PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ฮิปสเตอร์คือเหล่าผู้คนที่ชื่นชอบเสื้อผ้า ดนตรี อาหาร และกิจกรรมต่างๆ ที่นอกเหนือไปจากความนิยมของสังคมกระแสหลัก หากคุณต้องการจะเปิดรับวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยค่ายเพลงอินดี้ เสื้อผ้าวินเทจ และกาแฟจากผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟโดยเฉพาะ คุณสามารถเริ่มต้นทำตามขั้นตอนที่ 1 ได้เลย!

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

แต่งตัวตามแฟชั่นแบบฮิปสเตอร์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แฟชั่นมีความสำคัญมากพอๆ กับรสนิยมทางดนตรีของคุณ ฮิปสเตอร์หลายคนนิยมซื้อเสื้อผ้าจากร้านวินเทจเป็นประจำ แต่นี่ก็ไม่ใช่กิจกรรมภาคบังคับ และคุณก็ไม่จำเป็นต้องหาเสื้อผ้าวินเทจมาไว้ในตู้เสื้อผ้าสุดฮิปสเตอร์ของคุณแต่อย่างใด
    • หลีกเลี่ยงการซื้อเสื้อผ้าจากแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มีร้านเป็นของตัวเอง (ทุนนิยมนี่มันแย่จริงๆ) เลือกซื้อเสื้อผ้าจากร้านอิสระเล็กๆ เพราะการสนับสนุนกิจการค้าปลีกที่ยังไม่โด่งดังพวกนี้มันเท่สุดๆ ไปเลย ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจไปซื้อเสื้อผ้าจากร้านค้าเล็กๆ แถวบ้านคุณที่ขายสินค้าจากหลายๆ แบรนด์ก็ได้
    • อย่าลืมประเมินสิ่งที่คุณกำลังสวมใส่ คุณสวมเสื้อผ้าหลายชั้นอยู่หรือไม่ คุณซื้อเสื้อผ้าจากแบรนด์ท้องถิ่นหรือไม่ สีหรือสไตล์สำหรับฤดูกาลนี้คืออะไร เสื้อของคุณโฆษณาอะไรบางอย่างที่ฮิปสเตอร์ด้วยกันเห็นแล้วรู้กันหรือไม่
  2. โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่มีสีสันสดใสหรือมีลวดลายต่างๆ กางเกงแบบนี้สามารถใส่ได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร ฮิปสเตอร์เพศชายมักจะผอมพอๆ กับผู้หญิงอยู่แล้ว
    • จริงๆ แล้วฮิปสเตอร์เพศชายมักจะใส่กางเกงยีนส์รัดรูปมากกว่าเพศหญิง เพราะฮิปสเตอร์เพศหญิงชอบใส่เลกกิ้งมากกว่า
    • อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับฮิปสเตอร์เพศหญิงคือกางเกงยีนส์เอวสูง (แบบที่เรียกว่า mom jeans)
  3. ฮิปสเตอร์ชื่นชอบแว่นตาที่ย้อนแย้งเพราะไม่รู้จะใส่ไปทำไม เช่น แว่นตาที่เป็นตะแกรง (shutter shades) แว่นตาเลนส์พลาสติกขนาดใหญ่ เช่น แว่นตากรอบหนาแบบนักร้อง Buddy Holly และที่พบเจอบ่อยที่สุดคือ Ray Ban รุ่น Wayfarers ในทุกเฉดสีของรุ้งกินน้ำ
    • ฮิปสเตอร์บางคนใส่แว่นตาแม้ว่าสายตาเขาจะปกติสุดๆ! ในกรณีเช่นนี้ คุณอาจถอดเลนส์ออก หรือตรวจสอบให้แน่ใจว่าแว่นที่คุณเลือกมาเป็นเลนส์ธรรมดา ไม่ใช่เลนส์สายตา
  4. เสื้อเหล่านี้เป็นทางเลือกที่ดี เสื้อวงดนตรี เช่น Pink Floyd, Metallica หรือ Van Halen เสื้อเชิ้ตลายสก็อต เสื้อเชิ้ตแบบคาวบอย หรือเสื้ออะไรก็ตามที่เป็นลายตาราง ลายสก็อต ลายตาหมากรุก ลายลูกน้ำ และลายดอกไม้แบบวินเทจ
    • ฮิปสเตอร์หลายคนมักใส่เสื้อที่มีการปักลายแบบต่างๆ เช่น รูปสัตว์ รูปป่าเขา รูปตัวการ์ตูนจากช่องโทรทัศน์สำหรับเด็ก หรือปักเป็นคำพูดประชดประชัน หรือกระทั่งหน้าปกหนังสือเล่มต่างๆ
    • ใส่เสื้อฮู้ดแบบพอดีตัวก็เป็นอีกแฟชั่นที่เหมาะมากๆ
  5. ลองใส่ชุดกระโปรงลายดอกไม้วินเทจ หรือชุดกระโปรงผ้าลูกไม้ การไปค้นตู้คุณยายเป็นแหล่งหาเสื้อผ้าที่ดี แต่คุณควรรู้วิธีเย็บและปรับแต่งเสื้อผ้าวินเทจเหล่านี้ให้เข้ากับขนาดตัวของคุณ
  6. รองเท้าที่ดูเป็นฮิปสเตอร์สุดๆ ได้แก่ รองเท้าบู๊ทแบบคาวบอย รองเท้าบู๊ทแบบทหาร รองเท้าวินเทจ รองเท้าแปลกๆ และรองเท้าส้นแบนหลากหลายประเภท
    • รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สดูไม่เป็นฮิปสเตอร์อีกแล้ว คอนเวิร์สเป็นรองเท้าที่ดูดีและคุณก็สามารถใส่มันไปไหนก็ได้ แต่ในเมื่อใครๆ ก็ใส่คอนเวิร์ส มันเลยดูไม่เป็นฮิปสเตอร์
    • คุณอยากได้รองเท้ากีฬาสักคู่ Reebok รุ่น Classic เป็นทางเลือกที่ดี
    • รองเท้าส้นสูงควรสูงอย่างน้อย 5 นิ้ว และบู๊ทระดับข้อเท้าก็เป็นที่นิยมมากๆ หรือคุณอาจลองใส่รองเท้าแตะน่ารักๆ รองเท้า Keds รองเท้าบู๊ท หรือรองเท้าบู๊ทคุณยายก็ได้ รองเท้าพวกนี้สวมใส่ได้ทุกสถานการณ์และทำให้คุณดูไม่ได้ตั้งใจแต่งตัวมากนัก (แม้ว่าคุณจะใช้เวลานานมากๆ กว่าจะเจอรองเท้าคู่ที่ใช่ก็ตาม)
  7. คุณสามารถเลือกประดับตกแต่งร่างกายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมงกุฎดอกไม้ ยาทาเล็บสีนีออน ยาทาเล็บสีดำ เข็มกลัด เข็มขัดสีสด สร้อยคอรูปนก เลกกิ้งสีสดหรือเลกกิ้งลวดลายต่างๆ ฯลฯ
    • อย่าลืมระเบิดหูให้ใหญ่ๆ เจาะหูเจาะตัว และหารอยแผลเป็นจากการทำงานไม้หรืองานช่างอื่นๆ
    • เครื่องประดับแนวประชดประชันเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ของที่เด็กๆ เอาไปโรงเรียนอย่างกล่องข้าวกลางวันที่มีรูปสัตว์
    • ของสำคัญที่ฮิปสเตอร์ต้องมีได้แก่กระเป๋าสะพายทรง messenger (ห้ามใช้เป้สะพายหลังนะ) จะดีมากหากคุณใช้กระเป๋ายี่ห้อ Freitag ซึ่งสามารถจุ MacBook, iPhone และ แผ่นเสียง (ห้ามใช้แผ่นซีดีนะ) ของวงโปรดของคุณในตอนนี้ได้
  8. และใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้น การสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ดูฮิปสเตอร์มากๆ เหมือนคุณกำลังบอกคนอื่นว่า “ฉันไม่แคร์เรื่องการแต่งตัวเท่าไหร่หรอก” ทั้งที่จริงๆ แล้วคุณต้องวางแผนล่วงหน้านานมากว่าจะใส่อะไรจนกว่าจะทำจนติดเป็นนิสัยได้
    • จำไว้ว่าการแต่งตัวแบบฮิปสเตอร์นั้นไม่จำเป็นต้องปรับให้เข้ากับสถานที่ที่คุณจะไป แม้ว่าคุณจะไปทะเลก็แต่งตัวเหมือนคุณกำลังเดินอยู่ในเมือง เดินเหยียบทรายล้อคลื่นในชุดเต็มยศเพื่อให้ตัวคุณดูโดดเด่นกว่าเดิม
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ใส่ใจสุขภาพแบบฮิปสเตอร์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าไปสนใจพวกที่บอกว่าคุณไม่รักษาความสะอาด. คนบางคนโยงฮิปสเตอร์เข้ากับฮิปปี้ และตีขลุมไปเองว่าคุณไม่อาบน้ำเป็นประจำ หรือไม่งั้นก็ไม่รักษาความสะอาด นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดล้วนๆ ถึงแม้ว่าฮิปสเตอร์บางคนจะเข้าร่วมขบวนการไม่ใช้ยาสระผม (ซึ่งแปลว่าเค้ายังสระผมอยู่นะ) แต่ฮิปสเตอร์ส่วนใหญ่ก็รักษาความสะอาดเหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ (แถมใช้สบู่และแชมพูทำมือที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อมอีกต่างหาก)
    • ฮิปสเตอร์อาบน้ำแปรงฟันเป็นประจำ แต่ฮิปสเตอร์ไม่ชอบเสียเงินจำนวนมากไปกับการจัดทรงผม ทำสปา ทำเล็บมือเล็บเท้า หรือการซื้ออุปกรณ์เสริมสวยขนาดใหญ่ เพราะการทำเช่นนี้เป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเค้าพ่ายแพ้ต่อกรอบความงามในอุดมคติของแต่ละวัฒนธรรม
    • ว่ากันว่า ฮิปสเตอร์ไม่สนใจเรื่องการใช้ของในครอบครองให้คุ้มค่าที่สุด เพราะว่าฮิปสเตอร์เห็นชีวิตทั้งชีวิตเป็นของในครอบครอง หากมองจากมุมของคนที่เห็นคุณค่าในตัวเอง นี่เป็นวิธีคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว
  2. แค่ทำทรงผมยุ่งๆ ก็ใช้ได้แล้ว อย่างทรง “เพิ่งตื่นนอน” ด้วยผมยาวยุ่งเหยิง และชี้ฟูอยู่เสมอเพราะฮิปสเตอร์ไม่ใช้สารเคมีใดๆ ที่ทำให้ผมเรียบ
    • หนึ่งในวัฒนธรรมของฮิปสเตอร์คือการทำให้เส้นแบ่งระหว่างเพศคลุมเครือด้วยทรงผมที่คล้ายกันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
    • ผมมันเยิ้มเป็นที่ยอมรับได้สำหรับฮิปสเตอร์ในบางวัฒนธรรม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเห็นด้วยนะ คุณอาจจะนิยมผมที่สะอาดแต่ไม่หวีแทนก็ได้
    • สำหรับผู้ชาย การไว้เคราใหญ่ๆ หรือการตกแต่งหนวดไม่ใช่สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ แต่ถ้าคุณทำได้ก็ดีนะ
    • ฮิปสเตอร์บางคนชอบย้อมสีผมให้เห็นชัดเจน
  3. คุณอาจจะลองปลูกผักผลไม้กินเอง หรือลองเปลี่ยนมาทานมังสวิรัติก็ไม่เลว การทานเนื้อสัตว์ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักในวัฒนธรรมของเหล่าฮิปสเตอร์ อีกทั้งฮิปสเตอร์ส่วนใหญ่ก็ทานมังสวิรัติแบบวีแกน (ไม่ทานนมหรือไข่) หรือมังสวิรัติแบบเวทเจเทเรียน (ทานนมและไข่) อยู่แล้วด้วย หากคุณยังคงทานเนื้อสัตว์อยู่ คุณต้องยืนยันว่า คุณเลือกทานเนื้อสัตว์เพราะคุณประชดประชันความพยายามอันไร้ผลของเหล่าฮิปสเตอร์มังสวิรัติที่จะช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้
    • ผลไม้ กาแฟ อาหารเอเชีย ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารสำหรับฮิปสเตอร์
    • ถ้าคุณไม่มีพื้นที่ในการปลูกพืชผักผลไม้กินเอง (ไม่มีแม้กระทั่งระเบียงหรือขอบหน้าต่าง) คุณอาจไปเลือกซื้อสินค้าเหล่านี้ได้จากตลาดสินค้าธรรมชาติแทนก็ได้
    • ฮิปสเตอร์หลายคนเป็นเชฟมือฉมังที่ชอบทำอาหารมื้อหรู ถ้าคุณทำอาหารไม่เป็น คุณควรไปหาซื้อหนังสือสอนทำอาหารเสียตั้งแต่บัดนี้เลย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ใช้ชีวิตแบบฮิปสเตอร์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณควรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการนำของเก่ามาใช้ใหม่. กว่าจะทำได้เช่นนี้ คุณต้องมีความตระหนี่ ผสมกับความเคารพในอดีต และผสานกับความต้องการที่จะแสดงให้ทุกคนเห็นว่า สิ่งของใหม่ๆ ไม่อาจควบคุมคุณได้ แต่คุณก็ต้องต่อสู้กับความไม่สอดคล้องกันที่ว่า ฮิปสเตอร์ที่แท้จริงก็ชอบผลิตภัณฑ์ใหม่เอี่ยมของ Apple และเสื้อผ้าใหม่ๆ จากบางแบรนด์มากๆ เช่นกัน แต่ในเมื่อทุกคนต่างก็มีความย้อนแย้งในตัวเองอยู่ลึกๆ ทั้งนั้น ยิ่งเราเข้าใจและยอมรับความย้อนแย้งนี้ได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะเป็นคนโดยสมบูรณ์ได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
    • สิ่งของเก่าๆ ที่มักจะเกี่ยวข้องกับฮิปสเตอร์ได้แก่ บุหรี่ Parliament (ช่างหัวกฎหมายเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ปะไร) เบียร์ Pabst เสื้อผ้าคุณปู่ (หรือเสื้อผ้าจากร้านมือสอง) จักรยานฟิกซ์เกียร์ (ฮิปสเตอร์มักขี่ไปเที่ยวไนท์คลับ) กล้องฟิล์ม การรีไซเคิลและใช้ของเก่าๆ ทุกประเภท (คุณต้องใช้ความเป็นตัวของตัวเอง สามัญสำนึก และความสนุกสนานเข้าช่วยแล้วล่ะ)
    • เรียนรู้วิธีเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดก็ได้ แต่จะให้ดี ยิ่งเป็นเครื่องดนตรีที่คนไม่นิยมก็ยิ่งดี ยกตัวอย่างเช่น เลือกเล่นอูคูเลเล่แทนกีตาร์ เลือกเล่นแมนโดลินแทนเปียโน เป็นต้น แล้วเวลาคนอื่นรู้สึกทึ่งที่คุณเล่นเครื่องดนตรีแปลกๆ พวกนี้ได้ ก็ให้แสร้งทำเป็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย
  2. เหล่าฮิปสเตอร์เป็นบุคคลที่ชื่นชอบทุนนิยมเฉพาะกลุ่ม (niche consumerism) ถ้าการจับจ่ายใช้สอยของคุณสามารถช่วยเหลือกิจการค้าปลีกในชุมชน ช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือร้านค้าที่คู่สามีภรรยาช่วยกันดูแล และช่วยเหลือบรรดาช่างฝีมือต่างๆ ได้ นั่นแหละที่เรียกว่าฮิปสเตอร์
  3. พวกเขามักอยู่ในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงช่วงวัย 30 กว่าๆ ซึ่งอาจเรียกอีกอย่างได้ว่า วัยรุ่นต่อระยะ (Extended Adolescent) อันเป็นคำเรียกใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคนี้นี่เอง คนในกลุ่มนี้รวมไปถึงเหล่านักอัตถิภาวนิยมอารมณ์ร้อนผู้ค้นหาจุดมุ่งหมายในชีวิตรวมถึงคุณค่าของตัวเอง และเฝ้าถามหาความหมายของทุกสิ่งทุกอย่าง
    • นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถเป็นฮิปสเตอร์ได้หากคุณอายุมากกว่า 30 ปี แต่ว่ายิ่งคุณแก่ตัว คุณก็ใส่ใจหรือรู้สึกแย่กับความเป็นไปของโลกน้อยลง ซึ่งอาจแปลได้ว่า ก) คุณตัดสินและเหมารวมสิ่งต่างๆ น้อยลง ข) คุณไม่ได้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมกลุ่มย่อยอีกต่อไป และ/หรือ ค) คุณรู้สึกโกรธน้อยลงกว่าที่เคยรู้สึก มันเป็นไปได้ว่าตลอดช่วงวัยรุ่น คุณพยายามควบคุมชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหาของคุณอยู่อย่างลับๆ และคุณก็ไม่อยากจะรับปัญหาอะไรมาเพิ่มอีกแล้ว
  4. ฮิปสเตอร์มักรวมกลุ่มกันกลางเมือง หรือไม่ก็เชื่อมต่อกันทั้งโลกด้วยอินเตอร์เน็ต ในสหรัฐอเมริกา คุณมักจะพบฮิปสเตอร์ในใจกลางเมืองซึ่งเป็นจุดที่ทุกคนและทุกสิ่งมุ่งเข้าหา โดยเฉพาะสถานที่อินดี้ๆ อย่างแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะ โรงภาพยนตร์ หรือสถานที่ที่มีวงดนตรีและผู้คนมากมาย
    • นึกถึงเมืองอย่าง นิวยอร์กซิตี้ ชิคาโก ซานฟรานซิสโก พอร์ตแลนด์ ซีแอตเทิล มินเนอาโปลิส และโดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านบรูคลินในนิวยอร์ก ชานเมืองวิลเลียมสเบิร์ก (อันเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงอย่างไม่เป็นทางการของฮิปสเตอร์ทั่วโลก)
    • สถานที่อย่าง Glasslands หรือ Pianos ก็เป็นอีกที่ที่คุณพบฮิปสเตอร์ได้เต็มไปหมด
    • ลอสแอนเจลิสก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ฮิปสเตอร์ยอมรับได้ แต่คุณต้องระวังไม่ให้ตัวเองถูกวัฒนธรรมแคลิฟอร์เนียดูดกลืนไปเสียล่ะ
    • ในพื้นที่อื่นๆ ของอเมริกาที่ไม่มีความเป็นเมืองใหญ่สักเท่าไหร่ ให้คุณมองหาเมืองมหาวิทยาลัยที่ขนาดใหญ่พอประมาณ และในบางรัฐ เมืองมหาวิทยาลัยอาจเป็นส่วนเดียวของรัฐนั้นที่มีอิสระเสรีในการทำอะไรก็ตาม เช่น เมืองออสติน รัฐเท็กซัส หรือเมืองลอว์เรนซ์ รัฐแคนซัส
    • ในประเทศอังกฤษ กรุงลอนดอนเป็นแหล่งฮิปสเตอร์ชั้นดี ส่วนในประเทศแคนาดาก็ต้องที่เมืองมอนทรีออล ส่วนประเทศออสเตรเลีย ฮิปสเตอร์จะรวมตัวกันอยู่ที่เมลเบิร์น [1]
    • อย่าบังคับตัวเองให้ย้ายไปอยู่ที่สถานที่เหล่านี้เพียงเพื่อจะเป็นฮิปสเตอร์ เพราะมันไม่เหมาะสมทางการเงินมากๆ (โดยเฉพาะหากคุณอาศัยอยู่อีกฟากหนึ่งของโลก) คุณสามารถเป็นฮิปสเตอร์ได้ที่บ้านเกิดเมืองนอนของคุณเอง ข้อดีอย่างหนึ่งคือ หากคนที่เมืองของคุณไม่ค่อยรู้จักฮิปสเตอร์ ก็จะไม่ค่อยมีคนมาเหยียดหรือวิพากษ์วิจารณ์คุณมากนัก จำไว้ก็พอว่าอินเตอร์เน็ตจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณเสมอ
  5. ตั้งเป้าไว้ว่าต้องเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ เพราะว่าฮิปสเตอร์มักเป็นผู้ที่มีการศึกษาที่ดี โดยเฉพาะในสาขาเหล่านี้ มนุษยศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์
    • อ่านหนังสือเยอะๆ แม้คุณจะต้องไปนั่งแช่อยู่ในร้านหนังสือแถวบ้าน เบียดเบียนพื้นที่ร้าน โดยที่ไม่ได้ซื้อหนังสือที่คุณตักตวงความรู้มาก็ตาม พยายามเรียนสูงกว่าปริญญาตรีหากทำได้
    • การไปห้องสมุด (โดยเฉพาะห้องสมุดท้องถิ่นขนาดเล็ก) เป็นทางเลือกที่ดี เพราะคุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินและคุณสามารถคืนหนังสือได้เมื่อคุณอ่านจบแล้ว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ห้องสมุดยังไม่ว่าอะไรหากคุณจะนั่งอ่านในห้องสมุดโดยไม่ยืมหนังสือออกไป การทำเช่นนี้เป็นเรื่องปกติมากในห้องสมุด
    • เหล่าฮิปสเตอร์เป็นคนในกลุ่มวัฒนธรรมย่อยที่ใช้สมองซีกขวาเยอะกว่าคนอื่นๆ ในสังคม ฮิปสเตอร์หลายคนมักทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับดนตรี ศิลปะ และแฟชั่น ถึงแม้ว่าฮิปสเตอร์จะไม่ได้ทำงานอยู่ในสาขาอาชีพเหล่านี้เท่านั้น แต่สาขาอาชีพพวกนี้เหมาะกับการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ของบรรดาฮิปสเตอร์
    • การศึกษาช่วยให้ฮิปสเตอร์ไม่ใส่ใจเสียงประท้วงเรียกร้องของคนอื่น พวกเขารู้ว่านี่มันก็แค่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หรือไม่ก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้นแหละ
  6. ฮิปสเตอร์มักจะรับรู้ได้ว่าเทรนด์หรือสิ่งของอะไรจะเป็นที่นิยมก่อนที่มันจะเป็นที่นิยมขึ้นมาจริงๆ วงดนตรีหลายวงดังขึ้นมาได้ก็เพราะฮิปสเตอร์ยกโขยงกันไปดูโชว์ของพวกเขานี่แหละ นอกจากนี้ ฮิปสเตอร์เป็นผู้เริ่มต้นเทรนด์การแต่งตัวหลายๆ อย่าง ก่อนที่จะถูกแบรนด์กระแสหลักขโมยเอาไปใช้บ้าง อีกทั้งอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ที่ฮิปสเตอร์เริ่มใช้ก่อน ก็มาโด่งดังในกระแสหลักทีหลัง
    • ความย้อนแย้งของการเป็นผู้นำเทรนด์ก็คือ เมื่อเทรนด์หรือสิ่งของใดๆ ก็ตาม กลายเป็นที่นิยมในสังคมกระแสหลัก ฮิปสเตอร์ต้องละทิ้งมันแล้วแสวงหาเทรนด์หรือสิ่งของใหม่ๆ ที่คนยังไม่รู้จักมากนัก นี่แหละนะปัญหาโลกแตกสำหรับผู้มีจิตวิญญาณเสรี นอกจากจะต้องนำเทรนด์แล้ว คุณยังต้องตามหาเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอด้วย
    • หากคุณเก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ จิตวิทยา การวิเคราะห์การเมือง ความตื่นรู้เรื่องสภาพแวดล้อม ฯลฯ คุณจะค้นพบเรื่องราวใหม่ๆ ก่อนที่ทุกคนจะคิดได้หลายล้านปีแสงเลยล่ะ คุณ “รู้” อยู่ลึกๆ ว่าคุณสามารถเข้าถึงอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก และมันมีความหมายสุดๆ แต่ว่าคนอื่นไม่เชื่อตามคุณ เพราะว่ามันเป็นเรื่องลึกล้ำเกินความเข้าใจของพวกเขา ทำใจให้สบายและมั่นใจในความรู้ของคุณไว้ สักวันหนึ่งคนอื่นจะต้องเข้าใจมันได้แน่ๆ
  7. หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเป็นฮิปสเตอร์คือการหลีกเลี่ยงการติดป้ายว่าคุณเป็นใครหรืออะไรกันแน่ คุณไม่ควรป่าวประกาศไปทั่วว่าคุณเหนือกว่าคนอื่น การทำเช่นนั้นจะทำให้คุณเริ่มเป็นพรรคพวกเดียวกันกับพวกที่ชอบตัดสินและเหมารวมคนอื่นว่าเป็นคนแบบไหน
    • วินาทีที่คุณให้คำนิยามตัวเอง คุณจะเริ่มติดกับและเสี่ยงถูกจับขังอยู่ในสถานะเดิมๆ ดังนั้นฮิปสเตอร์หลายคนจะปฏิเสธว่าตัวเองเป็นฮิปสเตอร์
    • เพื่อป้องกันคนที่จะมาล้อเลียน ฮิปสเตอร์บางคนมักจะพูดจาประชดประชันแม้กระทั่งตัวเอง โดยพวกเขาจะล้อเลียนความเป็นฮิปสเตอร์ของตัวเอง (เช่น ใส่เสื้อที่เขียนว่า “ฉันเกลียดฮิปสเตอร์”) เมื่อฮิปสเตอร์ล้อเลียนตัวเองก่อน คนอื่นก็จะล้อเลียนพวกเขาไม่ได้แล้ว
  8. วัฒนธรรมฮิปสเตอร์มีลักษณะเหมือนชุมชนเป็นอย่างมาก หากคุณอยากรู้จักวงดนตรีดีๆ สักวง หรือร้านกาแฟท้องถิ่นสักร้าน คุณต้องเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนฮิปสเตอร์อยู่เสมอ แล้วจะมีคนแนะนำอะไรเจ๋งๆ ให้คุณเป็นผู้นำเทรนด์ได้เสมอล่ะ
    • ถ้ามีวงดนตรีที่ไม่คุ้นหูจะมาเล่นในเทศกาลดนตรี คุณควรจะรีบทำความรู้จักซะ หรือหากคุณรู้จักวงดนตรีก่อนที่พวกเขาจะมาเล่นที่เทศกาลดนตรีได้ก็ยิ่งดี
    • สำรวจว่ามีวงดนตรีอะไรใหม่ๆ ในเว็บไซต์ Brooklyn Vegan (แม้ว่าคุณจะไม่ได้อาศัยอยู่แถบนั้น) Stereogum, Gorilla vs. Bear และ the Hype Machine บ่อยเท่าที่จะทำได้ แต่อย่าให้คนอื่นรู้ว่าคุณเช็กบ่อยทุก 5 วินาทีก็แล้วกัน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

เสพความอินดี้แบบฮิปสเตอร์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แหล่งการอ่านของคุณสำคัญเพราะมันเชื่อมต่อคุณกับฮิปสเตอร์คนอื่นๆ แจ้งให้คุณรู้ประเด็นทางวัฒนธรรมต่างๆ และช่วยให้คุณมีความรู้อยู่เสมอ มีอะไรให้คุณอ่านมากมาย ดังนั้นคุณต้องเลือกว่าอะไรมีคุณค่ามากกว่า แล้วรีบอ่านสิ่งนั้นก่อน สิ่งที่คุณควรอ่านก็เช่น
    • นิตยสารฮิปสเตอร์ เช่น นิตยสาร Kinfolk, Vice, Another และ Wallpaper [2] หรือนิตยสารต่างประเทศก็น่าอ่านเหมือนกัน
    • วรรณกรรมและบทกวีดีๆ ที่เขียนโดยนักเขียนอย่าง Jack Kerouac, Allen Ginsberg หรือ Norman Mailer หรือหนังสือเล่มใดก็ได้ที่คุณคิดว่าดี หนังสืออะไรก็ได้จริงๆ เพราะว่าการอ่านทำให้ฮิปสเตอร์แตกต่างจากบุคคลทั่วไป เวลาที่คุณไปร้านหนังสือหรือห้องสมุด ให้ลองไปหาหนังสือจากหมวดการเมือง มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์บ่อยๆ
    • บล็อกที่เขียนโดยฮิปสเตอร์คนอื่นๆ คุณอาจจะได้รับแรงบันดาลใจมากพอที่จะเขียนบล็อกของตัวเองบ่อยๆ
  2. ดูภาพยนตร์นอกกระแสหรือภาพยนตร์จากต่างประเทศ และชมละครเวทีนอกกระแส เช่น การแสดงของ Ann Liv Young ดูภาพยนตร์ของผู้กำกับอย่าง Wes Anderson, Hal Hartley และ Jim Jarmusch
  3. เพลงนอกกระแสเป็นส่วนประกอบสำคัญของการเป็นฮิปสเตอร์ ฟังเพลงจากศิลปินอินดี้หน้าใหม่ที่มีมาเพิ่มเรื่อยๆ โดยเฉพาะศิลปินที่ทำเพลงประเภทนิวเรฟ มินิมอลิสต์เทคโน, อินดี้แรพ, เนิร์ดคอร์, อีเลฟเฟ่น 6, การาจร็อค, คลาสสิคร็อค (ส่วนใหญ่ฮิปสเตอร์มักฟัง The Beatles) และพังค์ร็อค จำไว้ว่าศิลปินที่คุณฟังไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงโด่งดังหรือว่ามีความสามารถมากๆ หรอก ลองเปิดวิดีโอจากมือสมัครเล่นในยูทูปดูไปเรื่อยๆ แล้วคุณอาจจะเจอสไตล์ที่ใช่สำหรับคุณ
    • ศิลปินสุดฮิปสเตอร์มีตั้งแต่ Lana Del Rey, Grizzly Bear, Marina & The Diamonds, Pink Floyd, Stray Kites,The Xx , Nirvana, La Roux, M83, Neon Indian, Neon Neon, King Khan และ the Shrines. Imagine Dragons และ Bastille เป็นตัวอย่างของวงดนตรีที่ไม่เข้าข่ายฮิปสเตอร์ เพราะว่าส่วนสำคัญในการเป็นฮิปสเตอร์คือต้องฟังเพลงจากวงดนตรีที่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อน ลองฟัง Days n Daze, King Krule, Mitski, ikea graveyard, Waxahatchee, Dollar Signs, spoonboy, Not Half Bad หรือ Pope ชื่อเหล่านี้ฮิปสเตอร์สุดๆ เลยล่ะ
    • บล็อกเกี่ยวกับดนตรีอย่าง Gorilla vs. Bear, Indiehere, /mu/ และ Stereogum จะช่วยให้คุณเลือกฟังวงดนตรีที่เหมาะกับการเป็นฮิปสเตอร์ และการไปพบปะผู้คนใหม่ๆ ที่ฟังวงดนตรีฮิปสเตอร์แบบนี้อยู่แล้วก็สามารถช่วยคุณได้มากเช่นกัน
    • เว็บไซต์เกี่ยวกับดนตรีแบบฮิปสเตอร์ที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้น Pitchfork Media. ถ้าในเว็บไซต์นี้ให้เรทติ้งอัลบั้มไหนไว้ดี แสดงว่าวงดนตรีนั้นๆ ฮิปสเตอร์มาก
    • คุณสามารถทดสอบว่าศิลปินนั้นๆ เข้าข่ายฮิปสเตอร์หรือไม่ โดยการลองถามเพื่อนที่ไม่ใช่ฮิปสเตอร์ดูว่าพวกเขาเคยได้ยินชื่อศิลปินเหล่านี้หรือไม่
    • คุณสามารถลองฟังเพลงจากต่างประเทศที่นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเกาหลี เพราะว่าเพลงในกระแสหลักของยุคนี้ส่วนใหญ่มาจาก 3 ประเทศนี้
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

เข้าสังคมแบบฮิปสเตอร์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ฮิปสเตอร์ชอบใช้ Blogspot, Tumblr, Instagram และ Wordpress รวมทั้งถ่ายรูปด้วยกล้องโฮลก้า และแต่งรูปด้วยวิธี cross-processed ให้ได้รูปที่มีลักษณะล่องลอยเหมือนอยู่ในความฝัน เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นวิธีที่ดีในการหาสื่อต่างๆ มาเสพก่อนที่มันจะเป็นที่นิยมกระแสหลัก
  2. การมีแฟนเป็นฮิปสเตอร์เหมือนกันมีข้อดีคือคุณสามารถเชื่อมโยงและเข้าใจกันได้ในหลายๆ เรื่อง ผู้ชายประเภทกล้ามบึ้ก ผิวแทน หัวบลอนด์ ดูจะไม่ใช่สเป็คของสาวฮิปสเตอร์สักเท่าไหร่นัก ดังนั้นเดทฮิปสเตอร์ด้วยกันนี่แหละดีที่สุด
  3. ถ้าคุณอยากเห็นฮิปสเตอร์ เวลาไปดูการแสดงสดครั้งต่อไป ให้คุณหันไปดูพวกที่ยืนอยู่ข้างหลังและกำลังถกเถียงเรื่องเบียร์ Stella หรือเบียร์ Pabst Blue Ribbon (PBR) แบบกระป๋อง ในบางครั้ง ถ้าเพลงและสถานที่มันใช่ คุณจะได้เห็นฮิปสเตอร์ลุกขึ้นมาเต้นด้วย
    • ท่าเต้นแบบฮิปสเตอร์ที่ถูกต้องจะไม่ขยับสะโพกมากนัก แต่จะขยับร่างกายส่วนบนและแขนเยอะๆ และอาจมีการโยกหัวร่วมด้วยก็ได้หากคุณไม่ใช่คนขี้อาย (ในฐานะฮิปสเตอร์ คุณไม่ควรแคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับท่าเต้นของคุณ)
    • ถึงแม้คุณจะเห็นฮิปสเตอร์เต้นในโชว์ต่างๆ ไม่บ่อยนัก แต่คุณจะสังเกตได้ว่าฮิปสเตอร์มักจะชอบเต้นในปาร์ตี้มากกว่า เพราะว่าจะได้เต้นไปกับเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานแบบฮิปสเตอร์ได้มันกว่า
  4. มีวิธีการพูดและแสดงออกแบบฮิปสเตอร์อยู่หลากหลาย และวัฒนธรรมพวกนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก แต่มันก็ไม่เสียหายหากคุณจะรู้จักประโยคเหล่านี้เอาไว้บ้าง
    • ลองพูดประโยคที่ฮิปสเตอร์สุดๆ นี้ดูสิ “ฉันชอบมันก่อนที่มันจะเท่อีกนะ” หรืออีกประโยคหนึ่งที่พ้องกับสถานการณ์ไม่นานมานี้คือ “ฉันบริจาคเงินให้เฮติก่อนที่จะมีภัยพิบัติอีกนะ”
    • อ้างชื่อคนดังๆ หรือคนเจ๋งๆ บ่อยๆ พูดถึงวงดนตรีที่คนชอบแต่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก และถ้าเพื่อนของคุณพูดถึงวงดนตรีที่คุณไม่คุ้นเคย ก็บอกเพื่อนว่าคุณเคยได้ยินชื่อวงแต่ยังไม่เคยฟังเพลงของพวกเขามาก่อน และอย่าลืมไปเสิร์ชกูเกิ้ลดูว่าวงดนตรีนี้คือวงอะไร มันจะทำให้คุณดูดีในสายตาเพื่อนๆ ฮิปสเตอร์ได้
    • ดูถูกวงดนตรีหลายๆ วง ถ้าคุณชอบไปหมดทุกวงคุณจะดูเหมือนคนบ้า ดังนั้นต้องสร้างบรรยากาศว่าคุณเป็นคนเท่และสูงส่งกว่าจะชอบวงดนตรีหลายๆ วง
    • ถ้าคุณอยากดูเป็นคนมีการศึกษาและดูเป็นคนชั้นสูง คุณควรฝึกใช้ประโยคที่ว่า “ฉันชอบซิงเกิ้ลแรกของวงนี้นะ แต่เพลงอื่นๆ หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
    • พยายามใช้คำที่สร้างขึ้นใหม่ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้ หรือไม่ก็ใช้คำที่มีอยู่จริง แต่คนอื่นๆ ไม่ค่อยรู้ความหมายหากไม่เปิดพจนานุกรม เช่น มโนสาเร่ บุโรทั่ง มะล่อกมะแล่ก เป็นต้น
  5. ฮิปสเตอร์เป็นที่รู้จักในฐานะคนที่จับความย้อนแย้งได้เร็วและพูดประชดประชันเก่งมาก ถ้ามีใครถามอะไรคุณก็ตาม อย่าตอบไปทื่อๆ แต่ให้ตอบด้วยคำถามแทน เพื่อประชดคนถาม
    • อย่าลืมยิ้มน้อยๆ เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าคุณพูดทีเล่นทีจริง ไม่เช่นนั้นคู่สนทนาจะนึกว่าคุณหมายความตามนั้นจริงๆ ไม่ใช่ว่ากำลังพูดประชดอยู่
    • ยกตัวอย่างเช่น ขณะกำลังดูภาพยนตร์อยู่ และคนที่นั่งข้างๆ หันมาพูดว่า “โห โคตรเท่เลย เมื่อกี้คุณเห็นหรือเปล่า” ให้คุณตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ไม่เห็น ฉันจ่ายตังค์ 240 เพื่อมานั่งจ้องเพดาน”
    • ดูภาพยนตร์ตลกจากเกาะอังกฤษ คุณจะได้ฟังถ้อยคำประชดประชันมากมายที่คุณสามารถหยิบยืมไปใช้ได้
    • มีอารมณ์ขันและอย่าทำตัวซีเรียสจนเกินไป ฮิปสเตอร์มักถูกล้อเลียนอยู่บ่อยๆ ดังนั้นการหัวเราะให้เป็นจะช่วยคุณได้มาก
  6. คุณต้องรู้ตัวเสมอว่าการเป็นฮิปสเตอร์มักถูกหยิบยกเอามาล้อเลียนหรือก่นด่าอยู่บ่อยๆ เพราะว่าคนบางส่วนรำคาญฮิปสเตอร์มากๆ คุณต้องทำตัวให้ชินกับการแสดงออกแบบรังเกียจเดียดฉันท์จากคนรอบข้าง และคุณต้องหาวิธีโต้ตอบที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ
    • คุณจะโดนกรอกหูอยู่ตลอดเวลาว่าวัฒนธรรมฮิปสเตอร์ของคุณด้อยค่ากว่าวัฒนธรรมของคนที่เกลียดฮิปสเตอร์
    • ฮิปสเตอร์มักจะมีความเห็นทางการเมืองในเชิงเสรีนิยม ดังนั้นคุณอาจจะเจอการเหยียดหยามจากพวกอนุรักษ์นิยมบ้างในบางที ดังนั้นคุณควรจะเตรียมถ้อยคำหรือวิธีโต้ตอบไว้ใช้เป็นประจำด้วย
    • ถ้าคุณโดนล้อเลียนเรื่องการแต่งตัว เตือนคนที่ล้อเลียนคุณด้วยว่า แฟชั่นกางเกงยีนเก่าๆ ขาดๆ ที่พวกเขาใส่อยู่นั้นถูกผลิตโดยเด็กๆ ที่ทำงานเยี่ยงทาสในโรงงานนรก และถ้าพวกเขาต้องการสนับสนุนให้เด็กๆ เหล่านี้ทำงานแบบนี้ต่อไป ก็เชิญตามสบาย ถ้าพวกเขาบอกว่าผลิตภัณฑ์ Apple ของคุณก็ถูกผลิตโดยเด็กๆ พวกนี้เหมือนกันนั่นแหละ ให้คุณเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องวงดนตรีที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักดีกว่า
    • ทำความเข้าใจต้นตอของปัญหา คนที่ต่อว่าต่อขานคุณอาจไม่มั่นใจในตัวเองและจุดยืนของตัวเองในสังคม รวมถึงไม่เข้าใจว่าวัฒนธรรมคืออะไร และไม่รู้ว่าจะปรับชีวิตของตนให้เข้ากับความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้อย่างไร คุณก็ทำความเข้าใจพวกเขาและใจดีกับพวกเขาหน่อยก็แล้วกันนะ
    • เหล่ากีคบ้าเทคโนโลยีสุดๆ (geeks) กับฮิปสเตอร์มีความสัมพันธ์แปลกๆ ต่อกัน กีคบางคนไม่ชอบหน้าฮิปสเตอร์ แต่กีคบางคนก็รับรู้ว่าวัฒนธรรมกีคและฮิปสเตอร์มีส่วนประกอบบางอย่างร่วมกัน [3]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การทำตัวสบายๆ ไม่ยินดียินร้ายกับทุกสิ่งจะช่วยให้คุณดูเป็นคนลึกลับยิ่งขึ้น
  • คุณต้องมีไอโฟนรุ่นล่าสุดอยู่ในครอบครองเสมอ
  • กาแฟเป็นเครื่องดื่มพื้นฐานสำหรับฮิปสเตอร์ กาแฟในอุดมคติควรผ่านกระบวนการผลิตและค้าขายแบบยุติธรรม (fair trade) และคุณต้องซื้อมันจากร้านกาแฟอิสระ ไม่ใช่ร้านกาแฟติดแบรนด์ดังๆ
  • ร้าน Lush อาจจะฟังดูเป็นส่วนหนึ่งของสังคมกระแสหลัก แต่มันก็เป็นแหล่งซื้อสินค้าแฮนด์เมดจากธรรมชาติชั้นดี ไม่ว่าจะเป็น สบู่ หรือแชมพูแบบก้อน ระวังอย่าซื้อสินค้าดังๆ อย่างพวกสบู่สำหรับแช่น้ำก็พอ
  • ช่วงนี้กระแสการเป็นฮิปสเตอร์กำลังมาแรงสุดๆ ดังนั้นบางคนอาจไม่ใช่ฮิปสเตอร์จริงๆ แต่เป็นแค่พวกวันนาบีเท่านั้น
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่ายึดถือบทความนี้เป็นจริงเป็นจังจนเกินไป แต่ให้มองบทความนี้เป็นคำแนะนำที่คุณสามารถทำตามหรือไม่ทำตามก็ได้ แล้วแต่ว่าอะไรเหมาะกับคุณ คนเป็นฮิปสเตอร์ภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเองและการไม่พึ่งพากระแสหลัก
  • เป้าหมายของการเป็นฮิปสเตอร์คือการทำให้ดูเหมือนว่าคุณไม่ได้พยายามทำอะไรทั้งนั้นทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเป็นฮิปสเตอร์ คุณกำลังพยายามอย่างมากเลยล่ะ ยอมรับเสียเถอะ
  • อย่าคาดหวังว่าคุณจะสามารถกลายเป็นฮิปสเตอร์ได้ทันทีทันควัน การเป็นฮิปสเตอร์นั้นต้องค่อยเป็นค่อยไป และคุณไม่ควรไปเร่งรัดกระบวนการการกลายเป็นฮิปสเตอร์
  • การมองโลกในแง่ร้ายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมฮิปสเตอร์ บางทีอาจเป็นเพราะว่า ฮิปสเตอร์ต้องการต่อต้านการมองโลกในแง่ดีแบบโง่ๆ ที่พบเจอได้มากจากคำพูดแบบนักสร้างแรงบันดาลใจทั้งในโลกธุรกิจและในสังคมบริโภคนิยมทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การมองโลกในแง่ร้ายไม่อาจเป็นคำตอบสำหรับทุกสิ่ง มันเป็นแค่กระแสต่อต้านอย่างหนึ่งเท่านั้น พยายามหาจุดสมดุลและความสงบสุขในชีวิตของคุณ แทนที่จะไปมองว่าทุกอย่างมันช่างแย่และเลวร้ายไปหมด จริงอยู่ที่สังคมของเราเต็มไปด้วยปัญหามากมาย แต่การมองปัญหาเหล่านี้ในแง่ร้ายก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสักหน่อย ในทางกลับกัน การรับมือกับปัญหาบนพื้นฐานความจริงและความเป็นไปได้จะช่วยให้โลกของเราเปลี่ยนแปลงแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ จำไว้เสมอว่า ผู้คนทุกรุ่นทุกสมัยถูกสาปให้เชื่อว่ายุคก่อนหน้าเราเป็นยุคที่ดีกว่าเสมอ พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกผูกติดอยู่กับเวลานี้และร่างกายนี้ และเราต้องยอมรับว่ามนุษย์มีขีดจำกัด เราได้แต่ทำในสิ่งที่เราทำได้ให้ดีที่สุด การวิพากษ์วิจารณ์และพยายามรื้อโครงสร้างสังคมตลอดเวลาอาจทำให้วิถีชีวิตของคุณหยุดชะงักเหมือนเป็นอัมพาตได้ การบ่นด่าจะกลายเป็นวิธีใช้ชีวิตของคุณ แต่อย่าลืมว่าชีวิตของคุณไม่ได้ถูกกำหนดมาให้เปลี่ยนแปลงวิถีที่เป็นมาของคนทั้งโลกนะ
  • อย่าจริงจังกับตัวเองจนเกินไป
  • บางครั้ง แค่บางครั้ง คุณอาจจะรู้สึกหงุดหงิดที่คนอื่นไม่เข้าใจว่ารสนิยมในการฟังเพลง การแต่งตัว และรสนิยมอื่นๆ ของคุณดีอย่างไร ก็ช่างมันสิ ไม่เห็นเป็นไร อีกอย่างคุณเองก็ไม่อาจเข้าใจรสนิยมของคนอื่นเหมือนกันนั่นแหละ เพราะว่าทุกคนถูกสร้างมาแตกต่างกัน
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • เสื้อผ้าแบบฮิปสเตอร์
  • เสื้อเชิ้ตลายสก็อต
  • ผ้าพันคอ (พันได้ทั้งปีแม้จะไม่หนาว)
  • รองเท้าบู๊ทวินเทจ
  • รอยสัก
  • เครื่องเล่นแผ่นเสียง
  • กล้องเก่าๆ (แนะนำกล้องโพราลอยด์)
  • จักรยานฟิกซ์เกียร์
  • สวนของตัวเอง
  • ปากกาหมึกซึม
  • ผลิคภัณฑ์ Apple ตัวใดก็ได้ แต่ต้องอัพเดทรุ่นใหม่อยู่เสมอ
  • Instagram (โพสต์เฉพาะรูปที่คมชัดระดับ HD เท่านั้น คุณสูงส่งกว่าความคมชัดแบบทั่วไปน่า)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 63,456 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา