ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
วงการเพลงนั้นเปลี่ยนแปลงกันอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ต้องการค่ายเพลงที่คิดล้ำนำหน้าอยู่เสมอ ค่ายเพลงที่ประสบความสำเร็จนั้นจะค้นหาศิลปินหน้าใหม่ จ่ายค่าบันทึกและมิกซ์เสียงในอัลบั้ม จัดเดินสายแสดงสด และจัดเตรียมการโปรโมทและวางแผนการตลาดให้ศิลปินที่มีอยู่ในค่าย
ขั้นตอน
-
ระบุการลงทุนให้ชัดเจน. สำหรับการเริ่มต้นที่จะเห็นผลที่สุด ให้เน้นไปที่แนวดนตรีเฉพาะทางเพื่อสั่งสมชื่อเสียงของคุณ การเน้นนี้จะเป็นตัวตัดสินภาพรวมโดยสิ่งที่คุณต้องการจะทำให้สำเร็จ ถ้าเป้าหมายคุณเน้นที่การทำเงินมหาศาล คุณอาจต้องเน้นไปที่ดนตรีป๊อบ แต่ถ้าเป้าหมายคุณคือการเป็นค่ายที่ถูกกล่าวขวัญถึงเมื่อพูดถึงดนตรีแนวแจ๊สคอร์ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง สุดล้ำของศตวรรษนี้ การเน้นและหนทางต่างๆ ก็ต้องแตกต่างกันไป
-
เขียนแผนงานธุรกิจ. เรื่องนี้จำเป็นในหลายระดับ อย่างแรกและสำคัญที่สุดคือคุณจะได้สร้างกรอบการทำงานของค่ายคุณ: จะวางแผนหาศิลปินและพัฒนาฝีมือพวกเขาได้อย่างไร แผนการตลาดและประชาสัมพันธ์ คุณเข้าใจในตลาดและคู่แข่งแค่ไหน คุณวางแผนเงินลงทุนอย่างไร และคุณตั้งใจจะทำกำไรจากธุรกิจนี้โดยวิธีใด
- ถ้าคุณรวยอยู่แล้ว ก็อาจไม่จำเป็นต้องมองหาเงินกู้ อย่างน้อยก็เพื่อมาค้ำยันสถานะทางการเงิน อย่างไรก็ตาม คุณอาจอยากจะดึงดูดนักลงทุนผู้จะมาช่วยคุณสร้างเครดิตความน่าเชื่อถือในวงการ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณจะตั้งค่ายเพลงป๊อบด้วยเงินของตนเอง แต่สามารถไปทำให้เซอร์พอล แม็คคาร์ทนีย์มาร่วมลงทุนกับค่ายคุณได้ รับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อค่ายคุณเหลือคณานับ แต่จะทำเช่นนั้นได้ คุณก็ต้องมีแผนงานที่น่าเชื่อถือมาแสดงให้เซอร์พอลหรือนักลงทุนคนอื่นดู ให้รู้ว่าคุณคิดจะทำอะไรอยู่
- หากจำเป็นต้องพึ่งพาเงินกู้ยืม การมีแผนงานที่แสดงให้เห็นว่าคุณเข้าใจทั้งผลตอบรับกับความเสี่ยง และคุณมีความสามารถจะหาหนทางเดินหน้าได้ จะเป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนเสี่ยงเอาเงินมาร่วมหัวจมท้ายกับค่ายคุณ
-
แจกแจงรายละเอียดทั้งหมดในการตั้งค่าย. มันจะรวมทุกอย่างตั้งแต่ของแค่แม็กซ์เย็บกระดาษหรือค่าไฟฟ้าไปจนถึงค่าอัดบันทึกเสียง ให้ลงรายละเอียดอย่างถ้วนถึงเวลาทำ: คนที่เขาคิดจะมาร่วมลงทุนกับค่ายคุณต้องคิดเช่นนั้นแน่นอนเวลาที่พวกเขาอ่านแผนงานของคุณ! นี่คือสิ่งที่คุณควรจะใส่ใจ:
- ค่าการจัดการ: ค่าเช่า สิ่งอำนวยความสะดวก ภาษี และสัญญา ซึ่งต้องมาก่อนและเป็นเรื่องสำคัญ อย่าลืมที่จะรวมค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต เครื่องพิมพ์ กระดาษ คอมพิวเตอร์ นามบัตร และอุปกรณ์สำนักงานอยู่ในรายชื่อด้วย คุณอาจจำเป็นต้องมีเว็บไซต์ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีคนทำและคอยดูแล ค่าใช้จ่ายบางตัวในนี้อาจต้องจ่ายเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน บางตัวอาจต้องจ่ายทุกปี มันอาจดูเยอะในตอนแรก แต่ถ้าคุณวางแผนงานนานห้าปี คุณจะสามารถแจกแจงจนเห็นได้ว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นเพียงส่วนย่อยเมื่อเทียบกับภาพรวมทางการเงินทั้งหมด
- ค่าบันทึกเสียง: ในฐานะของค่ายเพลง คุณจะต้องสร้างศิลปิน นั่นหมายถึงคุณจะต้องจ่ายเงินสำหรับวงจรการบันทึกเสียงทั้งหมด รวมไปถึงค่าเช่าห้องอัดเสียง ค่าตัวเอนจิเนียร์ประจำห้องอัดและค่าโปรดิวเซอร์ (ซึ่งอาจเป็นคุณ แต่คุณก็ต้องได้ค่าจ้างเช่นกัน) ค่าตัวเอนจิเนียร์มิกซ์เสียง และนักดนตรีประจำห้องอัด
- ค่าการตลาด: งานบันทึกเสียงที่ดีก็ยังไร้ค่าจนกว่ามันจะได้วางตลาด เพื่อจะทำเช่นนั้น คุณจะต้องโปรโมทค่ายผ่านทางโฆษณาออนไลน์ ทางนิตยสาร จดหมายข่าว และในเว็บไซต์ของค่ายคุณเอง คุณจะต้องทำงานร่วมกับศิลปินและนักออกแบบในการสร้างโลโก้ ตัวผลิตภัณฑ์ และแผนงานออกแบบโดยรวม
- ค่าใช้บริการจากมืออาชีพ: ในขณะที่คุณกำลังวุ่นกับการทำเพลงดีๆ ต้องมีใครสักคนคอยร่างสัญญาที่ชัดเจนและมีผลทางกฎหมายให้คุณกับตัวศิลปิน และกับการติดต่อทางธุรกิจทั้งหมด จะทำเช่นนั้นคุณก็ต้องว่าจ้างทนายความที่มีความเชี่ยวชาญในวงการเพลง คุณยังอาจต้องการฝ่ายบัญชีสักคนเพื่อให้มั่นใจว่าสรรพากรไม่ต้องมาตามตัวคุณถึงที่ คุณต้องหาคนที่สามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้
-
เตรียมแผนคาดการณ์กระแสเงินสด. การวางแผนคาดการณ์กระแสเงินสดสำหรับหนึ่งปี, สามปี, และห้าปีนั้นต้องการการวางแผนอย่างเชี่ยวชาญและมีความรู้ ปีแรกควรจะเป็นแผนการที่จับต้องเป็นรูปเป็นร่างได้: คุณควรจะมีความคิดดีๆ ในเรื่องค่าลงทุนเบื้องต้นแล้วในตอนนี้ และคุณก็น่าจะมีศิลปินที่อยากเอาเข้าสังกัดอยู่ในใจ (และได้พูดคุยเบื้องต้นกันแล้ว) จงใช้ข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการตัดสินใจว่าคุณจะต้องใช้จ่ายเท่าไหร่ และแผนงานว่าศิลปินหล่านี้จะทำเงินให้คุณแค่ไหน
- ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจวางสมมติฐานจุดนี้บนกระแสที่วงเหล่านี้มีอยู่ในปัจจุบัน: เล่นทีมีคนดูตรึมหรือเปล่า? เพลงของพวกเขามีคุณภาพอย่างต่อเนื่องและดูมีอนาคตไหม ถ้าหากคุณมีวงหน้าใหม่สดซิง ยังไม่มีแฟนคลับติดตามเลย ก็อาจจำเป็นที่จะต้องทุ่มโปรโมทหนักหน่อยให้เกิดกระแสออกไป
- เมื่อคุณมีศิลปินอยู่ในค่ายมากขึ้น ศักยภาพของรายได้ก็จะเริ่มโตขึ้น เมื่อคุณวางแผนคาดกรณ์รอบสามปีกับห้าปี คุณจะต้องพิจารณาว่าคุณจะเพิ่มศิลปินเข้าสังกัดเมื่อไหร่และอย่างไร และคุณจะโปรโมทวิธีไหน จุดนี้จะเป็นจุดที่การคาดการณ์จะซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย: การมีวงที่เยี่ยมยอดหนึ่งวงในสังกัดอาจช่วยทำให้คุณโปรโมทวง “ทุก” วงในสังกัดได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกัน การมีวงที่ห่วยแตกก็จะทำให้เงินจมซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเงินขาดมือได้
-
สร้างทีมงาน. เว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นคนโคตรมีฝีมือในเรื่องการขาย การตลาด เพลง ธุรกิจ ศิลปะ การติดต่อพูดคุย และยังแอบเป็นทนายได้ด้วย ทั้งหมดนี้รวมกันในตัวคนเดียว มิเช่นนั้นคุณก็ต้องหาทีมงาน และนี่คือทีมงานสำคัญบางส่วนที่อาจพาคุณสู่ความสำเร็จ:
- ฝ่ายขายและการตลาด: ใครบางคนที่จะออกไปโปรโมทค่ายเพลงของคุณ เขาต้องช่ำชองในวงการ มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับศิลปิน โปรโมเตอร์ และคนที่อยากสนับสนุนด้านการเงินให้กับศิลปะ คนๆ นี้จะเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ: พวกเขาจะรับผิดชอบต่อการหาศิลปินเข้าสังกัด และสร้างกระแสออกไป ยิ่งเก่งแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้ค่ายประสบความสำเร็จ
- ฝ่ายสร้างสรรค์งานเพลง คุณจำต้องหาใครสักคนที่เข้าใจกระบวนการบันทึกเสียงอย่างครบทั้งระบบ ผู้ซึ่งสามารถหาและปั้นเอนจิเนียร์ คนมิกซ์เสียง กับโปรดิวเซอร์ให้เก่งได้ และสามารถดูแลการบันทึกเสียงได้ด้วย
- ฝ่ายช่วยเหลือด้านสัญญา เพื่อให้ค่าใช้จ่ายต่ำลงมา อย่างน้อยในตอนแรกให้คุณลองคิดเรื่องการว่าจ้างเป็นงานๆ ไปก่อน ตรงนี้จะรวมไปถึงการออกแบบโลโก้และกราฟฟิก สัญญาทางกฎหมาย การบัญชี และอย่างอื่นที่จะเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ
โฆษณา
-
ดำเนินธุรกิจของคุณให้เป็นทางการ. จัดตั้งกิจการของธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับค่ายเพลงของคุณเพื่อให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามกฎหมาย และป้องกันตัวเองได้ด้วย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คุณมีหลายทางเลือก ซึ่งอาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ แต่ล้วนทำหน้าที่อย่างเดียวกัน:
- ธุรกิจเจ้าของคนเดียว. ทางเลือกนี้คือคุณทำทุกอย่างเอง ธุรกิจเจ้าของคนเดียวนั้นง่ายต่อการเริ่มต้น ง่ายต่อการเลิก และง่ายต่อการดูแลรักษา คุณอาจมีที่ปรึกษาหรือเพื่อนที่จะช่วยในหลายสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ แต่ผลสุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็คือตัวคุณคนเดียว นั่นรวมไปถึงผลกำไร และหนี้สินทั้งหมด ทางเลือกนี้ไม่ค่อยจูงใจนักลงทุน และแทบไม่ได้ปกป้องอะไรคุณเลย ถ้าเกิดธุรกิจของคุณเจ๊งขึ้นมา หนี้สินทั้งหมดก็จะตกเป็นภาระของคุณคนเดียว ถ้าหากคุณวางแผนจะให้ค่ายเพลงนี้เป็นธุรกิจ “ของจริง” หรือต้องการจะว่าจ้างใครมาช่วยงานตอนที่มันเริ่มโต นี่คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่
- บริษัทจำกัด (Limited Liability Corporation - LLC). บริษัทจำกัดนั้นเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก คุณมีความสามารถที่จะเพิ่มพนักงานในทีมระหว่างที่โต และมันยังปกป้องความรับผิดชอบส่วนตัวเมื่อยามธุรกิจล่มอีกด้วย มันยังให้คุณสามารถควบคุมประเด็นเรื่องการเงิน, เรื่องกฎหมาย และเรื่องภาษีได้อย่างง่ายและยืดหยุ่น ถ้าหากคุณวางแผนจะมองหาผู้ร่วมลงทุนหรือการร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศ นี่อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
- บรรษัท (Corporation). ถ้าคุณวางแผนจะทำให้มันเป็นค่ายเพลงขนาดใหญ่ และจะหาผู้ร่วมลงทุน และคุณเองก็อยากให้มันมีโครงสร้างธุรกิจแบบเป็นเรื่องเป็นราว นี่คือตัวเลือกที่เหมาะสม คุณจะได้รับการป้องกันความรับผิดชอบหากมันเกิดเจ๊งเหมือนเช่นบริษัทจำกัด คุณสามารถออกหุ้น เพิ่มอัตราเงินลงทุน และสามารถเรียกร้องการรื้อคำพิพากษาในคดีก่อนๆ ที่จะนำมาใช้เป็นมาตรฐานได้เป็นทศวรรษถ้าหากถึงคราวจำเป็น แต่มันมีข้อกำหนดที่ค่อนข้างเข้มงวดและฝ่ายบัญชีกับฝ่ายทนายของคุณคงต้องยุ่งกับสารพัดเรื่องภาษี ค่าอากร รายงาน และเอกสาร ถ้าคุณเป็นคนง่ายๆ สบายๆ นี่คงไม่ใช่ทางของคุณ เว้นแต่คุณพร้อมจะลุย
-
หาศิลปินเข้าสังกัด. เมื่อแผนการเข้าที่ ใบอนุญาตและสัญญาต่างๆ ล้วนผ่านการรับรอง งานออกแบบก็ถูกสร้างและผ่านแล้ว และ (หวังว่า) มีเงินลงทุนพร้อมให้คุณดำเนินการ งั้นก็ได้เวลาทำงานกันเลย!
-
ออกไปข้างนอกและฟังดนตรีเล่นสด แต่ฟังโดยใช้หูของนักวิจารณ์. จับตาดูผู้ชมและสังเกตว่าพวกเขาให้การตอบรับกับวงดนตรีอย่างไร ถ้าหากพวกเขาลุกขึ้นยืนตั้งแต่เริ่มต้น และกรี๊ดไปกับทางวง คุณพบอะไรน่าสนใจเข้าแล้วล่ะ!
- หาทางเข้าถึงตัววงและพูดคุยกับพวกเขา รู้ให้ได้ว่าพวกเขาเป็นใคร ตั้งวงกันมานานแค่ไหน เคยออกผลงานอะไรมาบ้าง และพวกเขาวางแผนอนาคตไว้อย่างไร
- สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องรู้ให้ได้ว่าพวกเขาได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงที่ไหนไว้แล้วหรือยัง ถึงจะไม่ใช่วงที่เจ๋งมาก แต่สำหรับการเริ่มตั้งค่ายเพลง คุณคงไม่ต้องการจะเลือกวงดนตรีที่เซ็นสัญญากับค่ายไหนไปแล้วหรอก!
-
แนะนำตัวกับสื่อ. ที่ไหนๆ ก็ต้องมีนักเขียนที่จะช่วยบอกต่อเรื่องราวของคุณ แต่พวกเขาจะต้องรู้จักคุณก่อน ค้นหารายชื่อตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือตามบล็อกทางด้านดนตรี และหาทางติดต่อให้ได้ เชิญพวกเขามาร่วมรับประทานอาหารกลางวัน หรือให้แวะมาเยือนห้องบันทึกเสียง (หรือห้องบันทึกเสียงที่คุณจะใช้งาน) และผูกสัมพันธ์กับพวกเขาไว้
-
พบกับเอนจิเนียร์ประจำห้องบันทึกเสียง. หาห้องบันทึกเสียงในย่านนั้นและหาโอกาสไปเยือน บางแห่งอาจดูหรูหราอลังการนำสมัย หลายแห่งอาจมีขนาดย่อมแค่หนึ่งหรือสองห้องและมีอุปกรณ์ตามมาตรฐานทั่วไป ถึงเรื่องนั้นจะเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจเก็บไว้พิจารณาก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่คุณภาพของเสียงดนตรีที่ดังออกมาจากลำโพงต่างหาก
- ทำความรู้จักกับบรรดาเอนจิเนียร์ห้องบันทึกเสียงเหล่านี้ และสอบถามถึงปรัชญาการทำงานบันทึกเสียงของพวกเขา ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กับวงดนตรีแบบไหน ไม่ชอบอะไรบ้าง มันเป็นเรื่องที่น่าจะรู้เอาไว้เผื่อในกรณีที่คุณมีศิลปินแร็ปที่น่าจะดังได้ แต่เอนจิเนียร์กลับเป็นพวกเกลียดแร็ปสุดๆ อะไรทำนองนี้ วานให้เขาเล่นผลงานชิ้นเอกของพวกเขาและฟังมันอย่างตั้งใจ
- เพื่อความละเอียดรอบคอบ ลองของซีดีตัวอย่างงานเพื่อคุณจะได้กลับเอาไปฟังที่บ้าน ถึงมันยากจะเกิดขึ้น แต่ก็มีทางเป็นไปได้ที่เสียงซึ่งกระหึ่มอย่างตรึงใจในห้องบันทึกเสียงราคาเป็นสิบล้านอาจฟังดูเหมือนเพลงที่อัดตามหลังรถเวลาเอามาฟังกับเครื่องเสียงบ้านก็ได้
-
แวะไปที่ร้านขายแผ่นเสียง. ไม่ว่าจะร้านใหญ่หรือร้านเล็ก พวกเขาก็มีหน้าที่ขายแผ่น และถ้าคุณได้รู้จักพวกเขา พวกนั้นย่อมยินดีจะขายแผ่นของคุณเช่นกัน มันอาจจะเป็นช่องทางเล็กๆ ในแผนการรวมอันยิ่งใหญ่ แต่ในตอนเริ่มต้นแบบนี้ ไม่มีช่องทางไหนที่มันเล็กเกินไปหรอก
-
ทำความรู้จักกับเอเจนต์ตัวแทนธุรกิจ. พวกนี้คือคนที่มีนิ้วแตะอยู่ตรงชีพจรของอุตสาหกรรมดนตรี วงดนตรีที่ได้เซ็นสัญญาการมีเอเจนต์ถือว่าสอบผ่านความเป็นมืออาชีพระดับหนึ่ง ตรงที่รู้จักหัดจ้างตัวแทนมาต่อรองทางธุรกิจให้
- ถ้าหากค่ายเพลงของคุณไปได้สวยในสายตาของเอเจนต์หรือโปรโมเตอร์ทั้งหลายแล้วละก็ ครั้งหน้าที่สมาชิกในวงเอ่ยขึ้นว่า “เฮ้ (ชื่อ) ผมคิดว่าเราพร้อมจะทำเพลงสักชุดแล้วล่ะ” พวกนั้นจะตอบว่า "ได้เลย ฉันมีค่ายหนึ่งเหมาะกับพวกนายเลย!"
โฆษณา
-
สร้างแบรนด์. พอคุณเริ่มจัดการด้านธุรกิจจนเข้าที่ ให้ลงทุนและรักษาส่วนที่เป็นสุนทรียะทางศิลปะของค่ายเพลงคุณ สร้างโลโก้ และให้แน่ใจว่าได้นำโลโก้กับ “ภาพลักษณ์” นั้นมาใช้ในตัวสังกัด บนหน้าเว็บไซต์ ในชุดเครื่องเขียน เสื้อยืด ถ้วยกาแฟ เป็นต้น เซ็นสัญญาวงดนตรีกับศิลปินที่ตรงกับภาพลักษณ์ที่คุณตั้งใจจะสร้างมันขึ้นมา
- ลองศึกษาความสำเร็จแบบทำกันเองของค่ายเพลงอิสระอย่าง Sub Pop และ Matador เป็นตัวอย่างของการจัดการแบรนด์ ซึ่งทั้งคู่สามารถประคองรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบอิสระแต่ยังมีความหลากหลายได้
-
วางแผนการตลาดของค่ายเพลงอย่างชาญฉลาด. ในรอบสิบปีที่ผ่านมานี้ อินเตอร์เน็ตได้เปลี่ยนโฉมหน้าวิธีการซื้อ การฟัง และการจัดจำหน่ายดนตรีไปอย่างสิ้นเชิง คุณคงต้องพบอุปสรรคใหญ่หลวงหากยังจะใช้วิธีการเดิมๆ แบบออกตระเวณแสดงสดและหวังพึ่งยอดขายของซีดีกับการเปิดเพลงตามสถานีวิทยุ การมีวิดีโอทางยูทูปและรูปแบบธุรกิจแบบ “จ่ายเฉพาะที่ต้องการ” กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในการรักษาความสำเร็จของค่ายเพลงคุณ
- ลองคิดถึงลูกเล่นการโปรโมทเพลง อย่างพิมพ์เสื้อยืดที่มีรหัสดาวน์โหลดเพลงในสังกัดบนป้ายคอ ค่ายเพลงแนวการาจ/พังค์จากเมืองเมมฟิสอย่าง Goner records เคยเสนอให้แผ่นเสียงขนาด7 นิ้วฟรีสำหรับใครก็ตามที่มีรอยสักคำว่า "Goner" อยู่บนร่างกายและโผล่มาที่ร้าน
-
ขยายฐานลูกค้า. ค่ายเพลง Sub Pop เริ่มต้นจากการเน้นวงดนตรีแนวกรันจ์จากย่านตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐเป็นหลัก แต่ทุกวันนี้มีวงดนตรีหลากหลายแบบพร้อมเพลงที่ขยายสู่กระแสหลักมากขึ้นด้วยวงอย่าง Iron & Wine และ Fleet Foxes ด้วยการขยับขยายแนวเพลงออกไปนี้ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จและมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าถ้าคุณตั้งใจจะเน้นไปที่ศิลปินป๊อบขวัญใจวัยรุ่น ก็ให้ลองคิดแผนการระยะยาวที่คุณจะข้ามแนวเพลงเพื่อหาแนวเพลงและภาพลักษณ์อื่นที่เหมาะสมกับค่ายเพลงของคุณ
- ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 90's ค่ายเพลงหลักมีความตั้งใจที่จะเสี่ยงเซ็นสัญญากับศิลปินที่ยังไม่เป็นที่รู้จักหรือแบบ “ใต้ดิน” วงดนตรีแนวอาร์ตเน้นเสียงโหยหวนจากนิวยอร์กอย่างวง Sonic Youth พบว่าตัวเองอยู่ในจุดที่โดดเด่นกว่าใครเมื่อได้รับการเสนอสัญญามูลค่าสูงจาก Geffen การเซ็นสัญญาครั้งนั้นได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากผู้บริหารค่ายเพลงและแฟนเพลง ถ้าค่ายเพลงของคุณเริ่มทำเงิน อย่าลืมที่จะลองเสี่ยงด้วยการออกผลงานจากศิลปินแบบไม่ตามกระแสดูบ้าง
โฆษณา
เคล็ดลับ
- อย่าปฏิเสธสิลปินรายใด ยังคงติดต่อพวกเขาแม้คุณยังไม่คิดเซ็นสัญญาในเวลานี้!
- อย่าหยุดยั้ง ก็เหมือนธุรกิจเริ่มแรกทั้งหลาย การตั้งค่ายเพลงนั้นเป็นงานหนัก ต้องทุ่มเททั้งเวลาและความตั้งใจอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณขยัน หาศิลปินได้ถูกคน และโปรโมทผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องรุ่งแน่นอน!
- อย่าหยุดอยู่กับความสำเร็จ! ให้รักษาการนำหน้าคู่แข่งอยู่ก้าวหนึ่งเสมอด้วยการรักษาสิทธิ์ของคุณและตามหาศิลปินหน้าใหม่ที่เจ๋งๆ
โฆษณา
คำเตือน
- เงินเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในทุกธุรกิจ ฉะนั้นจงแน่ใจว่าคุณมีเงินลงทุนที่เหมาะสม
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.urbandictionary.com/define.php?term=Post%20Avantgarde%20Jazzcore
- ↑ https://www.usa-corporate.com/starting-a-new-business-in-the-us/types-of-business-entities/
- http://www.soundonsound.com/sos/sep07/articles/recordlabel.htm
- http://www.mahalo.com/how-to-start-a-record-label/
- http://www.forbes.com/sites/lorikozlowski/2012/04/02/how-to-start-your-own-record-company/
- This Business of Music by Krasilovsky/Shemel
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 33,166 ครั้ง
โฆษณา
