PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการนำข้อมูลของ 2 ไฟล์ Excel ที่แตกต่างกัน มาเปรียบเทียบกันโดยตรง เวลาจัดการและ เปรียบเทียบข้อมูล ก็ใช้ฟังก์ชั่น Look Up, Index และ Match ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้เลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ใช้ฟีเจอร์ View Side by Side ใน Excel

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขั้นแรกให้เปิด Excel ขึ้นมา คลิก File แล้วคลิก Open จากนั้นเลือก 2 workbook ที่จะนำมาเปรียบเทียบ จากในเมนูที่โผล่มา
    • ไปยังโฟลเดอร์ที่มี workbook ของ Excel เลือกแต่ละ workbook แยกกัน แล้วเปิดทั้ง 2 workbook ไว้
  2. พอเปิดหนึ่งใน workbook แล้ว ให้คลิก tab View ตรงกลางด้านบนของหน้าต่าง
  3. ในกลุ่ม Window ของ ribbon เมนู View ไอคอนเป็นกระดาษ 2 แผ่น เพื่อย่อทั้ง 2 worksheet เป็นหน้าต่างเล็กๆ เทียบกันในแนวตั้ง
    • บางทีก็ไม่เจอตัวเลือกนี้ใน tab View ถ้าเปิดไว้ workbook เดียวใน Excel
    • ถ้าเปิดไว้ 2 workbook แล้ว Excel ก็จะเลือกเอกสารนั้นๆ แล้วปรับหน้าต่างไว้ข้างกันโดยอัตโนมัติ
  4. เป็น setting สำหรับเปลี่ยนการวางแนวของ workbook ที่เปิดไว้ข้างกันแล้ว
    • ในเมนูที่โผล่มา คุณเลือกได้ว่าจะเปิด workbook เทียบกันแบบ Horizontal (แนวนอน), Vertical (แนวตั้ง), Cascade (ซ้อนกัน) หรือ Tiled (เป็นช่องแบบกระเบื้อง)
  5. พอเปิดทั้ง 2 worksheet แล้ว ให้คลิก Synchronous Scrolling (ล่างตัวเลือก View Side by Side ) เพื่อให้เลื่อน 2 ไฟล์ Excel แบบทีละบรรทัด เช็คได้ง่ายว่าข้อมูลต่างกันตรงไหน
  6. พอเปิดใช้ Synchronous Scrolling แล้ว จะเลื่อนทั้ง 2 workbook พร้อมกัน และเปรียบเทียบข้อมูลได้อย่างง่ายดาย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ใช้ฟังก์ชั่น Lookup

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขั้นแรกให้เปิด Excel ขึ้นมา คลิก File แล้วคลิก Open จากนั้นเลือก 2 workbook ที่จะนำมาเปรียบเทียบ จากในเมนูที่โผล่มา
    • ไปยังโฟลเดอร์ที่เซฟ workbook ของ Excel ไว้ จากนั้นเลือกแต่ละ workbook แล้วเปิดทั้ง 2 workbook ไว้
  2. เดี๋ยวจะมีรายการขยายลงมาภายหลัง
  3. กรอบเซลล์จะสีเข้มขึ้น
  4. พอคลิกแล้ว ให้เลือก VALIDATION ในเมนูที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้าต่าง pop-up
    • ถ้าใช้ Excel เวอร์ชั่นเก่า DATA toolbar จะโผล่มาหลังเลือก tab DATA แล้วมี Data Validation เป็นตัวเลือกแทน Validation
  5. จะมีให้เลือกแหล่งข้อมูล (หรือก็คือคอลัมน์แรก) ซึ่งจะนำไปประมวลผลเป็นข้อมูลในเมนูที่ขยายลงมา
  6. คลิก OK หลังหน้าต่าง data validation โผล่มา จะเห็นช่องที่มีลูกศร คลิกลูกศรแล้วช่องจะขยายลงมา
  7. ถ้าใช้ Excel เวอร์ชั่นเก่าๆ ก็ไม่ต้องคลิก tab Insert แค่คลิก tab Functions เพื่อเปิดหมวดหมู่ Lookup & Reference
  8. พอดับเบิลคลิก จะมีอีกช่องโผล่มา ก็คลิก OK
  9. แล้วข้อมูลจะอัพเดทอัตโนมัติ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้ XL Comparator

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปิดเบราว์เซอร์แล้วเข้าเว็บ https://www.xlcomparator.net . เข้าเว็บ XL Comparator สำหรับอัพโหลด 2 workbook ของ Excel ไว้เปรียบเทียบข้อมูลกัน
  2. เพื่อเปิดหน้าต่างสำหรับไปยังหนึ่งในสองไฟล์ Excel ที่จะเปรียบเทียบกัน อย่าลืมเลือกไฟล์ทั้ง 2 ช่อง
  3. พอเลือกแล้ว จะมี pop-up ข้อความโผล่มาด้านบนของหน้า บอกความคืบหน้าการอัพโหลดไฟล์ ถ้าเป็นไฟล์ใหญ่ก็จะใช้เวลานานหน่อย เสร็จแล้วคลิก Ok เพื่อปิดข้อความนี้
  4. ล่างชื่อแต่ละไฟล์ จะเป็นเมนูที่ขยายลงมา เขียนว่า Select a column ให้คลิกเมนูที่ขยายลงมาของแต่ละไฟล์ เพื่อเลือกคอลัมน์ที่จะเน้นไว้เปรียบเทียบ
    • ชื่อคอลัมน์จะโผล่มาหลังคลิกเมนูที่ขยายลงมา
  5. จะมี 4 ตัวเลือก ที่มีลูกโป่งข้างๆ ในหมวดหมู่นี้ ต้องเลือกหนึ่งในนั้นเป็นฟอร์แมตของไฟล์ที่จะออกมา
  6. เลือกตัวเลือกต่างๆ ให้เปรียบเทียบคอลัมน์ได้ง่ายขึ้น. ในเซลล์ล่างสุดของเมนู comparison จะมีอีก 2 เงื่อนไขไว้เปรียบเทียบเอกสาร คือ Ignore uppercase/lowercase และ Ignore "spaces" before and after values ให้คลิกทั้ง 2 ช่องติ๊กก่อนไปต่อ
  7. จะไปโผล่ที่หน้าดาวน์โหลดไฟล์ผลลัพธ์
  8. พออัพโหลด workbook และตั้งค่าพารามิเตอร์แล้ว จะได้เอกสารแสดงการเปรียบเทียบข้อมูลของ 2 ไฟล์ พร้อมดาวน์โหลด ให้คลิกข้อความ Click here ที่ขีดเส้นใต้ไว้ ในช่อง Download the comparison file
    • ถ้าจะเปรียบเทียบไฟล์อื่นต่อ ให้คลิก New comparison มุมขวาล่างของหน้า เพื่อเริ่มขั้นตอนการอัพโหลดไฟล์อีกครั้ง
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เปิดไฟล์ Excel โดยตรงจากเซลล์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
    • กรณีนี้เราจะยกตัวอย่างตำแหน่งและชื่อไฟล์ดังนี้
      • C:\Compare\Book1.xls (มี sheet ชื่อ “Sales 1999”)
      • C:\Compare\Book2.xls (มี sheet ชื่อ “Sales 2000”)
    • ทั้ง 2 workbook จะมีคอลัมน์แรกเป็น “A” พร้อมชื่อผลิตภัณฑ์ และคอลัมน์สองเป็น “B” มีจำนวนที่ขายได้ต่อปี โดยแถวแรกจะเป็นชื่อคอลัมน์
  1. เราจะให้ Book3.xls เป็นไฟล์ผลลัพธ์การเปรียบเทียบ และสร้างคอลัมน์หนึ่งไว้ระบุผลิตภัณฑ์ อีกคอลัมน์บอกความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ในระยะเวลา 2 ปี
    • C:\Compare\Book3.xls (มี sheet ชื่อ “Comparison”)
  2. ให้เปิดไว้เฉพาะ “Book3.xls” แล้วไปที่เซลล์ “A1” จากนั้นพิมพ์
    • ='C:\Compare\[Book1.xls]Sales 1999'!A1
    • ถ้าจะเลือกตำแหน่งอื่น ให้เปลี่ยน “C:\Compare\” เป็นตำแหน่งไฟล์ ถ้าจะเปลี่ยนชื่อไฟล์ ให้ลบ “Book1.xls” แล้วพิมพ์ชื่อไฟล์ที่ต้องการ ถ้าจะเปลี่ยนชื่อ sheet ให้ลบ “Sales 1999” แล้วพิมพ์ชื่อ sheet ที่ต้องการ ระวังอย่าเปิดไฟล์ที่อ้างอิงข้อมูล (“Book1.xls”) ไว้ เพราะ Excel อาจจะไปเปลี่ยนแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เพิ่มไป สุดท้ายจะได้เซลล์ที่มีเนื้อหาเดียวกับเซลล์ที่อ้างถึง
  3. 4
    ลากเซลล์ “A1” ลงไปเพื่อใส่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด. กดสี่เหลี่ยมขวาล่างค้างไว้แล้วลาก copy ชื่อมาทั้งหมด
  4. ในตัวอย่างนี้จะเป็น “Difference” ใน "B1"
  5. (ตัวอย่าง) คาดเดาถึงความแตกต่างของแต่ละผลิตภัณฑ์. ในตัวอย่างนี้ ให้พิมพ์ข้อความต่อไปนี้ในเซลล์ “B2”:
    • ='C:\Compare\[Book2.xls]Sales 2000'!B2-'C:\Compare\[Book1.xls]Sales 1999'!B2
    • คุณใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ของ Excel กับเซลล์ที่อ้างถึงได้ตามปกติ จากไฟล์ที่อ้างถึง
  6. ลากสี่เหลี่ยมมุมล่างลงไป เพื่อเลือกความแตกต่างทั้งหมด ตามขั้นตอนเดิม.
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ย้ำว่าต้องปิดไฟล์อ้างอิงไว้ก่อน ถ้าเปิดไว้ Excel จะเซฟทับข้อมูลที่พิมพ์ในเซลล์ จะเข้าถึงไฟล์ไม่ได้อีกในภายหลัง (เว้นแต่จะเปิดไว้)
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,172 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา