ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณได้เจอใครบางคนที่คุณชอบหรือชอบมาก คุณอาจจะกำลังเห็นดาวหรือรู้สึกเขิน คุณเริ่มยิ้มทุกครั้งที่คุณนึกถึงเขาและเริ่มกังวลว่าจะใส่ชุดอะไร คุณต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับเขาไปอีกขั้นแต่แน่นอนว่าคุณอยากให้มันเป็นไปอย่างราบรื่น ยิ่งความรู้สึกที่คุณมีต่อใครบางคนรุนแรงขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกและกังวลว่าจะทำหรือพูดสิ่งที่ผิดมากเท่านั้น การเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอาจจะเป็นสิ่งที่ยากแต่คุณสามารถทำขั้นตอนนี้ได้อย่างสำเร็จไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

การปูพื้นฐาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มันเป็นเรื่องที่เก่าแก่แต่เป็นเรื่องจริงว่าการกระทำมีค่ามากกว่าคำพูด มีเพียง 7% ของการสื่อสารในชีวิตประจำวันเท่านั้นที่เป็นวัจนภาษา 55% ของการสื่อสารมาจากภาษากาย [1] ก่อนที่จะเริ่มทำอะไร คุณต้อง อ่านภาษากาย เพื่อมองหาสัญญาณ เช่น การสบตาเป็นเวลานานและสีหน้าเชิงบวกเพื่อช่วยให้คุณรู้ว่าคุณจะได้รับการตอบรับเชิงบวกหรือไม่
    • ผู้หญิงอาจจะเปิดเผยบางส่วนของร่างกาย เช่น ลำคอหรือข้อมือและอาจจะเล่นกับผมของเธอ [2] เธออาจจะสัมผัสหรือโน้มตัวเข้าหาคุณ หรืออาจจะหันตัวเข้าหาคุณด้วยอ้อมแขนที่เปิดและไม่กอดอก [3]
    • ผู้ชายอาจจะแสดงสัญญาณที่โจ่งแจ้งและชัดเจนมากกว่า สัญญาณเหล่านี้ ได้แก่ การพาดแขนด้านหลังเก้าอี้ของคุณ การสบตาอย่างจริงจัง และการนั่งใกล้หรือโน้มตัวเข้าหาคุณ
  2. คุณต้องส่งและรับสัญญาณที่ถูกต้อง ภาษากายของคุณอาจจะบอกใบ้ว่าคุณสนใจเขา
    • การยิ้มอาจจะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าใครบางคนสนใจ คุณต้องยิ้มเพื่อสื่อสารความสนใจกับเขา
    • คุณอาจจะสังเกตว่าคุณกำลังเลียนแบบเขาซึ่งเป็นการเลียนแบบการกระทำของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว เมื่อใครบางคนยิ้มให้คุณ คุณจะยิ้มกลับให้เขา การจีบคือวิธีในการเลียนแบบการกระทำของอีกฝ่าย ลองดูว่าคุณเข้าใจตรงกันหรือไม่ด้วยการกระทำ ถ้าอีกฝ่ายเลียนแบบคุณก็ดี แต่ถ้าไม่ คุณก็ควรเลียนแบบเขาเพื่อสานสัมพันธ์ [4]
  3. ถึงแม้ว่ามีวิธีการจีบทางกายภาพแต่การพูดคุยยังเป็นวิธีที่ดีในการทำความรู้จักใครบางคนและพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้น การรับฟังอย่างตั้งใจและมีทักษะการสื่อสารที่ดีสามารถบ่งบอกความมั่นใจซึ่งเป็นคุณสมบัติที่น่าดึงดูดมากที่สุดอย่างหนึ่งที่เราควรมี ผู้ชายถูกกระตุ้นด้วยการกระทำแต่ผู้หญิงมักจะให้คุณค่ากับคำพูดที่มีความหมายจากคนรัก [5] คนส่วนใหญ่มักจะชื่นชมคนที่พูดได้ดีไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม เคล็ดลับในการสร้างบทสนทนาที่ดี ได้แก่:
  4. เมื่อคุณคุยกับคู่ของคุณก็ควรงดเว้นการพยากรณ์อากาศหรือคำถามที่สามารถตอบได้ด้วยคำเดียว (และทำให้เกิดความเงียบที่อึดอัด) [6]
    • คำถามปลายเปิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน พื้นเพส่วนตัว ความสนใจและงานอดิเรกที่มีเหมือนกันสามารถนำพาบทสนทนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง
    • เช่น “เธอชอบอ่านหนังสืออะไรช่วงนี้? ได้ดูหนังดีๆ บ้างหรือเปล่า? อะไรคือสิ่งที่เธอชอบมากที่สุดเกี่ยวกับเมือง/ย่านที่เธออาศัยอยู่?” คือวิธีที่ดีเพื่อทำให้บทสนทนาไหลลื่น
    • คำถามติดตาม เช่น “ใครคือตัวละครโปรดในหนังสือเล่มนั้น? เธอคิดยังไงกับตอนจบของหนังเรื่องนั้น? ทำไมเธอถึงชอบบริเวณนั้นของเมืองมากมาย?” แสดงออกว่าคุณใส่ใจกับคำตอบของคู่ของคุณและโต้ตอบในแบบที่สนใจ
  5. ถึงแม้ว่าคำพูดหวานๆ และมุกตลกไม่เครียดสามารถสร้างบทสนทนาที่สนุกได้แต่ความจริงใจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งนี้ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเล่ารายละเอียดส่วนตัวของชีวิตในบทสนทนาเดียวแต่การพูดอย่างจริงใจและตรงไปตรงมาว่าคุณมองหาอะไรในตัวของคู่ของคุณ วิสัยทัศน์ของชีวิต และอื่นๆ แสดงออกเป็นความเชื่อมั่นและความรู้ในตัวเอง มันยังทำให้คู่ของคุณเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไรและรู้สึกสบายใจกับการแบ่งปันมุมมองของเขาเช่นกัน [7]
  6. การพูดเชิงบวกช่วยให้คุณมีน้ำเสียงที่ไม่เครียด ท่าทางที่สนใจ และสีหน้าที่สดใส ความคิดลบจะทำให้คุณดูปิดตัวและอาจจะดูน่าเบื่อ ถ้าคุณอยากพูดเกี่ยวกับเรื่องเชิงลบก็ควรเปลี่ยนให้เป็นเชิงบวกในแบบขำขัน คุณอยากแบ่งปันและจริงใจแต่คุณต้องทำให้สิ่งต่างๆ ไม่เครียดและน่าพอใจในช่วงแรก [8]
  7. วางแผนการออกเดทที่เรียบง่ายและโรแมนติกล่วงหน้าในสถานที่ส่วนตัวและใกล้ชิด คุณสามารถทำอาหารมื้อเย็นที่อพาร์ทเม้นท์หรือชวนคู่เดทมาดื่มที่บ้านแทนที่จะไปดูหนังกันทานข้าวนอกบ้าน แนวคิดคือการสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยและสบายๆ ที่ยังรู้สึกเป็นธรรมชาติและโรแมนติก
  8. ถ้าบรรยากาศที่โรแมนติกไม่ใช่แนวของคุณหรือคนที่คุณชอบก็สามารลองบางอย่างที่สบายๆ มากขึ้น
    • ให้เบอร์โทรศัพท์ของคุณ คุณสามารถทำวิธีนี้ในแบบที่แนบเนียน แนะนำหนังหรือหนังสือเรื่องโปรดจากนั้นพูดว่า “เอาเบอร์ของฉันไปแล้วโทรมาบอกนะว่าคิดยังไง”
    • ส่งข้อความแบบเรียบง่ายบนสื่อโซเชียล แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปของเธอใน instagram ส่งข้อความใน Facebook หรือ Twitter คุณยังสามารถใช้การอัปเดตสถานะของเธอเพื่อเริ่มบทสนทนาและเปิดโอกาสเพื่อชวนเธอออกเดทอย่างเรียบง่าย [9]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

การเป็นฝ่ายเริ่มก่อนที่ดีที่สุด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเป็นฝ่ายเริ่มก่อนไม่จำเป็นต้องเป็นคำถามที่โจ่งแจ้งและน่าอึดอัด “จะไปเดทกับฉันไหม?” ถ้าคุณทั้งคู่ชอบพิซซ่าก็ลองเสนอร้านพิซซ่าโปรดสำหรับวันศุกร์ ถ้าอีกฝ่ายชอบดูหนังก็ลองบอกว่าคุณควรไปดูหนังด้วยกันเร็วๆ นี้ ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งแสดงความสนใจก็ควรเปลี่ยนความสนใจนั้นให้เป็นแผนการเที่ยว เช่น แทนที่จะพูดว่า “ใช่ เราน่าจะไปดูหนังกัน” คุณควรพูดว่า “หนังเรื่อง Casablanca ฉายที่โรงหนังอิสระตอนหนึ่งทุ่มของวันพฤหัสบดี เธออยากไปดูไหม?”
  2. ถ้าคุณไปทานมื้อค่ำหรือดูหนังด้วยกันก็ควรส่งข้อความเพื่อให้เธอรู้ว่าคุณรู้สึกสนุกมาก วิธีนี้แสดงออกว่าคุณยังชอบเธออยู่
    • ลองพูดถึงสิ่งที่เฉพาะเจาะจงที่เกิดขึ้นระหว่างการไปออกเดท เช่น มุกตลกหรืออาหารที่คุณทาน สิ่งนี้สามารถเป็นตัวเปิดบทสนทนาให้กับคุณ [10]
  3. บางครั้งวิธีที่ตรงไปตรงมาคือวิธีที่ดีที่สุด ถ้าสัญญาณจากอีกฝ่ายแสดงออกถึงความสนใจที่มีร่วมกันก็ให้เดินหน้าและชวนเธอไปออกเดท
    • อย่าทำตัวกดดันหรือก้าวร้าว คุณสามารถทำตัวตรงไปตรงมาแบบสบายๆ ถ้าคุณกดดันก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายกลัว
  4. หากคุณยังคงขี้อาย คุณสามารถชวนอีกฝ่ายไปออกเดทแบบกลุ่ม คุณอาจจะชวนไปทานมื้อเย็น ไปผับ ไปดูกีฬา หรือไปปาร์ตี้ มันทำให้คุณทั้งคู่มีโอกาสพูดคุยและไปเที่ยวด้วยกันแบบไม่กดดัน [11]
  5. สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นการยืนยันด้วยวาจา โดยปกติแล้วคู่ของคุณจะใช้สัญญาณทางกายภาพเพื่อระบุว่าเธอเต็มใจที่จะไปต่อหรือไม่ การตอบสนองของแต่ละคนจะแตกต่างกันแต่ภาษากาย เช่น การสัมผัสใบหน้าและส่วนต่างๆ ของร่างกายน่าจะหมายความว่าคุณสามารถไปต่อ ใส่ใจกับปฏิกิริยาของคู่ของคุณและปรับการกระทำของคุณให้เหมาะสม
    • คุณทั้งสองควรให้ความยินยอมในการไปต่อด้วยวาจาหรือทางกายภาพ ไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะพูดหรือทำอะไรก่อนหน้านี้ ความยินยอมเป็นเรื่องของช่วงเวลาที่แน่นอนเสมอ [12]
    • คุณทั้งคู่ควรอยู่ในสถานะที่สามารถตัดสินใจได้ดีซึ่งหมายความว่าคุณทั้งคู่ควรมีสติโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านี่เป็นครั้งแรกที่คุณมีอะไรกันทางร่างกาย
  6. มันก็ต้องใช้ความกล้าในการจูบใครบางคนเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับกาชวนใครบางคนไปออกเดท! ผ่อนคลายและมั่นใจแต่ไม่ก้าวร้าวจนเกินไป รักษาการสบตา โน้มตัวเข้าไป และหยุดเมื่อใบหน้าของคุณใกล้กันเพื่อให้แน่ใจว่าคู่ของคุณอยากจูบ จากการจูบ ค่อยๆ มีอะไรกันทางร่างกายมากขึ้น
  7. คุณได้เริ่มจูบกันแล้วแต่คุณยังอยากไปต่ออีกไกล ค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายคิดแบบเดียวกับคุณ สัมผัสแผ่วเบาและร่างกายที่ใกล้ชิดกันไม่เพียงแต่จะทำให้เจตนาของคุณชัดเจนแต่ยังจะทำให้คุณรู้ความชอบของอีกฝ่าย
    • คุณต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ เพื่อให้เวลาอีกฝ่ายปฏิเสธ คุณต้องมีช่วงเวลาที่สนุก ยินยอมกัน และปลอดภัยกับกันและกัน สิ่งนี้รวมไปถึงการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจ ถ้าอีกฝ่ายยังไม่พร้อมคุณก็ต้องเคารพความต้องการของเธอ
    • คุณต้องป้องกัน สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องบอกแต่ถ้าคุณกำลังเตรียมตัวรุกหน้าเป็นครั้งแรกก็ควรมีถุงยางอนามัยติดมือไว้ (ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใด ผู้หญิงก็ควรพกไปเองด้วย) ส่วนหนึ่งของการมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกันคือการทำให้มั่นใจว่าคุณทั้งคู่ปลอดภัยและสบายใจ เพราะฉะนั้นคุณต้องป้องกันเสมอ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • มีการโต้เถียงมากมายว่าผู้หญิงหรือผู้ชายควรเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถึงแม้ว่าแต่ละเพศสื่อสารความชอบในตัวของอีกฝ่ายแตกต่างกันแต่มันไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าเพศใดควรเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เคล็ดลับด้านบนสามารถใช้ได้กับทุกเพศ
  • ถ้าถึงจุดใดจุดหนึ่งคู่ของคุณพูดว่าหยุดหรือช้าก่อนก็ควรหยุดหรือค่อยเป็นค่อยไป จำไว้ว่าไม่แปลว่าไม่
  • ทำให้มั่นใจว่าคุณทั้งสองสามารถตัดสินใจยินยอม หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือแอลกอฮอล์ก่อนที่จะยกระดับความสัมพันธ์ทางร่างกาย
  • คุณต้องเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
  • คุณไม่ควรเล่าอะไรให้คนที่คุณไว้ใจไม่ได้ฟัง
  • คุณต้องป้องกันตัวให้ปลอดภัยและสนุกไปกับมัน
  • ถ้าผู้คนคิดลบกับคุณก็ควรเป็นแค่เพื่อนกัน
  • พยายามทำตัวมั่นใจและถ้าคุณรู้สึกกังวลบางครั้งฉันออกจากคอมฟอร์ทโซน แต่คุณอาจจะไม่ทำเช่นนั้นถ้าคุณยังมือใหม่อย่าเริ่มจู่โจมด้วยการจูบ
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,061 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา