ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณอยากทำให้อาจารย์ประทับใจไหม บางทีคุณอาจจะแค่อยากทำปีการศึกษานี้ให้ดีที่สุด แต่ไม่ว่าคุณจะอยากเป็นนักเรียนดีเด่นที่สุดในห้องเรียนเพราะอะไร วิธีการพัฒนาตัวเองนั้นก็มีอยู่ 2 – 3 วิธีด้วยกัน การเป็นนักเรียนดีเด่นไม่ใช่แค่การได้เกรดดีเท่านั้น แต่คุณต้องเป็นคนดีและทำให้อาจารย์เห็นด้วยว่าคุณใส่ใจกับวิชาของอาจารย์มากแค่ไหน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เรียนให้ดีที่สุด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เตรียมสมองและร่างกายให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้. คุณจะเรียนในโรงเรียนได้ดีที่สุดและง่ายที่สุดเมื่อร่างกายของคุณพร้อมสำหรับการเรียนรู้ ! มีวิธีมากมายที่ช่วยให้ร่างกายของคุณพร้อมรับการเรียนรู้ ลอง :
    • นอนเยอะ ๆ ถ้าคุณอยากให้สมองทำงานได้ดีที่สุด คุณต้องนอนให้พอเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน คุณต้องรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเกือบตลอดทั้งวัน ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกอยากงีบหลับตอนพักเที่ยง นั่นหมายความว่าคุณนอนไม่พอ คนส่วนใหญ่ต้องนอนประมาณ 8 ชั่วโมง
    • ร่างกายของคุณไม่สามารถทำงานได้ตามปกติถ้าคุณกินแต่อาหารขยะอย่างมันฝรั่งทอด ลูกอม และแฮมเบอร์เกอร์ ถ้าคุณอยากจะเป็นนักเรียนดีเด่นที่สุดเท่าที่คุณทำได้ คุณต้องกินผัก (เช่น บร็อกโคลี่) ผลไม้บางชนิด และโปรตีนไม่ติดมัน (เช่นเนื้อไก่และปลา)
    • ดื่มน้ำเยอะ ๆ สมองของคุณต้องการน้ำถึงจะทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าให้พูดกันจริง ๆ อวัยวะทุกส่วนในร่างกายต่างก็ต้องการน้ำในปริมาณที่เพียงพอเพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดื่มน้ำวันละหลาย ๆ แก้ว จำไว้ว่าบางคนอาจจะต้องการน้ำมากกว่าคนอื่น ถ้าฉี่ออกมาเป็นสีเหลืองเข้ม แปลว่าคุณต้องดื่มน้ำเพิ่ม แต่ถ้าเป็นสีขาวใส แปลว่าคุณดื่มมากเกินไป
  2. แต่ละคนมีวิธีเรียนให้ดีที่สุดไม่เหมือนกัน เรียกว่าเป็นสไตล์การเรียนเฉพาะบุคคล [1] หาวิธีเรียนที่ได้ผลดีกับคุณมากที่สุดและพยายามเรียนแบบนั้นให้ได้ตลอด คุณจะเรียนในแบบของคุณได้ดีที่สุดก็ต่อเมื่อคุณอ่านทบทวนที่บ้าน แต่คุณก็สามารถคุยกับอาจารย์ให้อาจารย์ปรับวิธีการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนที่มีวิธีการเรียนรู้แตกต่างกันได้
    • เช่น สังเกตไหมว่าคุณสามารถจำแผนภูมิหรือรูปภาพได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าคุณเป็นผู้ที่เรียนรู้ทางสายตา หมายความว่าคุณควรใช้รูปและภาพในการเรียนให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะวาดแผนภูมิช่วยจำหน้าที่ของคำก็ได้
    • บางทีคุณอาจจะสังเกตว่าตัวเองทบทวนบทเรียนได้ง่ายขึ้นเมื่อฟังเพลงคลอเบา ๆ หรือคุณอาจจะจำไม่ได้ว่าอาจารย์เขียนอะไรบนกระดาน แต่คุณ "ได้ยิน" สิ่งที่อาจารย์พูดในหัวอย่างกับว่าตอนนี้อาจารย์มาอยู่ในห้องกับคุณด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่าคุณเป็นผู้ที่เรียนรู้ทางโสตประสาท หมายความว่าคุณเรียนรู้ผ่านเสียงได้ดีกว่า เช่น คุณอาจจะอัดเสียงอาจารย์ในห้องเรียนเอาไว้ฟังตอนทำการบ้านหรือทบทวนบทเรียน
    • บางทีคุณอาจจะสังเกตว่า เวลาอยู่ในห้องเรียนคุณรู้สึกว่าตัวเองยังอยากจดจ่อกับการเรียนอยู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนหรือเดินไปโน่นไปนี่บ้าง บางทีตอนเรียนคุณอาจจะเดินรอบห้องเลยก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้เป็นไปได้ว่าคุณเป็นผู้ที่เรียนรู้ทางร่างกายและความรู้สึก หมายความว่าคุณเรียนรู้ได้ดีกว่าถ้าได้ใช้ร่างกายไปด้วย ลองขยำดินน้ำมันเล่นในมือขณะที่อาจารย์สอน
  3. วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยเพิ่มเกรดและเรียนรู้ได้มากคือการตั้งใจเรียนเวลาอาจารย์สอน ถ้าคุณไม่มีสมาธิ คุณจะพลาดข้อมูลสำคัญและจะกลับมาทำความเข้าใจในสิ่งที่คุณได้ยินไปแล้วยากขึ้น หรือลำบากตอนกลับมาทบทวนเองทีหลัง
    • ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสมาธิขณะที่อาจารย์สอน พยายามนั่งข้างหน้าและโต้ตอบในห้องเรียนให้มากขึ้น ยกมือถามเมื่อมีเรื่องที่คุณไม่เข้าใจ หรือเวลาที่อาจารย์พูดเรื่องอะไรน่าสนใจ ก็ให้ยกมือถามถ้าคุณอยากรู้เพิ่ม
  4. เรียนรู้วิธีจดโน้ตย่อ . การจดโน้ตย่อ (และการจดโน้ตย่อ ที่ดี ) นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การจดโน้ตย่อช่วยให้คุณเรียนและศึกษาสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นมาก ทำให้เกรดและคะแนนสอบของคุณสูงขึ้น จำไว้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องเขียนทุกอย่างที่อาจารย์พูดลงไป แค่จดสิ่งที่สำคัญที่สุดและข้อมูลที่คุณคิดว่าตัวเองน่าจะจำไม่ได้ก็พอ
  5. ถึงคุณจะได้คะแนนแบบฝึกหัดไม่ดีเท่าไหร่ ก็พยายามทำให้เสร็จตรงเวลาเพื่อให้ได้คะแนนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นอกจากนี้คุณควรตั้งใจทำการบ้านให้ดีที่สุดด้วย ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน ให้ถามคนอื่น ! อาจารย์ของคุณอาจจะหาคนมาช่วยติวให้ หรือท่านอาจจะช่วยคุณเองเลยก็ได้
    • จัดสรรเวลาให้เพียงพอกับการทำการบ้านให้เสร็จ นั่นหมายความว่าคุณอาจจะได้ดูทีวีหรือเล่นกับเพื่อนน้อยลง แต่เชื่อเถอะว่าสุดท้ายแล้วมันคุ้ม
    • การมีบรรยากาศการทำการบ้านที่ดีก็ช่วยให้คุณทำการบ้านเสร็จเช่นเดียวกัน หาที่เงียบ ๆ ที่ไม่มีอะไรมารบกวนสมาธิ ถ้าไปห้องสมุดได้ยิ่งดี แต่ถ้าคุณออกจากบ้านไม่ได้และคนที่อยู่ด้วยก็เสียงดัง ลองทำการบ้านในห้องน้ำดู
  6. การเรียนรู้เรื่องอื่นที่อยู่นอกเหนือจากในห้องเรียนช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาที่กำลังเรียนอยู่มากขึ้นและยังทำให้อาจารย์ประทับใจ นอกจากนี้การหาข้อมูลตามความสนใจยังช่วยให้คุณมีสมาธิขณะเรียนหนังสือด้วย หาข้อมูลทุกวิชาที่คุณเรียนเพิ่มเติม แล้วคุณจะรู้ว่าโรงเรียนมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะ และคุณเองก็จะยิ่งประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
    • เช่น ถ้าคุณเรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทย ลองดูสารคดีออนไลน์เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยุคที่คุณกำลังเรียนอยู่
    • แม้ว่าคุณจะสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติมได้จากหนังสือในห้องสมุดท้องถิ่น แต่คุณก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มพูนความรู้ได้ด้วย แม้ว่าข้อมูลใน Wikipedia อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป แต่มันก็ใช้ได้ทีเดียว นอกจากนี้คุณยังสามารถดูสารคดีและวิดีโอให้ความรู้ออนไลน์ใน YouTube ได้ด้วย เช่นรายการชื่อดังอย่าง Crash Course และ TedTalks
    • ในช่วงที่ไม่ต้องไปโรงเรียนก็ยังต้องเรียนรู้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่วงปิดเทอมหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ และเริ่มเตรียมบทเรียนของเทอมถัดไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ด้วยการดูว่าเทอมหน้าต้องเรียนอะไรบ้าง ในช่วงปิดเทอมให้ทบทวนเนื้อหาที่เรียนไปแล้วแค่ 2 – 3 ชั่วโมงเป็นเวลา 3 – 4 ครั้งตลอดทั้งปิดเทอม เท่านี้ก็มั่นใจได้แล้วว่าคุณพร้อมจะเรียนในเทอมถัดไปแล้ว
  7. วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณสอบได้คะแนนดีก็คือ เริ่มอ่านหนังสือและเตรียมสอบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่แน่ ๆ อย่ารอจนถึงคืนก่อนสอบ ยิ่งข้อสอบยากเท่าไหร่ยิ่งต้องเตรียมตัวเร็วเท่านั้น สัก 2 – 3 สัปดาห์ก่อนสอบก็เริ่มอ่านหนังสือได้แล้ว
    • เขียนคำถามออกสอบที่มีทางเป็นไปได้แล้วเริ่มจดประเด็นสำคัญ ลองตื่นในเช้าวันสอบให้เร็วกว่าเดิมอีกนิดแล้วกวาดตาดูใจความสำคัญที่คุณทำระหว่างเรียน มันจะช่วยให้คุณจับรายละเอียดนาทีสุดท้าย ยิ่งการสอบยากขึ้นแค่ไหนก็ให้เตรียมตัวไวขึ้นเท่านั้น จุดเริ่มต้นที่ดีน่าจะอยู่ที่สองหรือสามสัปดาห์
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เป็นคนดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเป็นนักเรียนดีเด่นไม่ใช่แค่การได้เกรดดี ๆ คุณต้องพยายามเป็นคนดีด้วย การเป็นพวกอันธพาลหรือตัวตลกของห้องไม่ได้ทำให้คุณกลายเป็นนักเรียนดีเด่นที่สุดในห้องเรียนขึ้นมาได้ พยายามทำให้คนอื่นรู้สึกดีด้วยการกล่าวชมและบอกเพื่อนว่าเขาทำดีแล้วเวลาที่เขาทำดีจริง ๆ อย่าระรานและแกล้งคนอื่นหรือพูดให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ
  2. เป็นคนดีด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นเสมอถ้าคุณช่วยได้ ถ้าคุณรู้วิธีทำอะไรบางอย่างหรือรู้วิธีที่ง่ายกว่านั้น ให้บอกเขาว่าต้องทำอย่างไร อย่าแสดงออกว่าคุณเก่งกว่าหรือดีกว่า แต่ให้แสดงท่าทีว่าคุณเป็นคนนิสัยดีและเป็นมิตร นอกจากนี้คุณยังทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการเปิดประตูค้างไว้ให้คนถัดไปหรือช่วยเขาถือของหนัก ๆ ได้ด้วย
    • เช่น ถ้าใครขาดเรียนไป 2 – 3 วัน ให้เสนอความช่วยเหลือว่าจะช่วยให้เรียนทันเพื่อนและให้ยืมโน้ตย่อ
  3. เคารพผู้อื่น แม้ว่าเขาจะกำลังร้ายใส่คุณก็ตาม. แม้ว่าใครจะร้ายใส่คุณ คุณก็ควรเคารพเขา อย่าตะโกนใส่หรือทำร้ายร่างกายเขา อย่าพูดจาหยาบคายดูถูกเขาหรือแซงแถวข้างหน้าเขาเพียงเพราะความสะใจ แค่ทำเป็นเฉย ๆ และปฏิบัติกับเขาเหมือนกับคนอื่น ๆ
    • เคารพผู้อื่นด้วยการไม่พูดแทรกเรื่องที่เขากำลังพูดอยู่และเปิดช่องให้คนอื่นได้พูดบ้างถ้าเขาอยากจะพูด เคารพความเห็นของคนอื่นและอย่าคิดมากหากเขาจะคิดต่างจากคุณนิดหน่อย คุณควรปล่อยให้คนอื่นได้เป็นตัวของตัวเองและอย่าทำให้เขารู้สึกแย่ที่จะโดดเด่นหรือแตกต่าง
  4. เวลาอยู่ในห้องเรียนให้สงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด อย่าวิ่งพล่านรบกวนคนอื่น และพยายามอย่าเครียดเวลาเจอปัญหาที่โรงเรียน เพราะนอกจากจะไม่ดีกับตัวคุณเองแล้ว ยังอาจทำให้คุณโมโหใส่คนอื่นอีกด้วย
    • สงบสติอารมณ์ด้วยการหายใจเข้าออกลึก ๆ บอกตัวเองว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และคุณเข้มแข็งพอที่จะฝ่าฟันมันไปได้ !
    • อย่าวิตกกังวลว่าจะไม่ได้เกรดเริด ๆ เพราะเกรดเริด ๆ มีผลแค่ตอนคุณอยู่มัธยมปลายและตอนคุณเข้ามหาวิทยาลัย (ถ้าคุณวางแผนจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลังจากเรียนมัธยมปลายจบ) หรือไม่ก็แค่ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดและไม่ต้องไปคิดเรื่องเกรดที่อาจารย์จะให้ เพราะการรู้สิ่งที่เรียนมานั้นสำคัญกว่าการได้เกรด
  5. พยายามทำให้ทุกคนรู้สึกสนุกสนาน กระตือรือร้นและคิดบวกเวลาอยู่ในห้องเรียน ความตื่นเต้นที่จะได้เรียนจะทำให้ทุกคนรู้สึกดีกับการเรียนมากขึ้น และอาจทำให้คนที่ปกติไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นว่าตัวเองใส่ใจเรื่องการเรียนตื่นเต้นไปด้วยก็ได้
    • เช่น ถ้าคุณเพิ่งเริ่มเรียนเรื่องดาวเคราะห์ในวิชาวิทยาศาสตร์ ให้หาภาพดาวเคราะห์เจ๋ง ๆ ที่คุณชื่นชอบมาให้เพื่อน ๆ ดู แล้วท้าให้คนอื่นหาภาพดาวเคราะห์เจ๋ง ๆ ที่ชื่นชอบมาประชันกันในห้องเรียน
  6. สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เป็นตัวของตัวเอง. คุณไม่มีวันเป็นคนดีที่สุดในแบบของคุณได้ตราบใดที่คุณยังพยายามเป็นคนอื่น ทำในสิ่งที่คุณมีความสุข แบ่งปันสิ่งที่คุณรัก เป็นเพื่อนกับคนที่เข้าใจคุณและทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเอง อย่ากังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เพราะอีกหลายปีต่อจากนี้คุณจะจำชื่อเพื่อนได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ถ้าตอนนี้พวกเขาไม่ได้มองว่าคุณเจ๋งที่สุด อีก 5 – 6 ปีข้างหน้าคุณก็เลิกใส่ใจเรื่องนี้แล้ว แต่คุณจะไม่มีวันลืมว่าตอนนั้นคุณไม่มีความสุขมากแค่ไหนที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ทำให้อาจารย์มีความสุข

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณอยากทำให้อาจารย์มีความสุข การให้ความเคารพกับอาจารย์คือการเริ่มต้นที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านักเรียนคนอื่น ๆ ไม่เคารพอาจารย์ คุณก็จะโดดเด่นออกมาและกลายเป็นนักเรียนคนโปรดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว สิ่งที่คุณทำได้ก็มี :
    • อย่ายุกยิก อย่าเขียนโน้ตส่งให้เพื่อน คุยกับเพื่อน ทำตลก หรือเดินไปเดินมาบ่อยเกินไปขณะที่อาจารย์กำลังสอน
    • เข้าเรียนตรงเวลา (หรือมาก่อนเวลาได้ยิ่งดี) และอย่าโดดเรียนวิชาอาจารย์เด็ดขาด
    • ทำตัวสุภาพเวลาคุยกับอาจารย์ เรียกอาจารย์นำหน้าชื่อเสมอ ลงท้ายประโยคด้วยค่ะหรือครับและกล่าวขอบคุณ ที่สำคัญคือต้องพูดคำเหล่านี้ออกมาอย่างจริงใจและอย่าทำให้อาจารย์คิดว่าคุณพูดอย่างนี้เพราะต้องการจะล้อเลียนอาจารย์
  2. อาจารย์ชอบให้นักเรียนถามคำถาม ซึ่งเหตุผลก็มีอยู่ไม่กี่ข้อ ข้อแรกคือ การถามคำถามบ่งบอกว่าคุณตั้งใจเรียน ข้อสองคือ การถามคำถามทำให้อาจารย์เห็นว่า คุณคิดว่าบทเรียนของอาจารย์น่าสนใจและคุณก็สนุกกับวิชานี้ (แม้ว่ามันจะไม่สนุกเลยก็ตาม) ข้อสามคือ การถามคำถามทำให้อาจารย์รู้สึกว่าตัวเองฉลาดและมีประโยชน์ ใคร ๆ ก็ชอบให้ตัวเองฉลาดและมีประโยชน์กันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อมีคำถามก็ให้ถามออกไปเลย แล้วอาจารย์จะยิ่งชอบคุณมากขึ้นไปอีก
    • เช่น ถ้าอาจารย์สอนกำลังสอนวิชาเคมีและพูดเรื่องเลขอาโวกาโดร ให้ถามอาจารย์ว่าอาจารย์จำเลขพวกนี้ได้อย่างไร
    • คำเตือน อย่าถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียน อย่าสักแต่ถามเพื่อให้ได้ถาม เพราะสุดท้ายแล้วอาจารย์จะรำคาญและคิดว่าคุณแค่ถามคำถามเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้น
    • อย่าถามคำถามส่วนตัวหรืออะไรที่สำคัญเฉพาะกับคุณ คุณอาจถามเรื่องการบ้าน วันสอบย่อย หรืออะไรที่ไม่ใช่เรื่องของคุณคนเดียวหรือคุณไม่เข้าใจ "เราต้องอ่านหนังสือหน้าไหนครับคุณครู?" และ "ครูคะ มีวิธีที่จะจำเรื่องพวกนี้อย่างได้ผลไหมคะ?" นั้นดูโอเค แต่อย่าง "ทำไมผมถึงได้เกรด D ล่ะครับ?" กับ "ครูคะ ในความเห็นของครู บอยแบนด์วงไหนดีที่สุดคะ?" นี่ไม่ใช่ละ คำถามจำพวก "ครูมีแฟนหรือยังครับ?" ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวของอาจารย์นั้นไม่ควรถามอย่างเด็ดขาด อาจารย์อาจอารมณ์เสียและพิจารณาพักการเรียนของคุณเอาได้ง่ายๆ
  3. คุณอาจจะคิดว่าตัวเองไม่ควรขอความช่วยเหลือจากอาจารย์เพราะจะทำให้อาจารย์โกรธและทำให้คุณดูเป็นคนโง่ ซึ่งนั่นไม่จริงเลย การขอความช่วยเหลือจากอาจารย์จะทำให้คุณดูเป็นคนฉลาดและทำให้อาจารย์มีความสุข การถามคำถามทำให้อาจารย์รู้ว่า คุณจะพยายามมากขึ้นและจะเข้าใจสิ่งที่อาจารย์สอนได้ดีขึ้นด้วย อาจารย์จะภูมิใจในตัวคุณที่คุณกล้าเดินเข้ามาหาอาจารย์เพื่อขอความช่วยเหลือที่คุณต้องการจริง ๆ
    • เช่น ถ้าคุณมีสอบเลขในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าและคุณรู้ว่าตัวเองไม่ค่อยเข้าใจการหารเศษส่วนเท่าไหร่ ให้ถามอาจารย์ว่าพอจะทวนเนื้อหาทั้งหมดให้คุณฟังอีกครั้งและทำโจทย์กับคุณสัก 2 – 3 ข้อจนกว่าคุณจะเข้าใจได้หรือเปล่า
    • ลองพูดว่า "อาจารย์กฤษณ์คะ หนูทำการบ้านไม่ได้ค่ะ คือหนูไม่เข้าใจเรื่องเพศของนามในภาษาเยอรมันเลยค่ะ หนูไปพบอาจารย์หลังเลิกเรียนหรือช่วงพักกลางวันแล้วให้อาจารย์อธิบายให้หนูฟังอีกแบบนึงได้ไหมคะ"
  4. การเป็นนักเรียนดีเด่นไม่ใช่แค่ไม่ก่อเรื่อง แต่ต้องทำให้ห้องเรียนน่าเรียนขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่ไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทหรือโต้เถียง (ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรทำอยู่แล้ว) แต่ยังต้องคอยแก้ไขปัญหาเวลามีเรื่องด้วย ตัวอย่างเช่น :
    • คุณเตือนเพื่อนคนอื่นให้รักษากฎระเบียบของห้องเรียน (โดยไม่ต้องจู้จี้หรือหยาบคาย)
    • ถ้ามีเหตุทะเลาะวิวาท ให้ตามอาจารย์ที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที หยุดการทะเลาะวิวาท แก้ไขสถานการณ์อย่างไรก็ได้ให้เหมาะสม
    • คุณสามารถช่วยงานอาจารย์เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เช่นส่งต่อข้อสอบกับชีทให้เพื่อน ถ่ายเอกสาร ช่วยตอบคำถามเพื่อน อะไรก็ได้ที่เหมาะสม
    • คุณช่วยเพื่อนในห้องที่กำลังมีปัญหาได้ ถ้าคนส่วนใหญ่ในห้องไม่พอใจเขาอย่างเห็นได้ชัด คุณต้องช่วยเขา คุณควรเปิดประตูให้อาจารย์ที่กำลังเข็นโต๊ะเลื่อนเข้ามาในห้อง คุณต้องไม่บอกต่อข่าวลือเสียหาย แม้ว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเม้าสนุกปากก็ตาม
  5. ทำการบ้านให้เสร็จตรงเวลา หาคู่มือเตรียมสอบและขอความช่วยเหลืออย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนสอบ ไม่ใช่แค่ 2 หรือ 3 วันก่อนสอบ จดโน้ตย่อ ถ้าอาจารย์เห็นว่าคุณตั้งใจมาก แม้ว่าคุณจะไม่ใช่นักเรียนที่เก่งที่สุดหรือสอบได้คะแนนสูงสุด อาจารย์ก็จะยังชอบคุณมากที่สุดอยู่ดี
    • ให้รางวัลกับตนเองและพักเป็นระยะเมื่อใดก็ตามที่คุณเรียนหรือทำการบ้านเสร็จเพื่อช่วยคุณยังคงมีไฟอยู่!
    • ถ้าคุณต้องการแรงกระตุ้นเพิ่มเติมในการเรียน ลองชวนเพื่อนมาเรียนด้วยกัน จะทำให้ไม่น่าเบื่อ
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • อย่าอาย เวลาที่อาจารย์ถามคำถามคุณ ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์และตอบคำถามอย่างมั่นใจแม้ว่าคุณจะไม่แน่ใจในคำตอบเลยก็ตาม อาจารย์จะเห็นความมั่นใจในตัวเองของคุณ และคุณก็จะเข้าใกล้การเป็นนักเรียนแถวหน้าไปอีกนิด
  • สงบสติอารมณ์ช่วงสอบ เพราะความวิตกกังวลจะทำให้คุณลืมบทเรียนที่อุตส่าห์ทบทวนมา พักผ่อนเยอะ ๆ กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ก่อนเข้าสอบอะไรก็แล้วแต่ โชคดีนะ !
  • ถึงคุณจะไม่รู้คำตอบที่ข้อสอบถาม พยายามตอบด้วยการนึกถึงทุกอย่างที่คุณเรียนไปเท่าที่จำได้ หรืออ่านคำถามข้ออื่นในข้อสอบ เพราะบางครั้งคำถามของข้อหนึ่งก็เป็นคำตอบของอีกข้อหนึ่ง !
  • เป็นระเบียบอยู่เสมอ เก็บการบ้านให้เป็นระเบียบในแฟ้มสอดหรือแฟ้มห่วงเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา เวลาจำเป็นต้องใช้จะได้รู้ว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน
  • พอถึงบ้าน ให้อ่านงานที่ทำในห้องเรียน วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจงานที่คุณทำในห้องเรียนมากขึ้นและได้ทบทวนรายละเอียดสำคัญ
  • ถ้าเป็นไปได้ ให้อ่านทบทวนบทเรียนในคืนก่อนเรียนวิชานั้น เพราะจะทำให้คุณจดจ่อกับรายละเอียดขณะเรียนได้มากขึ้นและมีข้อมูลต่อยอดมากขึ้น
  • ทุกครั้งที่กลับมาบ้านให้ทบทวนบทเรียนเล็กน้อย แล้วพอถึงวันก่อนสอบคุณจะได้อ่านหนังสือเหมือนที่เคยอ่านทุกวันแทนที่จะต้องถ่างตาทบทวนบทเรียนทั้งคืน
  • พยายามทบทวนหัวข้อหลักที่เรียนในห้องหลังเรียนวิชานั้นเสร็จทันที เพราะจะช่วยให้จำได้ในระยะยาว
  • จำไว้ว่าการแข่งกันเรียนกับเพื่อนไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้ามีเพื่อนในห้องพยายามจะเป็นดาวเด่นของห้องด้วยเหมือนกัน ก็ให้กำลังใจเพื่อน แต่ระวังอย่าทำให้เพื่อนเข้าใจว่านี่เป็นการแข่งขันจริงจังด้วยการทำตัวหยาบคาย
  • เมื่อประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการแล้ว เช่นสอบได้คะแนนสูงสุดในวิชาใดวิชาหนึ่ง อย่าลืมให้รางวัลตัวเองที่พยายามเตรียมตัวสอบมาอย่างดี
  • จดจ่อและอย่าไปใส่ใจคนที่ล้อเลียนคุณ คุณไม่ควรอายที่อยากจะเรียนหนังสือเก่ง
  • จริงใจ ถ้าคุณจริงใจจริง ๆ มันจะสะท้อนออกมาในสมุดพกของคุณ รักษาทัศนคติแบบนี้ให้ได้ตลอดเส้นทางการเรียนและหลังจากนั้น แล้วคุณจะกลายเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าโหมทำงานหนักเกินไป ชีวิตไม่ได้มีแต่การบ้านนะ ! อย่าลืมสิว่าคุณก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน
  • มีเส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างนักเรียนที่ช่วยเหลือคนอื่นอย่างจริงใจกับคนที่กระตือรือร้นมากเกินไป อย่า "แสร้งทำเป็นคนดี" ที่มัวแต่รอคำชมและเรียกร้องความสนใจจากอาจารย์ ปล่อยให้คนอื่นได้ช่วยเหลืออาจารย์ด้วย
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • กระดาษ
  • ปากกาหรือดินสอ
  • ไม้บรรทัด
  • สมุดโน้ต
  • ปากกาสี

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,030 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา