PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

พอกล่าวถึงคำว่า "พรสวรรค์" คนส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึงทักษะที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด พรสวรรค์จะช่วยให้เราทำตามความใฝ่ฝันของตนเองได้สำเร็จง่ายขึ้น ฉะนั้นเราจึงควรลองค้นหาพรสวรรค์ของตัวเองและฝึกใช้พรสวรรค์นั้นดู อย่างไรก็ตามเราไม่ควรให้ความสำคัญกับการตามหาพรสวรรค์ของตัวเองมากเกินไป เพราะผู้คนมากมายสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและสามารถเรียนรู้ทักษะต่างๆ ได้ ถึงแม้ไม่มีพรสวรรค์ด้านใดเป็นพิเศษก็ตาม

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ค้นหาพรสวรรค์ของตัวเอง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีที่จะทำให้เรารู้ว่าพรสวรรค์ของตัวเองคืออะไรคือการนึกย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็กและการนึกให้ออกว่าเราอยากทำอะไรบ้างในตอนนั้น ช่วงวัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่ความคิดของเราไม่ถูกจำกัดด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ความจริง"
    • การกลัวความล้มเหลวเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่มักจะเหนี่ยวรั้งไม่ให้เราได้รับหรือค้นพบพรสวรรค์ของตัวเอง การนึกย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็กจะทำให้เราหยุดกลัวความล้มเหลวหรือหยุดควบคุมความคิดของตนเอง
    • ลองนึกดูสิว่าตอนที่เรายังเป็นเด็กเราอยากทำอะไรบ้างและชอบทำอะไรบ้าง ถึงแม้สิ่งที่ตนเองอยากทำหรือชอบทำในตอนที่เป็นเด็กอาจเป็นอะไรที่ไม่มีทางเป็นความจริงไปได้ แต่ก็สามารถให้แนวทางสู่การค้นพบพรสวรรค์ของตัวเองได้ ตัวอย่างเช่น ตอนเด็กเราต้องการเลี้ยงมังกรสักตัว ถึงแม้จะไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม แต่เราอาจเปลี่ยนความอยากนี้ให้เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยาย หรือการสร้างเกมเลี้ยงมังกรได้
  2. รู้ว่าตนเองทำกิจกรรมใดแล้วจะรู้สึกเพลิดเพลินจนลืมเวลา. ในการค้นหาพรสวรรค์ของตัวเองเราจะต้องหมั่นสังเกตว่าตนเองนั้นชอบทำกิจกรรมใดมากเสียจนมักจะลืมทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างไปชั่วครู่ พรสวรรค์บางพรสวรรค์อาจสังเกตเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก เราอาจต้องค้นให้ลึกลงไปสักนิดเพื่อที่จะได้ค้นพบว่ากิจกรรมใดที่เราทำแล้ว มักจะรู้สึกเพลิดเพลินจนลืมเวลา
    • ตัวอย่างเช่น ถ้ากิจกรรมที่เราชอบทำมากที่สุดคือการเล่นวีดีโอเกม แสดงว่าการเล่นวีดีโอเกมอาจเป็นพรสวรรค์ของเราก็ได้ ถึงแม้เราอาจไม่สามารถเล่นวีดีโอเกมเป็นอาชีพได้ แต่เรายังคงสามารถหาทางใช้พรสวรรค์นี้ได้อยู่ (เช่น เขียนบทวิจารณ์วีดีโอเกมลงบล็อก)
    • ถามตนเองด้วยคำถามดังต่อไปนี้ เราฝันว่าตนเองทำอะไรเวลาเบื่องานหรือเบื่อการเรียน ถ้าเราได้รับทุนแบบไม่จำกัด จะนำทุนนั้นไปทำอะไรบ้าง ถ้าเราสามารถไปที่ใดก็ได้ในโลกนี้ เราจะไปที่ไหน ถ้าเราไม่ต้องทำงาน แล้วเราจะใช้เวลาในแต่ละวันทำอะไรบ้าง การตอบคำถามเหล่านี้หรือคำถามที่คล้ายกันนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าตัวเองถนัดอะไรและอะไรให้แรงบันดาลใจแก่เรา
  3. ในบางครั้งเมื่อเราคิดอะไรไม่ออก การรับฟังความเห็นของผู้อื่นช่วยเราได้ เพื่อนและคนในครอบครัวรู้จักเราดีและน่าจะสามารถบอกได้ว่าเรานั้นมีพรสวรรค์ด้านไหน
    • บางครั้งพรสวรรค์ในด้านที่เราคิดว่าตัวเองมีไม่จำเป็นต้องตรงกับพรสวรรค์ที่คนอื่นเห็นว่าเรามี ถ้าความคิดเห็นของเราและของผู้อื่นไม่ตรงกัน ก็ไม่เป็นไร! ถึงแม้เราจะไม่มีพรสวรรค์ด้านใดด้านหนึ่งมาตั้งแต่เกิด แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีพรสวรรค์ด้านนั้นไม่ได้ และถึงแม้เรามีพรสวรรค์ด้านใดด้านหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องมีแค่พรสวรรค์ด้านนั้นด้านเดียว
    • ตัวอย่างเช่น ครอบครัวและเพื่อนอาจเห็นว่าเรามีพรสวรรค์ด้านคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบัญชีและตัวเลข แต่พรสวรรค์ที่เราคิดว่าตัวเองมีจริงๆ คือการปีนผา แทนที่จะล้มเลิกการปีนผา ลองหาวิธีใช้ความสามารถทางคณิตศาสตร์ช่วยหาทุนในการปีนผาก็ได้
  4. โดยเฉพาะถ้าเราไม่แน่ใจว่าพรสวรรค์ของตัวเองคืออะไร เราก็ควรออกไปลองทำสิ่งใหม่ๆ ดู เราจะได้มีโอกาสค้นพบพรสวรรค์ของตัวเองได้มากขึ้นและค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบทำจริงๆ
    • ขอคำแนะนำจากคนที่มีพรสวรรค์ด้านต่างๆ และลองทำตามดู ในการค้นหาพรสวรรค์ของตัวเองเราควรลองสำรวจดูสิว่าผู้คนรอบตัวเรามีพรสวรรค์อะไรกันบ้าง (คุณพ่อของเราอาจเป็นสุดยอดกุ๊ก คุณแม่ของเราอาจมีความสามารถด้านการฟังเป็นเลิศ) ให้ขอคำแนะนำจากบุคคลเหล่านั้นและลองทำตามดู
    • ออกไปพบปะผู้คน ลงเรียนวิชาซึ่งเปิดสอนแก่บุคคลภายนอกที่มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน เข้าฟังบรรยายที่องค์กรต่างๆ จัดขึ้นให้แก่บุคคลทั่วไป ลองทำอาหาร ปีนหน้าผา หรือไปเป็นอาสาสมัครให้คำปรึกษาแก่เด็กและเยาวชน
  5. ถึงแม้การรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เราก็ต้องให้เวลาตัวเองได้ค้นพบพรสวรรค์ด้วยตนเอง เราคงไม่อยากเชื่อความคิดเห็นของผู้อื่นแต่เพียงอย่างเดียว [1]
    • ผู้คนจำนวนมากค้นพบพรสวรรค์ของตัวเอง เมื่อบังเอิญพบเจอเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในตัวของตนเอง เช่น คนคนหนึ่งอาจเพิ่งรู้ว่าตนเองมีพรสวรรค์ด้านดนตรี เมื่อบังเอิญได้เข้าชมการแสดงดนตรีและการแสดงนี้ได้ปลุกความรักในเสียงดนตรีของตนเองขึ้นมา ฉะนั้นเมื่อพบประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวเรา ให้นั่งซึมซับประสบการณ์นั้นอย่างเงียบๆ
    • ลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ลองลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งใหม่ๆ เราจะได้รู้ว่าตนเองนั้นมีพรสวรรค์ในสิ่งที่ทำอยู่หรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนั้นต่อหน้าผู้อื่นก็ได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

พัฒนาพรสวรรค์ของตัวเอง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงแม้การมีพรสวรรค์จะทำให้เราสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ดี แต่สิ่งที่จะทำให้เราทำอะไรได้ดีจริงๆ นั้นคือการหมั่นฝึกฝน ไม่ว่าเราจะมีพรสวรรค์มากมายแค่ไหน ถ้าเราไม่หมั่นฝึกฝน เราก็จะไม่สามารถทำสิงใดสิ่งหนึ่งได้ดีทั้งๆ ที่มีพรสวรรค์ในด้านนั้น ที่จริงแล้วในหลายกรณีคนที่มีพรสวรรค์จะสู้คนที่หมั่นฝึกฝนไม่ได้ในระยะยาว เพราะคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องหมั่นฝึกฝน จึงไม่ได้พัฒนาความสามารถของตนเองให้สูงขึ้น [2]
    • จัดเวลาฝึกฝนเพื่อพัฒนาความสามารถของตนเองให้สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีพรสวรรค์ด้านการเขียน ก็จัดเวลาให้ตนเองได้ฝึกฝนทักษะการเขียนสัก 30 นาทีทุกเช้าก่อนที่จะออกไปทำงาน ถ้าเรามีพรสวรรค์ในการเล่นบาสเกตบอล ก็ให้จัดเวลาออกไปฝึกเล่นที่สนามกีฬาทุกวัน
    • เน้นพัฒนาในส่วนที่ตัวเองมีความถนัดน้อย ถึงแม้เราจะมีพรสวรรค์ในด้านใดด้านหนึ่งก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีพรสวรรค์ครบทุกอย่างในด้านนั้น ตัวอย่างเช่น เรามีพรสวรรค์ในการเขียนบทพูดให้สื่ออารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ถนัดสร้างโครงเรื่องให้เชื่อมโยง สอดคล้อง และเป็นเหตุเป็นผลกัน
  2. การคิดอะไรในแง่ลบอาจทำให้ความสามารถของเราหยุดพัฒนาเร็วกว่าการพบเจออุปสรรคอื่นๆ เสียอีก ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์หรือไม่ก็ตาม ยิ่งเราต่อสู้กับความคิดลบ เราก็ยิ่งค้นพบและพัฒนาพรสวรรค์ของตัวเองได้ง่ายขึ้น เพราะเราจะไม่เอาแต่สงสัยความสามารถของตนเองอยู่เสมอ [3] [4]
    • รู้จักรูปแบบความคิดของตัวเอง ขั้นตอนแรกในการต่อสู้กับความคิดในแง่ลบคือ เราต้องหมั่นสังเกตว่าตนเองจะคิดลบเมื่อไรและสิ่งที่คิดนั้นมีอะไรบ้าง เราอาจนึกถึงแต่ข้อเสียหรืออะไรที่เป็นด้านลบ (คิดแบบกรอง) หรือเรามักจะมองทุกเรื่องเป็นหายนะ หมั่นสังเกตว่าเรามีความคิดอย่างไรต่อตัวเอง สถานการณ์ และพรสวรรค์ของตัวเอง (ตัวอย่างเช่น ให้ความสำคัญกับพรสวรรค์ของตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า)
    • ตรวจสอบความคิดของตัวเองทุกวัน เราต้องรู้เท่าทันความคิดของตัวเองก่อนที่จะสามารถจัดการเปลี่ยนแปลงความคิดนั้นได้ เมื่อรู้ตัวว่าตนเองกำลังมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นหายนะ ("ฉันเป็นคนที่ทำอะไรก็ล้มเหลว เพราะแค่จะคืนหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดยังลืมอยู่เรื่อยเลย") หยุดคิดลบและทำความเข้าใจความคิดลบที่เกิดขึ้นมานี้
    • ฝึกพูดอะไรดีๆ หรือเป็นกลางกับตัวเอง เราต้องนำความคิดในแง่บวกหรือเป็นกลางมาแทนที่ความคิดในแง่ลบ ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเริ่มคิดว่าตัวเองไม่ได้เรื่องเลย เพราะเห็นว่าตนเองเล่นเปียโนเพลงหนึ่งได้ไม่ดีเสียที ให้เปลี่ยนความคิดนั้นและคิดในแง่ดีหรือเป็นกลางขึ้นมาอีกหน่อยว่า "เพลงนี้เป็นเพลงที่เล่นยาก แต่ท้าทาย ฉันอาจต้องฝึกให้หนักขึ้นเพื่อจะได้เล่นเปียโนเพลงนี้ได้ดีตามที่ตนเองคาดหวังไว้" พอคิดได้แบบนี้ เราก็จะไม่ตัดสินตัวเองอีกเลย
  3. ผู้คนมักจะชอบมองว่าตนเองกับพรสวรรค์ที่มีเป็นสิ่งเดียวกันและเมื่อทำอะไรผิดพลาด (ถึงแม้จะเพียงบางครั้งเท่านั้น) ก็จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ล้มเหลว เราต้องเห็นใจตนเองด้วยเพื่อจะได้มีสุขภาพจิตที่ปกติและมีความสุข [5]
    • การมีพรสวรรค์จะทำให้เราคิดว่าตัวเองสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ดีเลิศเสมอ แต่ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ ก็อย่าคาดหวังว่าเราจะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ดีเลิศทุกครั้ง ถ้าคิดแบบนี้ได้และเห็นใจตนเอง เราก็จะรู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น
    • เราสามารถใช้พรสวรรค์ช่วยเหลือผู้อื่นได้ การใช้พรสวรรค์ของตัวเองช่วยเหลือผู้อื่นจะช่วยให้เรารู้สึกว่าตัวเองบรรลุเป้าหมาย แทนที่จะเอาแต่คิดว่าพรสวรรค์ที่มีนี้มีประโยชน์อะไรต่อเราบ้าง ให้เราใช้พรสวรรค์ของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นจะดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนของเรารู้สึกเบื่อที่ต้องนอนป่วยอยู่เฉยๆ และเรามีพรสวรรค์ด้านการเขียน เราก็อาจเขียนเรื่องสนุกๆ ให้เขาอ่าน
  4. คนที่มีพรสวรรค์มักจะหยุดพัฒนาตนเอง เพราะพรสวรรค์ได้พาคนเหล่านี้มาไกล จนพวกเขารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องพัฒนาความสามารถของตนให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก การเอาแต่ย่ำอยู่กับที่จะทำให้ความสามารถของเรายังคงเท่าเดิม ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างแน่นอน [6]
    • การท้าทายตัวเองจะทำให้รู้ว่าเรายังต้องพัฒนาความสามารถต่อไปอีก การภูมิใจในความสำเร็จของตนเองนั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่การคุยโวโอ้อวดและการเชื่อว่าตนเองไม่มีทางทำพลาดนั้นจะทำให้ผู้อื่นไม่พอใจ และเป็นเหตุให้เราประมาทจนอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดได้
    • ท้าทายตัวเองด้วยการพัฒนาความสามารถของตนเองให้สูงยิ่งขึ้นและเพิ่มความสามารถของตนเองให้มากขึ้น เช่น เรียนภาษาสเปนจนสามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว ลองแปลหนังสือที่ตนเองชอบเป็นภาษาต่างประเทศ หรือเริ่มเรียนภาษาอื่นที่มีระดับความยากมากขึ้นกว่าเดิม เช่น ภาษาอาหรับ หรือภาษาจีน
    • เมื่อไรที่รู้สึกว่าเราใช้ความสามารถในระดับใดระดับหนึ่งได้จนเชี่ยวชาญแล้ว ให้พัฒนาความสามารถของตนเองไปสู่อีกระดับหนึ่ง
  5. การมุ่งเน้นพัฒนาพรสวรรค์ของตัวเอง (เช่น การเข้าเรียนปริญญาเอกสาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา การแต่งเพลง) นั้นสำคัญอย่างยิ่ง แต่เราควรทำกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือไปจากการพัฒนาพรสวรรค์ของตัวเองด้วย เราจะได้มีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ และมีความสามารถอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากพรสวรรค์ที่มีอยู่
    • ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ตรงกับพรสวรรค์ของตัวเองบ้างก็ได้ ทำอะไรที่เราไม่ถนัดเลยหรือทำอะไรง่ายๆ ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกสนุก จะได้ไม่เป็นการจำกัดความสามารถของตนเองให้มีแค่ด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น และเราจะได้รับประสบการณ์อันหลากหลายเพื่อเอามาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีพรสวรรค์ด้านคณิตศาสตร์ ก็ให้ลองทำกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากกิจกรรมด้านคณิตศาสตร์ เช่น ทำงานศิลปะ ลองฝึกเล่นโยคะที่ยิม
    • อย่าฝากคุณค่าของตนเองและชีวิตทั้งชีวิตไว้กับพรสวรรค์อย่างเดียว มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องใช้แรงจูงใจและความตั้งใจในการทำให้สำเร็จ อย่าให้พรสวรรค์มากำหนดชีวิตเรา [7]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ใช้พรสวรรค์ของตัวเอง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เราสามารถหาทางใช้พรสวรรค์ในแบบของตัวเองได้มากมายหลายวิธี โอกาสที่เราจะใช้พรสวรรค์ของตัวเองได้มีอยู่สองโอกาส โอกาสแรกคือการหางานที่ตรงกับพรสวรรค์ของเรา โอกาสที่สองคือการใช้พรสวรรค์ของตัวเองในการสร้างงานซึ่งเป็นที่ต้องการของชุนชน
    • ตัวอย่างเช่น ถึงแม้เราจะเรียนจบด้านการร้องเพลงมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักร้องโอเปร่าอาชีพเหมือนคนอื่น เราอาจใช้ความสามารถด้านการร้องเพลงนี้จัดแคมป์เรียนร้องเพลงต้อนรับช่วงปิดเทอมให้แก่เด็กๆ หรือช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงของผู้ป่วยในโรงพยาบาล
    • สำรวจความต้องการของผู้คนและใช้พรสวรรค์ของตัวเองสร้างงานที่ตอบสนองความต้องการนั้น ถ้าเรารู้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ต้องการอะไร เราก็จะสามารถใช้พรสวรรค์ของตัวเองสร้างงานที่ตอบสนองความต้องการนั้นได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีพรสวรรค์ในการทำความรู้จักสนิทสนมกับผู้อื่น เราก็อาจเริ่มทำธุรกิจที่มุ่งส่งเสริมให้ผู้คนในชุมชนมีการติดต่อและปฏิสัมพันธ์กัน
  2. เราไม่จำเป็นต้องได้งานที่ตรงหรือได้ใช้พรสวรรค์ของตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะไม่ว่าเราจะได้ทำงานใด เราก็จะพยายามนำพรสวรรค์ของตัวเองมาใช้ในการทำงานนั้นอยู่ดี นอกจากนี้การนำพรสวรรค์ของตัวเองมาใช้ในการทำงานยังช่วยให้เรามีความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเราชอบทำงานศิลปะมากและทำงานในร้านกาแฟ อาจรับหน้าที่ตกแต่งป้ายกระดานดำแสดงเมนูพิเศษของร้าน หรือเรียนวิธีการทำลาเต้อาร์ต (latte art) เพื่อจะได้มีโอกาสใช้พรสวรรค์ด้านศิลปะของตัวเอง
    • ลองใคร่ครวญดูสิว่าพรสวรรค์ของเรามีประโยชน์อย่างไรต่องานที่ทำอยู่ เราต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อจะได้วิธีการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์และได้ผล
  3. ถ้าเราไม่สามารถนำพรสวรรค์ของตัวเองมาใช้ในการทำงานได้ (หรือมีโอกาสได้ใช้ แต่น้อยมาก) หาทางนำพรสวรรค์ของตัวเองไปใช้ทำอย่างอื่นแทน เราสามารถนำพรสวรรค์ของตัวเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นได้มากมายหลายวิธี [8]
    • ลองทำวีดีโอหรือเขียนบล็อกในหัวข้อที่ต้องใช้พรสวรรค์ของตัวเอง ตัวอย่างเช่น เรามีความสามารถในการสื่อสารภาษาอาหรับได้อย่างดีเยี่ยม เราก็ทำวีดีโอหรือเขียนบล็อกสอนภาษาอาหรับแก่ผู้ที่สนใจ
    • หาคนที่มีพรสวรรค์แบบเดียวกันและแลกเปลี่ยนความรู้กับคนคนนั้นทางอินเตอร์เน็ตหรือโดยส่วนตัว เราจะได้พัฒนาความรู้ความสามารถของตนเอง อีกทั้งยังได้รับความสนุกอีกด้วย คนที่มีพรสวรรค์แบบเดียวกับเราจะมีความสนใจคล้ายเราและช่วยให้เราพัฒนาตนเองได้เร็วขึ้น
  4. ใช้พรสวรรค์ของตัวเองสร้างชุมชนและช่วยเหลือผู้อื่น นึกถึงผู้คนที่คอยช่วยเหลือเราจนเราประสบความสำเร็จและพยายามช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนกับที่ตนเองเคยได้รับมา
    • ถ้าเราเก่งคณิตศาสตร์ เราอาจรับเป็นติวเตอร์สอนคณิตศาสตร์ให้แก่เด็กจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย ถ้าเรามีพรสวรรค์ด้านการแสดง ก็ให้เข้าร่วมหรือสร้างค่ายสอนการแสดงแก่คนในชุมชน ถ้าเรามีความรู้ความสามารถด้านใดมากเป็นพิเศษ เช่น ทำสวน ซ่อมแซมสิ่งต่างๆ เป็นต้น ให้นำความรู้ความสามารถเหล่านี้มาถ่ายทอดแก่ผู้คนในชุมชน เราสามารถหาวิธีการตอบแทนผู้คนได้มากมาย
    • เป็นผู้ให้คำปรึกษาในด้านที่ตนเองเชี่ยวชาญแก่คนที่ยังด้อยประสบการณ์ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้กับนักศึกษาที่ใกล้จะเรียนจบกลุ่มหนึ่ง เราก็ต้องให้คำปรึกษาด้านการงานอาชีพและช่วยให้พวกเขาค้นพบพรสวรรค์ของตัวเอง!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าหยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือเสาะแสวงหาความรู้ด้านอื่นๆ เพราะเห็นว่ามันยากมากเกินไป ถ้าเราไม่ยอมเรียนรู้หรือแสวงหาความรู้เพราะเหตุผลนี้ เราก็จะไม่มีทางก้าวหน้าได้
  • อะไรที่ดูเหมือนยากในตอนแรก จะง่ายขึ้นหลังจากที่ได้เรียนรู้แล้ว
โฆษณา

คำเตือน

  • พยายามอย่ามุ่งใช้พรสวรรค์หาเงินแต่เพียงอย่างเดียว ถึงแม้เราจำเป็นต้องมีเงินเพื่อใช้ในการดำรงชีวิตก็ตาม แต่ถ้าเรามุ่งใช้พรสวรรค์หาเงินแต่เพียงอย่างเดียว แสดงว่าเราอาจไม่ได้รักในสิ่งที่ทำและสักวันเราจะเริ่มเกลียดสิ่งที่ตนเองทำอยู่
  • หมั่นหาโอกาสช่วยเหลือผู้อื่น เพราะการมีเมตตาก็เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งเหมือนกัน
  • พรสวรรค์นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นความสามารถเฉพาะด้านอย่างเช่น ศิลปะ การเขียน หรือการเต้น แต่อาจเป็นความสามารถแบบอื่น อย่างเช่น "พรสวรรค์ในการรับฟังผู้อื่น" หรือ"พรสวรรค์ในการติดต่อสื่อสารกับผู้คน" พรสวรรค์แบบอื่นๆ เหล่านี้ก็มีดีไม่แพ้พรสวรรค์เฉพาะด้าน อีกทั้งยังสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานต่างๆ ได้ง่ายอีกด้วย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,674 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา