allow me to be discovered by:" จะทำให้สแกนเจอใน AirDrop
  4. ที่ไอคอนแอพเป็นรูปโฟลเดอร์สีฟ้า อยู่ใน Dock ทางด้านล่างของหน้า home
  5. ใน tab ที่ 2 ทางด้านล่างของแอพ Files แล้วจะเห็นเมนู sidebar ทางซ้าย
  6. ข้างไอคอนรูป iPad ในเมนูทางซ้าย
  7. ไฟล์โปรแกรมในแอพ Files จะเรียงตามแอพ ให้แตะโฟลเดอร์ของแอพที่เกี่ยวข้องกับไฟล์ที่จะย้าย แล้วจะเห็นไฟล์ทั้งหมดของแอพนั้น
    • เช่น ถ้ามีเอกสาร Pages ที่จะย้ายไปอีกแอพ ให้แตะ Pages
  8. มุมขวาบนของแอพ Files แล้วจะเห็นปุ่มกลมข้างแต่ละไฟล์
  9. แล้วจะเห็นเครื่องหมายถูกข้างแต่ละไฟล์ที่เลือก
  10. มุมซ้ายล่างของแอพ Files แล้วจะเห็นเมนู Share
  11. ที่ไอคอนเป็นวงกลมหลายวงซ้อนลดหลั่นกันข้างใน ข้างล่างมีตัว V คว่ำ แล้วจะเห็น contacts ที่ใช้ AirDrop ได้ในเมนู
    • contact นั้นจะโผล่มาใน AirDrop ได้ ต้องล็อกอิน Apple ID ในอุปกรณ์ที่ใช้ไว้ และทั้ง 2 อุปกรณ์ต้องต่อเน็ต Wi-Fi เดียวกัน และเปิด Bluetooth ไว้
    • ในเครื่องที่รับไฟล์ ต้องตั้งค่าให้ "Contacts" หรือ "Everyone" สแกนเจอ AirDrop ได้
    • ถ้าเป็น iPhone, iPad, iMac หรือ Macbook รุ่นเก่าๆ อาจจะส่งไฟล์ผ่าน AirDrop ไม่ได้
  12. AirDrop จะเป็นหัวข้อที่ 2 ในเมนู Share แล้วจะเห็นรูปโปรไฟล์และเครื่องของทุก contacts (รวมถึงตัวเอง) ที่ใช้ AirDrop ได้ จากนั้นจะเริ่มส่งไฟล์ไปยัง Mac ทันที โดย Mac จะส่งเสียงให้รู้เมื่อย้ายไฟล์เสร็จสิ้น ไฟล์ที่ได้จะไปอยู่ในโฟลเดอร์ "Downloads" ของ Finder ใน Mac
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

ใช้แอพ Email

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    เปิดแอพ Email ใน iPhone หรือ iPad. แตะแอพที่ปกติใช้ส่งอีเมลใน iPhone หรือ iPad ถ้าใช้ Apple Mail ให้แตะไอคอนรูปซองสีขาวบนพื้นฟ้า ทางด้านล่างของหน้าจอ ถ้าใช้ Gmail หรือ Outlook ให้แตะไอคอนแอพในหน้า home
  2. 2
    แตะไอคอน compose. ที่เป็นไอคอนเอาไว้แตะเวลาเขียนอีเมลใหม่ ใน Apple Mail กับ Outlook จะเป็นไอคอนรูปดินสอกับกระดาษ ด้านบนของหน้าจอ ถ้าใช้ Gmail จะเป็นไอคอนมีเครื่องหมายบวก (+) มุมซ้ายล่าง
  3. 3
    พิมพ์อีเมลในบรรทัดผู้รับ. ปกติจะขึ้นต้นบรรทัดว่า "To:" หรือ "Recipient" ในแบบฟอร์มเขียนอีเมลใหม่
  4. 4
    พิมพ์หัวข้อของอีเมล. พิมพ์หัวข้อหรือชื่อเรื่องของอีเมลในช่อง subject จะเป็นชื่อไฟล์หรือแค่ "Files" ก็ได้
  5. 5
    แตะไอคอนแนบไฟล์. ปกติไอคอนจะเป็นรูปคลิปหนีบกระดาษ ทางด้านบนของหน้าจอ หรือมุมขวาบนของคีย์บอร์ดที่โผล่มา
  6. 6
    แตะ Browse (ถ้ามี). จะเป็น tab ที่ 2 ทางด้านล่างของหน้าจอ
    • ถ้าใช้ Gmail ก็แค่แตะไฟล์ที่จะส่ง ในรายชื่อไฟล์
  7. 7
    แตะ On My iPad . ข้างไอคอนรูป iPad ในเมนูทางซ้าย
  8. 8
    แตะโปรแกรมที่มีไฟล์ที่จะส่ง. ไฟล์โปรแกรมในแอพ Files จะเรียงตามแอพ ให้แตะโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้องกับไฟล์ที่จะส่ง แล้วจะเห็นไฟล์ทั้งหมดในแอพ
  9. 9
    แตะไฟล์ที่จะส่ง. เพื่ออัพโหลดไฟล์เป็นไฟล์แนบในอีเมล
    • อีเมลบางค่ายจะจำกัดขนาดของไฟล์ที่อัพโหลดได้ ถ้าแนบไฟล์ไม่สำเร็จ เป็นไปได้ว่าไฟล์ใหญ่ไป
  10. 10
    แตะไอคอน Send. ใน Apple Mail จะเป็นปุ่มที่เขียนว่า Send มุมขวาบน ส่วนใน Outlook กับ Gmail จะเป็นไอคอนรูปจรวดกระดาษ มุมขวาบน
  11. 11
    เปิดแอพ email ใน Mac. ถ้าใช้ Outlook หรือ Apple Mail ให้แตะไอคอนในโฟลเดอร์ Applications ของ Finder หรือ Dock ถ้าใช้ Gmail ให้เข้าเว็บ https://mail.google.com ในเบราว์เซอร์
    • ถ้าไม่ได้ล็อกอินอีเมลอัตโนมัติ ให้พิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านเพื่อล็อกอิน
  12. 12
    เปิดอีเมลที่ส่งหาตัวเอง. มองหาอีเมลที่มีหัวข้อตรงกับที่ส่งหาตัวเอง แล้วคลิกเพื่อเปิดอีเมลนั้น
  13. 13
    ดับเบิลคลิกไฟล์แนบเพื่อดาวน์โหลด. ปกติไฟล์แนบจะขึ้นที่ด้านล่างของอีเมล ตามค่า default โฟลเดอร์ Downloads จะอยู่ใน Finder
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

ใช้ Microsoft OneDrive

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้าเว็บ https://onedrive.com/ ในเบราว์เซอร์. จะเห็นหน้าหลักของ Microsoft OneDrive ถ้าล็อกอินบัญชี Microsoft ไว้แล้ว
    • ถ้ายังไม่ได้ล็อกอินบัญชี Microsoft ให้พิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านก่อน
  2. ทางด้านบนของหน้า แล้วเมนูจะขยายลงมา
    • ถ้าจะเซฟไฟล์ลงโฟลเดอร์อื่น ให้คลิกโฟลเดอร์นั้นซะก่อน
  3. ที่เป็นตัวเลือกในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้าต่าง File Explorer (Windows) หรือ Finder (Mac)
    • ถ้าจะอัพโหลดโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ต่างๆ ข้างใน ให้คลิก Folder แทน
  4. คลิกไฟล์ที่จะอัพโหลดเข้า OneDrive หรือกด Ctrl (Windows) หรือ Command (Mac) ค้างไว้ แล้วคลิกเลือกแต่ละไฟล์แยกกัน
    • หรือเลือกทุกไฟล์ตรงนั้น โดยคลิกเลือก 1 ไฟล์ แล้วกด Ctrl + A (Windows) หรือ Command + A (Mac)
    • ถ้าจะอัพโหลดโฟลเดอร์ ให้คลิกโฟลเดอร์ที่ต้องการแทน
  5. มุมขวาล่างของหน้าต่าง เพื่อเริ่มดาวน์โหลดไฟล์เข้า OneDrive
  6. ขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน ก็แล้วแต่ขนาดรวมของไฟล์ทั้งหมด พออัพโหลดเสร็จ ก็ทำขั้นตอนต่อไปได้เลย
  7. แตะไอคอนแอพ OneDrive ที่เป็นเมฆสีขาว 2 ก้อนบนพื้นน้ำเงิน จะเจอหน้าหลักของ OneDrive ถ้าล็อกอินไว้แล้ว
    • ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน ก็ต้องพิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านก่อนตามเดิม
  8. แตะไฟล์ค้างไว้ เพื่อเลือก แล้วแตะไฟล์/โฟลเดอร์ที่จะดาวน์โหลดลง iPad. ให้แตะเลือกไฟล์ที่ต้องการ ถ้าจะเลือกทีละหลายไฟล์ ให้แตะไฟล์แรกค้างไว้ แล้วแตะเลือกไฟล์อื่นที่ต้องการ
  9. ที่เป็นลูกศรชี้ขึ้น ด้านซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะโผล่มา
  10. ที่เป็นไอคอนโฟลเดอร์ ในเมนูทางด้านล่างของหน้าจอ
  11. แล้วจะเห็นรายชื่อโฟลเดอร์ใน iPad
  12. ล่างหัวข้อ "On My iPad" ให้แตะโฟลเดอร์ (เช่น Pages ) เพื่อเลือกเป็นโฟลเดอร์ที่จะเซฟไฟล์ OneDrive
  13. มุมขวาบนของหน้าจอ เท่านี้ก็ เปิดไฟล์ใน iPad ได้ตลอด แม้ไม่ได้ต่ออินเทอร์เน็ต
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

ใช้ Google Drive

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้าเว็บ https://www.drive.google.com/ ในเบราว์เซอร์. แล้วจะเห็นหน้า Google Drive ถ้าล็อกอินบัญชี Google ไว้แล้ว
    • ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน Google Drive ให้คลิกปุ่ม Go to Google Drive สีฟ้าถ้ามี แล้วพิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านซะก่อน
  2. ที่เป็นปุ่มสีฟ้า มุมซ้ายบนของหน้าต่าง แล้วเมนูจะขยายลงมา
    • ถ้าจะเซฟไฟล์ลงโฟลเดอร์อื่น ให้คลิกโฟลเดอร์ที่ต้องการก่อน
  3. ที่เป็นตัวเลือกในเมนูที่ขยายลงมา
  4. ถ้าจะเลือกทีละหลายไฟล์ ให้กด Ctrl (Windows) หรือ Command (Mac) ค้างไว้ แล้วคลิกไฟล์ที่จะอัพโหลด
    • หรือเลือกทุกไฟล์ที่เห็น โดยคลิกเลือก 1 ไฟล์ จากนั้นกด Ctrl + A (Windows) หรือ Command + A (Mac)
  5. มุมขวาล่างของหน้าต่าง เพื่อเริ่มอัพโหลดไฟล์เข้า Google Drive
  6. ขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน ก็แล้วแต่ขนาดรวมของไฟล์ทั้งหมด พออัพโหลดเสร็จ ก็ทำขั้นตอนต่อไปได้เลย
  7. ที่เป็นสามเหลี่ยมสีเขียว ฟ้า เหลือง บนพื้นขาว แล้วจะเห็นหน้าหลักของ Google Drive ถ้าล็อกอินไว้
    • ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน Google Drive ให้พิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านของบัญชีที่อัพโหลดไฟล์ไว้
  8. ให้แตะเลือกไฟล์ที่ต้องการ ถ้าจะเลือกทีละหลายไฟล์ ให้แตะไฟล์แรกค้างไว้ แล้วแตะเลือกไฟล์อื่นที่จะเลือก
  9. ที่เป็นไอคอน 3 จุดข้างแต่ละไฟล์ในโฟลเดอร์ Google Drive
  10. ที่เป็นตัวเลือกในเมนู pop-up เพื่อให้เปิดไฟล์ใน Google Drive ได้แม้ iPad จะไม่ได้ต่อเน็ต
    • ปกติในแอพ Files ก็มีตัวเลือก Google Drive แต่จะดาวน์โหลดจาก Google Drive ลงแอพ Files ทีละหลายไฟล์เหมือนแอพเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์อื่นๆ ไม่ได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • แอพเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ส่วนใหญ่จะมีฟีเจอร์ "Offline" เอาไว้ใช้ไฟล์แบบ offline ให้เลือกไฟล์ แตะไอคอนเมนู (⋮) แล้วเลือก Offline
  • พอดาวน์โหลดไฟล์ลงแอพ Files ของ iPad แล้ว ก็ลบไฟล์ใน cloud storage ไปได้เลย ไม่ต้องกลัวไฟล์หายไปจาก iPad
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้า iPad ไม่ได้ใช้ iOS 11 ขึ้นไป แสดงว่าไม่มีแอพ Files ต้องเปิดไฟล์จากแอพที่เลือกแทน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,693 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา