ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เดี๋ยวนี้หลายคนมองว่า Kindle เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ทั้งเวลางานและเวลาส่วนตัว หลักๆ แล้ว Kindle ใช้อ่าน e-book หรือหนังสือพิมพ์ บางเครื่องก็ใช้ฟัง .mp3 ได้ แต่ที่น่าสนใจคือใช้เปิดอ่านเอกสารต่างๆ อย่างไฟล์ PDF ที่ใช้ได้ในแทบทุกอุปกรณ์ คุณย้ายไฟล์ PDF ไปใส่ Kindle ได้ง่ายๆ แค่เสียบกับคอมผ่านสาย USB หรือจะส่งเอกสารที่ต้องการไปเข้าอีเมล Kindle ส่วนตัวก็สะดวกดี

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เพิ่มไฟล์ PDF ผ่าน USB

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าไฟล์ที่อยากอ่านเป็นเอกสารที่คุณสร้างขึ้นหรือได้รับมา แล้วเป็นฟอร์แมตอื่นที่ Kindle อ่านไม่ออก ให้แปลงเป็นไฟล์ PDF ก่อน บางไฟล์แปลงเป็น PDF ง่าย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับไฟล์ต้นฉบับว่าเป็นไฟล์อะไร ถ้าเป็น .jpg หรือ .png จะง่ายกว่าไฟล์ word
    • เปิดเอกสารที่จะแปลงเป็น PDF ถ้าใช้ Mac ให้เข้าเมนู File แล้วคลิก Save As ในเมนูที่ขยายลงมา จะเห็นหัวข้อ Format ในนั้น ก็คลิก PDF แล้วคลิก Save ได้เลย แต่ถ้าไม่มีฟอร์แมต PDF ให้เลือก คงต้องติดตั้งโปรแกรมแปลงไฟล์เป็น PDF ก่อน หรือใช้เว็บแปลงไฟล์แทน
    • ถ้าใช้ PC ในเอกสาร word ให้คลิก File แล้วคลิก Save As ในหัวข้อ “File Types” จะเห็นตัวเลือก “Create PDF/XPS Document” คุณก็เลือกเซฟไฟล์เป็น PDF ได้เลย
    • หรือเข้าเมนู Print ของเอกสารหรือหน้าเว็บ แล้วแปลงหรือเซฟไฟล์เป็น PDF โดยเข้าเมนู File แล้วคลิก Print จากนั้นในเมนู print จะมีตัวเลือกให้เซฟไฟล์เป็น PDF แทนการพริ้นท์ออกมา ถ้าเป็นโปรแกรมอื่น อย่าง photo viewer หรือ photo editor จะมีตัวเลือก File หรือ Export as PDF ให้คุณ export (นำออก) เอกสารเป็นไฟล์ PDF
    • นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเว็บและโปรแกรมสำหรับแปลงไฟล์ PDF เป็นไฟล์ .mobi ให้อ่านง่ายๆ ด้วย เช่น Calibre หรือ PDF4Kindle [1]
  2. พอเตรียมไฟล์ PDF เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาต่อ Kindle เข้าคอมผ่านสาย USB อย่าลืมเปิด Kindle ไว้ด้วย [2]
    • สาย USB บางชนิดก็ใช้ได้แค่ชาร์จ แต่รับ-ส่งข้อมูลระหว่าง Kindle กับคอมไม่ได้ เพราะงั้นให้ใช้สาย USB ที่ติดมากับ Kindle เท่านั้น [3]
    • บางทีก็ต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับเชื่อมต่อ Kindle กับคอมก่อน โดยเฉพาะถ้าใช้ Kindle Fire สำหรับคนใช้ Mac OS X 10.5 ขึ้นไป แนะนำให้ใช้โปรแกรม Android File Transfer [4]
    • สำหรับคนใช้ Windows แนะนำให้ติดตั้ง Windows Media Player 11 หรือใหม่กว่าก่อน [5]
  3. พอเชื่อมต่อ Kindle กับคอมเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดไดรฟ์ Kindle เหมือนเวลาเสียบ USB แล้วไดรฟ์ใหม่โผล่ขึ้นมา
    • ใครใช้ Mac จะเจอทางขวาของหน้า desktop แต่ถ้าไม่มีให้เปิด Finder แล้วหาไดรฟ์ Kindle ในกรอบทางซ้าย
    • ใครใช้ PC ถ้าไดรฟ์ Kindle ไม่อยู่ที่หน้า desktop ให้ไปหาที่โฟลเดอร์ Computer หรือ My Computer แทน
  4. ตอนนี้ Kindle ก็จะกลายเป็น external hard drive สำหรับเก็บข้อมูลอย่าง e-book ไฟล์เพลง และไฟล์อื่นๆ แล้ว
    • อันนี้แล้วแต่ว่าคุณใช้ Kindle รุ่นไหน ไฟล์กับโฟลเดอร์ที่เจอก็อาจแตกต่างกันไป ให้หาโฟลเดอร์ Documents ให้เจอ
  5. จะเจอไฟล์ทั้งหมดในเครื่อง อาจจะแบ่งเป็นโฟลเดอร์ย่อยๆ ก่อน รวมถึงมีหลายชนิดไฟล์ ก็ไม่ต้องคลิกอะไร
    • ไฟล์มาตรฐานของ e-book ใน Kindle จะเป็น .mobi หรือ .azw แต่จริงๆ แล้ว Kindle รองรับได้หลายชนิดไฟล์ รวมถึง PDF ด้วย
  6. ให้ย้ายไฟล์ PDF มาไว้ที่หน้า desktop หรือโฟลเดอร์ที่เซฟไว้ตอนแปลงไฟล์ เช่น Documents ให้คุณคลิกเลือกไฟล์ PDF แล้วลากไปใส่ในโฟลเดอร์ Documents ของ Kindle เท่านี้ไฟล์ PDF นั้นก็จะ sync กับ Kindle อัตโนมัติ คุณก็ปิดโฟลเดอร์ Documents ได้เลย
    • หรือคลิกขวาที่ไฟล์ PDF แล้วคลิก Make a Copy จากนั้นกลับไปที่โฟลเดอร์ documents ของ Kindle คลิกขวาในโฟลเดอร์ แล้วคลิก Paste
  7. ถ้าใช้ Mac ก็แค่คลิกไอคอน Kindle แล้วลากไปใส่ถังขยะ แต่ถ้าใช้ PC ให้คลิกไอคอน Safely Remove Hardware แล้วเลือก Eject Amazon Kindle เท่านี้ก็ตัดการเชื่อมต่อแล้ว
  8. แต่ละรุ่นก็ปลดล็อคต่างกัน ให้ทำตามขั้นตอนเพื่อไปยังหน้า home ไฟล์ PDF ใหม่ของคุณจะอยู่ในรายชื่อเอกสารหรือ e-book
    • ถ้าใน Kindle ใช้ทั้งพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องและใน cloud อย่าลืมเข้าส่วนที่เป็น On Device
    • คลิกหรือแตะหน้าจอเพื่อเปิดไฟล์ PDF อ่านตามสบาย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เพิ่มไฟล์ PDF ผ่านอีเมล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป็นอีเมลของแอพหรือเครื่อง Kindle คุณโดยเฉพาะ ปกติอยู่ในหน้า Manage your Devices ของโปรไฟล์ Amazon [6]
    • ล็อกอินเข้า Amazon.com แล้วคลิกปุ่ม Your Account ใน toolbar ทางด้านบนของหน้า
    • เลื่อนลงมาตามหน้าจนเจอส่วน Digital Content แล้วคลิกลิงค์ Manage Your Content and Devices
    • จะเห็น 3 tab ที่ด้านบนของหน้า คือ Your Content , Your Devices แล้วก็ Settings ให้คลิก tab Your Devices
    • หา Kindle ของคุณแล้วคลิก จะมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น อีเมล Kindle ของคุณ รุ่น Kindle ที่ใช้ และ serial number
  2. ก่อนจะส่งไฟล์ PDF เข้าอีเมล Kindle ได้ ต้องใส่และยืนยันอีเมลต้นทางของคุณก่อน
    • เข้าหน้า Personal Document Settings จากใน Manage your Kindle Page
    • ในหน้าที่มีอีเมล Send-to-Kindle คืออีเมล Kindle ของคุณ ให้คลิก tab ที่ 3 ทางขวา หรือก็คือ tab Settings
    • ใน tab settings ในหน้า Manage Your Content and Devices ให้เลื่อนลงไปที่ท้ายหน้าจนเจอส่วน Approved Personal Document E-mail List
    • คุณจะเห็นอีเมลต้นทางที่ยืนยันแล้ว จะเพิ่มอีเมลใหม่ก็ไม่ว่ากัน
  3. ทีนี้ก็แค่เปิดอีเมลคุณแล้วใส่อีเมล Send-to-Kindle ลงไป จากนั้นคลิกไอคอนคลิปหนีบกระดาษเพื่อแนบไฟล์ PDF
    • ถ้าอยากแปลงไฟล์ PDF เป็นไฟล์ .azw ของ Amazon ให้ใช้สะดวก ก็ต้องพิมพ์ “convert” ในช่อง subject
    • ไม่ต้องพิมพ์อะไรในช่องเนื้อหาอีเมลก็ได้
    • อีเมลคุณเองที่ใช้ส่งไฟล์ PDF เข้า Kindle ต้องอยู่ใน approved list คือตรวจสอบและยืนยันแล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เพิ่มไฟล์ PDF ผ่าน Dropbox กับ BookDrop

ดาวน์โหลดบทความ
  1. BookDrop เป็นช่องทางสำหรับเชื่อมต่อ Dropbox กับบัญชี Amazon Kindle ของคุณ ให้เข้า getbookdrop.com แล้วพ่วง Dropbox กับ Kindle ซะก่อน [7]
    • คุณใช้บริการ BookDrop ได้ฟรี แค่ล็อกอินเข้า Dropbox แล้วอนุญาตให้ BookDrop พ่วงกับ Amazon เหมือนเวลาพ่วงอีเมล
    • Bookdrop ใช้ได้กับ Kindle ทุกรุ่น รวมถึงแอพ Kindle ทุกเวอร์ชั่น เพราะงั้นถ้าแท็บเล็ตคุณมีแอพ Kindle ก็ใช้ได้แน่นอน
  2. พอเข้าเว็บแล้วจะเห็นปุ่มใหญ่ๆ ให้ล็อกอินด้วยบัญชี Dropbox ของคุณ ก็คลิกปุ่มนั้นแล้วเข้า Dropbox เวลาใส่ไฟล์หรือหนังสือ ก็ต้องใส่ในโฟลเดอร์ Dropbox/Apps/book-drop ซึ่งจะโผล่มาเองตอนคุณล็อกอิน [8]
    • พอพ่วงกับบัญชี Amazon ของคุณแล้ว ก็ใส่ไฟล์ PDF ลงโฟลเดอร์นี้ได้เลย ไฟล์จะถูกส่งไปที่ Kindle โดยอัตโนมัติ
    • นอกจากไฟล์ PDF แล้ว คุณยังใช้ BookDrop ส่งไฟล์ฟอร์แมตอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ที่ใช้กับ Amazon โดยเฉพาะหรือไม่ก็ตาม ทั้ง .epub, .cbr แล้วก็ .cbz แต่ก็จะต่างคุณภาพกันไป เพราะบางไฟล์ Kindle ไม่ได้รองรับโดยเฉพาะ
  3. แล้วจะเห็นข้อความให้คุณลากปุ่ม bookmarklet ไปที่แถบ bookmarks
    • จะมีลูกศรสีฟ้าช่วยกำกับอีกที ว่าให้คุณลากปุ่มไปใส่ในแถบ bookmark
    • คลิกปุ่มค้างไว้ แล้วลากไปใส่ในแถบ bookmarks
  4. พอลากปุ่มไปใส่ในแถบ bookmarks แล้ว จะมีขั้นตอนที่ 3 โผล่ขึ้นมา ให้คลิกลิงค์เพื่อเข้าหน้า Amazon ของคุณ
    • จะมีให้คุณล็อกอินเข้า Amazon ก็ใส่ username กับรหัสผ่านไป แล้วจะโผล่ไปหน้า Manage Your Content and Devices อัตโนมัติ
  5. ตอนอยู่ในหน้า Manage Your Content and Devices ให้ไปที่ bookmarks list แล้วคลิก bookmark “Activate Bookdrop”
    • ในหน้า Amazon ของคุณ จะเห็นหน้าต่าง popup BookDrop พร้อมรายชื่ออุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ
    • ให้คลิกเลือกอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อ แล้วคลิกปุ่ม “Activate BookDrop” สีฟ้าที่มุมขวาล่าง
    • พอ activate เปิดใช้ BookDrop แล้ว จะมีไฟล์ PDF ตัวอย่างให้ อยู่ในโฟลเดอร์ Dropbox/Apps/book-drop และใน Kindle ของคุณ
  6. เวลาจะเพิ่มไฟล์ PDF ใน Kindle ให้เข้า Dropbox ตัวเอง หาโฟลเดอร์ Dropbox/Apps/book-drop คลิกไอคอนอัพโหลดไฟล์ เลือกไฟล์ PDF ที่ต้องการ แล้วคลิก “OK”
    • พออัพโหลดไฟล์ PDF แล้ว ให้คลิก “Done”
    • Kindle ต้องต่อ Wi-Fi อยู่
    • ไฟล์ PDF ที่ใส่ไปใน Kindle จะไปอยู่ในส่วน “On Device” อาจจะต้องรอ 2 - 3 นาที กว่าไฟล์ PDF ใหม่จะแสดง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • บางทีไฟล์ PDF ก็เปิดอ่านใน Kindle ได้ไม่ลื่นไหลเหมือนต้นฉบับเป๊ะๆ โดยเฉพาะถ้ามีตัวอักษรเยอะเป็นพิเศษ อาจจะต้องแปลงเป็นไฟล์ e-book ก่อน
  • ถ้าไม่ได้ต่อ Kindle เข้าคอมผ่านสาย USB แล้วสแกนไม่เจอ ให้รีสตาร์ททั้งคอมและ Kindle หรือเปลี่ยนสาย USB แทน
  • ก่อนดึงสายออก ต้องคลิก eject เลือกเชื่อมต่อ Kindle กับคอมให้เรียบร้อยก่อน ไฟล์จะได้ไม่เสียหรือสูญหายไป
  • ถ้าวิธีที่ว่ามาใช้ไม่ได้ผล ให้ลองใช้แอพอื่นอย่าง BookDrop เพราะส่งไฟล์เข้า Kindle ได้เลยแค่หย่อนไฟล์ในโฟลเดอร์ของ Dropbox [9]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,827 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา