ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เมื่อพูดถึงการแต่งหน้า ผู้คนส่วนใหญ่จะนึกถึงการลงรองพื้น การแต่งตาด้วยอายไลน์เนอร์ อายแชโดว์ และมาสคาร่า และการทาปากด้วยเฉดสีที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจหลงลืมขั้นตอนสำคัญอย่างการเตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้าที่จะช่วยให้เครื่องสำอางดูเรียบเนียนและติดทนนานยิ่งขึ้น จำไว้ว่าเมื่อผิวของคุณดูมีสุขภาพดีตั้งแต่เริ่มแรก คุณก็จะสามารถแต่งหน้าออกมาได้ดูดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นคุณจึงไม่ควรละเลยขั้นตอนการทำความสะอาด บำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ และปรับสภาพผิวด้วยไพร์เมอร์ทุกครั้งก่อนเริ่มการแต่งหน้า

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทำความสะอาดผิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งที่สำคัญในการแต่งหน้าคือผิวที่สะอาดและสดชื่น ดังนั้นก่อนเริ่มการแต่งหน้า อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดด้วยคลีนเซอร์ที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ
    • สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ควรเลือกใช้คลีนเซอร์ชนิดครีมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวในระหว่างการล้างหน้า
    • สำหรับผู้ที่มีผิวมัน ควรเลือกใช้คลีนเซอร์ชนิดเจลหรือชนิดโฟมที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความมันโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
    • สำหรับผู้ที่มีผิวผสม (ผิวในบางบริเวณจะมันเป็นพิเศษในขณะที่บริเวณอื่นๆ กลับแห้ง) ควรเลือกใช้คลีนเซอร์ที่เหมาะสำหรับผิวผสมโดยเฉพาะที่สามารถทำความสะอาดทั้งผิวแห้งและผิวมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนสำหรับผิวหน้าของคุณมากที่สุด คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนโดยส่วนใหญ่จะประกอบด้วยน้ำมันที่สกัดจากพืชธรรมชาติ
    • สำหรับผู้ที่มีผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ควรเลือกใช้คลีนเซอร์ที่ประกอบด้วยกรดซาลิไซลิก เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ หรือน้ำมันทีทรีที่ช่วยป้องกันการเกิดสิวได้อย่างดีเยี่ยม
  2. Watermark wikiHow to เตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า
    เริ่มจากใช้น้ำอุ่นชโลมใบหน้าให้เปียก จากนั้นบีบคลีนเซอร์ลงบนฝ่ามือให้มีขนาดเท่ากับเหรียญบาทและนำไปถูให้ทั่วใบหน้า นวดเบาๆ ประมาณ 45 วินาทีเพื่อให้คลีนเซอร์ได้ทำงานแล้วจึงล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น [1]
    • เนื่องจากผิวหน้าเป็นส่วนที่บอบบางและแพ้ง่ายกว่าผิวในบริเวณอื่นๆ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการขัดหรือถูอย่างรุนแรงและล้างหน้าอย่างเบามือที่สุดโดยใช้เพียงปลายนิ้วนวดวนเป็นวงกลมเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า
    • ควรแน่ใจว่าคุณล้างหน้าจนสะอาดหมดจดเพื่อไม่ให้มีฟองคลีนเซอร์เหลือตกค้างบนผิว
    • ซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด. หลีกเลี่ยงการเช็ดหรือถูใบหน้าแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองจนเกิดรอยแดงและลอกเป็นขุยได้
    • การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขนและขับสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียที่อุดตันอยู่ให้หลุดออกมา อย่างไรก็ตาม หลีกเลี่ยงการใช้น้ำที่ร้อนจนเกินไปซึ่งอาจส่งผลทำให้ผิวแห้งแทนได้
  3. Watermark wikiHow to เตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า
    หลายคนอาจมองข้ามขั้นตอนการเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ แต่รู้หรือไม่ว่านี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิวของคุณ โทนเนอร์มีคุณสมบัติหลักๆ ในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เครื่องสำอาง หรือแบคทีเรียอื่นๆ ที่คลีนเซอร์อาจทำความสะอาดได้ไม่หมดจด [2]
    • หลีกเลี่ยงการใช้โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบหลัก เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นจนแห้งเกินไปได้
    • เทโทนเนอร์ปริมาณเล็กน้อยลงบนสำลีก้อนหรือสำลีแผ่นและนำไปเช็ดให้ทั่วใบหน้า ระวังอย่าขัดหรือถูแรงจนเกินไปและใช้วิธีเช็ดเบาๆ ให้ผิวหน้าชุ่มไปด้วยโทนเนอร์
    • ลองสังเกตดูสิ่งสกปรกที่หลุดออกมาจากผิวของคุณ โดยส่วนใหญ่คุณจะเห็นได้ว่ามีรองพื้นติดอยู่บนสำลีหลังการเช็ดด้วยโทนเนอร์เสร็จแล้ว ซึ่งนี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการใช้คลีนเซอร์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถช่วยลบเครื่องสำอางได้อย่างหมดจดได้
  4. Watermark wikiHow to เตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า
    ขัดผิว . หมั่นขัดผิวหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าที่สะสมบนชั้นผิวให้หลุดออกไป อย่างไรก็ตาม หากผิวหน้าของคุณเริ่มมีลักษณะบวมแดงหรือแสบร้อน แสดงว่าคุณอาจขัดผิวบ่อยครั้งจนเกินไป ในทางตรงกันข้าม หากผิวหน้าของคุณดูหมองคล้ำและไม่เรียบเนียน คุณอาจจำเป็นต้องขัดผิวบ่อยครั้งยิ่งขึ้น [3]
    • คุณสามารถขัดผิวในระหว่างการล้างหน้าตามปกติด้วยการใช้ผ้าขนหนูแทนปลายนิ้วในการถูคลีนเซอร์โดยนวดวนเป็นวงกลมเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า ควรแน่ใจว่าคุณล้างคราบคลีนเซอร์ออกจากผ้าอย่างสะอาดหมดจด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้แบคทีเรียที่หลงเหลืออยู่บนผ้าสัมผัสถูกผิวหน้าของคุณเมื่อล้างหน้าครั้งต่อไป
    • คุณสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการขัดผิวหรือที่เรียกกันว่าสครับ หรือจะทำสครับใช้เองง่ายๆ จากส่วนผสมอย่างน้ำตาลและน้ำมันมะกอกก็ได้เช่นกัน
  5. ล้างหน้าให้สะอาดเป็นประจำทุกคืนก่อนเข้านอนด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนเพื่อขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ ที่สะสมบนผิวหน้าตลอดทั้งวัน รวมถึงล้างหน้าอีกครั้งหลังตื่นนอนตอนเช้า (ซึ่งมักเป็นช่วงก่อนที่คุณจะเริ่มแต่งหน้า)
    • หากในวันที่คุณเผลอตื่นสายและไม่มีเวลาพอสำหรับล้างหน้า อย่างน้อยให้คุณชโลมน้ำเย็นบนใบหน้าเพื่อปลุกผิวให้ตื่นและดูสดชื่นยิ่งขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

บำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตามหลักการแล้วคุณควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ 2 ชิ้นควบคู่กัน คือ มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับกลางวันที่มีเนื้อบางเบาพร้อมผสมสารกันแดดและมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับกลางคืนที่มีเนื้อสัมผัสที่ข้นกว่าเล็กน้อย ทุกครั้งก่อนการแต่งหน้า อย่าลืมบำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์สูตรกลางวันที่มีค่า SPF 15 เป็นอย่างน้อยเพื่อปกป้องผิวหน้าของคุณจากแสงแดด [4]
    • หากคุณมีผิวมันและ/หรือผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย มองหามอยเจอร์ไรเซอร์สูตรปราศจากน้ำมันที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน
    • หากคุณมีผิวแห้ง มองหามอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับกลางวันที่มีเนื้อข้นหนืดกว่าปกติเล็กน้อย พร้อมยังสามารถช่วยให้ผิวของคุณดูฉ่ำน้ำมากขึ้นอีกด้วย
  2. หากคุณมีผิวแห้ง ลองใช้เซรั่มเพิ่มเติมในขั้นตอนการบำรุงผิวเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าของคุณ สำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าโดยส่วนใหญ่ จำไว้ว่าการใช้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอสำหรับการบำรุงผิวทั่วทั้งใบหน้าของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้เซรั่มที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในปริมาณเกินพอดี [5]
    • มองหาเซรั่มที่ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (เช่น วิตามินซี) สารต้านการอักเสบ (เช่น ซิงค์) และสารที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว (เช่น กรดอะมิโน)
    • หลังล้างหน้าและเช็ดด้วยโทนเนอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คุณทาเซรั่มให้ทั่วผิวหน้าก่อนเริ่มบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์
    • สำหรับผู้ที่มีผิวมันที่ต้องการใช้เซรั่มเพิ่มเติมในขั้นตอนการบำรุงผิว คุณอาจใช้วิธีทาเซรั่มในช่วงกลางคืนแทน
    • แต้มเซรั่มเล็กน้อยลงบนแก้มทั้งสองข้าง หน้าผาก และคาง และแตะเบาๆ ให้เซรั่มซึมเข้าสู่ผิว
  3. Watermark wikiHow to เตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า
    ผู้คนโดยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าวิธีการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ถูกต้องคือการนวดเค้นเพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิว แต่สำหรับผิวหน้าแล้วการทำเช่นนี้กลับไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และจำไว้ว่าวิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ เพื่อให้มอยเจอร์ไรเซอร์ซึมเข้าสู่ผิว วิธีนี้จะช่วยให้คุณแน่ใจว่าคุณไม่ได้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ในปริมาณที่มากเกินไปซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสิวและ/หรือผิวมันได้ [6]
    • การใช้วิธีแตะด้วยปลายนิ้วยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จึงช่วยให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่งและดูชมพูระเรื่อยิ่งขึ้น
  4. รอสักพักอย่างน้อย 5 นาทีเพื่อให้มอยเจอร์ไรเซอร์ซึมเข้าสู่ผิวให้เรียบร้อยและพร้อมสำหรับการปรับสภาพผิวด้วยไพรเมอร์ในขั้นตอนต่อไป [7]
    • ลองหาอย่างอื่นทำไปพลางๆ ในระหว่างที่รอ เช่น เลือกเสื้อผ้าสำหรับใส่ในวันนี้ หรือหากเป็นในช่วงเช้า คุณอาจไปเตรียมชาหรือกาแฟสักแก้วสำหรับดื่มในระหว่างการแต่งหน้า
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ปรับสภาพผิวด้วยไพรเมอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to เตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า
    แม้นี่จะไม่ใช่ขั้นตอนบังคับ แต่ช่างแต่งหน้าหลายคนเชื่อว่าการใช้สเปรย์น้ำกุหลาบเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผิวของคุณดูเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น เพียงเติมน้ำกุหลาบลงไปในขวดสเปรย์และปรับหัวพ่นเป็นละอองละเอียด จากนั้นนำไปฉีดให้ทั่วใบหน้าและรอสักพักให้แห้งก่อนเริ่มต้นขั้นตอนต่อไป [8] อย่างไรก็ตาม ช่างแต่งหน้าบางส่วนแนะนำให้ใช้วิธีฉีดสเปรย์น้ำกุหลาบหลังแต่งหน้าเสร็จแล้วแทนเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอก่อนการแต่งหน้า [9]
    • หลับตาให้สนิทในระหว่างการฉีดสเปรย์
    • มองหาน้ำกุหลาบธรรมชาติบริสุทธฺ์ที่ไม่ผสมสารเคมีใดๆ
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Daniel Vann

    ผู้เชี่ยวชาญด้านสุนทรียภาพที่มีใบอนุญาต
    แดเนียล แวนน์เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Daredevil Cosmetics สตูดิโอแต่งหน้าในซีแอตเทิล เขาทำงานในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมาเกิน 15 ปี และปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุนทรียภาพกับผู้ให้ความรู้เรื่องเครื่องสำอาง
    Daniel Vann
    ผู้เชี่ยวชาญด้านสุนทรียภาพที่มีใบอนุญาต

    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ : ในระหว่างการแต่งหน้า คุณอาจฉีดสเปรย์น้ำกุหลาบเรื่อยๆ ในทุกครั้งที่ผิวเริ่มรู้สึกแห้ง วิธีนี้จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้เครื่องสำอาง ทำให้เครื่องสำอางเกลี่ยได้ง่ายขึ้นและดูไม่หนาจนเกินไป

  2. Watermark wikiHow to เตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า
    เตรียมริมฝีปากของคุณให้พร้อมก่อนเริ่มทาลิปสติกลงไปเพื่อให้ลิปสติกสามารถเกลี่ยได้เรียบเนียนและติดทนนานยิ่งขึ้น [10]
    • ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ขัดวนเป็นวงกลมเบาๆ ให้ทั่วริมฝีปากเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ลิปสติกที่ทาดูไม่เรียบเนียน หากคุณมีผิวที่บอบบางแพ้ง่าย คุณอาจขัดริมฝีปากในช่วงกลางคืนก่อนการเข้านอนแทนก่อนการแต่งหน้า
    • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก. ก่อนเริ่มต้นทาลิปสติก ควรแน่ใจว่าริมฝีปากของคุณมีความชุ่มชื้นมากพอเพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อลิปสติกซึมลงไปในริมฝีปากจนเช็ดไม่ออก เพียงใช้ลิปบาล์มทาให้ทั่วริมฝีปากและรออย่างน้อย 10 นาทีให้ลิปบาล์มซึมเข้าสู่ริมฝีปาก.
    • หากไม่มีเวลามากพอ คุณสามารถทาลิปบาล์มเป็นอันดับแรกก่อนเริ่มต้นแต่งหน้าเพื่อให้ริมฝีปากของคุณพร้อมพอดีเมื่อคุณแต่งหน้าส่วนอื่นๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว
  3. ไม่ว่าการเตรียมผิวก่อนการแต่งหน้าของคุณจะมีขั้นตอนมากน้อยเพียงใด การลงไพร์เมอร์ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะปรับสภาพผิวของคุณให้พร้อมสำหรับการแต่งหน้า [11] ในปัจจุบันมีไพร์เมอร์วางขายตามท้องตลาดมากมายหลายรูปแบบ ดังนั้นลองเลือกซื้อไพร์เมอร์สักตัวหนึ่งที่เหมาะกับความต้องการของสภาพผิวของคุณมากที่สุด
    • ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีปัญหาสิวหรือรอยแดงบนใบหน้า ควรเลือกใช้ไพรเมอร์สีเขียวอ่อนที่สามารถช่วยอำพรางรอยแดงได้ [12]
    • ไพรเมอร์ที่ประกอบด้วยซิลิโคนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเนื่องจากซิลิโคนสามารถทำหน้าที่เป็นเสมือนเกราะกำบังให้กับผิวหน้าของคุณ ไพรเมอร์ประเภทนี้ไม่เพียงช่วยให้เครื่องสำอางสามารถเกลี่ยได้เรียบเนียนและติดทนนานยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้ความมันส่วนเกินบนใบหน้าผสมรวมกับเครื่องสำอางจนดูไม่สม่ำเสมออีกด้วย
    • ไพรเมอร์ยังมีส่วนช่วยในการเติมร่องริ้วรอยบนใบหน้า จึงทำให้เครื่องสำอางไม่ทิ้งรอยเป็นเส้นเด่นชัด
  4. Watermark wikiHow to เตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า
    คุณสามารถทาไพรเมอร์ให้ทั่วใบหน้าหรือจะแตะเฉพาะตรงบริเวณที่มีปัญหาผิวเท่านั้นก็ได้เช่นกัน หากคุณต้องการใช้ไพรเมอร์เพียงไม่กี่จุดบนใบหน้า ให้คุณใช้แปรงสำหรับทาคอนซีลเลอร์แตะไพรเมอร์เบาๆ ตรงบริเวณที่ต้องการ แต่หากคุณต้องการใช้ไพรเมอร์ทั่วทั้งผิวหน้า ให้คุณบีบไพรเมอร์เล็กน้อยลงบนนิ้วมือและแตะลงไปให้ทั่วใบหน้า จากนั้นใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ เพื่อให้ไพรเมอร์ซึมเข้าสู่ผิว [13]
    • หากไม่ต้องการลงรองพื้น คุณยังสามารถทาไพรเมอร์เดี่ยวๆ ได้เช่นกันเพื่อให้ผิวหน้าของคุณดูเรียบเนียนไร้ที่ติตลอดทั้งวัน
  5. หลังจากที่คุณเตรียมผิวด้วยขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถเริ่มต้นแต่งหน้าตามปกติได้เลย จำไว้ว่ายิ่งผิวของคุณเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีมากเท่าไหร่ การแต่งหน้าของคุณก็จะยิ่งออกมาดูดีและติดทนนานมากยิ่งขึ้น
    • หากคุณดูแลผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน ผิวของคุณก็จะดูดีได้แม้ในเวลาที่ไม่ได้แต่งหน้า ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องลงเครื่องสำอางมากนักเพื่อปกปิดผิวหน้าของคุณ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้ว่าแนวคิดยิ่งน้อยยิ่งเป็นผลดีเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การแต่งหน้าของคุณออกมาดูดีอยู่เสมอ ในบางครั้งคุณอาจแต่งหน้าให้ดูเข้มกว่าปกติเพื่อให้พร้อมสำหรับออกไปเที่ยวในยามค่ำคืน แต่สำหรับในชีวิตประจำวัน พยายามแต่งหน้าบางๆ และให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดจะดีกว่า
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่ามองข้ามความสำคัญของการเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ผสมสารกันแดด เมื่อผิวสัมผัสถูกแสงแดดติดต่อกันเป็นเวลานาน ผิวของคุณก็จะถูกทำลายจนส่งผลให้เกิดริ้วรอยและเส้นบางๆ บนใบหน้าหรือที่แย่ไปกว่านั้นยังอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ [14] และแม้แต่ในวันที่มีเมฆมาก ผิวของคุณก็ยังอาจถูกทำลายจากรังสียูวีได้เช่นเดียวกัน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,515 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา