ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทัศนคติที่ไม่ดีต่อชีวิตสามารถมีผลกระทบต่อสุขภาพ ความสัมพันธ์และความรู้สึกพอใจในชีวิตของคุณ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติสามารถทำได้ผ่านทางความคิดที่มีสติสัมปชัญญะและความสนใจ การสร้างทัศนคติที่เป็นบวก การฝึกความซาบซึ้งใจและการมีพฤติกรรมใหม่ๆ ที่เสริมสร้างความเป็นบวกคือกระบวนการชั่วชีวิตที่สามารถทำให้ทัศนคติเปลี่ยนแปลงได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การสร้างทัศนคติที่เป็นบวก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากมีคน กิจกรรมหรือสถานการณ์ในชีวิตที่ทำให้คุณต้องเครียดคุณก็ต้องปล่อยมันไป ความเปลี่ยนแปลงในทัศนคติขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตแบบใหม่ สิ่งนี้อาจจะหมายถึงการเลิกดื่มเลิกเหล้า เลิกใช้ยา เลิกกินเยอะหรือเลิกสูบบุหรี่ ไม่ว่าส่วนที่เป็นลบในชีวิตของคุณจะเป็นอะไร คุณจะต้องปล่อยมันไปหากคุณต้องการสร้างทัศนคติที่ดีขึ้น
    • ลองพิจารณาการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นในแบบเดียวกัน
    • ในการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ คุณจะมีโอกาสสังเกตได้ถึงรูปแบบของความเป็นบวกในชีวิต ไม่มีชีวิตใครที่แย่ไปหมด และการละทิ้งส่วนๆ นี้ของชีวิตซึ่งไม่มีประโยชน์กับคุณอีกต่อไป จะทำให้คุณตระหนักถึงนิสัยที่คุณต้องการทำให้แข็งแกร่งขึ้น
  2. หากคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอีกคนสิ่งนี้จะมีผลกระทบต่อทัศนคติของคุณ ความสัมพันธ์ที่ดีควรเป็นบวกและทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับตัวเอง หากคุณรู้สึกกดดันที่ต้องทำสิ่งที่คุณไม่อยากทำ กลัวการไม่เห็นด้วยของเพื่อน หรือหากมีการข่มขู่หรือความรุนแรงทางร่างกายระหว่างการทะเลาะ ความสัมพันธ์ของคุณอาจจะไม่ดีนัก สิ่งนี้จะมีผลกระทบทางด้านลบต่อทัศนคติของคุณ [1]
    • การไม่เห็นพ้องต้องกันบางอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติในความสัมพันธ์ที่ดี ความสัมพันธ์ส่วนใหญ่ย่อมมีทั้งเหตุการณ์ที่ดีและไม่ดี
    • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญร่วมกับคนรักหากคุณพบว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบทัศนคติที่ไม่ดีด้วยตัวเอง
    • หากคุณอยู่ในความสัมพันธ์ที่รุนแรงหรือถูกทารุณกรรมทั้งทางอารมณ์และร่างกาย คุณควรขอความช่วยเหลือจากศูนย์ประชาบดีที่สายด่วนเบอร์ 1300
  3. มันมักจะมีบางอย่างในทุกๆ สถานการณ์ที่ควรค่าแก่การชื่นชม เช่น หากฝนกำลังตก คุณอาจจะบ่นว่าคุณต้องเปียกฝนหรืออาจจะสังเกตว่าต้นไม้จะได้รับประโยชน์จากฝนที่ตกลงมา คนที่มีทัศนคติเป็นลบจะสามารถหาข้อเสียในทุกๆเหตุการณ์ได้ แต่เพื่อสร้างทัศนคติที่เป็นบวกคุณควรบังคับตัวเองให้สังเกตเห็นสิ่งที่ดี แบ่งปันข้อสังเกตที่เป็นบวกกับผู้อื่นและเก็บหมายเหตุที่เป็นลบไว้กับตัวเอง [2]
    • คุณต้องหาข้อที่เป็นบวกในตัวคุณเช่นกัน
    • จำไว้ว่าทุกอย่างคือโอกาสในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ดูเหมือนจะยากในตอนแรก คุณสามารถซาบซึ้งต่อโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ใหม่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี
    • อย่าจมปลักอยู่ในสถานการณ์เพียงเพราะมันไม่ดี. คุณอาจจะอยากเสแสร้งว่าพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น เจ้านายที่เหยียดเชื้อชาติ คนรักที่ชอบลงไม้ลงมือหรือเพื่อนที่ชอบทำร้ายจิตใจนั้น คือโอกาสที่ดีสำหรับคุณในการเรียนรู้ความอดทนอดกลั้น แม้สิ่งนี้อาจจะเป็นจริงแต่การจมปลักอยู่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด สิ่งที่เป็นบวกสิ่งหนึ่งที่สามารถเรียนรู้จากสถานการณ์ที่ไม่ดีคือคุณสามารถเดินออกมาได้
  4. หนึ่งในวิธีที่เร็วที่สุดในการรู้สึกดีขึ้นกับตัวเองคือการมีเมตตากับผู้อื่น ไม่ว่าสิ่งนี้จะหมายถึงการให้ทางคนบนท้องถนนหรือการเขียนข้อความเพื่อปลอบใจเพื่อนก็ตาม การช่วยเหลือผู้อื่นจะเพิ่มความเป็นบวกในตัวคุณ [3]
    • สำหรับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคุณควรลองหาวิธีในการทำสิ่งที่มีเมตตาต่อผู้อื่นในแบบที่ไม่ต้องแสดงตัว เช่น เติมเหรียญลงในช่องหยอดเหรียญของ เครื่องซักผ้าสาธารณะจนเต็มเมื่อไม่มีใครมองอยู่
    • อย่ามัวแต่คิดว่าคุณต้องการถูกปฏิบัติอย่างไร; ลองจินตนาการถึงวิธีที่ผู้อื่นอาจจะต้องการถูกปฏิบัติ สำหรับคนที่ขี้อายมาก คุณสามารถเขียนข้อความเพื่อแสดง ความยินดีกับเขาเกี่ยวกับงานที่เขานำเสนอดีกว่าการกล่าวชมเชยเค้าออกมาดังดังและกอดเขาต่อหน้าคนอื่น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การสร้างทัศนคติของความซาบซึ้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เขียนรายการสิ่งที่คุณซาบซึ้งในชีวิตประจำวัน. ทุกๆวันมีเรื่องให้คุณต้องซาบซึ้ง แต่บางวันความซาบซึ้งนั้นก็หายากกว่าในวันอื่นๆ เพื่อสร้างข้อบังคับของการหาความซาบซึ้งแม้แต่ในวันที่ ลำบากที่สุด คุณจะต้องฝึกการเขียนรายการสิ่งที่คุณซาบซึ้งในชีวิตประจำวัน [4]
    • งานวิจัยบางชิ้นเลยว่าการเขียนรายการสิ่งที่คุณซาบซึ้งด้วยมือเป็นส่วนที่มีค่าของกระบวนการนี้ การกระทำทางร่างกายของการเขียนด้วยมือทำให้ความสนใจของคุณช้าลงในทางที่มีความหมาย
    • หากคุณไม่สามารถนึกถึงสิ่งไหนที่คุณรู้สึกซาบซึ้ง คุณก็ต้องเสแสร้งที่จะรู้สึกซาบซึ้ง จำไว้ว่าคุณกำลังเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนทัศนคติ คุณต้องมองความซาบซึ้งแบบ "มันอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้นะ"
  2. การเรียนรู้ที่จะพูดว่า "ขอบคุณ" นั้นเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนทัศนคติและการใช้ชีวิตที่เป็นบวก ไม่ว่าคุณจะแสดงความซาบซึ้งต่อสิ่งที่คุณทำเร็วๆ นี้หรือสิ่งที่เกิดขึ้นหลายปีที่ผ่านมา จงเขียนและแบ่งปันกับคนๆ นั้น บางทีคุณต้องการอยากให้ครูสอนชั้นประถมปีที่ห้าของคุณรู้ว่ากำลังใจที่เธอให้ต่อการเขียนของคุณทำให้คุณเขียนบล็อกได้ในทุกวันนี้หรือเพื่อขอบคุณเพื่อนรักของคุณที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ [5]
    • หากคุณอยากเขียนข้อความแต่ไม่อยากส่งมันก็ไม่เป็นไร จุดประสงค์ของการเขียนข้อความแทนคำขอบคุณคือเพื่อฝึกความชื่นชมเพราะมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะ เขียนถึงคนในอดีตหรือคนที่เสียชีวิตไปแล้ว
    • งานวิจัยเผยว่าคนที่ใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาทีต่อสัปดาห์ในการเขียนจดหมายแสดงความซาบซึ้งติดกันเป็นเวลากว่าแปดสัปดาห์จะแสดงทีท่าของความเป็นบวกที่เพิ่มมากขึ้น
  3. การฝึกทำสมาธิหรือสวดมนต์ทำให้จิตใจตั้งอยู่กับปัจจุบันซึ่งสำคัญต่อการสร้างทัศนคติที่เป็นบวก หมั่นหาเวลาในแต่ละวันเพื่อฝึกทำสมาธิหรือสวดมนต์ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเวลาที่ยาวนาน การฝึกเป็นเวลาสามถึงห้านาทีจะส่งผลในการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติของคุณ [6]
    • หากคุณมีศาสนา คุณสามารถใช้บทสวดของศาสนานั้น แต่หากคุณไม่มีศาสนา คุณก็สามารถฝึกฝนการทำสมาธิซึ่งอาจจะมีค่ามากกว่า
    • ถึงแม้มันอาจจะไม่รู้สึกแบบนั้นแต่การฝึกสมาธิและสวดมนต์คือการฝึกฝนอย่างหนึ่ง ยิ่งคุณฝึกมากเท่าไหร่คุณจะยิ่งเก่งมากเท่านั้น คุณอาจจะไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก แต่หลังจากช่วงเวลาหนึ่งคุณจะสามารถมีทัศนคติที่สงบสุขไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรอบตัวคุณ
  4. เก็บขวดโหลนี้ไว้กลางบ้านและทุกวันคุณต้องเขียนสิ่งหนึ่งที่คุณรู้สึกซาบซึ้งในวันนั้น มองขวดโหลถูกเติมให้เต็มด้วยสิ่งที่ดีๆ เมื่อคุณต้องการกำลังใจก็เพียงหยิบข้อความเหล่านั้นจากโหลและอ่านออกเสียงให้ดังๆ [7]
    • สำหรับขวดโหลของความซาบซึ้งอีกแบบหนึ่งลองใส่เศษเหรียญหรือแบงค์ลงในขวดโหลทุกวันเมื่อคุณเขียนบันทึกความซาบซึ้งของคุณ เมื่อขวดโหลนั้นเต็ม จงใช้เงินนั้นเพื่อหาวิธีที่สร้างสรรค์ในการส่งต่อ เช่น ซื้อบัตรแทนเงินสดสำหรับคนที่ไม่ได้คาดหวังซึ่งอาจจะต้องการความช่วยเหลือหรือซื้อดอกไม้สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้รับความชื่นชม [8]
    • หากคุณชอบงานประดิษฐ์ ลองตกแต่งขวดโหลของความซาบซึ้งนั้นด้วยริบบิ้น สีหรือสติ๊กเกอร์
  5. คุณควรใช้เวลานึกถึงด้านที่ดีของชีวิตแทนการบ่น ใส่ใจมากขึ้นกับสิ่งที่เป็นบวกที่คุณสังเกตได้และปล่อยให้สิ่งที่ดีๆ กลายเป็นประสบการณ์ที่ดีๆ [9]
    • สังเกตเมื่อคุณ รู้สึกอยากบ่นและพยายามหาบางอย่างที่เป็นบวกเพื่อเปลี่ยนความสนใจนั้น
    • การบ่นคือการจดจ่อความสนใจไปที่สิ่งที่คุณอยากจะให้มันแตกต่างโดยไม่อยากทำสิ่งใดแตกต่างออกไป มันเก็บคุณไว้ ในสถานภาพที่ไร้อำนาจ
  6. ใช้ความเป็นเจ้าของของความคิดและการกระทำของคุณ. หากคุณเชื่อว่าคุณไร้อำนาจในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพในเหตุการณ์หรือความสัมพันธ์ของคุณ คุณอาจจะพบว่ามันยากที่จะเปลี่ยนทัศนคติที่คุณมีต่อชีวิต คุณควรลองนึกถึงส่วนของคุณในการสร้างแต่ละสถานการณ์หรือความสัมพันธ์ในแบบที่มันเป็น หากคุณสามารถหาส่วนของคุณเจอ คุณก็สามารถจัดการสิ่งนั้นด้วยการยอมรับหรือเปลี่ยนแปลงมัน [10]
    • การรู้มากขึ้นเกี่ยวกับว่าทำไมคุณถึงเลือกทำสิ่งนั้นอาจจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงตัวเลือกที่ผิดในอนาคตได้
    • จำไว้ว่าในขณะที่เหตุการณ์ที่เป็นลบส่วนใหญ่คือผลลัพธ์ของตัวเลือกที่เกิดจากส่วนของคุณ บางครั้งสิ่งที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นถึงแม้คุณจะวางแผนไว้อย่างรอบคอบแล้วก็ตาม ไม่มีใครที่ไม่เคยอยู่ในที่ที่ผิดในเวลาที่ผิด
    • หากคุณไม่สามารถหาวิธีอื่นในการคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ไม่ดี คุณควรลองขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เช่น ผู้เชี่ยวชาญ นักบำบัด เพื่อนที่คุณไว้ใจหรือผู้อื่น คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญสิ่งนี้ตามลำพัง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การสร้างพฤติกรรมใหม่ๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การตื่นเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงในแต่ละเช้าทำให้คุณมีเวลาในการจดจ่อกับตัวเอง เป้าหมายและความตั้งใจในการเปลี่ยนทัศนคติของคุณ คุณอาจจะใช้เวลานี้ในการทำสมาธิหรืออ่านหนังสือเล่มโปรด [11]
    • หากมันง่ายขึ้นสำหรับคุณในการใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในช่วงท้ายของวัน คุณก็สามารถลองวิธีนี้ คนส่วนใหญ่แต่ไม่ทุกคนพบว่าเวลาในช่วงเช้านั้นสามารถทำอะไรได้ดีกว่า
    • อย่าปล่อยตัวเองให้เสียเวลาในตอนเช้ากับหลุมพรางที่เป็นลบของจิตใจ เช่น การอ่านข่าวที่น่าหดหู่หรือสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ
  2. หากมีคนในชีวิตของคุณที่ทำให้คุณรู้สึกหมดพลัง ไร้ประสิทธิภาพและซึมเศร้า คุณก็อาจจะต้องใช้เวลากับพวกเขาให้น้อยลงหากคุณกำลังพยายามสร้างทัศนคติใหม่ หลีกเลี่ยงข่าวที่น่าหดหู่และใช้เวลาอ่านบทความที่สร้างสรรค์ จับตัวเองให้อยู่ในกรอบของความเป็นบวกและลดปริมาณของความเป็นลบที่คุณรับในแต่ละวัน [12]
    • สิ่งนี้ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเมินเฉยต่อเพื่อนที่กำลังเจอมรสุมในชีวิต แต่หากชีวิตของเพื่อนนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวและความลำบากเสมอๆ คุณอาจจะต้องขอเวลานอก
    • หากการอยู่รอบคนที่เป็นลบนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ (เช่น หากเขาเป็นเจ้านายหรือหัวหน้าของคุณ) คุณอาจจะสามารถใช้ความเป็นลบของพวกเขา พยายามเข้าใจว่าสิ่งนี้มาจากไหนและเผชิญหน้ามันด้วยความเป็นบวก
  3. สิ่งนี้ฟังดูง่ายแต่มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คุณมักจะให้ความสนใจ ลองสร้างรายการของสิ่งที่คุณทำทุกวัน (หรือบ่อยๆ) และทำ รายการที่สองของสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข เปรียบเทียบรายการเหล่านี้และดูว่าการเปลี่ยนแปลงอะไรที่คุณสามารถทำเพื่อเพิ่มความสุขได้ [13]
    • นึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่คุณสามารถทำต่อกิจวัตรประจำวันเพื่อเพิ่มสิ่งที่สามารถนำความสุขมาให้คุณได้
    • หยุดพักหลายๆ ครั้งต่อวันเพื่อรับเอาระดับความสุขของคุณ หากคุณกำลังรู้สึกเป็นสุข ลองนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนี้
  4. เมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ลองนึกถึงมัน ใช้เหตุผลเพื่อหาทางแก้ไขและทำสิ่งที่มีเหตุผล เมื่อคุณตอบโต้ คุณข้ามได้ขั้นตอนการให้เหตุผลและตอบรับโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้จะนำปัญหาและความขุ่นเคืองใจมาให้มากขึ้น [14]
    • เมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ลองหยุดพักและหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะทำหรือพูดอะไร
    • ใช้เวลาเพื่อคิดถึงบางสิ่งก่อนที่จะให้คำตอบหากคุณทำได้ ลองพูดว่า "ฉันต้องคิดดูก่อน"
  5. หากคุณกำลังพยายามสร้างทัศนคติใหม่ ลองให้ความสนใจไปที่ช่วงเวลาในปัจจุบัน เมื่อคุณพบว่าคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคตหรือนึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากในอดีต ลองหมุนความสนใจกลับมาที่ปัจจุบัน [15]
    • คุณอาจจะใช้คำหรือประโยคเพื่อหมุนความสนใจกลับมาที่ปัจจุบัน เช่น "ตอนนี้" "เดี๋ยวนี้" หรือ "กลับไป"
    • อย่าตำหนิตัวเองที่สูญเสียความสนใจ จำไว้ว่าความเมตตานั้นสำคัญต่อการสร้างทัศนคติที่เป็นบวก
  6. งานวิจัยเผยว่าการพยายามกระจายความสนใจให้กว้างเกินไปจะทำให้ความเครียดเพิ่มมากขึ้นและระดับของความตั้งใจลดลง การสร้างปริมาณของการควบคุมเหนือความสนใจที่มากขึ้นจะส่งผลที่ดีต่อความรู้สึกของความเป็นอยู่ที่ดีและความเป็นบวก [16]
    • พยายามอย่าเปิดหลายๆ เพจบนบราวเซอร์อินเตอร์เน็ตและปิดโทรศัพท์มือถือเมื่อคุณกำลังดูโทรทัศน์ หากคุณกำลังล้างจานก็ควรหยุดฟังข่าว การทำเพียงสิ่งหนึ่งในเวลาเดียวและทำให้ดีจะเพิ่มทัศนคติที่เป็นบวกของคุณ [17]
    • หากคุณจำเป็นต้องทำหลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ลองจัดสรรเวลาให้ดี เมื่อเวลาหมด คุณก็ควรกลับไปทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในเวลาเดียว
    • เมื่อคุณกำลังพูดคุยกับเพื่อน คุณก็ควรปิดโทรศัพท์มือถือ
    • ทำความสนใจให้ช้าลงเพื่อที่จะทำแต่ละกิจกรรมในปัจจุบันได้เต็มที่มากขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่ากังวลหากคุณเจอปัญหาในการเปลี่ยนทัศนคติ สิ่งนี้คือกระบวนการที่ใช้เวลาชั่วชีวิตและจะไม่แตกต่างไปในทันที คุณต้องใจเย็นกับตัวเองในขณะที่เปลี่ยนแปลง
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณมีสัญญาณของอาการซึมเศร้าหรือเครียด คุณอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเปลี่ยนทัศนคติ ลองปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตของกรมสุขภาพจิตที่เบอร์ 1667
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,177 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา