ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

นักธุรกิจส่วนใหญ่จะบอกคุณว่า การเริ่มทำธุรกิจนั้นเป็นวิธีทำมาหากินที่ท้าทายที่สุดแต่ก็ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเช่นเดียวกัน การจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยทั้งความอุตสาหะและการอุทิศตน แต่โดยทั่วไปก็จะขึ้นอยู่กับชุดคุณสมบัติส่วนบุคคลและวิธีดำเนินธุรกิจที่ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมีร่วมกัน โดยคุณสมบัติเหล่านี้มีอยู่ทั้งในหลักการก่อตั้งธุรกิจไปจนถึงการปฏิบัติงานในแต่ละวัน รวมถึงชี้ขาดทุกการตัดสินใจของผู้ประกอบการด้วย การปฏิบัติตามแนวทางในบทความนี้จะช่วยให้คุณมีโอกาสก่อตั้งธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น หรือทำให้ธุรกิจที่คุณมีอยู่แล้วกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

หากรอบความคิดที่ถูกต้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก็คือคุณควรเริ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของคุณเป็นหลัก ประสบการณ์ที่ว่านี้อาจจะเป็นประสบการณ์การทำงานก่อนหน้านี้ หรือเป็นงานอดิเรกส่วนตัวที่คุณพร้อมจะเปลี่ยนมาเป็นอาชีพ แม้ว่าตามหลักทฤษฎีแล้วไอเดียธุรกิจดูท่าจะทำกำไรได้มากแค่ไหน จงอย่าเริ่มทำธุรกิจนั้นถ้าคุณไม่ได้มีใจให้มันจริงๆ เพราะถึงกำไรจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่มันก็ไม่น่าจะทำให้คุณเด้งตัวตื่นเช้ามาทำทุกวันและขับเคลื่อนให้มันโตขึ้น [1]
    • เช่น สมมุติว่าคุณมีประสบการณ์การทำกาแฟมาจากการเป็นบาริสต้าหรือพนักงานเสิร์ฟมาก่อน และคุณก็อยากจะเปลี่ยนความรักในกาแฟดีๆ ให้กลายเป็นธุรกิจเล็กๆ ก็เท่ากับว่าคุณมีความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมกาแฟเป็นอย่างดีและสามารถที่จะประยุกต์ทั้งความรู้และความรักมาสู่งานของคุณได้
  2. แม้ว่าผลประโยชน์ด้านการเงินสำหรับการเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่ได้เริ่มจากการคิดเรื่องเงิน เพื่อให้ธุรกิจของคุณเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม คุณจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนเสียก่อน วัตถุประสงค์ที่ว่านี้ควรจะเป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้มากกว่าเงิน เช่น เป็นการคืนกำไรให้ชุมชนด้วยการสร้างงาน แก้ปัญหาที่คุณเห็นอยู่ในชีวิตประจำวัน หรือทำตามความฝันของคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรพยายามเพื่อให้ได้กำไร เพียงแต่ว่าเป้าหมายหลักของคุณนั้นควรเป็นการประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่ใหญ่กว่า [2]
    • เช่นในตัวอย่างร้านกาแฟ วัตถุประสงค์ของคุณก็คือ การได้เสิร์ฟกาแฟถ้วยโปรดให้แก่ลูกค้าทุกคน หรืออาจเพื่อสร้างชุมชมในร้านกาแฟ ซึ่งเป็นที่ๆ ผู้คนสามารถมาเจอกันและใช้เวลากับเพื่อนๆ ได้
  3. ก่อนเริ่มให้หาเวลาทำวิจัยการตลาดให้รู้จักลูกค้าและวงการนี้ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สามารถให้ข้อมูลได้ว่าสินค้าหรือบริการแบบใดที่กำลังเป็นที่ต้องการ [3] คุณยังต้องคิดว่าใครจะเป็นคนซื้อหรือคนใช้บริการ และเรียนรู้วิธีที่จะดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ให้ดีที่สุด
    • ตามตัวอย่างร้านกาแฟ ให้ถามตัวเอง: คุณอยากดึงดูด "คอกาแฟหัวสูง" ที่ยอมรอห้านาทีกว่ากาแฟจะต้มเสร็จ หรือจะเน้นไปที่คนทำงานซึ่งต้องรีบซื้อกาแฟออกไปจากร้าน การเข้าใจว่าจะเสิร์ฟลูกค้าแบบไหนจะช่วยให้คุณเสิร์ฟพวกเขาได้ ดีขึ้น
  4. คุณควรเริ่มจากโมเดลธุรกิจที่สามารถต่อยอดและดำเนินการได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เงินน้อยก่อนเสมอ ธุรกิจเล็กๆ มากมายเริ่มจากเป้าหมายอลังการงานสร้างที่ต้องใช้เงินทุนก่อตั้งและผู้ลงทุนมากมาย แต่ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะมีโมเดลที่สามารถนำมาใช้กับธุรกิจขนาดเล็กได้ ซึ่งเป็นการทำให้ผู้ที่อาจจะเข้ามาลงทุนเห็นว่า ไอเดียในการหาเงินของคุณนั้นสมเหตุสมผล และเพิ่มโอกาสในการได้เงินลงทุน (ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องการ) [4]
    • เช่น นึกถึงตัวอย่างร้านกาแฟของเรา ถ้าคุณอยากเริ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่สรรหา นำเข้า คั่ว และบรรจุเมล็ดกาแฟเพื่อขายหรือเสิร์ฟให้กับลูกค้าที่มาดื่มกาแฟที่ร้าน แทนที่จะหาเงินลงทุนก้อนใหญ่จากนักลงทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ทั้งหมด คุณควรเริ่มจากร้านกาแฟเล็กๆ ก่อน จากนั้นอาจจะลองสรรหาและนำเข้าเมล็ดกาแฟ และต่อยอดไปจนถึงการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง
  5. ส่วนที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จก็คือ การก้าวข้ามอีโก้ของตัวเองไปให้ได้และมองหาความช่วยเหลือ แหล่งคำแนะนำที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นส่วนธุรกิจในกลุ่มของคุณและมืออาชีพอื่นๆ ที่มีเป้าหมายร่วมกันกับคุณ อยู่ท่ามกลางคนที่มีความรู้และคนที่ประสบความสำเร็จ และต่อยอดตัวเองจากไอเดียและความกระตือรือร้นของพวกเขา [5]
    • นอกจากนี้ให้มองหาเคล็ดลับการทำธุรกิจเล็กๆ ทั่วไปจากข้อมูลออนไลน์ด้วย เพราะเว็บไซต์นี่แหละคือเหมืองทองของข้อมูล แค่ต้องหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้นเอง
  6. ที่ปรึกษาที่ดีในที่นี้หมายถึง คนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจของตัวเองแล้วหรือกำลังประสบความสำเร็จอยู่ ตัวอย่างที่ดีอาจจะเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนของครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ที่ปรึกษาคนนี้อาจช่วยเหลืออะไรคุณก็ได้ ตั้งแต่ให้ความรู้เรื่องวิธีการจัดการลูกจ้างไปจนถึงวิธีการยื่นภาษีที่เหมาะสม คนพวกนี้สามารถช่วยเหลือคุณได้อย่างเป็นส่วนตัวมากกว่าแหล่งความรู้อื่นๆ เพราะความรู้ของพวกเขามาจากประสบการณ์ตรง [6]
    • แม้ว่าที่ปรึกษาของคุณอาจจะไม่ได้ก่อตั้งธุรกิจแบบเดียวกับที่คุณกำลังจะเริ่ม เขาก็สามารถช่วยคุณได้เหมือนกัน เช่น คนก่อตั้งร้านกาแฟอีกร้านหนึ่งอาจจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดสำหรับร้านกาแฟของคุณ แต่เจ้าของร้านอาหารก็สามารถช่วยคุณได้มากเหมือนกัน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในตอนแรกให้สนใจแต่ธุรกิจหลักของคุณเท่านั้น. ก็คืออย่าตกหลุมพรางทุกโอกาสทางธุรกิจที่ผ่านเข้ามา เพราะการที่คุณชำนาญด้านใดด้านหนึ่งนั้นดีกว่าการทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ได้ห้าอย่าง ซึ่งแนวคิดนี้ใช้ได้กับทั้งการตัดสินใจที่จะสร้างความหลากหลายให้ธุรกิจ และการตัดสินใจว่าจะเริ่มโปรเจ็กต์เพิ่มเติมที่นอกเหนือจากธุรกิจหลักของคุณ การสนใจแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะช่วยให้คุณทุ่มทรัพยากรที่มีทั้งหมดไปที่ส่วนนั้น และทำให้คุณสร้างผลงานจากการทุ่มเทในสิ่งนั้นได้มากกว่าด้วย [7]
    • ต่อจากตัวอย่างของเราก็คือ สมมุติว่าคุณเห็นร้านกาแฟอีกร้านทำเงินได้จากการขายสินค้าพิเศษอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกาแฟ คุณอาจจะอยากลงไปเล่นในตลาดนี้ด้วยเหมือนกัน แต่การทำเช่นนี้ก่อนตั้งวัตถุประสงค์หลักซึ่งก็คือการทำกาแฟนั้นจะนำความเสี่ยงใหญ่มาให้ และอาจลดความสามารถในการที่จะให้ความสนใจแต่กับคุณภาพกาแฟได้
  2. แน่ละว่าเป้าหมายหนึ่งก็คือต้องทำกำไรอยู่แล้ว แต่มันไม่ควรเป็นสิ่งที่เน้นมากในตอนเริ่ม กระแสเงินสดสำคัญกว่ามาก ธุรกิจรายย่อยหลายเจ้าที่หมดเงินก่อนจะอยู่ถึงตอนทำกำไร และต้องม้วนเสื่อกลับไป ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับค่าใช้จ่ายและยอดขายระหว่างปีแรก ส่วนเรื่องกำไรเก็บไว้ก่อน [8]
  3. การจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้นั้น คุณจะต้องสร้างนิสัยบันทึกค่าใช้จ่ายและรายได้ทุกอย่างของบริษัท รวมทั้งเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หมุนเวียนด้วย การรู้ว่าคุณมีเงินเข้าและออกเท่าไหร่กันแน่จะทำให้คุณสามารถรับรู้ถึงความลำบากทางการเงินได้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น นอกจากนี้การทำวิธีนี้ยังทำให้คุณเห็นได้ชัดเจนขึ้นอีกว่า คุณจะลดรายจ่ายหรือเพิ่มรายได้ตรงไหนได้บ้าง [9]
    • เช่น จากตัวอย่างร้านกาแฟของเรา คุณจะต้องจดบันทึกให้ละเอียดว่า ในเดือนนี้คุณซื้อกาแฟมาเท่าไหร่ ขายไปเท่าไหร่ และคุณจ่ายไปเท่าไหร่ วิธีนี้จะช่วยให้คุณระบุได้ถ้าสมมุติราคาเมล็ดกาแฟนั้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้คุณวางแผนได้ว่าคุณควรจะขึ้นราคาไหมหรือจะเปลี่ยนซัพพลายเออร์ดี
  4. แม้ว่าอาจจะเป็นเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่ลองพยายามนึกดูว่ามีตรงไหนที่สามารถสร้างผลลัพธ์แบบเดียวกันได้แต่ใช้เงินน้อยกว่า เช่น อาจจะใช้อุปกรณ์มือสอง หารูปแบบการโฆษณาที่ราคาถูกกว่า (เช่น ใช้ใบปลิวแทนการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์) หรือต่อรองการชำระเงินที่ดีกว่ากับซัพพลายเออร์หรือลูกค้าเพื่อประหยัดเงินตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย [10] พยายามสร้างนิสัยใช้เงินให้น้อยมากๆ และใช้เฉพาะเวลาและส่วนที่คุณจำเป็นต้องใช้จริงๆ เท่านั้น
    • จากตัวอย่างของเรา การประหยัดค่าใช้จ่ายอาจจะเริ่มจากการใช้เครื่องบดกาแฟมือสอง (ถ้ามันยังใช้งานได้ดีอยู่) และพยายามใช้ของจากซัพพลายเออร์เจ้าเดียวกันให้ได้มากที่สุด (ถ้วย ฝาปิด หลอด เป็นต้น)
  5. ต้นทุนและกำไรของคุณนั้นขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ สร้างระบบการจัดส่ง และให้บริการลูกค้าได้ตรงเวลาเสมอสามารถเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและชื่อเสียงให้กับคุณได้ นอกจากนี้ความสำเร็จในการจัดการห่วงโซ่อุปทานยังช่วยให้คุณกำจัดทรัพยากรส่วนที่ไม่มีประโยชน์กับธุรกิจของคุณออกไปได้ด้วย เช่น วัตถุดิบหรือแรงงาน
    • เช่น จากตัวอย่างร้านกาแฟของเรา ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างคุณจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์เมล็ดกาแฟและมีโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เป็นระบบ ซึ่งสำคัญมากเพราะเป็นการการันตีว่าคุณจะมีกาแฟไม่ขาดมือ แต่นอกจากนี้ก็ยังช่วยรับรองได้อีกว่าจะมีการจัดส่งที่ต่อเนื่องมากขึ้น เมื่อมีเมล็ดกาแฟชนิดใหม่ๆ ให้ลองซื้อมาหรือต่อรองให้ได้ราคาที่ถูกลง
  6. เช่นเดียวกับการมีที่ปรึกษาที่ดี หุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์สามารถให้แรงผลักดันที่คุณต้องการในการทำธุรกิจได้ เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ด้วยการเข้าหาธุรกิจที่คุณคิดว่าสามารถให้ประโยชน์กับคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี หรือธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ที่ดีกับอีกบริษัทหนึ่งอาจทำให้คุณได้โฆษณาฟรีๆ ลดต้นทุนในการทำธุรกิจ หรือช่วยให้คุณขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับหุ้นส่วนที่คุณเลือก [11]
    • เช่น ร้านกาแฟของคุณอาจได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับซัพพลายเออร์ที่อาจจะให้ส่วนลดหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กับคุณ หรือหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ที่ว่านี้อาจจะเป็นธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน เช่น ร้านขนม ซึ่งอาจช่วยให้คุณได้ทั้งลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มรายได้ ซึ่งทำได้ด้วยการแนะนำกันและกัน เสนอขายสินค้าที่เป็นธุรกิจของหุ้นส่วนในร้านของคุณ หรือให้เขาขายสินค้าของคุณในร้านของเขาก็ได้
  7. คุณต้องประเมินความสามารถในการจ่ายหนี้ที่คุณกู้มาตามความเป็นจริง แม้ว่าการเริ่มและดำเนินธุรกิจนั้นจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่แล้ว แต่พยายามมีหนี้สินให้น้อยที่สุดด้วยการกู้มาเท่าที่คุณจำเป็นจริงๆ เท่านั้น และเมื่อคุณกู้มาแล้ว คุณต้องมีโครงสร้างกระแสเงินสดมากพอที่จะทำให้คุณหมดหนี้ได้เร็วที่สุด จัดลำดับความสำคัญของหนี้ก่อนทำอย่างอื่น [12]
    • เช่น ถ้าคุณกู้เงินมาทำร้านกาแฟ 700,000 บาท อย่าเพิ่งขยายสินค้าหรือซื้อเครื่องบดกาแฟที่ดีกว่าเดิมจนกว่าคุณจะใช้หนี้ก้อนนั้นหมดแล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ทำให้ธุรกิจเติบโต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาคำพูดนำเสนอธุรกิจความยาว 30 วินาทีที่อธิบายธุรกิจของคุณได้อย่างกระชับและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของบริการ/สินค้า และเป้าหมายของคุณ การมีคำพูดนำเสนอธุรกิจที่คุณฝึกพูดไว้แล้วจะช่วยให้คุณอธิบายสินค้าให้ใครฟังก็ได้เวลาที่คุณพยายามจะขายของให้ลูกค้าหรือเวลาที่คุณพยายามโน้มน้าวให้นักลงทุนมาเข้าร่วมกับคุณ [13] ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายธุรกิจของคุณภายในระยะเวลาเท่านี้ได้ หมายความว่าคุณต้องปรับแผนธุรกิจใหม่
    • สำหรับร้านกาแฟ คุณก็ต้องอธิบายว่าคุณทำอะไร (ขายกาแฟ) บริการของคุณคืออะไร (เครื่องดื่มที่คุณบริการลูกค้า) อะไรที่ทำให้คุณพิเศษ (อาจจะตรงที่กาแฟที่คุณเสิร์ฟนั้นหายากหรือคั่วในท้องถิ่น) และคุณมีแผนจะทำอะไรต่อ (ขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ สินค้าใหม่ๆ เป็นต้น)
  2. การสร้างชื่อเสียงด้านบวกก็เหมือนเป็นการโฆษณาที่ไม่เสียเงิน เพราะลูกค้าจะบอกต่อไปยังเพื่อนๆ และกลับมาใช้บริการบ่อยๆ [14] ทำเหมือนว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวของธุรกิจนั้นขึ้นอยู่กับทุกการขาย นอกจากนี้ยังหมายความรวมถึงว่า ทุกการกระทำในธุรกิจและทุกปฏิสัมพันธ์ของคุณกับลูกค้าก็ควรจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย [15]
    • สำหรับร้านกาแฟ การสร้างชื่อเสียงจากการบริการที่ดีอาจจะหมายถึงการชงกาแฟรสชาติที่ดีที่สุด เพื่อที่ลูกค้าของคุณจะได้ดื่มกาแฟที่ดีที่สุดที่คุณสามารถหาให้ได้เสมอ
  3. คุณควรดูไอเดียของคู่แข่งอยู่เสมอโดยเฉพาะในช่วงเริ่มธุรกิจ เพราะเป็นไปได้ว่าต้องมีอะไรสักอย่างที่พวกเขาทำถูก ถ้าคุณสามารถหาได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร คุณก็สามารถนำมาใช้กับธุรกิจของคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องลองผิดลองถูกเหมือนที่พวกเขาเคยทำมาก่อนจะถึงจุดนี้ [16]
    • หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดก็คือ ตอนที่คุณเริ่มธุรกิจให้สังเกตกลยุทธ์การกำหนดราคาของคู่แข่ง ในตัวอย่างร้านกาแฟ การตั้งราคากาแฟเท่ากับร้านคู่แข่งนั้นง่ายกว่าการลองตั้งราคาตามที่ตัวเองคิดมากๆ
  4. เมื่อคุณตั้งธุรกิจแล้ว คุณควรมองหาลู่ทางที่คุณจะขยับขยายอยู่เสมอ จะเป็นการย้ายที่เพื่อให้มีหน้าร้านใหญ่ขึ้น เพิ่มพื้นที่การผลิต หรือเปิดธุรกิจในย่านใหม่ๆ ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจและเป้าหมายของคุณ เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จรู้ดีว่า คู่แข่งหลักของการเติบโตในระยะยาวคือการหยุดอยู่กับที่ หมายความว่าเสี่ยงที่จะขยับขยายดีกว่าจะพอใจกับการอยู่กับความสำเร็จแค่จุดเดิมจุดเดียว
    • จากตัวอย่างร้านกาแฟ คุณอาจจะพบว่าในเขตพื้นที่ใกล้ๆ กันนั้นมีร้านกาแฟไม่เพียงพอ เมื่อธุรกิจหลักของคุณอยู่ตัวและดำเนินไปได้อย่างราบรื่นแล้ว คุณก็ควรคิดหาวิธีเปิดร้านใหม่ในพื้นที่นั้น นอกจากนี้ก็อาจจะหมายถึงการย้ายจากร้านเพิงเล็กๆ ไปเป็นร้านกาแฟเต็มตัวก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคุณ
  5. อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าของธุรกิจได้ก็คือ การหาพื้นที่ๆ คุณสามารถหาเงินได้ สมมุติว่าคุณก่อตั้งธุรกิจหลักได้แล้ว ลองมองหาว่ายังมีตรงไหนที่คุณสามารถให้บริการหรือขายสินค้าที่ต่างออกไปได้ ลูกค้าของคุณอาจจะมาซื้อของชิ้นหนึ่งที่ร้านคุณบ่อยๆ และจากนั้นก็ต้องไปอีกร้านทันทีเพื่อซื้อของอีกชิ้นหนึ่ง หาว่าของชิ้นนั้นคืออะไรแล้วเอามาขายในร้านคุณ [17]
    • ทางเลือกง่ายๆ ในการสร้างความหลากหลายที่ว่านี้ให้กับร้านกาแฟก็เช่น ขายขนม แซนด์วิช หรือหนังสือด้วย
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • จ่ายค่าประกันที่มีระยะเวลาเป็นปี (เช่น หนี้สิน) ให้เร็วที่สุด
  • เตรียมเงินให้มากพอสำหรับใช้ในการลงทุนธุรกิจ 6 เดือน
  • บทความนี้เป็นเพียงแนวทางพื้นฐานให้นักธุรกิจได้ประโยชน์จากการทำธุรกิจของตนเองมากที่สุด หากต้องการแนวทางละเอียดที่ครอบคลุมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการเริ่มธุรกิจ ให้อ่านบทความ วิธีการเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ เพิ่มเติม
โฆษณา

คำเตือน

  • คุณอาจจะสูญเสียเงินได้หากคุณใช้เงินส่วนตัวลงทุนในบริษัทของคุณ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,668 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา