ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทุกคนอาจมีสักครั้งหนึ่งหรือมากกว่านั้นที่อยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง การเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้โดยที่เรารู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ หากคุณได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวตนที่คุณเป็นอย่างตั้งใจ คุณสามารถทำได้โดยการสังเกตนิสัยส่วนตัว ความเชื่อ และรูปลักษณ์ของคุณ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงตัวตนที่คุณเป็นไม่ใช่กระบวนการที่สามารถทำได้ง่ายๆ แต่มันก็สามารถทำได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การเปลี่ยนแปลงนิสัยของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงตัวตนที่คุณเป็น พิจารณาถึงนิสัยที่คุณทำเป็นประจำทุกวัน และนิสัยอะไรที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง? การพัฒนานิสัยใหม่ๆ หมายถึงการละทิ้งนิสัยเดิมๆ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการจะผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ แต่ขี้อาย และไม่ค่อยชอบออกไปข้างนอกมากนักในชีวิตประจำวัน คุณอาจจำเป็นต้องพิจารณาหานิสัยใหม่ๆ ที่จะทำให้คุณมีส่วนร่วมกับคนอื่น [1]
    • หากคุณมีนิสัยชอบวิตกกังวล หรือขี้กลัว พิจารณาว่านิสัยของคุณทำให้คุณเกิดความกลัวได้อย่างไร คนส่วนมากกล่าวว่า การออกห่างจากสื่อสังคมออนไลน์ส่งผลให้มีความสุขเพิ่มมากขึ้น
    • เริ่มต้นเล็กๆ มันจะเป็นการง่ายกว่าในการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ แทนที่จะเป็นเรื่องใหญ่ๆ
  2. หากคุณต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้น ให้คุณเปลี่ยนแปลงนิสัยที่จะก่อให้เกิดประโยชน์หลายๆ อย่างในคราเดียว ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ส่งผลดีอาจจะเป็นการหยุดสูบบุหรี่ วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น ช่วยให้คุณออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น และคุณจะใช้จ่ายเงินน้อยลง [2]
    • คุณสามารถแทนที่นิสัยแย่ๆ ด้วยนิสัยดีๆ หากคุณสังเกตว่าตัวคุณเองกำลังเริ่มที่จะทำพฤติกรรมเชิงลบ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม พิจารณาถึงสิ่งอื่นที่คุณสามารถทำได้แทน
    • พิจารณาลักษณะของบุคคลที่คุณต้องการจะเป็น จากนั้นให้คิดถึงนิสัยทั้งหมดที่คนใหม่คนนี้อาจต้องการที่จะมีไว้ในชีวิตของเขา นิสัยอะไรที่ง่ายในการเปลี่ยนแปลง? นี่อาจเป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้น
    • กฎพื้นฐานที่ควรจำให้ขึ้นใจ คือคุณควรเริ่มด้วยนิสัยที่ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง หรือนิสัยที่ก่อให้เกิดการปฏิเสธที่สำคัญ คุณสามารถตัดสินใจว่าคุณจะเริ่มต้นด้วยวิธีไหน
  3. ใช้สิ่งเตือนความจำในการกระตุ้นนิสัยใหม่ของคุณ. ไม่ว่าความตั้งใจของคุณจะดีแค่ไหน หากคุณกำลังพยายามใช้แรงจูงใจ และการจดจำในการเพาะนิสัยใหม่ คุณจะไปได้ไม่ไกล สิ่งเตือนความจำที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจ หรือการจดจำ แต่ให้คุณอาศัยนิสัยดีๆ ที่มีอยู่ในตัวคุณ [3] ดังนั้น หากคุณกำลังพยายามปรับปรุงสภาพผิวของคุณโดยการทาโลชั่นให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวทันทีหลังจากที่คุณล้างหน้าของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณทำอยู่เป็นประจำในแต่ละคืนอยู่แล้ว ในไม่ช้าการล้างหน้าของคุณจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คุณต้องทาโลชั่นให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว [4]
  4. ทำนิสัยใหม่ของคุณซ้ำๆ ให้บ่อยครั้งเท่าที่เป็นไปได้. มันสามารถใช้เวลานานในการเรียนรู้นิสัยใหม่ – เริ่มได้ตั้งแต่ 15 จนถึง 254 วัน [5] การทำซ้ำเป็นเรื่องจำเป็นในการทำให้นิสัยใหม่คงอยู่ แม้ว่าคุณจะรู้สึกเสียกำลังใจ แต่จงทำต่อไป หากคุณกำลังดิ้นรน พิจารณาตัวกระตุ้นนิสัยใหม่หรือที่ง่ายกว่า
  5. คิดถึงการเปลี่ยนแปลงนิสัยของคุณแบบวันต่อวัน. ถึงแม้ว่าคุณอาจต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงนิสัยแย่ๆ ไปตลอดกาลก็ตามที การนึกถึงกระบวนการที่ยาวนานและยากสามารถทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวและครอบงำจิตใจ แทนที่จะเป็นแบบนั้นให้คุณลองคิดว่า คุณจะเปลี่ยนแปลงนิสัยในวันนี้ และคุณจะไม่คิดถึงอนาคต หาก 1 วันดูยาวนานเกินไป ให้คุณพูดกับตัวเองว่าคุณจะหยุดนิสัยแย่ๆ ให้ได้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หาก 1 ชั่วโมงดูยาวนานเกินไป ให้คุณลองหยุดพฤติกรรมให้ได้เป็นเวลา 10 นาที การคิดถึงกระบวนการแบบวันต่อวันทำให้ดูเหมือนควบคุมได้ง่ายกว่า และสามารถบรรเทาความรู้สึกของการถูกครอบงำจิตใจลงได้
    • หากคุณกำลังเริ่มต้นนิสัยใหม่ ให้คุณลองทำมันในเวลาเดียวกันของแต่ละวัน หากมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันมาตรฐานของคุณ มันมีแนวโน้มที่คุณจะจำได้ว่าต้องทำมัน ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจลองออกไปเดินเล่นเป็นเวลา 10 นาทีทุกวันหลังจากรับประทานอาหารเย็น หรือไปเยี่ยมเพื่อนบ้านที่อายุมากช่วงบ่ายของทุกวันอาทิตย์
    • เตือนตัวเองว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำนิสัยใหม่นี้ตลอดไป แต่ทำเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น และในวันต่อไป ให้คุณโฟกัสไปที่การทำนิสัยใหม่ในวันดังกล่าวเท่านั้น และทำแบบเดิมในวันถัดๆ ไป
  6. จำไว้ว่าคุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในทันที การรู้สึกว่าคุณล้มเหลวเป็นความเชื่อที่จำกัด และเป็นสิ่งที่คุณอาจไม่ต้องการจะยึดมั่น! แทนที่จะทำแบบนั้น เมื่อคุณกำลังเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณเป็น ให้คุณโฟกัสไปที่สิ่งที่คุณกำลังทำได้ดี อดทนกับตัวเอง และเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป [6]
    • หากคุณทำผิดพลาด และกลับไปทำนิสัยเก่าๆ อีกครั้ง อย่าไปเครียด เพียงแค่เริ่มต้นใหม่อีกครั้งในวันถัดไป
    • คุณไม่จำเป็นต้องระบุการเป็นคุณในแบบเก่า หรือความผิดพลาดที่คุณได้ทำ เนื่องจากคุณพยายามเรียนรู้รูปแบบพฤติกรรมใหม่ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ให้คุณโฟกัสไปที่คนที่คุณกำลังจะเป็น
  7. หากคุณพบว่า นิสัยที่คุณกำลังพยายามจะเปลี่ยนยากมากเกินไป พิจารณาว่าคุณสามารถแยกย่อยให้เป็นส่วนเล็กๆ ได้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังพยายามเป็นคนที่มีน้ำใจมากขึ้น ให้คุณเริ่มต้นโดยการยอมให้คนอื่นจอดรถในที่จอดรถของคุณ หรือเปิดประตูค้างไว้ให้คนที่เดินตามหลังคุณเสมอ คุณไม่จำเป็นต้องลาออกจากงาน หรือเปิดครัวอาหารเพื่อจะเป็นคนมีน้ำใจ [7]
    • การเป็นคนที่มีน้ำใจมากขึ้นเป็นเป้าหมายใหญ่ที่ประกอบไปด้วยขั้นตอนย่อยๆ มากมาย สิ่งที่คุณต้องทำคือ เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
    • หากคุณกำลังพยายามเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ให้เริ่มต้นโดยการโฟกัสไปที่สิ่งนั้นเป็นเวลาประมาณ 10- 30 นาทีต่อวัน ให้คุณทำแบบนี้ทุกวัน
  8. การทำรายการไว้กับบุคคลอื่นเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ใช้ได้จริงมากที่สุดที่คุณสามารถทำได้ บุคคลที่ว่านี้สามารถเป็นเพื่อนสนิทของคุณ แต่เขาต้องเต็มใจที่จะเป็นผู้รับภาระรับผิดชอบ บุคคลที่ว่านี้ต้องตรวจเช็ควิธีใดๆ ก็ตามที่คุณตกลงจะใช้ และรับผิดชอบบทบาทที่เขาหรือเธอได้รับอย่างจริงจัง [8]
    • คนหลายๆ คนพบว่าการตรวจเช็ครายวันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับการรับภาระรับผิดชอบ การตรวจเช็คทุกวันเป็นหนทางในการรักษากิจวัตรประจำวันให้ดำเนินไป
    • มันเป็นไปได้ว่าคนอื่นๆ อาจต้องการใช้พันธะสัญญานี้เป็นหนทางในการรับผิดชอบบางสิ่งบางอย่างเพื่อตัวเอง การมีเพื่อนที่กำลังตั้งมั่นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาหรือเธอสามารถเป็นสิ่งจูงใจที่ยิ่งใหญ่
    • หากคุณรู้จักคนอื่นที่กำลังต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงนิสัยส่วนตัวของพวกเขา คุณอาจตั้งกลุ่มรับผิดชอบขึ้น การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มช่วยให้การสนับสนุน และแรงกระตุ้นเมื่อคุณทำการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่คุณต้องการจะทำ
    • คนอื่นอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณก่อนที่คุณจะรู้ตัว บางครั้งการเปลี่ยนแปลงแบบสุดโต่งถูกรับรู้จากคนนอกได้ง่ายกว่าตัวเอง
  9. ส่วนหนึ่งของการร่วมมือกับคนอื่น หมายถึงว่าคนอื่นจะรู้ถึงผลสำเร็จของคุณ รวมไปถึงความล้มเหลว นั่นจะเป็นการวางผลลัพธ์ของแรงจูงใจทางสังคม หากคุณกำลังทำมันด้วยตัวเอง หรือหากคุณต้องการบางสิ่งบางอย่างที่เป็นรูปธรรมเพื่อเป็นผลลัพธ์ ให้คุณเพิ่มรางวัลเพื่อสร้างแรงกระตุ้นสำหรับตัวคุณเอง นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มผลลัพธ์เชิงลบเพื่อทำให้ตัวเองเสียกำลังใจจากการละเลยไม่ทำนิสัยใหม่ [9]
    • ตัวอย่างของผลลัพธ์เชิงบวกอาจเป็นการคำนวณว่าคุณใช้จ่ายเงินไปมากเท่าไหร่กับการซื้อบุหรี่ในช่วงเวลาหนึ่ง และซื้อสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองด้วยเงินจำนวนดังกล่าว
    • รางวัลสามารถเป็นอะไรง่ายๆ เช่นการพูด “ชนะแล้ว!” ในแต่ละครั้งที่คุณทำนิสัยใหม่สำเร็จ [10]
    • ผลลัพธ์เชิงลบอาจเป็นการทำงานบ้านที่คุณไม่ชอบเอามากๆ ทุกๆ ครั้งที่คุณยอมให้ตัวเองเข้าไปพัวพันกับพฤติกรรมที่คุณกำลังพยายามเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังพยายามหยุดนินทาว่าร้ายผู้อื่น และคุณพบว่าคุณได้ร่วมแบ่งปันเรื่องของผู้อื่นกับเพื่อนร่วมงานของคุณ ให้คุณใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงในการขัดพื้นห้องน้ำและโถส้วมเพื่อเป็นผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับ
  10. ระลึกว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา คุณอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับตัวคุณเองในการระบุ แม้ว่านิสัยที่คุณต้องการจะเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมมากๆ ก็ตาม [11]
    • จดจำสุภาษิตเก่า “หนทางหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก” ถึงแม้ว่าอาจดูเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น แต่ทุกๆ ก้าวที่คุณได้เดินไปช่วยให้คุณเข้าใกล้กับเป้าหมายได้มากขึ้น
    • อย่าล้มเลิก! มีแค่ทางเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณเป็นได้ นั่นคือคุณตัดสินใจที่จะไม่เปลี่ยนแปลง จำไว้ และทำตามแนวทางที่กล่าวมาว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นหากคุณแค่พยายามทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งสำคัญแรกในการเปลี่ยนแปลงแง่มุมของบุคลิกภาพของคุณ คือเชื่อว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากคุณไม่มีความเชื่ออย่างแรงกล้านี้ บุคลิกภาพของคุณก็จะเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าสถานการณ์ใดที่คุณกำลังประสบอยู่ การเชื่อว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เป็นตัวช่วยที่สำคัญมากที่สุดเพียงสิ่งเดียวที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของคุณประสบความสำเร็จ [12]
    • พวกเราส่วนใหญ่เติบโตมาด้วยความเชื่อที่ว่าลักษณะนิสัย หรือบุคลิกภาพของพวกเราจะมีรูปแบบเฉพาะตัวของใครของมัน ซึ่งการวิจัยในปัจจุบันพบว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง
    • หากคุณไม่เชื่อว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ให้คุณคิดว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น พิจารณาแง่มุมใดของบุคลิกภาพของคุณที่คุณไม่ใส่ใจอาจส่งผลให้คิดเช่นนั้น หากมีความกลัวที่ขัดขวางไม่ให้คุณเชื่อว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ให้คุณจัดการกับความกลัว
  2. เลือกแง่มุมของบุคลิกภาพของคุณที่ต้องการเปลี่ยนแปลง. ทบทวน “แบบทดสอบบุคลิกภาพด้วยปัจจัย 5 ประการ” ที่นักจิตวิทยาเห็นตรงกันในการกำหนดลักษณะพิเศษของบุคลิกภาพของบุคคล [13] คุณสามารถใช้ปัจจัยดังกล่าวเป็นแนวทางในการเริ่มต้นคิดถึงสิ่งที่คุณต้องการจะเปลี่ยนแปลง ทันทีที่คุณได้ระบุคุณลักษณะที่คุณต้องการจะเปลี่ยน ให้คุณเริ่มคิดหนทางที่เป็นรูปธรรมเล็กๆ เพื่อที่จะทำให้ได้ ให้คุณระบุสิ่งที่คุณต้องการจะทำอย่างเฉพาะเจาะจง และกำหนดวิธีที่คุณต้องการที่จะทำมันเป็นการเฉพาะ [14] The Big Five are as follows: [15]
    • บุคลิกภาพที่เป็นลักษณะใจกว้าง : เป็นบุคลิกภาพของบุคคลที่แสดงให้เห็นถึงจินตนาการ ความมีสุนทรียภาพ และมีสติปัญญาที่เฉียบแหลม
    • บุคลิกภาพที่เป็นลักษณะยึดมั่นในหลักการ : หรือที่เรียกว่า จรรยาบรรณในการทำงาน ลักษณะของปัจจัยบุคลิกภาพนี้ ได้แก่ ความมีระเบียบวินัยในตัวเอง ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความรู้สึกของการมีความสามารถ และความรู้สึกของการมีความรับผิดชอบ
    • บุคลิกภาพแบบเปิดเผย : หากคุณขี้อาย คุณจะต้องการปรับปรุงคุณลักษณะเหล่านี้ ได้แก่ การแสดงสิทธิ์ การต้อนรับขับสู้ การชอบเข้าสังคม และระดับการเข้าร่วมทำกิจกรรม
    • บุคลิกภาพแบบประนีประนอม : คุณลักษณะเหล่านี้ ได้แก่ ความจริงใจ ความถ่อมตัว เชื่อมั่นในผู้อื่น เห็นอกเห็นใจ และความไม่เห็นแก่ตัว
    • บุคลิกภาพแบบตอบโต้อย่างเป็นธรรมชาติ : พิจารณาว่าคุณมีปฏิกิริยาทางอารมณ์อย่างไร คุณมีการตอบสนองอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ใช่ไหม? คุณอาจต้องการปรับปรุงคุณลักษณะเหล่านี้ในปัจจัยบุคลิกภาพนี้ เช่น ความวิตกกังวล การมุ่งร้าย ความอ่อนไหวต่อความเครียด ความระมัดระวังตัวเอง และความหมกมุ่นในตัวเอง
    • หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณต้องการเปลี่ยนแปลง แต่แค่รู้สึกว่าคุณต้องการที่จะแตกต่างไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ให้คุณใช้เวลาให้มากขึ้นในการคิดว่าอะไรที่สร้างความรู้สึกไม่สบายใจของคุณ
    • หากคุณยังคงไม่แน่ใจว่าจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ให้ขอความช่วยเหลือ คนที่อาจให้ความช่วยเหลือได้ ได้แก่ พ่อแม่ของคุณ เพื่อนที่ดี ที่ปรึกษา นักบำบัด ผู้มีอำนาจทางศาสนา หรือคนที่น่าเชื่อถือ สิ่งสำคัญ คือจำไว้ว่าคุณไม่ต้องทำเรื่องนี้ตามลำพัง
  3. พิจารณาแง่มุมเชิงบวก และสิ่งที่ไม่เข้าใจของลักษณะใหม่. ก่อนที่คุณจะทุ่มเทในการเพาะลักษณะใหม่ พิจารณาว่ามันอาจช่วย หรือขัดขวางชีวิตของคุณอย่างไร และสิ่งนั้นเข้ากับคุณค่าของคุณหรือไม่ หากคุณกำลังพยายามจะเป็นคนเงียบขรึม และโอนอ่อนผ่อนปรน แต่คุณค่าของคุณเป็นคนที่ชอบโต้แย้ง และตะเบ็งเสียง เมื่อคุณเห็นความไม่ยุติธรรม หรือการกระทำผิดศีลธรรม นั่นหมายความว่า ลักษณะบุคลิกภาพใหม่ของคุณจะขัดกับคุณค่าของคุณ และอาจก่อให้เกิดความสับสน และอึดอัดใจ คุณอาจต้องการคิดทบทวนเกี่ยวกับคุณลักษณะที่ไม่เข้ากับคุณค่าของคุณใหม่อีกครั้ง [16]
  4. สังเกตความรู้สึกของคุณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง. สิ่งแรกในการสังเกต คือในปัจจุบันคุณระบุแง่มุมของบุคลิกภาพของคุณ คนส่วนมากพัฒนาอัตลักษณ์ของพวกเขาจากลักษณะบุคลิกภาพของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น หากคุณชอบแสดงปฏิกิริยากราดเกรี้ยว คุณอาจรู้สึกกังวลที่ต้องปล่อยบุคลิกด้านที่มีไว้ป้องกันตัวนี้ออกไป โดยคุณอาจกลัวว่าคนจะคิดว่าคุณอ่อนแอหรือสามารถเอาเปรียบได้ง่าย [17]
    • การมีความกลัวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในบุคลิกภาพของคุณเป็นเรื่องธรรมชาติ! มันเป็นเรื่องสำคัญในการรับรู้ความกลัว เพื่อที่คุณจะสามารถหยุดพักมันไว้ก่อนได้
    • วางแผนในการรับมือความไม่แน่ใจที่คุณอาจรู้สึกรอบๆ การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของคุณ การใช้การปฏิญาณตนเชิงบวก เทคนิคในการผ่อนคลาย และคู่รับภาระรับผิดชอบเป็นแนวทางทั้งหมดที่คนอาจรับมือกับความกลัวใดๆ หรือข้อจำกัดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกเขาเป็น
  5. ส่วนหนึ่งของการเชื่อว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ คือการจินตนาการตัวเองในชีวิตใหม่ด้วยการเป็นคุณคนใหม่ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อว่าคุณสามารถเป็นคนที่สนใจแต่เรื่องตัวเอง จินตนาการว่าคุณเพิ่มพลังให้ตัวเองได้จากการใช้เวลาตามลำพัง พัฒนาความเชื่อที่ว่า คืนที่เงียบเหงาที่บ้านเติมพลังให้จิตใจคุณ จินตนาการว่าคุณมีความสุขในการทำกิจกรรมโปรดปรานที่คุณทำได้ตามลำพัง [18]
    • เต็มใจที่จะเรียนรู้ลักษณะใหม่ หมายถึงการปลดปล่อยความคิดอื่นๆ ที่คุณเคยมี ยกตัวอย่างเข่น หากคุณกำลังเรียนรู้ที่จะมีความสุขเพียงลำพัง สังเกตทุกครั้งที่คุณเริ่มรู้สึกแปลกแยกสำหรับการต้องอยู่เพียงลำพัง เรียนรู้ที่จะหัวเราะกับตัวเองสำหรับความผิดพลาดเหล่านี้
    • สังเกตคนอื่นที่แบ่งปันลักษณะบุคลิกภาพที่คุณต้องการที่จะเพาะให้กับตัวเอง และเลียนแบบคนเหล่านั้นในชีวิตประจำวันของคุณ
  6. แบบอย่างคือ ใครบางคนที่เป็นตัวอย่างรูปแบบการใช้ชีวิตหรือวิถีชีวิตที่คุณต้องการจะสร้างให้กับตัวเอง เมื่อคุณจินตนาการตัวเองในบุคลิกภาพใหม่ มันสามารถช่วยทำให้คนอื่นอยู่รอบๆ คุณซึ่งเป็นคนที่ดูเหมือนว่าได้แสดงคุณภาพ หรือลักษณะนิสัยให้คุณได้เห็นแล้ว [19]
    • ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังพยายามเป็นคนที่อบอุ่นมากขึ้น สังเกตคนอื่นที่ดูอบอุ่น และมีความสุขเมื่อช่วยเหลือผู้อื่น คนเหล่านี้มีลักษณะอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่พวกเขาทำ? คุณสามารถเรียนรู้ได้อย่างมากมายจากการเลียนแบบพวกเขา
    • มันอาจช่วยคุณให้มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ หากคุณจำได้ว่าคุณเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นด้วยเช่นกัน คุณกำลังใช้ชีวิตที่คุณต้องการให้คนอื่นเห็นและเลียนแบบใช่ไหม? การเปลี่ยนแปลงที่คุณกำลังทำสร้างรูปแบบชีวิตที่คุณภาคภูมิใจใช่ไหม?
  7. ยิ่งคุณสามารถฝึกฝนลักษณะบุคลิกภาพใหม่ได้มากเท่าไหร่ มันจะยิ่งกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเท่านั้น การฝึกฝนลักษณะบุคลิกภาพใหม่ของคุณในหลากหลายทิศทาง ที่ช่วงเวลาที่แตกต่างกันทั้งกลางวัน และกลางคืนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้คุณรู้สึกเป็นธรรมชาติกับลักษณะใหม่ [20]
    • ตื่นตัวสำหรับโอกาสในการแสดงออกในวิถีทางใหม่ มากกว่าที่จะเป็นวิถีทางเก่าของคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังฝึกฝนในการปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติมากกว่าที่จะคอยระมัดระวังรอบคอบ ชวนเพื่อนใหม่ไปเล่นโรลเลอร์สเก็ต ทำในสิ่งที่คุณไม่คาดคิดว่าจะทำ
    • หากในตอนแรกมันรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติในการแสดงออกในวิถีทางใหม่ๆ อย่าตกใจ ภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า “แสร้งทำจนทำได้จริง!”
  8. การปฏิญาณตนเป็นข้อความเชิงบวกที่กล่าวถึงสิ่งที่คุณเชื่อ หรือสิ่งที่คุณต้องการที่จะเชื่อ หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณเป็น คุณอาจต้องเปลี่ยนแปลงความเชื่อ และข้อจำกัดของคุณ ความเชื่อเชิงลบเหล่านี้เป็น “ความเชื่อที่จำกัด” ซึ่งความเชื่อที่จำกัดสามารถถูกแทนที่ด้วยความเชื่อเชิงบวก หรือการปฏิญาณตน [21]
    • ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อว่าคุณเป็นคนที่ถูกครอบงำได้โดยง่าย ให้คุณเปลี่ยนความเชื่อ ให้กลายเป็นว่าคุณมีความแข็งแกร่งมากๆ แทน
    • เขียนการปฏิญาณตนของตัวเองบนบัตรรายการ และติดไว้ในที่ที่คุณสามารถเห็นได้บ่อยครั้งในแต่ละวัน เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเห็นมัน ให้คุณอ่านออกมาดังๆ ในไม่ช้า มันจะเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อที่คุณตระหนักได้เอง
  9. การฝึกสอน หรือการให้คำแนะนำการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพสามารถช่วยให้คุณระบุว่าลักษณะใดที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง และคุณจะบรรลุการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างไร [22] คุณสามารถอธิบายคุณค่า และวิสัยทัศน์ของตัวตนในอุดมคติของคุณ และที่ปรึกษาสามารถสอนเทคนิคให้แก่คุณ เช่น ความคิด และพฤติกรรมบำบัด การยอมรับ และการสร้างพันธะสัญญาบำบัด หรือโซลูชั่นโฟกัสบำบัด เพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายของคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การตัดผม การอัพเดตสไตล์การแต่งหน้า การลองเปลี่ยนสไตล์เสื้อผ้าใหม่เป็นวิธีในการปฏิวัติตัวเองใหม่ทั้งหมด หากคุณกำลังทำการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ลองเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของคุณเพื่อให้เข้ากับคุณคนใหม่ [23]
    • พวกเราส่วนใหญ่ต้องการรูปลักษณ์ใหม่ในทุกๆ 5 ปี เสื้อผ้าที่คุณสวมใส่ในมัธยมปลายอาจดูเชยที่จะใส่ตอนอยู่มหาวิทยาลัย หากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญวัยหนุ่มสาว มันถึงเวลาที่คุณจะแทนที่เสื้อผ้าเก่าๆ สมัยมหาวิทยาลัยด้วยชุดทำงานที่ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น
    • ดูภาพถ่ายของคนที่ใช้ชีวิตในแบบที่คุณอยากจะเป็น เพื่อมองหาไอเดียของการเปลี่ยนแปลงที่คุณสามารถนำมาปรับใช้กับรูปลักษณ์ของตัวคุณเอง
    • ถึงแม้ว่าทรงผม การแต่งหน้า และเสื้อผ้าอาจดูเป็นแนวทางที่ดูผิวเผินในการเปลี่ยนแปลงตัวตนของคุณ แต่สิ่งเหล่านี้สะท้อนความคิดของตัวคุณเอง สิ่งที่คุณเป็นส่งผลถึงแนวทางที่คุณถูกปฏิบัติโดยโลก และแนวทางที่คุณคิดเกี่ยวกับตัวเอง
  2. คนจำนวนมากพบว่าติดกับความเคยชินในการสวมใส่เสื้อผ้าสีเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากคุณใส่เสื้อผ้าชุดดำมาตลอดตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น มันถึงเวลาที่คุณจะเพิ่มเติมสีสันให้กับตัวเอง การเพิ่มเสื้อผ้าสีใหม่ในคอลเลคชั่นเสื้อผ้าของคุณจะสร้างรูปลักษณ์ใหม่ให้กับคุณได้เป็นอย่างดี [24]
    • กำจัดเสื้อผ้าที่คุณไม่ต้องการที่จะใส่อีกต่อไป เปิดดูตู้เสื้อผ้า และบริจาคเสื้อผ้าเก่าให้การกุศลจะทำให้คุณมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับเสื้อผ้าชุดใหม่
    • อย่าลืมเกี่ยวกับเครื่องประดับ การเพิ่มเข็มขัด ผ้าพันคอ และเครื่องเพชรพลอยใหม่กับเสื้อผ้าชุดเก่าจะเป็นการอัพเดต และสามารถทำให้เสื้อผ้าดังกล่าวดูใหม่สำหรับคุณ
  3. ไม่มีสิ่งใดจะบ่งบอกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ของคุณได้ดีเท่ากับการเปลี่ยนทรงผม ไม่ว่าจะเป็นการเป่าผม ตัดผม ต่อผม หรือโกนหัว การเปลี่ยนแปลงทรงผมที่แตกต่างจากทรงเดิมๆ ที่คุณไว้จะส่งผลต่อรูปลักษณ์ของคุณอย่างชัดเจน [25]
    • ทรงผมที่ใช่สามารถทำให้คุณดูผอมลง อ่อนเยาว์ขึ้น และดูมีสุขภาพดีขึ้น
    • ลองทรงผมใหม่ที่คุณไม่เคยตัดมาก่อน และค้นหาว่ามันส่งผลต่อตัวตนของคุณอย่างไร
  4. หากคุณกำลังเปลี่ยนแปลงตัวตนของคุณ คุณจะต้องการปรับเปลี่ยนสไตล์เสื้อผ้าใหม่ หากคุณมีความคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบที่คุณต้องการจะเป็น แน่ใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างในตู้เสื้อผ้าของคุณสนับสนุนรูปลักษณ์พื้นฐานนี้ [26]
    • มีเสื้อผ้าอย่างน้อย 10 ชิ้นที่เข้ากับสไตล์การแต่งตัวใหม่ของคุณ และแน่ใจว่าพวกมันเข้ากัน
    • เสื้อผ้า 10 ชิ้นดังกล่าวนี้จะแตกต่างกันไปสำหรับทุกคน สไตล์การแต่งตัวที่จำเป็นของนายธนาคารจะดูแตกต่างจากสไตล์การแต่งตัวของศิลปิน ดังนั้นจงเลือกเสื้อผ้าที่ใช่สำหรับรูปลักษณ์ใหม่ของคุณ
  5. การมีรอยสักหรือเจาะหูไม่ได้เป็นการแสดงว่าคุณเป็นคนหัวรั้น แต่นี่อาจเป็นวิธีที่ดีสำหรับคุณในการตั้งมั่นว่าคุณกำลังเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณเป็น ซึ่งรอยสักอาจเป็นเครื่องหมายแห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับคุณ หลายคนชอบใช้สัญลักษณ์ เช่น ผีเสื้อ นางเงือก หรือสัญลักษณ์นามธรรมอื่นๆ เพื่อระลึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพวกเขา [27]
    • แน่ใจว่าคุณใช้บริการที่ร้านสัก และเจาะหูที่สะอาด และเป็นมืออาชีพ
    • จำไว้ว่ารอยสักต้องอยู่กับคุณไปตลอด ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ จงแน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่คุณต้องการจะเก็บไว้กับคุณไปตลอดชีวิต
    โฆษณา
  1. http://jamesclear.com/three-steps-habit-change
  2. http://zenhabits.net/change/
  3. http://blogs.psychcentral.com/childhood-neglect/2015/01/the-5-essential-steps-to-change-a-personality-trait/
  4. http://www.testsonthenet.com/Factors-facets.htm
  5. http://blogs.psychcentral.com/childhood-neglect/2015/01/the-5-essential-steps-to-change-a-personality-trait/
  6. http://www.testsonthenet.com/Factors-facets.htm
  7. http://www.psychology.org.au/Assets/Files/ICPR-9_2.pdf#page=85
  8. http://blogs.psychcentral.com/childhood-neglect/2015/01/the-5-essential-steps-to-change-a-personality-trait/
  9. http://blogs.psychcentral.com/childhood-neglect/2015/01/the-5-essential-steps-to-change-a-personality-trait/
  10. http://goodmenproject.com/featured-content/cc-you-are-a-role-model-reluctancy-doesnt-change-that/
  11. https://www.psychologytoday.com/blog/reinvent-yourself/201409/how-do-you-reinvent-yourself-be-who-you-want-be
  12. https://paidtoexist.com/how-to-change-habits/
  13. http://www.psychology.org.au/Assets/Files/ICPR-9_2.pdf#page=85
  14. http://www.redbookmag.com/fashion/how-to/g583/how-to-change-your-look/?slide=2
  15. http://www.womansday.com/style/beauty/g529/10-ways-to-reinvent-your-look-25269/?slide=9
  16. http://www.cosmopolitan.com/style-beauty/fashion/advice/a6456/woman-dramatic-haircut-short-hair/
  17. http://teen.allwomenstalk.com/drastic-ways-to-change-your-appearance-before-you-graduate-high-school
  18. http://teen.allwomenstalk.com/drastic-ways-to-change-your-appearance-before-you-graduate-high-school

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,826 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา