ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่มีใครที่ไหนเคยพูดหรอกว่าเป็นพ่อคนนั้นเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะมีลูกอายุกี่ขวบ หรือมีกี่คน คุณก็ต้องรู้ว่าหน้าที่พ่อไม่มีทางสิ้นสุดแน่นอน ในการเป็นพ่อที่ดี คุณต้องทำให้เป็นปัจจุบัน ต้องเป็นคนรักษาวินัย เป็นตัวอย่างที่ดี และต้องเข้าใจความต้องการของลูกโดยไม่ย่อท้อ ถ้าคุณอยากรู้วิธีในการเป็นพ่อที่ดีแล้วล่ะก็ ตามคำแนะนำในขั้นตอนเหล่านี้ไปเลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

อยู่กับลูก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลูกของคุณไม่สนใจหรอกว่าบริษัทคุณเพิ่งมีการเลื่อนตำแหน่งครั้งใหญ่หรือว่าคุณมีบ้านหลังที่แพงที่สุดในย่านนี้ สิ่งที่พวกเขาสนใจคือคุณจะกลับบ้านมารับประทานมื้อเย็นด้วยกันหรือไม่ สนใจว่าคุณจะพาพวกเขาไปดูการแข่งขันเบสบอลในวันอาทิตย์ และสนว่าคุณจะอยู่ดูหนังด้วยกันตอนกลางคืนในสัปดาห์นี้ต่างหากล่ะ ถ้าคุณอยากเป็นพ่อที่ดี ก็ควรแบ่งเวลาทุกวันให้กับลูกของคุณ หรืออย่างน้อยทุกสัปดาห์ก็ยังดี ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหนก็เถอะ
    • คุมเวลาเหล่านี้ในตารางงานของคุณไว้เลย บางทีคืนที่ดีที่สุดสำหรับลูกของคุณอาจเป็นวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ ให้เอาใจใส่เป็นพิเศษในวันเหล่านี้ และอย่าให้งานอื่นมาขัดจังหวะได้ล่ะ
    • ถ้าคุณมีลูกมากกว่าหนึ่งคน ก็ควรหาเวลาใช้กับลูกแต่ละคน เพื่อที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์กับลูกแต่ละคนได้
    • ถ้าคุณเหนื่อยมากจนไม่สามารถลุกไปเล่นบาสเกตบอลกับลูกได้ ให้ทำอย่างอื่นกับเขาแทน อย่างดูการแข่งขันบาสเกตบอล หรือดูหนังที่เกี่ยวกับบาสเกตบอลด้วยกัน มันเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องอยู่ทำอะไรสักอย่างอยู่ดี
  2. แม้ว่าจะมีการจัดการ "เวลาของคุณพ่อ" สำหรับลูกๆ ในทุกๆ สัปดาห์จะเป็นวิธีที่เยี่ยมยอดในการสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น แต่คุณก็ต้องอยู่กับลูกเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในชีวิตของเขา จัดการตารางงานเพื่อที่คุณจะได้มาอยู่กับลูกในวันที่เขาไปโรงเรียนวันแรก วันงานกีฬาสีครั้งแรก หรือวันจบการศึกษามัธยมปลายก็ตาม
    • ลูกของคุณจะจดจำเวลานี้ไปตลอดทั้งชีวิตเลยล่ะ และการที่มีคุณอยู่ตรงนั้นเป็นอะไรที่มีความหมายมากๆ
    • คุณอาจยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปอยู่กับลูกของคุณในตอนที่เผชิญกับเหตุการณ์สำคัญเลย แต่ถ้าคุณพลาดแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าคุณได้เสียใจทีหลังแน่ๆ
  3. คุณควรสอนลูกให้ประสบความสำเร็จด้านต่างๆ ในชีวิต โดยสามารถสอนให้อาบน้ำ สอนให้แปรงฟันเป็นประจำ ช่วยให้ขี่จักรยานเป็น และสอนขับรถเมื่อถึงเวลา คุณจะสอนให้ลูกชายรู้จักโกนหนวดและรักษาความสะอาดด้วยก็ได้เช่นกัน ลูกของคุณย่อมต้องการคุณเพื่อเรียนรู้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตพอๆ กับบทเรียนประจำวันเล็กๆ น้อยๆ เลยนะ [1]
    • แบ่งบทเรียนเหล่านั้นกับภรรยาของคุณ พวกคุณทั้งคู่ควรช่วยกันสอนสิ่งสำคัญที่เขาต้องรู้เมื่อเขาต้องโตขึ้น
    • ช่วยให้ลูกเรียนรู้จากความผิดพลาด ถ้าเขาทำอะไรผิด คุณควรช่วยให้เขาได้เห็นว่าทำไม และคุยเกี่ยวกับวิธีหลีกเลี่ยงนิสัยนั้นๆ ในอนาคตแทนที่จะแค่ลงโทษแล้วผ่านเลยไป
  4. การทำเป็นประจำในช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตของลูกนั้นสำคัญอย่างยิ่ง และการอยู่คุยกับลูกก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่มันน่าตื่นเต้นตลอดเวลาเพื่อให้เขาชอบที่จะได้ไปเที่ยวเล่นกับคุณ แค่คุณควรจดจ่อกับการสื่อสารกับเขา เพื่อเข้าใจความกังวลและสิ่งที่เขากำลังฝ่าฟัน
    • ให้แน่ใจว่าได้คอยดูลูกของคุณอยู่ทุกวัน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร ในสัปดาห์นี้กำลังจะเกิดอะไรขึ้น และเขากำลังคิดอะไรอยู่
    • อย่าถามแค่ส่งๆ อย่าง "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" โดยไม่ได้สนใจคำตอบจริงจัง
    • ถ้าลูกของคุณอยู่ในช่วงวัยรุ่นหรือเป็นนักศึกษาที่ไม่ค่อยมีเวลา พวกเขาอาจไม่ค่อยอยากมานั่งคุยว่าแต่ละวันเกิดอะไรขึ้นบ้างกับคุณ แค่ขอให้แวะดูให้บ่อยพอที่จะให้พวกเขาได้รู้ว่าคุณเอาใจใส่และไม่อยากปกปิดอะไรกับคุณ
  5. ในการเป็นพ่อที่ดี คุณควรหาเวลาออกไปเที่ยวกับลูกบ้าง จะมีหรือไม่มีแม่ด้วยก็แล้วแต่ คุณจะไปตกปลาสักปีละครั้งกับลูกสาว ไปเที่ยวทะเลกับลูกชาย หรือพาไปนอนป่าที่จะทำให้ลูกคุณไม่มีทางลืมไปได้เลย ไม่ว่าจะพาไปไหนทำอะไร ทำให้มันเป็นสิ่งพิเศษ น่าจดจำ และเป็นอะไรที่สามารถกลับมาทำอีกได้อย่างน้อยสักปีละครั้ง เพื่อที่คุณจะได้กลายเป็นคุณพ่อที่อยู่ด้วยแล้วสนุกของลูกๆ
    • ถ้าแม่เด็กไปเที่ยวด้วย หาเวลาอยู่กับลูกตามลำพังด้วยถ้าทำได้
    • วางแผนการเที่ยวครั้งนี้สักสองสามเดือนล่วงหน้าจะทำให้ลูกของคุณรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
  6. แม้ว่าการอยู่กับลูกจะสำคัญ แต่คุณก็ควรมี"เวลาของตัวเอง"บ้างเมื่อมีได้ ไม่ว่าจะใช้เวลาในบ่ายวันอาทิตย์กับการทำธุระของตัวเอง หรือเจียดเวลาสักชั่วโมงครึ่งในการวิ่งทุกเช้าหรือจดจ่ออยู่กับหนังสือดีๆ ทุกคืนก่อนเข้านอน คุณควรให้ความสำคัญกับลูกก่อนตัวเองในแทบทุกเวลา แต่ก็อย่าละเลยตัวเองล่ะ
    • ถ้าคุณไม่มีเวลาให้ตัวเอง คุณก็ไม่มีทางที่จะผ่อนคลายได้ เติมพลังให้ตัวเอง และให้เวลาพร้อมความใส่ใจกับลูกเท่าที่สมควร
    • คุณจะมีห้องหรือเก้าอี้พิเศษในบ้านที่ให้ลูกรู้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งก็ได้ ทำให้พวกเขาคุ้นชินกับ"เวลาของพ่อ" และอธิบายว่าคุณต้องทำธุระของตัวเองสักครู่หนึ่ง แม้ว่าลูกจะต้องการคุณก็เถอะ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

การปฏิบัติตามวินัยอย่างเท่าเทียม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การมีระเบียบวินัยไม่ได้หมายความแค่การทำโทษเด็กเมื่อเขาทำผิด แต่หมายถึงการให้รางวัลเมื่อเขาทำสิ่งที่ถูกต้องด้วย เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกมีกำลังใจและอยากทำพฤติกรรมนั้นซ้ำอีก ไม่ว่าลูกจะได้เกรด 4 (หรือเกรด A) รวด ช่วยน้องทำสิ่งที่ยากๆ หรือโตพอที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ คุณควรให้เขารู้ว่าคุณภูมิใจในตัวลูกแค่ไหน พาเขาไปยังร้านอาหารที่เจ้าตัวชอบ หรือทำอะไรก็ตามที่ทำให้ลูกรู้ว่าคุณชื่นชมในพฤติกรรมอันดีงามของลูกเพียงใด
    • หากลูกของคุณยังเด็ก การให้รางวัลด้วยความรักจะทำให้เขาเห็นว่าคุณภูมิใจในตัวเขาแค่ไหนได้ในระยะยาว
    • แม้การให้รางวัลหรือของเล่นใหม่ๆ ตอนที่เขาทำตัวดีจะเป็นการสนับสนุนให้มีพฤติกรรมดีๆ แต่คุณก็ไม่ควรให้ของเล่นหรือรางวัลเพื่อกระตุ้นให้ลูกแสดงว่าทำตัวดี ลูกของคุณควรถูกกระตุ้นเพราะคำสอนในเรื่องผิดถูกจากคุณต่างหาก
    • อย่าให้รางวัลลูกเพียงเพราะเขาทำสิ่งที่คุณคาดไว้ อย่างการทำงานบ้านแสนน่าเบื่อหรือทำความสะอาดหลังจากที่พวกเขาทำรกแล้ว ถ้าทำเช่นนั้น ลูกจะรู้สึกเหมือนเขาทำตามคำขอของคุณเฉยๆ
  2. ในการเป็นคนมีวินัยอย่างเท่าเทียม คุณต้องทำโทษลูกยามที่เขาทำผิด ไม่ได้หมายถึงการทำร้ายทางร่างกายหรือจิตใจนะ แต่หมายถึงให้ลูกรู้ว่าเขาทำผิด และแสดงให้เห็นถึงผลที่จะตามมาเมื่อเขาทำเช่นนั้น เมื่อลูกคุณโตพอที่จะเข้าใจถึงเหตุผล เขาก็จะรู้เวลาที่ตัวเองทำผิด [2]
    • ให้แน่ใจว่าคุณและภรรยาของคุณเห็นพ้องกันเรื่องการทำโทษลูก ผลลัพธ์ควรออกมาเหมือนกัน ไม่ว่าแม่หรือพ่อจะเป็นผู้พบว่าลูกทำผิดก็ตาม นี่จะช่วยให้ลูกไม่มองว่าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งใจดีกว่าหรือใจร้ายกว่า
  3. การเป็นคนที่คงเส้นคงวาถือเป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับการจัดการเรื่องการลงโทษและการให้รางวัลเลยนะ ถ้าลูกคุณเกิดทำอะไรผิดมา ผลที่ตามมาก็ต้องเหมือนกันทุกครั้งเสมอไป แม้ว่ามันจะไม่สะดวก หรือคุณอาจเหนื่อย หรืออยู่ข้างนอกก็ตาม และถ้าลูกคุณทำอะไรดีๆ แล้วล่ะก็ อย่าลืมที่จะทำให้เขารู้สึกพิเศษด้วยล่ะ ไม่ว่าคุณจะเหนื่อยหรือเครียดแค่ไหนก็ตาม
    • ถ้าคุณไม่แสดงออกอย่างมั่นคง ลูกคุณก็จะรู้ว่าการที่คุณทำนั้นก็ทำไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง
  4. แม้คุณอาจรู้สึกหัวเสียกับพฤติกรรมของลูกคุณ แต่การไปตะโกนใส่เขาก็ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ถ้าอยากตะโกนก็ให้ทำเวลาที่อยู่คนเดียว ตอนอาบน้ำ หรือไปตะโกนอัดใส่หมอนแทน แต่ถ้าตะโกนใส่ลูก ไม่ว่าเขาจะทำแย่แค่ไหนก็ตาม คุณสามารถขึ้นเสียงได้เล็กน้อยเพื่อให้ลูกรู้ว่าเขาทำผิด แต่ถ้าคุณตะโกนหรือส่งเสียงดังใส่เขา ลูกจะกลัวคุณและไม่อยากจะคุยด้วย
    • แม้มันจะยาก แต่ก็ไม่ควรให้ลูกเห็นเวลาที่คุณควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
  5. ไม่ว่าคุณจะโกรธแค่ไหน ก็ไม่ควรไปตี ไปทำให้เจ็บ หรือไปคว้าบีบลูกคุณแรงๆ นั่นจะทำให้ลูกคุณเจ็บทั้งทางร่างกาย และ จิตใจ และทำให้เขาอยากหลีกเลี่ยงจากคุณในทุกกรณี ถ้าลูกคุณคิดว่าคุณอาจแสดงอาการโหดร้ายออกมาได้ เขาจะปิดกั้นและไม่ต้องการที่จะอยู่ใกล้ๆ คุณ คุณควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่โหดร้ายกับลูก หรือภรรยาของคุณ ถ้าหากต้องการความเคารพจากลูกของคุณอยู่ [3]
  6. ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ลูกคุณจะต้องรู้ว่าคุณคือคนที่มีวินัยเข้มงวดและไม่ควรโกหกคุณ แต่ลูกคุณก็ต้องรู้สึกต้องการความรักและความใส่ใจจากคุณ พร้อมทั้งมีช่วงเวลาดีๆ กับคุณไปพร้อมๆ กันด้วย ในการเป็นพ่อที่ดี คุณต้องเชื่อมระหว่างการสอนบทเรียนที่ยากลำบากและการทำให้ลูกของคุณรู้สึกรักและชื่นชมเข้าด้วยกัน
    • ถ้าคุณเป็นที่น่าเกรงขามเกินไป ลูกของคุณอาจรู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนักในการเปิดใจกับคุณ
    • ถ้าคุณเป็นที่รักเกินไป ลูกของคุณจะเห็นว่าคุณเป็นคนเหลาะแหละที่ไม่กล้าดุไม่กล้าสอนอะไร
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

การเป็นแบบอย่างที่ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณอยากจะทำเป็นตัวอย่างให้ดู คำพูดติดปากก็ควรจะเป็นคำว่า "ทำแบบที่พ่อบอกสิ และ อย่างที่พ่อทำนี่ไง" แล้วลูกจะรู้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนหลอกลวง เมื่อคุณสอนเขาจากผิดให้เป็นถูก ถ้าคุณอยากให้ลูกทำตามที่คาดไว้ให้ได้ เขาก็ต้องเห็นพฤติกรรมด้านบวกจากคุณก่อน นี่คือตัวอย่างวิธีบางวิธีที่คุณจะสามารถนำมาทำเป็นแบบอย่างได้:
    • อย่างเช่น ถ้าคุณไม่อยากให้ลูกสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เกินความจำเป็น ก็ไม่ควรสูบไม่ควรดื่มต่อหน้าลูก หรือไม่ก็ไม่สูบไม่ดื่มไปเลย
    • ถ้าคุณอยากให้ลูกมีน้ำใจและเคารพผู้อื่น คุณก็ต้องหยิบยื่นน้ำใจให้ลูกเห็น ควรเคารพตั้งแต่บริกรในร้านอาหารใกล้บ้านจนไปถึงเซลล์ขายสินค้าทางโทรศัพท์
    • ถ้าคุณไม่อยากให้ลูกไปหาเรื่องใคร ก็อย่าชวนแม่เด็กทะเลาะตอนอยู่ต่อหน้าเขา
  2. ถ้าอยากเป็นแบบอย่างที่ดี ก็ควรเคารพแม่ของลูกคุณด้วย ถ้าคุณแต่งงานกับเธอแล้ว ก็ควรให้ลูกเห็นว่าคุณรักเธอแค่ไหน ไปช่วยเธอ และสนิทไปกับเพื่อนของเธอด้วย ถ้าเกิดว่าคุณทำตัวไม่ดีกับภรรยาของตัวเอง ลูกก็จะคิดว่าการเสียมารยาทกับแม่หรือคนอื่นๆ ย่อมไม่เป็นไร เพราะขนาดพ่อยังทำได้เลย [4]
    • ส่วนหนึ่งของการเคารพแม่เด็กนั้นรวมถึงการช่วยกันดูแลลูก และช่วยทำงานบ้านด้วยนะ
    • ให้ลูกคุณได้เห็นการที่คุณชื่นชมเธอและมอบความรักความเอาใจใส่ให้สมกับที่เธอควรได้รับ
    • ไม่ใช่แค่ให้ความเคารพแม่เด็ก แต่ให้รัก และรักษาความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรัก ความสนุก และความดูแลเอาใจใส่ด้วย เมื่อแม่เด็กมีความสุข ทุกคนก็ย่อมมีความสุข
    • ถ้าคุณกับแม่เด็กหย่ากันไปแล้ว ก็อย่าใช้คำไม่ดีพูดถึงเธอล่ะ แม้ความสัมพันธ์ของคุณจะไม่ดีก็ตาม การที่ให้ลูกคุณได้เห็นว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีระหว่างคุณกับแม่ของเขาจะทำให้ลูกของคุณเครียดและรู้สึกสับสน
  3. คุณไม่จำเป็นต้องเป็นแบบอย่างที่ดีโดยสมบูรณ์ จริงๆ แล้วการที่ไม่สมบูรณ์แบบจะดีกว่า เพราะลูกคุณจะได้เห็นว่าไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบ และทุกคนย่อมมีข้อผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น เมื่อคุณทำผิด อย่างลืมไปรับลูกที่โรงเรียนเมื่อถึงเวลา หรือเผลอโกรธอาละวาดขึ้นมา คุณควรขอโทษและพูดในเชิงสำนึกผิด
    • ถ้าคุณยอมทิ้งศักดิ์ศรีเมื่ออยู่ต่อหน้าลูก เขาจะเห็นว่ามันก็ไม่เป็นไรที่จะยอมรับความผิดเมื่อเขาทำผิดเช่นกัน
    • การยอมรับว่าตัวเองทำผิดจะยิ่งช่วยให้เป็นแบบอย่างที่ดีมากกว่า "การทำสิ่งที่ถูก" ในทุกๆ ครั้งเสียอีก
  4. ถ้าคุณอยากให้ลูกคอยช่วยเหลืองานที่บ้าน คุณก็ควรช่วยงานบ้านด้วยเช่นกัน ไม่ว่างาน จะกินเวลาการทำงานของคุณแค่ไหนก็ตาม ให้เขาได้เห็นคุณล้างจาน ทำความสะอาดเคาน์เตอร์ และดูดฝุ่นพรม ลูกคุณก็จะอยากมาช่วยด้วย ถ้าเขาคิดว่าการทำความสะอาดเป็น"หน้าที่ของแม่"ล่ะก็ เขาอาจไม่ค่อยอยากช่วยเมื่อต้องทำความสะอาด
    • การช่วยงานบ้านไม่เพียงแต่จะทำให้ภรรยาคุณมีความสุข แต่มันจะทำให้ลูกของคุณเห็นว่าคุณกับภรรยาทำงานร่วมกัน และเขาก็ควรเข้าไปร่วมด้วย
  5. ความเคารพเป็นสิ่งที่ควรได้รับมาด้วยความพึงใจของผู้ที่เคารพ ไม่ใช่การบังคับ และคุณควรทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อที่ลูกจะได้เคารพคุณในฐานะพ่อ ถ้าคุณไม่ค่อยอยู่บ้าน ตะโกนใส่แม่ หรือมีวินัยแค่บางเวลาที่คุณมีอารมณ์จะทำ ลูกก็จะไม่เคารพคุณเพียงเพราะคุณเป็นคุณพ่อหรอกนะ คุณควรแสดงออกมาในทางที่น่าเลื่อมใส ซื่อสัตย์ และมั่นคง เพื่อที่ลูกคุณจะได้เห็นว่าคุณคือพ่อตัวอย่าง และเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การนับถือ
    • ลูกของคุณไม่ควรยกย่องบูชาและคิดว่าคุณสมบูรณ์แบบไปหมด เขาควรได้เห็นว่าคุณเป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่อยากจะทำดีกับเขา
  6. แม้คุณอาจคิดว่าการเป็นแบบอย่างที่ดีนั้นหมายถึงทำทุกอย่างให้มันถูกต้องแม้จะต้องห่างๆ กับลูกบ้าง แต่ที่จริงมันหมายถึงความสัมพันธ์ที่เชื่อมกันพอที่จะสามารถจูบหรือกอดลูกได้ และให้เขารู้ว่าเขามีความหมายกับคุณแค่ไหน อย่าเพียงแค่พูดไปวันๆ ว่า "พ่อรักลูก" แต่ให้มอบความอบอุ่นกับลูกผ่านทางร่างกาย และให้เขารู้ว่าเขามีความหมายกับคุณ [5]
    • ไม่ว่าลูกคุณจะอายุเท่าไร ก็ย่อมต้องการความรักและเอาใจใส่จากคุณอยู่ดี
    • ชมลูกคุณและให้เขารู้ว่าชีวิตคุณจะไม่มีทางเหมือนเดิมถ้าหากไม่มีเขา
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

การเป็นผู้ที่เข้าอกเข้าใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้คุณอาจอยากให้ลูกดำเนินกิจการที่บ้านต่อ เข้าเรียนในโรงเรียนที่คุณจบมา หรือเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนมีชื่อเสียงอย่างที่คุณเคยเป็น แต่คุณก็ต้องรับความจริงให้ได้ว่าลูกของคุณก็คือคนๆ หนึ่งที่มีความต้องการ ความปรารถนาของตนเอง และนั่นอาจไม่ไปในแนวเดียวกับคุณก็ได้ คุณอาจคิดว่าทางเดินที่ปูไว้ให้นั้นเป็นทางเดียวที่จะทำให้มีความสุขได้ แต่ในการเป็นพ่อที่ดี คุณต้องยอมรับว่าลูกของคุณอาจมีความคิดที่ต่างออกไปในการใช้ชีวิตของเขา
    • แม้คุณอาจคิดว่าที่คุณพยายามบอกลูกไปว่าต้องทำอย่างไร หรือต้องใช้ชีวิตอย่างไรอย่างดีที่สุดแล้ว แต่จริงๆ คุณอาจกำลังทำลายอิสระของเขาด้วยการควบคุมอยู่ก็เป็นได้
    • ต้องใช้เวลาหน่อยในการยอมรับความต้องการของลูกคุณ ถ้าคุณไม่เข้าใจในทันทีว่าทำไมลูกสาวหรือลูกชายคุณอยากเป็นศิลปินขณะที่คุณทำงานเป็นแพทย์อยู่ ให้เขาอธิบายออกมา และตั้งใจฟังแล้วทำความเข้าใจซะ
    • ถ้าคุณพยายามที่จะบังคับลูกมากเกินไป เขาอาจไม่พอใจแล้วหยุดเปิดใจกับคุณก็เป็นได้
    • ให้ลูกได้ตัดสินใจด้วยตัวเองโดยการปล่อยให้เขามีเสรีภาพและเปิดใจ คุณอาจอยากให้เขาเล่นเบสบอล แต่ให้พาเขาไปทำกิจกรรมต่างๆ หลายๆ รูปแบบและให้เขาตัดสินใจเองว่าชอบอันไหนมากที่สุด
  2. ในการเป็นพ่อที่ดี คุณต้องเข้าใจว่าลูกของคุณไม่ได้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมเดียวกันกับคุณ แม้คุณเลี้ยงดูในเวลาเดียวกันก็เถอะ ด้วยยุคโลกาภิวัตน์ อิทธิพลของชุมชนออนไลน์ และการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในสภาพสังคมปัจจุบัน ลูกคุณอาจระวังตัวน้อยกว่าคุณ และจะรับรู้ถึงปัญหากับความเปลี่ยนแปลงในสังคมปัจจุบันมากกว่า [6]
    • ดังนั้นรู้ไว้ซะว่าการเจาะที่ต่างๆ ตามร่างกาย การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน และการเดินทางรอบโลกนั้นเป็นเรื่องปกติในปัจจุบันมากกว่าช่วงยุคสมัยของคุณ ควรยอมรับว่าลูกย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา และอาจอยากท่องเที่ยวไปรอบโลกมากกว่าที่คุณทำ
    • คุณอาจรู้สึกว่าคุณรู้ดีว่าโลกนี้มันเป็นอย่างไร แต่ก็ควรปล่อยให้ลูกได้เข้าใจด้วยตนเอง และแบ่งปันมุมมองนั้นกับคุณ
  3. ถ้าคุณอยากเป็นพ่อที่เข้าใจลูก คุณก็ต้องยอมรับมัน ลูกก็เหมือนคุณ เขาไม่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างหรอก และอาจทำพลาดได้ ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยเรื่องผิดพลาดที่จะทำให้ลูกคุณได้เรียนรู้ และคุณต้องยอมรับว่าบทเรียนหลายอย่างนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าลูกชายคุณจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เล็กน้อย สอบตกเพราะไม่ยอมอ่านหนังสือ หรือเอาเงินออมไปซื้ออะไรที่ไม่จำเป็นก็ตาม
    • ถ้าคุณไม่ปล่อยให้ลูกทำผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย เขาก็จะไม่เรียนรู้อะไรเลย แม้ว่าคุณจะอยากปกป้องเขา แต่การให้เขารู้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเองจะทำให้เขามีการตัดสินใจที่ดียิ่งขึ้น
    • คุณยังควรต้องใช้วินัยกับลูกอย่างเหมาะสมเมื่อเขาทำผิด แต่คุณก็ต้องคุยกับเขาก่อนว่าเขาทำอะไรผิด และให้เขาเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองแทนที่จะไปตะโกนต่อว่าเขา
  4. ถ้าคุณอยากจะเป็นพ่อที่ดีแล้วล่ะก็ คุณต้องรู้ว่าเมื่อไรที่ลูกคุณกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ลำบาก และต้องการการเอาใจใส่จากคุณ บางทีลูกสาวของคุณอาจรู้สึกลำบากใจเพราะคุณย้ายไปยังเมืองใหม่และเธอก็ไม่มีเพื่อนเลยสักคน หรือบางทีลูกชายอาจเพิ่งอกหักครั้งแรกมาและรู้สึกแย่มาก
    • แม้คุณจะไม่สามารถให้อภัยความห่างเหินหรืออารมณ์พฤติกรรมของลูกได้ทั้งหมด คุณก็ควรรับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพื่อที่จะได้เข้าใจและพูดคุยกันได้เมื่อเขาเจอเรื่องที่ลำบาก
    • แค่การพูดว่า "พ่อรู้ว่าลูกกำลังเจอช่วงเวลาที่ลำบาก อยากคุยเรื่องนี้กันหน่อยไหมล่ะ?" ก็จะช่วยให้ลูกคุณได้เห็นว่าคุณห่วงเขาแค่ไหน
    • ลองเอาใจลูกมาใส่ใจคุณ ถ้าคุณรู้สึกอึดอัด การเข้าใจว่าลูกของคุณคิดมากเรื่องอะไร จะทำให้คุณเข้าใจถึงพฤติกรรมของเขา
  5. อย่าคาดหวังในสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลกับลูกของคุณ. ชีวิตของลูกคุณอาจต้องรับกับความกดดันจากพี่น้อง เด็กคนอื่นที่โรงเรียน คุณครู จนถึงครูฝึก ช่วยให้ลูกคุณเข้าใจถึงความต้องการของเขา และประเมินความสามารถกับข้อจำกัดของเขา ช่วยให้เขากำหนดเป้าหมาย สนับสนุนให้เขาได้ดึงศักยภาพที่ซ่อนไว้ออกมา แต่อย่าให้เขาใช้ชีวิตเป็นตัวแทนของคุณโดยการคาดหวังให้เขาทำตามสิ่งที่คุณทำสำเร็จแล้ว หรือสิ่งที่คุณหวังให้เขาทำสำเร็จ
  6. อย่าคิดว่าเมื่อลูกของคุณอายุ 21 หรือได้รับปริญญาแล้วงานเลี้ยงดูของคุณถือว่าเสร็จสิ้น แม้ว่ามันจะสำคัญในการสนับสนุนให้ลูกของคุณมีอิสระด้านการเงินและการจัดการอารมณ์ แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันที่จะต้องให้ลูกรู้ว่าคุณยังใส่ใจและอยู่ข้างๆ เขา และเขามีค่าสำหรับคุณเสมอ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • มีความอดทนกับการทำทุกอย่างที่ทำเพื่อลูกของคุณ
  • ฟังลูกของคุณเสมอ
  • ควรพูดกับลูก ไม่ใช่พูดใส่ลูก
  • ฝึกให้ลูกของคุณให้ทำตามคำสั่งด้วยการทำเป็นตัวอย่าง โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับตัวเองอย่าง "ทำตามที่พ่อสั่งสิ ไม่ใช่ที่พ่อทำ"
  • จุดประสงค์ของการทำให้ลูกมีวินัยคือการให้เขาได้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและไม่เป็นที่ยอมรับของตัวเขาเอง อาจใช้กำลังได้บ้างบางครั้ง ถือว่าจำเป็นสำหรับการทำตามเป้าหมายที่ประสงค์ไว้ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าไร บ่อยครั้ง การจัดการด้วยวิธีอื่นอย่างการกีดกันเขาจากสิ่งที่เขาเห็นค่านั้น จะได้ผลเมื่อเวลาผ่านไป ขณะที่ทำให้เขานับถือตนเองและเคารพคุณในฐานะผู้ปกครอง สอนลูกถึงสิ่งที่ถูกต้องจากความผิดพลาดถือเป็นกระบวนการหนึ่ง วิธีของการมีวินัยที่แสดงผลสำเร็จในระยะสั้นอาจ ส่งผลไม่ดีโดยไม่ได้ตั้งใจในระยะยาวก็เป็นได้
  • ให้รางวัลเมื่อถึงเวลา
  • ยอมรับถ้าหากว่าลูกคุณชอบเพศเดียวกัน
  • การทำให้ลูกเจ็บจะเป็นการทำให้เขากลัวและอาจทำให้เขากลายเป็นคนดื้อรั้นในระยะยาว
  • ถ้าคุณรับเลี้ยงลูกมา ต้องยอมรับว่าเขาเป็นใคร และอย่าไปบังคับให้เขาทำเหมือนคุณ
  • ถามพ่อหรือปู่ของคุณว่ามีเคล็ดลับในการดูแลตัวคุณเองไหม หรือถามคำถามที่คุณต้องการจะรู้ในฐานะพ่อคน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,846 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา