ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเปลี่ยนแปลงรูปโฉมจากชายเป็นหญิงนั้นเป็นกระบวนการที่เป็นเรื่องเฉพาะตัวและขึ้นกับรสนิยมส่วนบุคคล ไม่มีวิธีที่ "ถูก" หรือ "ผิด" ในการแปรสภาพรูปลักษณ์ตนเอง ในขณะที่ผู้หญิงข้ามเพศบางรายเลือกจะเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ บางคนอาจพบว่าแค่เข้ารับการบำบัดเปลี่ยนฮอร์โมนก็เพียงพอแล้ว แต่ไม่ว่าจะหนทางไหน ขั้นตอนการเปลี่ยนรูปโฉมก็เป็นกระบวนการระยะยาวที่ต้องใช้เงินจำนวนมากและมีความเสี่ยง แต่ผลตอบแทนอาจคุ้มค่า! จงอดทนและอยู่ท่ามกลางญาติมิตรที่คอยสนับสนุนให้กำลังใจ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

เตรียมตัวเปลี่ยนแปลง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไตร่ตรองการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงให้ถี่ถ้วน. การยอมรับว่าตัวคุณเป็นบุคคลข้ามเพศหรือคนที่ไม่ได้มีเพศสภาพตรงกับเพศกำเนิดนั้นมีความแตกต่างกับการเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศซึ่งหมายถึงการเข้ารับหรือมองหาการแปลงเพศผ่านทางการรักษาทางแพทย์ [1] การแปลงเพศนั้นเป็นกระบวนการที่ไม่อาจย้อนคืนกลับได้ มีความเสี่ยง กินเวลาและมีค่าใช้จ่ายสูง ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าผ่าตัด จึงควรใช้เวลาไตร่ตรองให้รอบคอบ ให้ใช้บันทึกทุกวัน พูดคุยประเด็นนี้กับเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้หรือสมาชิกในกลุ่มให้กำลังใจ [2]
    • หากในเมืองที่คุณอยู่ไม่มีกลุ่มเพื่อนผู้สนับสนุนคนข้ามเพศ ให้มองหาในอินเทอร์เน็ต
  2. อ่านและเรียนรู้กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ให้มากที่สุด คุณต้องมีความรู้ถึงผลประโยชน์ที่จะได้ ความเสี่ยง และราคาค่าใช้จ่ายของการเปลี่ยนแปลง หาข้อมูลกระบวนการที่แตกต่างกัน เตรียมตัวเองให้รับมือกับการดูถูกเหยียดหยามให้ได้ และประเมินค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแปลงจนสำเร็จ คุณสามารถรวบรวมแหล่งข้อมูลได้จากหลากหลายแหล่ง ท่องเว็บเพื่อเก็บข้อมูล โดยใช้คำค้นอย่าง “LGBTQ,” “male-to-female,” หรือ “transgender” หาหนังสือหรือจุลสารจากในห้องสมุดโดยค้นจากหัวข้อเรื่องในดรรชนีคำค้นของห้องสมุด สมาชิกของกลุ่มให้กำลังใจก็อาจให้คำแนะนำดีๆ ใช้พวกเขาเป็นแหล่งข้อมูลซะเลย! [3]
    • การเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่างย่อมมีความหมายและความต้องการแตกต่างกันเฉพาะคน คุณอาจไม่จำเป็นต้องเข้าบำบัดกำจัดขน หรืออาจจะเลือกผ่าตัดเสริมเต้านมหลังจากได้รับการบำบัดด้วยฮอร์โมนแล้ว ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการเข้ารับกระบวนการทางแพทย์นี้ทั้งหมด มันก็ยังจำเป็นที่คุณต้องมีความรู้ในทั้งกระบวนการ ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้อง [4]
  3. การตัดสินใจว่าจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่ไหน เมื่อไหร่ และอย่างไรนั้นเป็นเรื่องสุดเครียด! ก็เหมือนการเปลี่ยนแปลงนั่นแหละที่การเปิดตัวเป็นเรื่องแตกต่างกันเฉพาะคน วิธีเปิดตัวต้องเหมาะสมกับคุณเท่านั้น! หากคุณรู้สึกสะดวกใจมากกว่าที่จะคุยแบบตัวต่อตัว ก็ให้บอกเป็นคนๆ ไป หากคุณเลือกจะบอกทุกคนในคราวเดียว ให้รวมกลุ่มเพื่อนสนิทกับคนในครอบครัวด้วยกัน ไม่จำเป็นที่คุณต้องแจ้งให้ทุกคนที่คุณรู้จักได้ทราบ เปิดใจตรงๆ กับคนที่คุณสนิทด้วยมากๆ แบ่งปันเรื่องราวของคุณ ขอแรงใจสนับสนุน ให้พื้นที่และเวลาแก่พวกเขาในการรับมือกับข่าวนี้ด้วย [5]
  4. เริ่มเข้าไปคุยกับบริษัทประกันชีวิตของคุณแล้วเริ่มต้นเก็บเงิน. การเปลี่ยนรูปโฉมนั้นใช้เงินมหาศาล บริษัทประกันบางแห่งอาจครอบคลุมกระบวนการบางส่วน แต่ไม่มีทางที่จะครอบคลุมทุกขั้นตอนแน่ ถามบริษัทประกันว่ามันจะรวมค่าการบำบัด การให้ฮอร์โมน การกำจัดขน การผ่าตัดเสริมเต้านม หรือการผ่าตัดแปลงเพศหรือไม่ หากคุณไม่ได้ทำประกันหรือประกันนั้นไม่ครอบคลุมกระบวนการดังว่า อย่าตื่นตูมไป! ลองปรึกษาเพื่อนคนที่เก่งเรื่องการเงินให้ช่วยประเมินและวางแผนการออมเงินให้คุณ พอคุณมีตัวเลขประมาณการในใจแล้ว ให้เริ่มเก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้เลย [6]
    • โดยเฉลี่ยแล้ว การผ่าตัดแปลงเพศจะใช้เงินประมาณ 150,000-300,000 บาท การใช้เลเซอร์กำจัดขนจะอยู่ที่คอร์สละ 1,000 บาท [7] การบำบัดโดยใช้ฮอร์โมนมีตั้งแต่ 75 บาท ไปจนถึง 2,000 บาทต่อเดือน และการบำบัดแบบนี้จะยังต้องทำไปจนตลอดชีวิต [8]
    • ระยะเวลาของกระบวนการเปลี่ยนแปลงมักจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินของคุณเอง [9]
  5. เริ่มต้นออกกำลังกายและฝึกการใช้เสียงหญิงของคุณ. ก่อนจะเริ่มเข้าบำบัดด้วยฮอร์โมน ให้เริ่มออกกำลังกาย เพราะมันจะลดน้ำหนักได้ยากมากเวลารับฮอร์โมน! เริ่มฝึกดัดเสียงด้วยก็ดี ทดลองใช้โทนเสียงและน้ำเสียงแบบผู้หญิง [10] ฝึกเปลี่ยนเสียงจากอกไปเป็นเสียงจากหัว หรือก็คือพูดเสียงสูง หรือเสียง “มินนี่เมาส์” พอคุณทำได้ชำนาญ ก็ค่อยเลื่อนไปยังการฝึกเสียงขั้นสูงกว่านั้น เช่น การฝึกควบคุมกล้ามเนื้อรอบกล่องเสียงและลูกกระเดือกอย่างตั้งใจ [11]
    • วางนิ้วสองนิ้วใต้ลูกกระเดือกแล้วยกขึ้นจะทำให้เสียงคุณสูงขึ้น พอฝึกไปนานๆ กล้ามเนื้อจะดึงลูกกระเดือกขึ้น [12]
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

เข้าพบกับนักบำบัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตามมาตรฐานการดูแลสุขภาพของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (HBGDIA) ของสมาคมแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพบุคคลข้ามเพศแห่งโลก (WPATH) นั้น คุณจะต้องเข้าพบกับนักบำบัดทางเพศสภาพก่อนเข้ารับฮอร์โมนหรือรับการผ่าตัด ถามเหล่าเพื่อนๆ ในชุมชนคนข้ามเพศเพื่อขอคำแนะนำว่านักบำบัดคนไหนดี ลองหาในอินเทอร์เน็ตว่านักบำบัดคนไหนมีประสบการณ์กับสมาชิกในกลุ่มคนข้ามเพศที่คุณรู้จัก เข้าพบนักบำบัดคนที่คุณรู้สึกสบายใจด้วยที่สุด
    • สอบถามผู้เคยใช้บริการนักบำบัดที่คุณหมายตาไว้ว่าผ่านการเรียน การฝึกฝนที่ไหน และได้รับการยอมรับในระดับไหน
    • สอบถามนักบำบัดที่คุณเล็งเอาไว้ให้เยอะๆ สอบถามความสนใจที่พวกเขามีต่อการบำบัดเรื่อเพศสภาพและดูว่ามีผู้มาเข้ารับการบำบัดนี้กี่คนที่ได้รับคำแนะนำให้ฉีดฮอร์โมนหรือผ่าตัด
    • หากนักบำบัดที่เล็งไว้ดูแล้วไม่น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนคนใหม่! [13]
  2. หลังจากการเข้าคอร์สบำบัดระยะหนึ่งแล้ว นักบำบัดจะประเมินสถานการณ์ของตัวคุณโดยการตรวจวินิจฉัย หลังจากลงความเห็นว่าคุณมีประสบการณ์ต่อเนื่องถึงอาการรังเกียจอวัยวะเพศของตนเอง มีความปรารถนาที่จะเอาสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของเพศกำเนิดออกไปจากร่างกาย หรือมีความมั่นใจแน่วแน่ว่าเพศกำเนิดของคุณขัดแย้งกับเพศสภาพที่แท้จริง นักบำบัดก็น่าจะวินิจฉัยว่าคุณมีความทุกข์ใจในเพศสภาพ (Gender Dysphoria)
    • คุณจะต้องมีอาการเหล่านี้มาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน
    • ซื่อตรงกับนักบำบัดและตัวเอง [14]
    • ความทุกข์ใจในเพศสภาพไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นโรคหรือพิกลพิการ มันแค่หมายความว่าคุณไม่ได้มีความสุขในการใช้ชีวิตตามเพศที่ถูกกำหนดมา แพทย์จะระบุเช่นนี้ก่อนจะตัดสินใจให้ยา การบำบัด และ/หรือการผ่าตัดตามที่คุณต้องการหรือจำเป็น
    • ความทุกข์ใจในเพศสภาพไม่จำเป็นต้องหมายถึงอารมณ์เศร้า ถ้าคุณเคยรู้สึกหดหู่หรือกังวล ก็ควรบอกนักบำบัด คุณอาจได้รับประโยชน์จากการบำบัดในเรื่องนั้นเช่นกัน
  3. หลังจากวินิจฉัยว่าคุณมีความทุกข์ใจในเพศสภาพแล้ว นักบำบัดจะเสนอทางเลือกในการรักษาให้คุณ เป้าหมายของการรักษาไม่ควรเป็นการเปลี่ยนความรู้สึกของคุณ แต่ควรเป็นการช่วยคุณรับมือกับความรู้สึกและบรรเทาความกังวลใจ นอกเหนือจากการบำบัดต่อเนื่องแล้ว นักบำบัดอาจแนะนำให้คุณเข้ารับการฉีดฮอร์โมน ซึ่งจะต้องได้รับการทำและแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ [15]
    • หากคุณยังไม่ผ่านช่วงของวัยเจริญพันธุ์ นักบำบัดอาจแนะนำยายับยั้งการเจริญพันธุ์ [16]
  4. ทำการเปลี่ยนแปลงบทบาทของเพศสภาพทางสังคมครบทุกด้าน. หากคุณแสดงความปรารถนาที่จะเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ คุณจะต้องทำการเปลี่ยนแปลงบทบาทของเพศสภาพทางสังคมก่อนที่นักบำบัดจะอนุมัติขั้นตอนทางแพทย์ ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ คุณจะต้องใช้ชีวิตตามเพศสภาพเป็นเวลาหนึ่งถึงสองปี นี่จช่วยให้คุณได้ลองใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงดู คุณจะต้องแต่งตัว ไปทำงาน ทำงานบ้าน ออกกำลังกาย และไปช็อปปิ้งในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง หลังจากได้ลองใช้ชีวิตมาสักระยะ นักบำบัดจะช่วยคุณพิจารณาดูว่าคุณควรเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศหรือไม่
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

เข้ารับการรักษาทางแพทย์โดยไม่ผ่าตัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จุดประสงค์ของการฉีดฮอร์โมนคือการทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจกับร่างกายตนเอง ฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายให้เป็นไปตามเพศสภาพของคุณ ในฐานะผู้ชายที่จะเปลี่ยนเป็ผู้หญิงนั้น แพทย์จะอนุมัติข้อกำหนดการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน คุณจะต้องรับการฉีดฮอร์โมนอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้เริ่มแล้ว การฉีดฮอร์โมนจะต้องทำไปชั่วชีวิต แม้กระทั่งหลังเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ฮอร์โมนสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายได้อย่างมาก และสำหรับบางคน การเข้ารับฮอร์โมนก็เพียงพอต่อการรักษาความทุกข์ใจในเพศสภาพของตนแล้ว [18] อย่างไรก็ตาม การได้รับฮอร์โมนจะไม่เปลี่ยนขนาดของฝ่ามือหรือโทนเสียงของคุณ มันจะทำให้ถุงอัณฑะเล็กลงแต่ก็ไม่ได้ทำให้หายไป ดังนั้น บางคนจึงอาจมองหาการรักษาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ผลตามที่ใจปรารถนา
    • ทำตัวเองให้คุ้นเคยกับความเสี่ยงของการใช้ฮอร์โมน กล้ามเนื้อจะฝ่อและไขมันจะกลับมาเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนยังทำให้เกิดความเสียหายต่อตับอย่างรุนแรงถ้าไม่ได้รับการเฝ้าดูจากแพทย์ อย่าไปฉีดหรือทานเองเด็ดขาด [19]
    • ให้รับฮอร์โมนปริมาณต่ำสุดที่จะส่งผล การได้ฮอร์โมนมากเกินไปจะกลายเป็นการชลอกระบวนการเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำ
    • แพทย์ควรตรวจวัดฮอร์โมนของคุณ ให้เข้ารับการตรวจเป็นประจำ! [20]
  2. การกำจัดขนด้วยเลเซอร์นั้นทั้งเจ็บทั้งแพง! แถมต้องทำต่อเนื่องระยะยาว ให้เริ่มกระบวนการกำจัดขนเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันอาจกินเวลาตั้งแต่ 100 ถึง 400 ชั่วโมงถึงจะกำจัดหนวดเคราบนใบหน้าได้อย่างถาวร! คุณยังต้องกำจัดขนตามแขนขาและหน้าอกอีกด้วย [21] หากคุณเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ คุณจะต้องรับการกำจัดขนบริเวณถุงอัณฑะด้วย [22]
  3. ฮอร์โมนไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนโทนเสียงของคุณ แต่คุณสามารถฝึกเปลี่ยนเองได้ ให้ฝึกกับผู้ชำนาญการพยาธิวิทยาด้านภาษาเพื่อหาโทนเสียง กังวาน และการดัดที่เหมาะสมสำหรับเสียงผู้หญิงของคุณ โค้ชฝึกเสียงจะหาจังหวะการพูดรวมถึงโทนเสียงให้คุณ และจะยังช่วยเพิ่มคำและวลีแบบสตรีเข้าไปในการพูดด้วย [23] [24]
    • ถ้าคุณไม่ได้คิดจะขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ คุณสามารถหาแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์ได้ตามอินเทอร์เน็ต! มีทั้งซีดีหรือดีวีดีที่หาซื้อได้มาช่วยแนะพร้อมบทเรียนสำหรับฝึก มีกระทั่งแอปและวิดีโอฟรีออนไลน์ด้วย!
    • การฝึกดัดเสียงนั้นต้องใช้ความอดทนและการฝึกฝน กระบวนการนี้อาจใช้เวลาระหว่าง 6 เดือนจนถึง 1 ปีกว่าจะทำได้ [25]


ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

เข้ารับการผ่าตัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การลดขนาดลูกกระเดือกนั้นเป็นการผ่าตัดง่ายๆ ที่ไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาล กระบวนการนี้เรียกว่า “การเหลาหลอดลม” จะลดการเห็นเด่นชัดของลูกกระเดือกลงโดยการเอากระดูกอ่อนออก [26]
  2. การใช้ฮอร์โมนจะเพิ่มขนาดหน้าอกให้คุณโดยธรรมชาติ แต่สตรีข้ามเพศส่วนมากก็ลงเอยโดยการมีเต้านมที่เล็กกว่าสตรีทั่วไป หากคุณต้องการจะเพิ่มขนาดทรวงอก ให้พิจารณาการผ่าตัดเสริมเต้าดู มันจะเพิ่มทั้งขนาด รูปทรง และหน้าตาของเต้านม [27]
    • ต้องรู้ด้วยว่าการผ่าตัดเสริมเต้านั้นเป็นกระบวนการที่เสี่ยง และมันอาจเกิดสารพิษรั่วไหลได้ พอคุณได้รับการผ่าเสริมแล้ว ถ้าจะเอาออกอย่างถาวรก็ไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก เพราะหน้าอกจะดูแทบไม่ได้เลย จึงต้องแน่ใจว่าอยากมีจริงๆ ก่อนจะทำการผ่าตัด
  3. การผ่าตัดนี้จะรวมกระบวนการหลายอย่างที่จะช่วยเปลี่ยนเค้าโครงหน้าแบบผู้ชายให้มีความกลมกลึงละเอียดอ่อนแบบผู้หญิง คุณอาจเลือกเปลี่ยนกรามเป็นสันหรือจมูกแผ่กว้างของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนไรผมหรือขอบริมฝีปาก การเปลี่ยนเค้าโครงแบบผู้ชายอกจะทำให้คุณเปลี่ยนเป็นผู้หญิงได้กลมกลืนขึ้น ศัลยแพทย์จะช่วยให้คุณมีโครงหน้าเป็นผู้หญิงได้ในที่สุด [28] .
    • ระหว่างการผ่าตัดนี้ ส่วนใหญ่จะร่วมการผ่าตัดลดขนาดลูกกระเดือกไปด้วยในคราวเดียวกัน
  4. ระหว่างการผ่าตัดนี้ ศัลยแพทย์จะผ่าตัดเปลี่ยนเนื้อเยื่อของอวัยวะเพศและถุงอัณฑะให้เป็นช่องคลอด คลิตอริส และแคมนอก หลังจากกระบวนการนี้ อวัยวะเพศของคุณจะดูเหมือนของผู้หญิง คุณจะยังสามารถมีเพศสัมพันธ์และถุงจุดสุดยอดได้ การผ่าตัดนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนกลับคืนได้ [29]
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

จัดการเรื่องทางกฎหมาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกชื่อที่สะท้อนบุคลิกและตัวตนในแบบผู้หญิงของคุณ การเปลี่ยนชื่อต้องใช้เวลาและต้องอดทน เริ่มกระบวนการแต่เนิ่นๆ เริ่มจากการยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชื่อกับทางสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ ในสหรัฐนั้นต้องยื่นกับทางศาลปกครอง ซึ่งคุณจะต้องนำเสนอเอกสารทุกอย่างต่อผู้พิพากษา ถ้าทุกอย่างเหมาะสม ศาลจะพิจารณาให้คุณเปลี่ยนชื่อได้ หลังจากนั้นให้ซื้อต้นฉบับคำพิพากษานี้เพื่อใช้ในการเปลี่ยนชื่อคุณในเอกสารทางกฎหมายอื่นๆ [30]
    • กระบวนการและแบบฟอร์มเอกสารจะแตกต่างกันในแต่ละรัฐ
    • เริ่มเรื่องนี้แต่เนิ่นๆ!
  2. ค้นหาข้อมูลนโยบายการว่าจ้างบุคคลข้ามเพศทั้งชายและหญิงของบริษัท ก่อนจะเปลี่ยนตัวเองอย่างสมบูรณ์นั้นให้แจ้งกับเจ้านายหรือตัวแทนฝ่ายบุคคลของบริษัทเสียก่อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น หากคุณประสบปัญหาใดๆ ให้ปรึกษากับทนายที่ต่อต้านการเหยียดเพศหรือในชุมชนบุคคลข้ามเพศว่าต้องทำอย่างไร คุณจะตัดสินใจได้ในที่สุดว่ามันคุ้มต่อการลุกขึ้นสู้หรือไม่! [31]
  3. หาความรู้ให้ตนเองตามแหล่งความรู้ที่มีของกลุ่มสตรีข้ามเพศ เข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือสตรีข้ามเพศ หากคุณเผชิญกับการถูกเหยียดเพศไม่ว่าในรูปแบบใด มองหาความช่วยเหลือจากญาติมิตรหรือนักรณรงค์ที่ไว้ใจได้ แข็งแกร่งเข้าไว้และขอกำลังใจช่วยพาคุณผ่านสถานการณ์นี้ให้ได้ [32]

เคล็ดลับ

  • ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งเมื่อคุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงแล้วดูดีได้!
  • มันจะมีช่วงเวลาที่หัวนมกับเต้านมจะคัดบวม ระดับความปวดจะต่างกันในแต่ละคน ให้แน่ใจว่าคุณทานอาหารดีและไม่ได้ควบคุมอาหารในเวลาเดียวกันเพื่อให้การใช้ยามีผลมากที่สุด
  • คุณไม่จำเป็นต้องรับการผ่าตัดถ้ารู้สึกไม่สะดวกใจ วิธีง่ายๆ อีกอย่างคือเปลี่ยนทรงผมให้ดูเป็นผู้หญิงขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงจะยากง่ายกว่ากันขึ้นอยู่กับประเทศหรือม้แต่รัฐที่คุณอาศัยอยู่ด้วย

คำเตือน

  • อย่าหยุดการรับฮอร์โมนเว้นแต่ว่าแพทย์จะสั่งมาเช่นนั้น การรับแล้วเลิกอาจทำให้ระบบต่อมไร้ท่อในร่างกายเสียหาย
  • ถ้าคุณจำเป็นต้องดูแลให้ยาตนเอง (ซึ่งไม่ขอแนะนำ แต่บุคคลข้ามเพศบางคนจำเป็นต้องทำเพราะไม่มีเงิน) ให้ทำการค้นคว้าหาข้อมูลจนครบถ้วนก่อน
  1. http://www.tsroadmap.com/start/male-to-female.html
  2. http://tvchix.com/articles/male-to-female-voice-training
  3. http://commonhealth.wbur.org/2014/08/transgender-voices
  4. http://www.tsroadmap.com/mental/therapy.html
  5. http://www.webmd.com/mental-health/gender-dysphoria?page=2
  6. http://www.webmd.com/mental-health/gender-dysphoria?page=3
  7. http://www.webmd.com/mental-health/gender-dysphoria?page=3
  8. http://www.nhs.uk/Conditions/Gender-dysphoria/Pages/Treatment.aspx
  9. http://www.nhs.uk/Conditions/Gender-dysphoria/Pages/Treatment.aspx
  10. http://www.nhs.uk/Conditions/Gender-dysphoria/Pages/Treatment.aspx
  11. http://www.transsexual.org/basicsoftransition.html
  12. http://www.tsroadmap.com/start/male-to-female.html
  13. http://www.thetransgendercenter.com/index.php?option=com_content&view=article&id=75&Itemid=145
  14. http://commonhealth.wbur.org/2014/08/transgender-voices
  15. http://www.asha.org/public/speech/disorders/TGTS.htm
  16. http://commonhealth.wbur.org/2014/08/transgender-voices
  17. http://www.thetransgendercenter.com/index.php/maletofemale1/surgical-procedures.html?id=30
  18. http://www.thetransgendercenter.com/index.php/maletofemale1/surgical-procedures.html?id=27
  19. http://www.thetransgendercenter.com/index.php/maletofemale1/surgical-procedures.html?id=25
  20. http://www.thetransgendercenter.com/index.php/maletofemale1/surgical-procedures.html?id=28
  21. http://www.tsroadmap.com/reality/name-change.html
  22. http://www.tsroadmap.com/start/male-to-female.html
  23. http://www.transsexual.org/basicsoftransition.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,573 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม