ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การสักลายเป็นประสบการณ์ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและแสนเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน และเพื่อให้การสักลายของคุณสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและเจ็บปวดน้อยที่สุด มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณควรปฏิบัติตามเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสักลายของคุณ ก่อนเริ่มต้นสักลาย คุณควรทำความเข้าใจในขั้นตอนการสักลายเป็นอย่างดี รวมถึงเตรียมร่างกายให้พร้อมและเลือกลายสักที่คุณรู้สึกพึงพอใจ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

เตรียมร่างกายให้พร้อม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนรับการสักลาย ควรแน่ใจว่าร่างกายของคุณได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอ พยายามดื่มน้ำให้มากขึ้นในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงก่อนการสักลายและป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดการขาดน้ำ
    • ปริมาณของน้ำที่ควรดื่มนั้นจะแตกต่างกันไปตามร่างกายของแต่ละคน [1] ดังนั้นแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญบางส่วนจะแนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แต่ร่างกายของคุณอาจต้องการน้ำมากกว่านั้น [2]
    • ความชุ่มชื้นจะช่วยเตรียมผิวของคุณให้พร้อมสำหรับการสักลายมากขึ้น เนื่องจากน้ำหมึกจะซึมลงไปสู่ผิวได้ดีกว่า ทำให้กระบวนการสักลายเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับผิวที่ขาดน้ำ
  2. เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดออกมากเกินไป พยายามหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เลือดเจือจางลงในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงก่อนการสักลาย ซึ่งหมายความว่าคุณควรงดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเริ่มสักลายเช่นกัน [3]
    • รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินภายใน 24 ชั่วโมงก่อนการสักลาย เนื่องจากยาแอสไพรินมีคุณสมบัติในการเจือจางเลือด จึงอาจทำให้แผลจากการสักลายมีเลือดออกมากยิ่งขึ้น
  3. คุณอาจจำเป็นต้องอยู่ที่ร้านสักลายเป็นเวลานานหลายชั่วโมงซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของลายสักที่คุณเลือก ดังนั้นการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้นในระหว่างที่คุณกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดในการสักลาย [4]
    • นอกจากนี้ เสื้อผ้าที่หลวมและสวมใส่สบายยังช่วยให้ช่างสักสามารถเข้าถึงบริเวณที่คุณต้องการสักลายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ดังนั้นหากคุณต้องการสักลายตรงบริเวณของร่างกายที่มักมีเสื้อผ้าปกปิด พยายามเลือกสวมเสื้อผ้าที่ช่วยให้ช่างสักสามารถเข้าถึงบริเวณนั้นได้อย่างง่ายดาย
    • ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการสักลายตรงบริเวณขาของคุณ คุณควรเลือกสวมกางเกงขาสั้นหรือกระโปรงเพื่อให้ช่างสักสามารถสักลายที่บริเวณดังกล่าวได้ง่ายดายยิ่งขึ้น และเช่นเดียวกัน หากคุณต้องการสักลายที่ต้นแขน ให้เลือกสวมเสื้อแขนกุดในวันนัดสักลาย
  4. สิ่งสำคัญที่คุณควรทำก่อนถึงเวลานัดสักลายคือการทานอาหารให้เพียงพอเพื่อป้องกันอาการหน้ามืดในระหว่างการสักลาย เนื่องจากอาการเจ็บปวดจากการสักลายนั้นค่อนข้างแย่พออยู่แล้ว และคุณคงไม่ต้องการให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกจากอาการหน้ามืดหรือเป็นลมหมดสติไป [5]
    • การมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำจะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางกายเพิ่มขึ้นในระหว่างการสักลาย ทำให้มีแนวโน้มมากขึ้นที่คุณอาจเป็นลมหมดสติไปจากการเจ็บปวด
    • การทานอาหารให้อยู่ท้องก่อนถึงเวลานัดสักลายจะช่วยให้พลังงานและเสริมสร้างแรงกายสำหรับต่อสู้กับความเจ็บปวดในระหว่างการสักลาย ไม่สำคัญมากนักว่าคุณจะทานอะไรตราบใดที่สิ่งที่คุณเลือกทานนั้นช่วยให้คุณอยู่ท้องนานพอในระหว่างการสักลาย ดังนั้นคุณจึงอาจเลือกทานอาหารที่มีโปรตีนสูงแทนน้ำตาลเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้องได้นานกว่า [6]
    • หากกระบวนการสักลายของคุณใช้เวลาค่อนข้างนานเป็นพิเศษ คุณอาจพกขนมขบเคี้ยวเล็กน้อย เช่น กราโนล่าบาร์ ติดมือไปด้วยสำหรับทานในช่วงพักสั้นๆ เพื่อให้คุณรู้สึกอิ่มท้องอยู่เสมอ
  5. คุณไม่จำเป็นต้องปรนนิบัติผิวมากนักก่อนถึงวันนัดสักลาย เพียงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ติดต่อกัน 1 สัปดาห์ล่วงหน้าหากคุณมีผิวที่แห้งเพื่อให้มั่นใจว่าผิวของคุณมีสภาพที่พร้อมสำหรับการสักลาย รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสถูกแดดจนเกิดผิวไหม้ตรงบริเวณที่คุณต้องการสักลายรวมถึงทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อออกข้างนอก
    • แม้ว่าบริเวณที่คุณต้องการสักลายจะจำเป็นต้องโกนขนให้เรียบร้อยก่อน แต่ช่างสักโดยส่วนใหญ่มักไม่ต้องการให้คุณโกนขนไปก่อนล่วงหน้า โดยพวกเขาจะทำการโกนขนทันทีก่อนเริ่มต้นการสักลายเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ในระหว่างกระบวนการสักลาย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

วางแผนให้ดีเพื่อการสักลายที่สมบูรณ์แบบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลายสักสามารถสะท้อนถึงตัวตนของคุณ และเป็นตัวตนที่ปรากฏให้โลกภายนอกเห็นในทุกๆ วัน ลองปล่อยจินตนาการของคุณให้โลดแล่นและนึกถึงลายสักที่เป็นเอกลักษณ์และสื่อความหมายตามที่คุณต้องการ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจออกแบบลายสักที่ประกอบด้วยสัญลักษณ์ที่มีความหมายพิเศษต่อคุณ รูปสัตว์ที่คุณชื่นชอบมากที่สุด หรืออาจเลือกสีที่แสดงถึงช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของคุณ
    • มีลายสักที่ต้องการในใจก่อนตัดสินใจนัดสักลายกับช่างสัก
    • เมื่อออกแบบลายสัก อย่าลืมนึกถึงขนาดด้วยเช่นกัน สำหรับการสักลายครั้งแรก คุณอาจเริ่มจากการสักลายเล็กๆ ก่อนเพื่อให้คุณทราบถึงระดับความเจ็บปวดและปฏิกิริยาตอบสนองของร่ายกายของคุณโดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลากับการสักลายนานหลายชั่วโมง [7]
    • ออกแบบลายสักที่คุณพร้อมให้คงอยู่อย่างถาวร เพราะแม้ว่าคุณจะสามารถลบรอยสักได้ แต่การลบรอยสักนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเจ็บปวดอย่างมาก ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงและใช้เวลานานอีกด้วย [8] ด้วยเหตุนี้คุณจึงควรตระหนักว่าลายสักจะเป็นสิ่งอยู่กับคุณอย่างถาวรและเลือกลายสักที่คุณจะรู้สึกพึงพอใจตลอดไป
    • คุณสามารถออกแบบลายสักด้วยตัวเองได้ตามใจชอบหรือจะให้ช่างสักเป็นคนออกแบบลายสักสำหรับคุณโดยเฉพาะก็ได้เช่นกัน
  2. เมื่อมีลายสักที่ชื่นชอบแล้ว ลองมองหาช่างสักที่ถูกใจสักคนเพื่อสักลายให้กับคุณ โดยคุณสามารถขอคำแนะนำปากต่อปากจากคนอื่นๆ อย่างเช่นเพื่อนของคุณที่มีช่างสักเจ้าประจำ หรือคุณอาจลองค้นหาข้อมูลช่างสักในระแวกบ้านของคุณจากอินเทอร์เน็ตก็ได้เช่นกัน และเมื่อคุณเจอช่างสักที่ถูกใจแล้ว ลองหาอ่านรีวิวในอินเทอร์เน็ตและย้อนดูผลงานที่ผ่านมาทั้งที่แสดงในเว็บไซต์และที่ร้าน ซึ่งหากช่างสักมีชื่อเสียงที่ดีและมีรูปแบบการสักลายที่ถูกใจคุณ และคุณคิดว่ารูปแบบการสักลายของเขาจะสามารถสื่อความหมายของลายสักที่คุณออกแบบได้ตามที่ต้องการ จึงทำการนัดหมายเพื่อเริ่มต้นปรึกษาหารือสำหรับขั้นตอนต่อไป [9]
    • ช่างสักโดยส่วนใหญ่จะวาดลายสักที่คุณออกแบบไว้ออกมาลงกระดาษเพื่อให้คุณสามารถแก้ไขลายสักได้ตั้งแต่แรกก่อนเริ่มต้นนัดหมายสำหรับการสักลายจริง หากมีส่วนใดที่คุณยังไม่ถูกใจ อย่าลังเลที่จะพูดคุยกับช่างสักเพื่อให้ลายสักออกมาตรงตามความต้องการของคุณมากที่สุด
    • ช่างสักบางคนได้รับความนิยมค่อนข้างสูงและไม่สามารถให้คำปรึกษากับคุณได้โดยทันที คุณจึงอาจจำเป็นต้องทำการนัดหมายล่วงหน้านานเป็นเดือน อย่างไรก็ตาม หากช่างสักมีผลงานที่เป็นที่ถูกใจมากพอ ผลงานมีคุณภาพของเขาก็อาจคุ้มค่ากับการรอคอยของคุณ
  3. แม้ว่าคุณจะสามารถสักลายได้ทุกที่ตามที่ต้องการ แต่จำไว้ว่าการสักลายในบางตำแหน่งอาจรู้สึกเจ็บมากกว่าตำแหน่งอื่นๆ ดังนั้นสำหรับการสักลายในครั้งแรก ลองพิจารณาการสักลายในตำแหน่งที่มีเนื้อเยอะและไม่นิ่มจนเกินไป ซึ่งก็คือตรงบริเวณที่ไม่ติดกับกระดูกและไม่ไวต่อสัมผัสเป็นพิเศษ
    • ตัวอย่างเช่น การสักลายที่เท้าอาจทำให้คุณรู้สึกเจ็บมากกว่าการสักลายตรงบริเวณน่อง เนื่องจากเครื่องมือสักจะโดนที่กระดูกโดยตรงในระหว่างการสักลาย
    • ตำแหน่งที่มีเนื้อค่อนข้างนิ่มเป็นพิเศษ ได้แก่ เท้า ด้านในต้นแขนและต้นขา และบริเวณกระดูกซี่โครง พยายามหลีกเลี่ยงการสักลายในบริเวณที่ผิวหนังติดกับกระดูกหรือบริเวณที่ไม่ค่อยโดนแสงแดดมากนัก ผิวหนังบริเวณที่มักไม่ค่อยสัมผัสถูกแสงแดดจะมีลักษณะที่นิ่มมากกว่าและทำให้การสักลายเจ็บมากยิ่งขึ้น [10]
  4. สิ่งสำคัญก่อนการสักลายคือการทำความเข้าใจว่าความเจ็บจากการสักลายนั้นเป็นประมาณใดเพื่อช่วยให้คุณได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการสักลายของคุณ โดยหลายคนมักเปรียบเทียบความเจ็บจากการสักลายเป็นเหมือนกับการถูกเล็บข่วนบนผิวที่ไหม้แดด โดยส่วนใหญ่แล้วอาการเจ็บในระหว่างการสักลายจะมีลักษณะตื้อๆ แต่ในบางครั้งคุณอาจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อเข็มสักโดนเส้นประสาท โดนบริเวณที่ใกล้กับกระดูก หรือลงซ้ำๆ ในบริเวณเดิม
    • ช่างสักบางคนอาจใช้ยาชาเฉพาะที่ทาตรงบริเวณที่ต้องการสักลายเพื่อระงับความเจ็บปวดหากคุณรู้สึกทนต่ออาการเจ็บไม่ไหว อย่างไรก็ตาม การใช้ยาชาอาจทำให้สีของลายสักดูหมองและส่งผลให้แผลจากการสักลายหายดีช้ากว่าเดิม คุณสามารถสอบถามช่างสักของคุณเกี่ยวกับการใช้ยาชาเฉพาะที่ แต่จำไว้ว่าไม่ใช่ช่างสักทุกคนที่จะนิยมใช้ยาชาในการสักลาย
  5. วางแผนให้ดีในการหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลสักลายโดนน้ำหรือสัมผัสถูกแสงแดดในช่วงสัปดาห์แรกๆ หลังการสักลาย ซึ่งหมายความว่าคุณควรเลือกวันเข้ารับการสักลายให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องจัดเตรียมแผนการอื่นๆ ใหม่เนื่องจากต้องรอให้แผลสักลายหายดีเสียก่อน ยกตัวอย่างเช่น หากวันหยุดพักผ่อนที่ใกล้เข้ามาของคุณมีกิจกรรมที่ต้องลงน้ำอยู่บ่อยครั้ง คุณอาจหลีกเลี่ยงไม่เข้ารับการสักลายในช่วงก่อนหน้านั้นเล็กน้อย [11]
    • ช่างสักของคุณจะให้คำแนะนำต่างๆ ในการดูแลแผลหลังการสักลายอย่างเช่น สามารถแกะผ้าพันแผลออกได้เมื่อไร จะต้องเริ่มทำความสะอาดแผลเมื่อไร ใช้อุปกรณ์ใดบ้างในการทำความสะอาดแผล และสิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการฟื้นฟูของแผลเป็นไปอย่างราบรื่น และหากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะถามช่างสักของคุณโดยทันที คุณยังสามารถโทรหาช่างสักลายได้ทุกเมื่อหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในภายหลัง
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 28,866 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา