ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นคนมีสง่าราศีนั้นไม่ใช่แค่การเดินอย่างไรไม่ให้สะดุด ไม่ใช่แค่การทรงตัวให้สวยงามตลอดเวลา แต่รวมถึงการควบคุมการกระทำและความคิดด้วย คนที่ดูมีสง่าราศีนั้นเฉิดฉายท่ามกลางผู้คนได้โดยไม่ต้องชูคอ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เคารพและปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นอย่างเท่าเทียม และถึงแม้ว่าคุณจะสะดุดล้มให้ได้อายกันอยู่บ่อยๆ คุณก็ดูดีมีสง่าราศีได้ แค่ต้องพยายามหน่อยเท่านั้นเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ปรับลุคให้ดูสง่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนที่มีสง่าราศีนั้นจะควบคุมร่างกายตัวเองอยู่เสมอ พวกเขาจะไม่เดินสะดุดหรือแกว่งแขนกางขา ไม่เผลอปัดแจกันหรือแก้วกาแฟ พวกเขารู้จักควบคุมจังหวะการเดินและพอใจกับร่างกายของตัวเอง ถ้าคุณอยากดูดีมีสง่าราศีบ้าง ก็ต้องสังเกตร่างกายตัวเองตลอดเวลาว่ามือไม้แขนขาอยู่ที่ไหน ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่ถ้าทำจะรู้ว่าคนเราเผลอไปสนใจสิ่งอื่นจนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังขวางทางคนอื่นหรือนั่งท่าน่าเกลียดอยู่บ่อยขนาดไหน
    • ไม่ต้องเป็นนักเพาะกายก็ควบคุมหรือรู้สึกพอใจกับร่างกายตัวเองได้ แต่การออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นวิ่งหรือปีนเขาก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้สื่อสารกับร่างกายตัวเอง
  2. ถ้าคุณอยากดูสง่า ต้องหลังตรงไม่ว่าจะนั่งหรือยืนและมั่นใจเข้าไว้ เวลาที่คุณเหนื่อยและอยากพัก คุณอาจจะอยากงอหลัง แต่ถ้าคุณฝึกยืนและนั่งหลังตรงจนเป็นนิสัย คุณก็จะไม่รู้สึกว่าการทำหลังตรงเป็นเรื่องยากอีกเลย ถ้าเห็นคนที่คุณกำลังคุยด้วยหลังงอ ก็ไม่ควรงอหลังตามเพื่อล้อเลียนเขา เวลาเดินยืดหลังให้ตรง ตามองไปข้างหน้าอย่าก้มมองพื้น เท่านี้คุณก็ดูมีราศีได้ในพริบตา [1]
    • การมีท่วงท่าที่สง่างามทำให้คุณสื่อภาษากายได้อย่างมั่นใจ คนที่ดูสง่ามักมาพร้อมกับความมั่นใจ เพราะเขาภูมิใจในสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ให้กับโลก การงอหลังหรืองอตัวทำให้คุณดูเหมือนซ่อนอะไรอยู่ แม้ว่าจริงๆ แล้วคุณจะไม่ได้ซ่อนอะไรไว้ก็เถอะ
  3. การหายใจเข้าออกลึกๆ นอกจากจะทำให้ดูดีและรู้สึกดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการรับรู้ด้วย เพ่งจิตไปที่ลมหายใจ รู้ตัวอยู่เสมอว่าตัวเองกำลังหายใจเข้าหายใจออก ถ้าคุณกำลังเครียดหรือลนลานทำอะไรไม่ถูก ให้หยุดพักแล้วหายใจเข้าออกลึกๆ จนกว่าใจจะสงบ
    • ถ้าคุณฝึกโยคะ คุณก็จะรู้ว่าการหายใจเข้า หายใจออก และการเพ่งจิตไปที่ลมหายใจนั้นเชื่อมโยงกายกับจิตเข้าด้วยกันและทำให้คุณสุขุมมากขึ้น ถ้าอยากให้ตัวเองมีท่วงท่าที่สง่างาม อย่าลืมฝึกหายใจเยอะๆ
  4. การมีร่างกายที่ยืดหยุ่นคือส่วนหนึ่งของการควบคุมร่างกายตัวเอง ในแต่ละวันคุณควรแบ่งเวลายืดเส้นยืดสายสักนิด เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายและไม่รู้สึกตึงเกินไปตลอดทั้งวัน ช่วงที่เหมาะแก่การยืดเส้นยืดสายก็ได้แก่ก่อนออกกำลังกาย หรือหลังจากนั่งโต๊ะมาตลอดทั้งวันและรู้สึกอยากจะคลายเส้นที่คอและหลังสักหน่อย จะทำไปด้วยดูโทรทัศน์ไปด้วยก็ได้ แล้วคุณจะแปลกใจว่าทำไมหมู่นี้ตัวเองดูสง่าจัง
    • การเล่นโยคะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับร่างกายได้มาก ลองเข้าคลาสเริ่มต้นก่อน แล้วจะเห็นว่าก่อนเล่นกับหลังเล่นไปสัก 2-3 ชั่วโมงมันต่างกันขนาดไหน
  5. เสื้อผ้าไม่ได้บ่งบอกตัวตนของคุณก็จริง แต่มันช่วยให้คุณดูสง่างามขึ้นได้ สิ่งสำคัญก็คือคุณต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด มีสไตล์ พอดีกับรูปร่าง ทำให้คุณดูมีสง่าราศี เสื้อผ้าของคุณไม่จำเป็นต้องราคาแพง แค่ให้ดูมีรสนิยมและเพิ่มเสน่ห์ให้กับคุณ ไม่จี๊ดจ๊าดหรือหวือหวาจนเกินไป
    • อย่าใส่เสื้อผ้าที่ทำให้คุณเคลื่อนไหวลำบาก เช่น รองเท้าส้นสูงอาจจะช่วยเสริมบุคลิก แต่ก็ไม่ควรใส่นานเกินไป กางเกงตัวโคร่งจะทำให้คุณเดินกระย่องกระแย่งดูไม่สง่างาม ใส่เสื้อผ้าที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจและมีเสน่ห์พร้อมกับทำผมให้เข้ากับเสื้อผ้า
    • ดูให้ดีว่าเสื้อผ้าไม่มีรอยยับ และหลังจากรับประทานอาหารให้ตรวจดูเสื้อผ้าว่าเลอะไหม
    • การปล่อยให้กระดุมหลุดและใส่เสื้อเข้าไปในกระโปรงหรือกางเกงไม่เรียบร้อยก็ทำให้คุณดูไม่สง่าได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นคอยเช็กเสื้อผ้าทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
    • ถ้าอยากให้ดูหรูหราขึ้นอีกนิด ลองใส่ชุดกระโปรงดำล้วนเรียบๆ สิ หรือจะเป็นสีที่ไม่หวือหวาอย่างน้ำตาล ชมพูอ่อน หรือเทาก็ได้ จะทำให้คุณดูสง่างามขึ้น
    • ในการใส่เครื่องประดับ แค่สร้อยมุก ต่างหูเรียบๆ เล็กๆ หรือกำไลข้อมือเงินก็หรูแล้ว อย่าโหมใส่จนดูเป็นตู้จิวเวอร์รี่เคลื่อนที่
  6. ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะชอบแต่งหน้า ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนแต่ง แต่ถ้าจะแต่ง ก็ให้แต่งออกมาแล้วดูสวยใสบาลานซ์กันทั้งหน้า ไม่ใช่แต่งเว่อจนลืมกาลเทศะ เช่น ถ้าคุณเขียนอายไลน์เนอร์เส้นหนา ก็ไม่ควรจะทาอายชาโดว์เข้ม ๆ หรือปัดมาสคาร่าหนา ๆ อีก แค่ทาลิปสติก ทาแก้ม และอายชาโดว์นิดหน่อยก็สวยแล้ว
    • อย่าลืมเลือกสีรองพื้นให้ตรงกับสีผิว
    • จำไว้เสมอว่าแต่งหน้าอ่อนเกินไปดีกว่าแต่งหน้าหนาเกินไป
    • ถ้าใช้คอนซีลเลอร์หรือปัดแก้ม อย่าลืมเกลี่ยให้ทั่ว
  7. เชิดหน้ามองตรงและเดินจังหวะปกติ คนที่สง่างามจะไม่เดินอย่างเร่งรีบหรือเอื่อยเฉื่อย เขารู้ว่าเขาจะไปที่ไหนและเขาก็ภูมิใจที่ได้ไปที่นั่น ถ้าคุณเอาแต่ก้มมองพื้น คุณจะดูเหมือนคนหลงทางหรือไม่มั่นใจ และการมองตรงก็จะทำให้คุณได้สบตากับคนอื่น ซึ่งจะทำให้คุณดูเป็นคนมั่นใจและสง่างามด้วย
    • ถ้าเดินข้างๆ คนที่เดินช้า คุณก็ต้องให้เกียรติเขาด้วยการเดินช้าตาม
  8. เวลาจะนั่ง อย่าทิ้งตัวแปะลงบนเก้าอี้ทันที ให้ดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งอย่างระมัดระวัง คุณไม่ต้องทำท่าเหมือนตัวเองเป็นราชวงศ์กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์หรอก แต่ก็ไม่ควรงอหลังและให้นั่งหลังตรงเสมอ อย่ากางขาพิงเก้าอี้สบายอารมณ์ และนั่งขาชิดหรือไขว่ห้างเสมอ ใส่ใจการนั่งของตัวเองทุกครั้งไม่ว่าคุณจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม
    • เวลานั่งรถเมล์หรือรถไฟฟ้าก็อย่านั่งกินที่ เพราะมันดูไม่สง่างามเอาเสียเลย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทำตัวให้ดูสง่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนที่ดูสง่างามนั้นจะไม่อารมณ์เสียใส่ใคร ไม่พูดในสิ่งที่จะเสียใจภายหลัง หรือเขวี้ยงของออกนอกหน้าต่าง เขาจะสุขุมไม่ปล่อยให้ใครมาปั่นหัวง่ายๆ และรู้ว่าต้องหายใจเข้าออกลึกๆ เวลาโกรธ เขาจะไม่เอะอะโวยวาย ด่าทอ หรือดูถูกคนไปทั่ว แต่จะใจเย็นและเป็นที่เติมพลังความเข้มแข็งให้กับคนอื่น
    • แต่คนที่สง่างามก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นถ้าเผลอไปเหวี่ยงใส่ใคร คุณต้องขอโทษเขาอย่างจริงใจ
  2. คนที่ดูสง่างามจะพูดจาฉะฉาน ไม่ค่อยไม่ดังเกินไปและไม่เร็วไม่ช้าเกินไป พูดชัดเจนตรงไปตรงมา ใช้คำหลากหลายและสื่อความคิดได้กระจ่าง นอกจากนี้พวกเขายังหลีกเลี่ยงคำหยาบและไม่ใช้คำสแลงมากเกินไปด้วย แม้ว่าการหยุดพูดเพื่อเรียบเรียงความคิดจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่คนที่สง่างามจะไม่พูดติดอ่างหรือพูดคำว่า “เอ่อ” “อย่าง” หรือ “แบบว่า”บ่อยๆ เพราะเขาควบคุมคำพูดของเขาได้และเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดจริงๆ
    • ส่วนหนึ่งของการพูดดีก็คือการคิดก่อนพูด ถ้าคุณวางแผนก่อนว่าจะพูดอะไร คุณก็จะไม่พูดผิดพูดถูกและสื่อความคิดได้อย่างชัดเจน
    • สิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณพูดดีคือความรู้เรื่องไวยากรณ์และการใช้คำ เช่น คุณคงไม่พูดว่า “ฉันจะเอาข้าวไปให้พระ” เพราะที่ถูกต้องคือ “ฉันจะตักบาตรพระ”
  3. คนที่ดูสง่างามมักจะสุขุมและมั่นใจทั้งในแง่คำพูดและท่วงท่า ไปเรียนหลักการแสดงกิริยาท่าทางและเคลื่อนไหวร่างกายให้สวยงามและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เป้าหมายของการเรียนการแสดงไม่ใช่เพื่อให้คุณไปแข่งกับแอน ทองประสม แต่เพื่อให้มีมารยาทท่วงท่าที่สวยงามและเพิ่มความมั่นใจ นอกจากนี้ คลาสการแสดงยังสอนการพูดต่อหน้าชุมชนซึ่งเป็นงานถนัดของคนที่สง่างามด้วย
    • และคุณยังจะได้เรียนเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับคนหลากหลายกลุ่มด้วย ซึ่งเป็นทักษะที่คนสง่างามเขารู้กันดี
    • ถ้าคลาสการแสดงไม่เข้าจริตของคุณสักเท่าไหร่ ลองเปลี่ยนเป็นคลาสเรียนเต้นหรือคลาสบัลเลต์แทน เพราะช่วยเรื่องการทรงตัว การเคลื่อนไหวร่างกาย และท่วงท่าเช่นเดียวกัน
  4. คนที่สง่างามคือสุภาพชน สุภาพชนจะไม่พูดผิดกาลเทศะ ไม่พูดให้ใครขุ่นเคือง และไม่พูดจาสองแง่สามง่ามโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าคนที่ไม่สนิทมาก แต่เขาจะถามคนอื่นว่าสบายดีไหม เสนอที่นั่งให้กับคนที่ยืนอยู่ หรือแค่ระวังตัวไม่พูดจาสามหาวหรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เอาใจเขามาใส่ใจเราและไม่ถามคำถามที่เป็นเรื่องส่วนตัวหรือทำให้คนอื่นอึดอัด
    • สิ่งสำคัญของการเป็นสุภาพชนคือการมีมารยาทดี คุณต้องไม่อ้าปากขณะเคี้ยวอาหาร อ้าประตูให้คนอื่น ยืนขึ้นเมื่อมีคนแนะนำตัวคุณให้คนอื่นรู้จัก มองตาคู่สนทนาขณะพูด ต่อคิว หรือมารยาทดีอื่นๆ ที่แสดงถึงการได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี
  5. การคุยโวว่าฉันเด่น ฉันเริด ฉันเก่งนั้นดูไม่สง่างามเอาเสียเลย จริงๆ แล้วคนที่สง่างามนั้นเขาจะถ่อมตัวและภูมิใจในสิ่งที่เขาเป็นโดยไม่ต้องป่าวประกาศให้ใครรู้ คุณพูดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณชอบทำได้ แต่อย่าแสดงออกในลักษณะที่ว่าเรื่องนี้ฉันเก่งที่สุด ถ้าจะพูดเรื่องงานอดิเรกหรือความสนใจ ก็ไม่ต้องพูดถึงเหรียญ รางวัล หรือสถิติโลก เพราะคนที่สง่างามนั้นจะไม่เรียกร้องการยอมรับจากใครและไม่ต้องอวดเพื่อเติมเต็มความสุขให้กับตัวเอง
    • ถ้าคุณขี้อวดมากก็คงไม่ค่อยมีใครอยากไปไหนมาไหนกับคุณสักเท่าไหร่ คุณควรจะขอบคุณทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิตแทนที่จะคุยโวว่าคุณทำอะไรสำเร็จมาบ้าง จริงอยู่ที่คุณประสบความสำเร็จมาเยอะ แต่ถ้าคุณอยากจะยิ้มรับกับโชคลาภและความสำเร็จในมืออย่างสง่างามแล้วละก็ คุณไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้หรอก
  6. ใครๆ ก็ชื่นชมคนที่มีท่วงท่าสง่างามทั้งนั้น คนที่สง่างามจะเดินเหินอย่างมั่นใจ พยายามแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในตนเอง ไม่เดินล้มตรงโน้นสะดุดตรงนี้ รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่และรู้ว่าทำไปทำไม เพราะฉะนั้นคนที่สง่างามจึงไม่ค่อยหลงทาง มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง หรือเหม่อลอย ถ้าคุณอยากดูดีมีสง่าราศีแบบเขาบ้าง ก็ต้องควบคุมร่างกายและอารมณ์ให้ดี เพราะการมีสติคือการควบคุมร่างกายและจิตใจได้อย่างสมดุลนั่นเอง [2]
    • ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก คนที่สง่างามก็ยังควบคุมสติได้เสมอ เขาจะไม่ลนลานหรือตอกกลับคนที่หยาบคาย สามหาว หรือทำตัวร้ายๆ ใส่
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างสง่างาม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนที่สง่างามจะนึกถึงคนอื่นเสมอ เป็นผู้ฟังที่ดี ห่วงใยคนอื่นและลองมองสถานการณ์จากมุมของคนอื่น เขาจะใส่ใจความรู้สึกและพยายามทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้นหรือผ่านวันเลวร้ายไปได้ เขาจะเสนอที่นั่งให้กับคนที่เหนื่อยล้า คอยถามไถ่เพื่อนที่เขารู้ว่ากำลังมีเรื่องทุกข์ใจ ไม่เที่ยวเอะอะโวยวายสร้างความเดือดร้อนให้ใคร และจะไม่รบกวนใครในที่สาธารณะ ถ้าคุณอยากเป็นคนที่สง่างามแล้วละก็ การเอาใจเขามาใส่ใจเราคือคุณสมบัติหลักเลยละ
    • คุณสร้างนิสัยเอาใจเขามาใส่ใจเราได้ด้วยการฝึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไรและผ่านอะไรมาบ้าง เช่น ถ้าเพื่อนของคุณเพิ่งโดนแฟนหนุ่มที่คบกันมานานทิ้ง เธอก็คงไม่อยากรู้เรื่องเดตฮอตล่าสุดของคุณหรอก
  2. คนที่สง่างามจะเคารพผู้อื่นมากอย่างไม่น่าเชื่อ และเขาจะคิดก่อนทำเสมอ เขาจะไม่แสดงความคิดเห็นที่ทำให้ใครไม่พอใจ ไม่ก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น และเคารพสิทธิส่วนบุคคล เขาไม่ลืมที่จะให้เครดิตผลงานของคนอื่น ไม่ขัดจังหวะหรือดูถูกใครทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่เขาจะปฏิบัติกับทุกคนด้วยความเคารพตามที่คนๆ นั้นสมควรได้
    • คนที่สง่างามจะไม่พูดแทรกคนอื่น ไม่คุยโทรศัพท์ขณะจ่ายบิลที่เคาน์เตอร์ และเวลาไปร้านกาแฟคนเดียวก็จะไม่นั่งที่นั่งสำหรับสี่คนด้วย
  3. คนที่สง่างามยึดถือหลักกาลเทศะแม้แต่ในชีวิตประจำวัน พวกเขารู้ว่าเมื่อไหร่ควรพูดและควรเลือกใช้คำไหน พวกเขาจะบอกข่าวสำคัญอย่างนิ่มนวลและระมัดระวังแทนที่จะพ่นคำดูถูก เขารู้ว่าเมื่อไหร่ควรรอบคอบ เรื่องไหนควรบอกเป็นการส่วนตัว รู้ตัวว่าไม่ควรแสดงความคิดเห็นอย่างไม่ระวังโดยที่ไม่รู้ว่าผู้ฟังเป็นใคร กาลเทศะคือหัวใจสำคัญของการเป็นคนสง่างาม
    • คนที่รู้จักกาลเทศะจะไม่แสดงความคิดเห็นที่ทำให้คนอื่นอับอาย เช่น สมมุติว่าเพื่อนของคุณเพิ่งเลิกกับแฟนมา คุณก็คงจะไม่อยากแสดงความเห็นเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัลหรอกใช่ไหม
  4. ถ้าอยากดูดีมีสง่าราศีละก็ ต้องเลิกนิสัยนึกถึงแต่ตัวเองก่อนตลอดเวลา เพราะคนที่สง่างามมักจะไม่เห็นแก่ตัวและยินดีที่จะสละเวลามาช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นช่วยเพื่อนเขียนเรียงความให้เสร็จหรือเป็นอาสาสมัครในโรงทาน คุณไม่ควรคิดว่าเวลาของคุณนั้นมีค่าจนไม่สามารถเจียดเวลาสัปดาห์ละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อรับฟังคนอื่น สละเวลาและสิ่งของ หรือทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นสักนิดได้เลย
    • เวลาช่วยเหลือใครต้องช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ อย่าช่วยเพราะต้องการสิ่งตอบแทน
  5. คนที่สง่างามจะไม่มัวมานั่งโกรธแค้นหรือขมขื่นกับเรื่องในอดีต เขาเรียนรู้ที่จะให้อภัยและก้าวผ่านไปแทนที่จะปล่อยให้อารมณ์แค้นอยู่เหนือเขา จริงอยู่ที่คุณไม่ควรปล่อยให้ใครมาทำร้ายคุณ แต่คนเราผิดพลาดกันได้และคุณก็ควรจะให้อภัยถ้าเขาสำนึกผิดจริงๆ และสิ่งที่เขาทำก็ไม่ได้ร้ายแรงเกินไป คนที่สง่างามจะไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องในอดีตและไม่จมปลักกับความขุ่นเคืองเล็กๆ น้อยๆ นอกจากนี้ การเป็นคนอาฆาตพยาบาทยังทำให้ชีวิตคุณมีแต่ความขมขื่นและมีความสุขน้อยลงด้วย
    • นอกจากจะไม่อาฆาตพยาบาทแล้ว ยังไม่ควรนินทาคนที่คุณไม่ชอบด้วย ไม่มีประโยชน์ที่จะโพนทะนาความผิดของคนอื่น และอาจจะเกิดดราม่าได้ถ้าเรื่องถึงหูเจ้าตัว
  6. การเผชิญหน้ากับคำวิพากษ์วิจารณ์คือสิ่งท้าทายว่าคุณจะยังรักษาภาพพจน์อันสง่างามไว้ได้หรือไม่ ไม่ว่าเจ้านายจะบอกให้คุณไปปรับปรุงทักษะการต่อรอง หรือเพื่อนจะบอกให้คุณเลิกเป็นเจ้าแม่จอมสาย คุณก็ต้องเรียนรู้ที่จะน้อมรับคำติเพื่อก่อจากใจจริงและปรับปรุงตัว อย่าทำตัวเป็นยัยงี่เง่าหรือเอาแต่โทษคนนั้นคนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะได้รับคำชมตลอด คุณต้องรักษาภาพพจน์ที่ดีเอาไว้ไม่ว่าจะถูกตำหนิหรือได้รับคำชม
    • ถ้าเป็นแค่การติเพื่อทำร้ายจิตใจ ก็เมินคำวิจารณ์นั้นไปได้เลย แต่ถ้าคนที่ตำหนิคุณนั้นเขาพยายามจะช่วยคุณจริงๆ คุณก็ควรรับฟังและปรับปรุงตัว
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด คุณไม่จำเป็นต้องใส่.เสื้อผ้าที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ เอาแค่ให้เสื้อผ้าหน้าผมดูดีมีสไตล์และออกไปพบปะผู้คนได้อย่างไม่อายใครก็พอ
  • เคล็ดลับสร้างภาพลักษณ์ให้ดูสง่างามคือการเดินอย่างสุขุมและมั่นใจ ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าทุกก้าวย่างนั้นผ่านการคิดและการทรงตัวมาอย่างดี ไม่ช้าและไม่เร็วเกินไป แต่กว่าจะได้แบบนี้ก็ต้องฝึกกันหน่อยนะ
  • รักษาร่างกายให้สะอาด อาบน้ำวันละ 2 ครั้งทุกวัน และทำตัวหอมๆ (ออร่าแห่งความสง่าสร้างได้ด้วยการฉีดน้ำหอมหรือใช้บอดี้สเปรย์ที่หอมกำลังดี)
  • เลิกพูดว่าฉัน "น่าจะ" ตัวใหญ่กว่านี้ ตัวเล็กกว่านี้ ผิวเนียนกว่านี้ ขนดกกว่านี้ ไม่ได้ผิวสีนี้ ก็ในเมื่อมันเกิดมาเป็นแบบนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อย (และรูปร่างที่เห็นในนิตยสารก็ไม่ใช่ของจริงอยู่ดี)
  • ความสง่างามไม่ได้หมายถึงการหยาบคายหรือจู้จี้จุกจิก
  • พยายามอย่าพูดคำว่า "แบบว่า" บ่อยเกินไป เพราะมันบ่งบอกถึงความไม่เป็นผู้ใหญ่
  • เมื่อไหร่ก็ตามที่ลงบันไดหรือเดินลงมาจากที่ไหนสักแห่ง ให้ทำเหมือนกับว่าคุณกำลังเดินขึ้น อกผายไหล่ผึ่ง เชิดหน้า ตามองตรง ถ้าสะดุดให้ยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินต่อไปอย่างสวยงาม เพราะคนจะไม่หัวเราะแต่จะทึ่งที่คุณกลับมาเดินใหม่ได้อย่างสง่างาม
  • ถ้าคุณรู้ว่าคนอื่นมองคุณอย่างไร คุณก็จะปรับปรุงตัวเองให้สง่างามได้มากขึ้นเท่านั้น
  • รับประทานอาหารอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงการลดน้ำหนัก (เพราะน้ำหนักไม่เกี่ยวกับความสง่างาม จะหนักเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่ทรงตัวได้อย่างสง่างามเป็นพอ) รับประทานผักและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจำพวกแป้งมากเกินไป (เช่น ขนมปัง มันฝรั่ง) ดื่มน้ำเยอะๆ และลดสารกระตุ้น (คาเฟอีนและนิโคติน)
  • การมีภาพลักษณ์ที่สง่างามรวมถึงการรักษารูปร่างหน้าตาด้วย เช่น ถ้าคุณมีสิวเยอะ ก็ให้หาครีมบำรุงผิวหน้ามาใช้ เพราะการมีสิวเยอะๆ ทำให้คนอื่นคิดว่าคุณเป็นคนสกปรกหรือไม่ล้างหน้า
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 115,260 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา