ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะให้เคล็ดลับและข้อแนะนำให้การเป็นคนตลกให้กับคุณเอง

สิ่งสำคัญ

  • ทำให้หัวเราะในสถานการณ์ที่น่าเบื่อหรือบรรยากาศที่ไม่ตลกเท่าไร เพิ่มเติม ↓
  • การเล่นคำ การล้อเล่น และการประชดประชันอย่างชาญฉลาดที่น่าชื่นชม ↓
  • อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ปัดช่วงที่น่าอายทิ้งออกไปด้วยรอยยิ้ม ↓
  • ปรับมุกให้เข้ากับผู้ฟัง ↓
  • ชงมุกตบมุกให้ไว ↓
  • ละเว้นการเล่นมุกในสถานการณ์ที่อ่อนไหว ↓


ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การพัฒนาด้านอารมณ์ขัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เรียนรู้อะไรสักหน่อยเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้คุณหัวเราะออกมา. การหัวเราะนั้นเป็นสิ่งที่มาจากจิตใต้สำนึก ขณะที่เราสามารถกลั้นหัวเราะได้ (แต่ไม่ใช่จะสำเร็จเสมอไป) แต่มันกลับยากมากที่จะต้องหัวเราะตามคำสั่ง และการทำแบบนั้น ดูอย่างไรก็เหมือน "ถูกบังคับ" [1] แต่ถือว่าโชคดี การหัวเราะนั้นเป็นอะไรที่แพร่กระจายได้ง่ายมาก (เราหัวเราะไปกว่า 30 ครั้งต่อหน้าคนอื่นเลยล่ะ) และในสภาพแวดล้อมทางสังคม เมื่อคนอื่นหัวเราะแล้วเราก็จะหัวเราะตามได้โดยง่ายเลยทีเดียว [2]
    • มีการค้นพบว่ามีสามสิ่งที่ทำให้เราหัวเราะได้มากที่สุด ได้แก่ ความรู้สึกที่เหนือกว่าคนที่"โง่"กว่าเรา ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เราคาดหวังไว้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง หรือการที่เต็มใจยอมรับการผ่อนคลายจากความวิตกกังวล [3]
  2. เรียนรู้การหัวเราะในสถานการณ์ที่น่าเบื่อหรือไม่ตลกเอาซะเลย. ถือเป็นเรื่องดีที่จะรู้ว่ายิ่งเป็นสถานที่ที่ดูไม่น่าตลก ยิ่งง่ายต่อการสร้างเรื่องตลกขึ้นมา การทำให้ผู้คนหัวเราะในที่ทำงานนั้นอาจง่ายกว่าการทำให้ผู้คนหัวเราะในชมรมเล่าเรื่องตลกเสียอีก [4]
    • นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมซีรีย์สัญชาติอเมริกันเรื่อง The Office ที่ฉายในช่อง NBC จึงใช้ฉากเป็นออฟฟิศที่ทำงาน เพราะมันน่าเบื่อยังไงล่ะ แล้วยังทำแต่งานเอกสารกันอีก ทำไมถึงน่าเบื่อได้ขนาดนั้นกันนะ?! เราจะไม่ค่อยเห็นว่าออฟฟิศที่ทำงานเป็นสถานที่รื่นเริงเท่าไรนัก ฉะนั้นเมื่อมันเกิดตลกขึ้นมา มันก็จะตลก สุดๆ ไปเลยไง
  3. หลายต่อหลายครั้ง ที่มุกตลกมาพร้อมกับความสับสนทางภาษา (ที่ไม่ได้ตั้งใจ) หรือไม่ก็เป็นการเล่นภาษา (ที่ตั้งใจ) บางครั้งเราก็พบความตลกระหว่างคำที่พูดกับความหมายของมัน
    • การหลุดปากพูดออกมา เป็นความผิดพลาดทางภาษาอย่างหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นการแสดงถึงสิ่งที่คุณคิด อย่างแท้จริง มากกว่า "ความหมาย"ที่คุณพูดออกมา และมักจะเกิดขึ้นบ่อยในฉากที่เกี่ยวกับเรื่องทางเพศ
    • การเล่นคำนั้นจะเป็นการตั้งใจมากกว่า เช่น คำถามว่าทำไมไก่ถึงข้ามถนน? ที่เป็นเกมถามตอบซึ่งจะใช้ไหวพริบตอบให้เกิดความตลก หรือว่า เป็นการสลับคำระหว่างคำว่า “กิน” กับ “ล้าง” เพื่อประโยคที่ตลก เช่น "เมื่อคืนผมกินมือแล้วค่อยไปล้างขนมต่อ”
  4. บางทีก็แทบไม่มีมุกตลกไหนที่กว้างแต่เข้าใจผิดกันอย่างทั่วถึงได้เท่าความขัดแย้ง ความขัดแย้งในที่นี้คือเมื่อเกิดช่องว่างระหว่างคำพูด สถานการณ์ หรือภาพที่นึกไว้นั้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั่นเอง
    • นักแสดงตลกนาม แจ็คกี้ เมสัน (Jacky Madon) ได้แสดงถึงความขัดแย้ง การประชดประชันผ่านมุกนี้เอาไว้ว่า "ปู่ของผมบอกไว้เสมอว่า ‘อย่าไปสนใจเงิน ใส่ใจสุขภาพของตัวเองดีกว่า’ วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังดูแลสุขภาพของตัวเองอยู่นั้น ใครบางคนขโมยเงินผมไป ปู่ผมนั่นเอง"
    • มุกตลกนี้ทำลายจิตสำนึกพื้นฐานของคนเรา ที่คุณปู่จะต้องเป็นคนดี มีมนุษยสัมพันธุ์ ที่แทบไม่มีพิษมีภัย และยังเป็นผู้ให้คำแนะนำที่จริงใจอีกด้วย ที่มุกนี้ตลกก็เพราะได้แสดงให้เห็นว่าปู่ในมุกนั้นทั้งนิสัยไม่ดี ขี้ขโมย และยังหักหลังอีกด้วย
  5. การเป็นคนตลกไม่ได้มาแบบ"ชงพร้อมดื่มสำเร็จรูป"อะไรขนาดนั้น สิ่งที่จะทำให้คุณขำได้นั้นมันขึ้นอยู่กับความเฉพาะตัวของคุณและวิธีที่คุณมองโลกใบนี้ คุณมีความสามารถในด้านอารมณ์ขันอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ยังเป็นทารก คนเราก็เริ่มหัวเราะตั้งแต่อายุได้ 4 เดือน และเด็กๆ ทุกคนก็จะเริ่มแสดงออกถึงอารมณ์ขันโดยธรรมชาติตั้งแต่สมัยอนุบาล ด้วยการใช้มุกตลกทำให้ตัวเองและคนรอบข้างรู้สึกสนุกสนาน มันอยู่ในตัวคุณอยู่แล้ว แค่ต้องดึงศักยภาพออกมาก็เท่านั้น!
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

พัฒนาบุคลิกภาพของคนตลก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จำไว้ว่าทั้งช่วงเวลาที่น่าอายที่สุดในชีวิตที่เคยเกิดขึ้นมาเมื่อนานแล้ว ช่วงที่ดันไปป่วนเรื่องใหญ่ให้พังลงต่อหน้าต่อตา ช่วงเวลาที่คุณปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ช่วงที่คุณกำลังเล่นใหญ่แต่กลับโดนขัดจังหวะเอาซะได้ และแม้กระทั่งช่วงเวลาที่คุณพยายามจะทำตัวให้ตลกแต่สิ่งที่ได้กลับมาจากเพื่อนๆ นั้นกลับเป็นความเงียบกริบ ช่วงเวลาเหล่านี้ก็สามารถเป็นเรื่องตลกได้เช่นกัน
    • เล่าเรื่องราวน่าอายในชีวิตคุณให้คนอื่นฟัง ถือเป็นวิธีที่ดีในการทำให้พวกเขาขำเลยล่ะ หรือว่าถ้าอ้างอิงมาจากมุกตลกของ Colin Mochire ซึ่งกล่าวไว้ว่า “เขามีใบหน้าที่ขี้เหร่จนมีแต่แม่เท่านั้นแหละที่จะเอ่ยปากชมได้ ถึงแม่จะตาบอดข้างหนึ่ง อีกข้างเป็นต้อก็เถอะ แต่อย่างไรก็ตาม… เขาก็ยังเป็นฝาแฝดผมอยู่ดี”
  2. เล่าเรื่องตลกที่เล่นตัวเองนั้นย่อมดีกว่าไปเล่นคนอื่น คนจะขำมากกว่าเยอะเลย อย่างมุกตลกของ Rodney Dangerfield ที่เล่นตัวเองทั้งในเรื่องของสุขภาพจิตและหน้าตาด้วยมุกนี้ "ผมไปหาจิตแพทย์มา แล้วเขาก็บอกว่า 'คุณบ้าไปแล้ว' ผมเลยถามว่าจริงหรอ ช่วยคิดอีกทีได้ไหม เขาก็ตอบผมกลับมาว่า 'โอเค แล้วนายก็ยังขี้เหร่อีกต่างหาก!'"
    • Redd Foxx เล่นมุกกล่าวถึงความบื้อของเขาในเรื่องการเสพยาและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ว่า "ผมรู้สึกเสียใจกับคนที่ไม่ดื่มแล้วก็ไม่เสพ เพราะสักวันหนึ่งพวกเขาต้องนอนที่โรงพยาบาล ใกล้ตาย และยังไม่รู้สาเหตุอีกด้วย"
    • มุกชั้นดีจาก Henry Youngman กล่าวไว้ว่า "ตอนที่ผมเกิดมา ผมน่าเกลียดจนหมอต้องตบหน้าแม่ผมเลยล่ะ"
  3. เรื่องบางเรื่องที่ต่างกันก็ทำให้คนบางคนที่ไม่เหมือนกันหัวเราะออกมาได้ บางคนก็หัวเราะจากประสบการณ์ร่วม บางคนก็หัวเราะเพราะการเสียดสี เรียนรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุของอะไร แล้วส่งมุกกับเรื่องเล่าเล็กน้อยออกไป เพื่อที่ผู้ฟังจะได้ฟังเรื่องราวที่หลากหลายทั้งด้านความตลกและอารมณ์ในครั้งเดียว
    • ไม่ใช่ทุกคนจะรู้ว่าเวลาได้ขับเฮลิคอปเตอร์จริงๆ หรือตอนที่ได้เป็นเศรษฐี หรือตอนที่มีลูกนั้นจะรู้สึกอย่างไร แต่คนส่วนใหญ่รู้ว่าเฮลิคอปเตอร์เร็วแค่ไหน รู้ถึงความสุขเวลามีเงินเยอะๆ และรู้จักที่จะรักใครสักคนเอามาก ฉะนั้นควรเล่นมุกให้ครอบคลุมในขั้นพื้นฐาน แต่ก็ต้องเข้าถึงอารมณ์ของมนุษย์อย่างลึกซึ้งเช่นกัน
    • เมื่อคุณอยู่ต่อหน้าเหล่าคนที่คุณไม่รู้จัก คอยฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน และมีอะไรบ้างที่ทำให้เขาหัวเราะกันขึ้นมาได้ พวกเขาชอบที่จะแกล้งแหย่กันหรือเปล่า? ชอบมุขตลกร่างกายเอาถาดตีหัวกันหรือไม่? ยิ่งคุณรู้เกี่ยวกับเขามากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้หัวเราะได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
  4. การทำให้เข้าใจผิดคือสิ่งที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นว่ามันจะดูน่าประหลาดใจ มันคือการที่คุณเล่นระหว่างสิ่งที่ใครบางคนหวังจะให้มันเกิดขึ้นกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริงๆ มุกที่เกี่ยวกับคำพูดนั้นใช้เคล็ดลับนี้ทำให้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ โดยการเบี่ยงเบียนความสนใจคล้ายกับเคล็ดลับในการแสดงมายากลนั่นเอง [5]
    • ยกตัวอย่างเช่นคำถามว่า "เมื่อคนโกหกตายไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?" และคำตอบคือ "คนนั้นก็ยังโกหกไง" ที่มุกนี้ใช้ได้ก็เพราะคุณต้องตีความไปสองทางยังไงล่ะ และสมองก็จะเกิดการชะงักสับสนชั่วคราว โดยไร้ความสามารถในการคิดในสถานการณ์ปกติได้
    • นึกถึงมุกหนึ่งที่กล่าวว่า "จังหวะนี้นักบอลจ่ายพลาดนะคะ เพราะเกินไปยี่สิบบาท" หรือมุกของ Rodney Dangerfield ที่กล่าวว่า "มีคืนหนึ่ง ภรรยาของผมมายืนอยู่หน้าประตูพร้อมเสื้อคลุมตัวโคร่งเซ็กซี่ไม่เบาเลย… แต่น่าเสียดาย ที่เธอเพิ่งกลับมาจากข้างนอกน่ะ"
  5. จังหวะที่ถูกต้องนั้นสำคัญมาก เพราะถ้าคุณใช้สมองนึกมุกตลกหรือนึกถึงสถานการณ์นั้นมากเกินไป ช่วงเวลาที่ตลกนั้นก็จะผ่านไปอย่างเสียเปล่า นั่นจึงอาจเป็นสาเหตุว่าทำไมมุกตลกที่คนเคยได้ยินมาแล้วจะไม่ตลกอีก จากการเกิดความเบื่อเพราะสมองเคยได้ผ่านการได้ยินมุกนี้จากประสบการณ์ แล้วรู้สึกตลกไปแล้วนั่นเอง ฉะนั้นให้กระตือรือร้นแล้วยิงมุกไปในช่วงเวลาที่กำลังน่าขำนั่นซะ
    • การตบมุกถือเป็นตลกชั้นดี เป็นสถานการณ์ที่เมื่อใครบางคนพูดอะไรบางอย่างออกมาแล้วไม่ตลกเอาซะเลย จากนั้นคุณก็ตบกลับไปด้วยคำพูดที่ตลกมากๆ การจับจังหวะให้นั้นว่าสำคัญที่สุด อารมณ์ขันของคุณต้องออกมาอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์แบบ ตัวอย่างก็เช่นว่า เพื่อนของคุณอยู่ดีๆ ก็พูดเรื่องขนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาพูดว่า: "มันไม่แปลกหรอที่เรามีขนแค่ข้างบนกับข้างล่างน่ะ?" เพื่อนคนอื่นกลับเงียบกริบ คุณจึงพูดออกมาว่า "เรื่องของแกเหอะ"
    • ถ้าจังหวะมันไม่ได้ อย่าไปทำให้มุกพังทลายกว่าเดิม สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในการเป็นคนมีอารมณ์ขันคือพยายามเล่นมุกตอนที่มันหมดจังหวะฮาแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลไป คุณยังมีโอกาสอีกมากในการได้ทำลายความเงียบด้วยการซัดมุกอันเต็มไปด้วยไหวพริบของคุณ
  6. ระมัดระวังให้มากในการเล่นมุกหรือแกล้งกันในงานศพ งานแต่ง งานที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนา และที่ไหนก็ตามที่มุกตลกของคุณอาจไปเป็นการก่อกวนหรือทำให้เกิดความแตกแยก หรืออาจเผลอไปทำร้ายใครบางคน ผ่านมุกตลกทางร่างกายก็ได้
  7. นักแสดงตลก Jerry Seinfeld และคนอื่นๆ ทำเงินได้กว่าล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านการปรับใช้รูปแบบพื้นฐานของนักแสดงตลก ที่เรียกกันว่า"การสังเกตการณ์" คือการใช้การสังเกตในแต่ละช่วงหรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน ขณะที่คุณรู้มาก ก็จะยิ่งเพิ่มความสามารถด้านอารมณ์ขันได้มาก ไม่มีอะไรมาแทนที่ การได้เห็น มากๆ ได้หรอก ในความเป็นจริง ผู้ที่มีความรู้มากหลายต่อหลายคนมักจะไม่ค่อยเห็นความตลกที่ซ่อนอยู่ในสิ่งต่างๆ ให้มองหาสิ่งที่ตลกในสถานการณ์ในแต่ละวัน และมองในสิ่งที่คนไม่ได้สังเกต บ่อยครั้งที่เรื่องตลกๆ ที่ไม่มีใครสัมผัสได้ซึ่งอยู่ตรงหน้าคุณนี่แหละเป็นอะไรที่ฮาสุดๆ ไปเลย
  8. มุกสั้นๆ นั้นสามารถแย่งซีนได้อย่างดี อย่างตัวอย่างของมุกนี้ คำถามคือ จะโยนไข่ดิบลงบนพื้นคอนกรีตอย่างไรไม่ให้แตก? คำตอบคือ จะบ้าเหรอ? พื้นคอนกรีตมันแข็งแรงมากเลยนะ!
    • คุณต้องใช้ไหวพริบที่รวดเร็วและเตรียมพร้อมที่จะส่งมุกสั้นๆ ออกไป แต่การเรียนรู้มุกของคนอื่นนั้นจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง หรือนึกถึงมุก Calvin Coolidge ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหาเขาแล้วพูดว่า "คุณคูลิดจ์คะ ฉันพนันกับเพื่อนที่บอกว่าคุณไม่มีทางพูดออกมามากกว่าสองพยางค์เอาไว้ค่ะ" Coolidge จึงตอบว่า "เธอแพ้"
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

คอยหาแรงบันดาลใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจะได้เพิ่มประสบการณ์การจัดการที่ดีจากการฟังมุกตลกจากคนตลกๆ คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงตลกชั้นนำ พ่อแม่ ลูกๆ หรือหัวหน้าของคุณ การเรียนรู้จากคนที่มีอารมณ์ขันรอบตัวคุณเป็นขั้นตอนสำคัญในการเป็นคนตลกเองเลยนะ จดจำคำพูดหรือสิ่งที่พวกเขาทำแล้วมันตลกเอาไว้ แม้สิ่งที่คุณทำมันคือการรวบรวมอะไรตลกๆ ที่อิงมาจากลักษณะที่น่าชื่นชมอย่างหนึ่งของแต่ละคนก็ตาม แต่คุณจะพัฒนาอารมณ์ขันขึ้นมาได้อย่างมากเชียวล่ะ การจดจ่อกับการเรียนรู้แบบนี้จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะที่จะเอาไปใช้เพื่อให้เป็นคนตลกได้
    • ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรื่องตลกนั้นได้ท่วมท้นในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย เรื่องตลกผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างของ Marc Maron และ Joe Rogan มีให้รับชมฟรีทางออนไลน์และยังแถมการสัมภาษณ์ มุกตลก และเรื่องเล่าสุดฮาที่คุณสามารถโหลดลงมือถือได้ เอาไว้ฟังตอนนั่งรถเมล์แล้วคนรอบข้างก็จะมองมาแปลกๆ เมื่ออยู่ดีๆ คุณก็หัวเราะออกมาขณะที่ใส่หูฟังอยู่
  2. มีรายการตลกและภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันอยู่เยอะมากในโทรทัศน์ อย่างมุกตลกของฝั่งประเทศอังกฤษ ก็จะเป็นรายการตลกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันเชิงไหวพริบ มุกตลกหน้าตาย ซึ่งได้แสดงออกถึงปัญหาทางสังคมและวัฒนธรรมเป็นหลัก ส่วนเรื่องทางอเมริกาก็มักจะเล่นมุกตลกร่างกาย และมักมีหัวข้อเกี่ยวกับเพศและเชื้อชาติบ่อยครั้ง การดูทั้งสองประเภทนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างกันผ่านอารมณ์ขันได้ดีเลยล่ะ
    • ดูการแสดงตลกแบบที่ไม่ได้เตรียมมาก่อน นักแสดงตลกที่ดีทุกคนคือผู้แก้ไขสถานการณ์ล่วงหน้าได้ดี แต่พวกเขาเลือกที่จะพูดออกมาเพื่อการใช้ชีวิตและประสบการณ์ที่สามารถเป็นเรื่องตลกได้ ให้ตั้งใจดูการแสดงนี้แล้วเก็บเกี่ยวมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณจะหัวเราะออกมาหนักมากและสังเกตว่านักแสดงทำสถานการ์ที่คลุมเครือให้เปลี่ยนกลายเป็นอะไรสักอย่างที่ตลกมากๆ ได้อย่างไร
  3. เพิ่มพูนความรู้ชัดแจ้งเกี่ยวกับองค์ประกอบของมุกตลก. มันจะง่ายขึ้นมากในการหาสถานการณ์ตลกๆ ในองค์ประกอบที่คุณรู้ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติต่อที่ทำงานของคุณ ความรู้อันท่วมท้นเกี่ยวกับบทกวีในสมัยศตวรรษที่ 17 ประสบการณ์อันคุ้นเคยการไปตกปลาที่ผลออกมาไม่ดีเท่าไร เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบใด มันก็ย่อมจำเป็นกับการซื้อใจจากผู้ชม นั่นหมายความว่าความสามารถในการกระชับเพื่อแยกแยะบทกวีในสมัยศตวรรษที่ 17 ของคุณอาจไม่ไปกระตุ้นต่อมฮาของผู้ฟังที่ไม่คุ้นเคยกับบทกวีบทนั้นก็เป็นได้!
    • ขยายขอบเขตความรู้เพื่อที่คุณจะได้ปรับมุกตามความหลากหลายของบุคคล ยกตัวอย่างว่า ถ้าคุณสามารถหาความตลกทั้งในฟิสิกส์ และ นักแสดงสาวแพรีส ฮิลตันได้ ถือว่าคุณกำลังไปได้สวย การนึกถึงสิ่งที่น่าสนใจระหว่างสองสิ่งที่ต่างกันมากนั้นจะตลกมากถ้าทำออกมาได้ดี
    • ใช้ความฉลาดของคุณ บางทีการเป็นคนตลกก็เป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ในการแสดงออกมาว่าตัวเองฉลาดพอที่จะหาจุดตลกๆ เล็กน้อยที่คนอื่นพลาดไปได้ ตลกมักจะทำอะไรแบบนี้เสมอ ตัวอย่างก็เช่น การที่พูดถึงนักบุญกับประเพณีล้างบาป หรือผสมพันธุ์กันของลิงชิมแปนซี เป็นการโยงให้เกี่ยวข้องกันได้อย่างง่ายดายไปสู่สิ่งที่คนธรรมดารู้และเข้าใจ
  4. หยิบอะไรก็ได้ ทุกสิ่งอย่างที่มันตลกและเหมือนว่าแม่คุณจะห้ามไม่ให้อ่านขึ้นมา ที่นักเคมีเป็นนักเคมีได้ก็เพราะอ่านหนังสือและฝึกปฏิบัติในทางเคมี นักเขียนข่าวเกี่ยวกับกีฬาก็มาเป็นนักเขียนข่าวทางด้านกีฬาได้เพราะอ่านและเขียนข่าวที่เกี่ยวกับกีฬา ฉะนั้น คุณก็จะกลายเป็นคนตลกได้โดยการอ่านและฝึกเล่นมุกตลกนั่นเอง
    • อ่านหนังสือของนักเขียนอย่าง James Thurber, P.G. Wodehouse, Stephen Fry, Kaz Cooke, Sarah Silverman, Woody Allen, Bill Bryson, Bill Watterson, Douglas Adams เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยก็ไม่ควรพลาดหนังสือของนักเขียนอย่าง วิชัย มาตกุล, ธนชาติ ศิริภัทราชัย, วิศรุต วิสิทธิ์ (ภูภู่ฯ), คณาธิป สุนทรรักษ์ เป็นต้น (อย่าลืมหนังสือเด็กที่เขียนโดยนักเขียนดีๆ ด้วยล่ะ หนังสือเหล่านั้นถือเป็นหนังสือชั้นดีที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันเลยนะ!)
    • อ่านหนังสือเกี่ยวกับมุกตลก ไม่เสียหายหรอกที่จะจำมุกไว้สักสองสามมุก บางทีการอ่านมุกตลกดีๆ อาจสร้างแรงบันดาลใจให้คุณสามารถคิดมุกตลกหรือคำคมขึ้นมาเองได้ ขณะที่อ่านมุกเหล่านั้น ให้ลองแยกองค์ประกอบที่ทำให้มุกนั้นเป็นมุกที่ดีออกมา แล้วก็ทำแบบเดียวกันเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมมุกนั้นถึงไม่ฮา แค่เพราะคุณเขียนขึ้นมาไม่ได้หมายความว่ามันจะดี มันอาจจะยากที่จะต้องมานั่งวิเคราะห์มุกตัวเอง ฉะนั้นให้รับความคิดเห็นจากคนที่ไม่รู้จักคุณดีจะดีกว่า (ด้วยวิธีนี้คนนั้นจะได้วิจารณ์งานคุณอย่างเต็มที่เลยไงล่ะ)
  5. เป็นผู้ฟังที่ดีและเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมุกตลกเท่าที่ทำได้. ฟังคนอื่นอย่างตั้งใจ ให้เข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไร ไม่มีอะไรที่ถ่อมตนไปมากกว่าการยอมรับว่าคุณสามารถเรียนรู้ที่จะตลกให้มากขึ้นจากคนอื่นได้ ขณะที่คุณยุ่งอยู่กับการสังเกตคนอื่นมากกว่าตัวเอง คุณจะมีเซนส์ในการช่วยคนอื่นผ่านอารมณ์ขันได้ มันยังช่วยให้คุณสังเกตและเชื่อมโยงความสุขเล็กๆ ในชีวิตได้อีกด้วย เป็นการทำให้เกิดความเชื่อใจและความเห็นใจที่มากขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เล่นมุกให้สดใหม่เสมอ การติดอยู่แค่หัวข้อเดียวทำให้น่าเบื่อได้ง่ายขึ้น เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนหัวข้อเพื่อให้ความตลกของคุณยังคงสดใหม่ในขณะที่อยู่กับฝูงชน!
  • ถ้าคุณรอนานเกินจนเกินไป แม้จะเป็นความคิดเห็นที่ตลกมากแต่ก็ย่อมหมดความฮาไปได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครสักคนพูดอะไรสักอย่างกับคุณ แล้วคุณคิดมุกตอบกลับได้ในเวลาอีกสองชั่วโมงให้หลัง ให้เก็บไว้กับตัวน่าจะดีกว่า มันไม่ฮาอีกแล้วล่ะ ถ้าเล่นออกไปคุณจะดูหัวช้าและดูเซ่อๆ ก็เป็นได้
  • สัญญาณมือนั้นช่วยทำให้อะไรๆ ตลกขึ้น การแสดงออกทางสีหน้าก็สำคัญเช่นกัน
  • อะไรที่ตลกมักจะมีการแฝงทางวัฒนธรรม อย่างเช่น บางอย่างที่ตลกในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นอาจทำให้คนฝรั่งเศสงงได้ จำไว้ให้ดี และลองเล่าเรื่องตลกที่เล่นได้ทุกที่ดู
  • อย่าพูดอะไรก็ตามที่คุณรู้ว่าจะทำให้คนอื่นโกรธ ที่เห็นกันได้บ่อยๆ คือการพูดพล่อยๆ ออกมานั้นเอง อย่างเช่น ผู้ชายพูดออกมาว่า "ดงบังชินกาก" ซึ่งเป็นมุกเล่นคำที่กล่าวถึงชื่อวงบอยแบนด์ชาวเกาหลี แต่แน่นอนว่าจะทำให้เหล่าผู้หญิงที่เป็นแฟนคลับรู้สึกโกรธได้
  • ถ้ามีใครบางคนจากอีกฝั่งของห้องมองมาทางคุณขณะที่กำลังสอบอยู่ ให้ทำหน้าตลกๆ กลับไปหาตอนที่อาจารย์ไม่ได้มองอยู่ มันจะทำให้เขาหัวเราะขึ้นมาได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับนิสัยของคนๆ นั้น
  • อย่าหัวเราะให้กับมุกของตัวเอง จนกว่าคนอื่นจะหัวเราะขึ้นมา มันไม่ได้เพียงแค่ทำให้คุณดูพยายามจะตลกเกินไป แต่ยังไปสปอยล์ตอนที่ตลกล่วงหน้า และจะไม่มีใครรู้สึกอยากจะหัวเราะ อย่าบังคับให้คนอื่น "ฝืนหัวเราะ" เลย
  • ฝึกซ้อมการเป็นคนตลก ทุกอย่างสามารถพัฒนาขึ้นได้ด้วยการฝึกฝัน แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะฝึกในสภาพแวดล้อมที่ความเสี่ยงต่ำก่อน แล้วค่อยสร้างตัวตนความตลกต่อผู้ชมมากหน้าหลายตาขึ้นเพื่อการพัฒนา ครอบครัวและเพื่อนๆ มักจะเป็นฝ่ายที่ให้ท้ายคุณ ขณะที่เพื่อนร่วมงาน พนักงานของคุณอาจรู้สึกตกใจถ้าอยู่ดีๆ คุณก็เปลี่ยนไปเป็นคนตลก ส่วนผู้ชมจะคาดหวังว่าคุณจะทำได้ดีตั้งแต่แรก ฉะนั้นการฝึกกับคนที่คุณไว้ใจ และคนนั้นต้องสามารถให้ความคิดเห็นตอบกลับที่ช่วยให้เราพัฒนาได้จะเป็นวิธีการเริ่มต้นที่ดีที่สุด
  • ฝึกการนำมุกกลับมาใช้ คุณอาจเคยเห็นนักแสดงตลกหลายคนเล่ามุกตลก จากนั้นกลับมาเล่ามันอีกในอีกเวอร์ชั่น ก็มักจะได้เสียงหัวเราะกลับมาเท่าเดิม (หรือมากขึ้น) เหมือนตอนที่เล่นมุกนี้ครั้งแรก วิธีนี้เรียกว่าการนำมุกกลับมาใช้ และคุณก็สามารถใช้เคล็ดลับนี้ได้เช่นกัน ถ้าคุณเล่นมุกหรือตบอะไรไปแล้วได้เสียงหัวเราะกลับมาอย่างล้นหลาม ให้นำกลับมาเล่นใหม่หลังจากนั้นอีกไม่นาน โดยปกติแล้วไม่ควรที่จะนำกลับมาเล่นเกิน 3 ครั้ง
  • อย่าลืมรวมการแสดงที่ไม่ต้องใช้การพูด อย่างการเต้นตลกๆ หรือทำเสียงฮาๆ ด้วย ซึ่งต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ด้วยนะ
  • ความแตกต่างทางด้านเพศ ผู้ชายมักจะมีแนวโน้มที่จะเล่าเรื่องตลกมากกว่า ชอบแกล้ง ชอบดูถูกมากกว่า (มุกที่ไม่ค่อยเป็นมิตร) และชอบมุกตลกที่ต้องเจ็บตัวมากกว่า ในขณะที่ผู้หญิงมักจะชอบเล่าเรื่องมากกว่า มักจะเล่นมุกเล่นตัวเองมากกว่า ซึ่งจะตอบสนองต่อกลุ่มผู้หญิงในแนวเดียวกัน และเป็นที่น่าสนใจ เมื่อให้ผู้ชายกับผู้หญิงมาอยู่ด้วยกัน บทบาทจะกลับกันเลยล่ะ ผู้ชายจะไม่ค่อยแกล้ง ขณะที่ผู้หญิงจะชอบแกล้งไปที่ผู้ชาย และไม่ค่อยเล่นตัวเองเหมือนแต่ก่อน
  • จำไว้ว่า จงเป็นตัวของตัวเองเสมอ ถ้าคุณไม่เป็นตัวของตัวเอง แปลว่าบุคลิกเหล่านั้นก็ต่างเป็นสิ่งที่หลอกลวง อย่าไปสนใจว่าผู้คนจะพูดว่าคุณโง่ งี่เง่า เด็กน้อย หรืออะไรประมาณนั้น เป็นตัวเองเอาไว้ และเสียงหัวเราะของคนอื่นจะมาเอง
โฆษณา

คำเตือน

  • ขอให้แน่ใจว่าได้พิจารณาว่าสภาพแวดล้อมที่คุณเล่ามุกตลกนั้นเหมาะสมแล้ว ก่อนที่จะเริ่มเล่า อย่าไปเล่าให้ใครคนหนึ่งฟังมากเกินไป กระจายๆ บ้าง
  • ขอให้ระมัดระวังเมื่อเล่นตลกเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาหรือเรื่องของการเมือง ทุกอย่างสามารถเป็นเรื่องตลกได้ แต่บางครั้งถ้าคุณ"เล่นมากเกินไป"ในสายตาใครบางคนล่ะก็ พวกเขาอาจฟ้องร้องคุณได้
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • หนังสือ DVD รายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับความตลก
  • ตั๋วหนังตลกและการแสดงตลกที่ไม่ได้เตรียมมาก่อน
  • บุคลิกคนมีอารมณ์ขัน

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 41,265 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา