ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
อาจจะมีสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่จู่ๆ เพื่อนๆ ของเราก็หยุดพูดกับเราไปเสียดื้อๆ และทำเหมือนกับเราไม่มีตัวตน ซึ่งความรู้สึกของการถูกละเลยแบบนี้อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าความรู้สึกของการถูกปฏิเสธซะอีก เพราะมันทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสำคัญอะไรเลย [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง แต่อย่างไรก็ตาม เรายังพอมีวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถรับมือหรือโต้ตอบในสถานการณ์ที่ตัวเองโดนละเลยได้อย่างถูกทาง ฉะนั้น ไปดูกันเลย!
ขั้นตอน
-
ลองคิดพิจารณาถึงอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองในช่วงนี้ดู. พยายามคิดดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นอยู่ภายในจิตใจของคุณบ้างและคุณรู้สึกอย่างไร [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เพราะมันเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณจะต้องพิจารณาดูก่อนว่าเพื่อนของคุณไม่สนใจคุณจริงๆ หรือว่าคุณคิดไปเองว่าพวกเขาไม่สนใจคุณกันแน่ เพราะมันเป็นไปได้ว่าสถานการณ์ที่คุณเจออาจจะมีผลกระทบต่อตัวคุณมากกว่า และนั่นอาจจะเป็นผลที่เกิดมาจากความรู้สึกที่คุณมีในช่วงนี้เอง ซึ่งบางทีเพื่อนๆ ของคุณอาจจะเข้าไม่ถึงจุดนั้นก็ได้
- ลองเช็คดูว่าตัวเองเคยมีจุดเปลี่ยนสำคัญบางอย่างในชีวิต หรือเคยเจอสถานการณ์ตึงเครียดบางอย่าง เช่น การย้ายที่อยู่ ย้ายโรงเรียน เลิกกับแฟน หรือการรับมือกับความเจ็บป่วยของคนในครอบครัว หรือเหตุการณ์อื่นๆ บ้างหรือเปล่า เพราะความบีบคั้นในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตนั้นสามารถมีผลต่อช่วงชีวิตส่วนอื่นๆ ได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณเพิ่งจะย้ายมาอยู่โรงเรียนใหม่ คุณอาจจะรู้สึกห่างไกลจากเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเก่า เพราะคุณยังไม่รู้จักใครในโรงเรียนใหม่เลย และคุณก็ไม่ได้เจอพวกเขาทุกวันอีกแล้วถึงแม้ว่าคุณจะยังติดต่อกันผ่านทางข้อความก็ตามแต่ ซึ่งความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้ของคุณอาจจะเกี่ยวข้องจากเรื่องนั้น และอาจจะกลายเป็นปฏิกิริยาต่อสิ่งอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณด้วย
- เช็คให้แน่ใจว่าต้นเหตุของความรู้สึกนี้มาจากความรู้สึกของการถูกละเลยจริงๆ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ให้ดูให้แน่ใจว่าความรู้สึกของการถูกละเลยนั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาจริงๆ และไม่ใช่อาการที่เกิดจากสิ่งอื่นๆ ในชีวิตที่คุณอาจจะกำลังเผชิญอยู่
- และเพื่อที่จะเข้าถึงตัวเองและเข้าใจในอารมณ์ของตัวเองได้นั้น ให้คุณลองใช้วิธีออกกำลังกาย เขียนไดอารี หรือไม่ก็พูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจอย่างเพื่อนหรือคนในครอบครัวดู สิ่งสำคัญที่สุดคือ ให้คุณได้เคลื่อนไหวร่างกายจากจุดจุดหนึ่งไปอีกที่หนึ่งเพื่อให้ตัวเองได้ทำสิ่งอื่นๆ บ้าง เพราะการเปลี่ยนตำแหน่งและบริเวณที่ตัวเองอยู่จะสามารถปรับเปลี่ยนสภาวะภายในจิตใจ และช่วยรีเฟรชพลังงานเพื่อให้ตัวเองได้มีแรงนั่งไตร่ตรองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ประเมินปฏิสัมพันธ์ของตัวเองกับเพื่อน. เป็นไปได้ว่าเพื่อนๆ ของคุณอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งบางอย่างในชีวิตอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นดันที่มีผลเกี่ยวโยงกับเรื่องมิตรภาพต่างๆ ด้วย พวกเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะละเลยคุณ เพียงแต่ว่าปัญหาส่วนตัวของพวกเขามาทำให้พวกเขามองข้ามคุณไป และไม่สามารถโฟกัสที่ตัวคุณหรือให้เวลากับคุณได้
- ลองเปรียบเทียบระหว่างแต่ก่อนและตอนนี้ดูว่าทั้งคุณและเพื่อนของคุณมีปฏิสัมพันธ์กันต่างกันมากน้อยแค่ไหน คุณรู้สึกว่าสิ่งนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะหรือเปล่า? นอกจากนี้ ให้เปรียบเทียบเวลาคุณและเพื่อนของคุณมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน กับวิธีการที่เพื่อนคนนั้นของคุณปฏิบัติกับเพื่อนคนอื่นหรือเพื่อนของเขาเองด้วยว่ามีความต่างกันมากน้อยแค่ไหน เพื่อนของคุณมักจะไปไหนมาไหนกับคนอื่นๆ แต่ว่าไม่สามารถหาเวลาไปไหนมาไหนหรือคุยกับคุณหรือเปล่า?
- พิจารณาดูว่าเพื่อนของคุณเพิ่งจะเจอกับเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตหรือเปล่า (อย่างเช่น การอย่าร้างของพ่อแม่ การตายของคนในครอบครัว ภาวะซึมเศร้า ฯลฯ) เพราะเหตุการณ์นั้นอาจจะมีผลกระทบทำให้เพื่อนของคุณไม่สามารถรักษาสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนให้เหมือนแต่ก่อนก็ได้
- ลองนึกย้อนไปถึงช่วงก่อนๆ ที่พวกคุณอยู่ด้วยกัน แล้วดูว่ามีสถานการณ์บางอย่างที่คุณคิดว่าน่าจะมีความตึงเครียดระหว่างคุณและเพื่อนของคุณบ้างหรือเปล่า เป็นไปได้ไหมที่เพื่อนของคุณอาจจะรู้สึกไม่พอใจหรือเจ็บใจจากสิ่งที่คุณพูดหรือทำ? คุณได้ไปพูดนินทาลับหลังเพื่อนคุณในสิ่งที่คุณรู้ว่าไม่ควรจะทำหรือเปล่า? คุณไปพูดล้อเล่นหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกไปแบบไม่นึกถึงความรู้สึกของเพื่อนคุณหรือเปล่า? เพราะอาจจะเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะทำอะไรบางอย่างที่เป็นการดูถูกหรือทำร้ายความรู้สึกของเพื่อนคุณจนทำให้เขาอยากตีตัวออกห่างจากคุณไปสักพัก
-
จำไว้ว่าคุณไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของคนอื่นได้. คุณสามารถควบคุมได้แค่เพียงตัวเองและการกระทำของตัวเองเท่านั้น [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คุณไม่สามารถบังคับให้คนอื่นมาเที่ยวเล่นกับคุณ หรือมาคุยกับคุณได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถควบคุมวิธีการที่ตัวเองตอบโต้ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างคุณและเพื่อนได้ รวมไปถึงการตัดสินใจเลือกวิธีที่จะโต้ตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ไม่มีใครสามารถอยู่เพียงลำพังได้ ทุกคนล้วนต้องอาศัยการสนับสนุนทางสังคมและมิตรภาพที่จะช่วยให้พวกเขาอยู่ได้อย่างมีความสุขทั้งกายและใจ อย่างไรก็ตาม คนส่วนมากก็มักจะพึ่งพาการสนับสนุนจากคนอื่นเพื่อที่จะได้รู้สึกว่าตัวเองมีค่า แต่เราอยากให้คุณพยายามเห็นคุณค่าที่มาจากข้างในตัวเองและจากการประเมินในการกระทำของตัวเองมากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ความรู้สึกของคุณที่คุณมีต่อสิ่งต่างๆ ที่คุณได้ทำลงไป จำไว้ว่า คุณคือคนหนึ่งที่จะต้องพึ่งพาตัวเอง [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
นัดพบกับเพื่อนๆ ของคุณ. [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องวางแผนสำหรับการเจอหน้ากันไว้ล่วงหน้า ฉะนั้น ให้คุณติดต่อเพื่อนของคุณ และขอร้องให้พวกเขามาพบคุณในที่ที่ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว และเงียบสงบเหมาะแก่การพูดคุยกัน อย่างเช่น ร้านกาแฟหรือห้องเรียน พยายามหาสถานที่กลางๆ ที่เหมาะให้คนมาพูดคุยทำความเข้าใจกัน อย่าเชิญมาที่บ้านของตัวเอง [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คิดไว้ล่วงหน้าว่าคุณจะเข้าหาเพื่อนของคุณยังไง และคุณจะถามหรือพูดอะไรกับพวกเขาบ้าง นอกจากนี้ พยายามคาดการณ์ไว้ก่อนด้วยว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองมาอย่างไรด้วย คุณรู้จักเพื่อนของคุณ เพราะงั้นคุณอาจจะสามารถเดาได้ว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างไร เป้าหมายหลักของสิ่งนี้ก็คือ ให้เตรียมความพร้อมตัวเองทั้งทางจิตใจและอารมณ์สำหรับการพบปะกันครั้งนี้ และอย่าไปยึดติดกับปฏิกิริยาตอบโต้ต่างๆ ที่เพื่อนคุณอาจจะมีด้วย [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ถามคำถามและฟังคำตอบ. เว้นช่องว่างและปล่อยให้เพื่อนของคุณได้อธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จำไว้ว่า ถ้าอยากให้คนอื่นเข้าใจเรา เราต้องเข้าใจคนอื่นก่อน ฉะนั้น ให้คุณมีความแน่นอนในการใช้ถ้อยคำของตัวเอง และยกตัวอย่างการกระทำของพวกเขาที่คุณอยากจะยกขึ้นมาพูดคุยให้ชัดเจน ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะถามเพื่อนๆ คุณว่า “เราสังเกตว่าพวกเธอออกไปข้างนอกตอนวันศุกร์กันหมดทุกคนเลย แต่ก่อนหน้านั้นก็บอกว่าจะส่งข้อความมาบอกเราว่าจะไปไหนกันบ้าง แต่ทำไมสุดท้ายพวกเธอถึงไม่บอกเราล่ะ?”
- ฟังอย่างตั้งใจในขณะที่คนอื่นกำลังอธิบาย [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่าหลบเลี่ยงสายตา และให้หันตัวเข้าหาพวกเขา แล้ววางแขนและขาให้เปิดกว้าง อย่ากอดอกหรือไขว่ห้าง
- ไม่แน่คำตอบของเพื่อนคุณอาจจะทำให้คุณประหลาดใจก็ได้ และสิ่งที่คุณรู้ก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายลงก็ได้นะ! ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะรู้ความจริงว่าพวกเขาลืมส่งข้อความมาหาคุณจริงๆ และไม่มีเจตนาที่จะทำให้เสียใจหรือมุ่งร้ายต่อตัวคุณเลย หรือบางทีพวกเขาอาจจะติดงานอยู่และคิดว่ามันดึกแล้วและไม่อยากไปรบกวนคุณก็แค่นั้นเอง
- แต่นอกจากนี้ ยังเป็นไปได้อีกว่าคำตอบของพวกเขาอาจจะไม่ตรงไปตรงมา ตัวอย่างเช่น บางทีพวกเขาอาจจะบอกให้คุณรู้ว่าพวกเขากำลังเจอเรื่องที่ยากลำบากในชีวิต หรือในแง่ที่เลวร้ายที่สุด พวกเขาอาจจะไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ และจงใจที่จะมองข้ามคุณไปจริงๆ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งคุณแทบจะไม่อยากได้ยินเลย แต่ว่าในระยะยาว คุณจะรู้สึกยินดีที่ได้เจอหน้ากันเพื่อเคลียร์ข้อสงสัยและทำให้คุณได้ฟังความจริงในที่สุด
-
อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในมุมมองของคุณ. บอกไปตามข้อเท็จจริงและอธิบายไปตามการรับรู้จากมุมมองของคุณที่มีต่อสถานการณ์นั้น [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ให้เพื่อนของคุณรู้ว่าสถานการณ์นั้นทำให้คุณรู้สึกอย่างไร และคุณตีความการกระทำของพวกเขาในทางไหน โดยให้พูดอย่างตรงไปตรงมาและเน้นใช้คำว่า “ฉัน/เรา” เพื่อหลีกเลี่ยงการโทษกันไปมา ตัวอย่างของประโยค “ฉัน/เรา” ก็อย่างเช่น “ฉัน/เรารู้สึกว่า...” “ฉัน/เราโกรธที่...” และ “ฉัน/เราสับสนเรื่อง...” [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดว่า “ตอนที่เราไม่ได้ข้อความจากพวกเธอเมื่อตอนคืนวันศุกร์ มันทำให้เรารู้สึกว่าพวกเธอไม่อยากให้เราไปด้วย และจงใจที่จะทิ้งเราไว้คนเดียว”
- จงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็จำไว้เสมอว่าการที่คุณมั่นใจในรายละเอียดของปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องปฏิบัติต่อพวกเขาแบบรุนแรง ฉะนั้น ให้คุณโฟกัสที่ตัวปัญหา และไม่เจาะจงที่ตัวบุคคลจะดีกว่า [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ทำใจให้สงบและอย่าปล่อยให้อารมณ์ของคุณมามีชัยชนะเหนือตัวคุณได้ หากคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะโกรธ โมโห และไม่สามารถที่จะคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนได้ ให้ลองคิดเรื่องการเดินออกมาจากการพูดคุยก่อน และกลับเข้าไปใหม่เมื่อเวลาเหมาะสม เพราะคุณเองคงไม่อยากที่จะพูดอะไรออกไปแล้วมานั่งเสียใจทีหลังเพราะว่าตอนนั้นคุณไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ใช่ไหมล่ะ นอกจากนี้ หากเพื่อนของคุณเริ่มที่จะโกรธหรือมีท่าทีรุนแรง ทางทีดีที่สุดก็คือให้คุณออกมาจากตรงนั้นก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย
-
ขอโทษหากคุณเป็นฝ่ายผิด. หากคุณถูกละเลยเพราะคุณไปทำร้ายจิตใจคนบางคน ให้คุณกล่าวคำขอโทษด้วยใจจริงเมื่อถึงตาคุณพูด อธิบายให้ชัดเจนว่าคุณกำลังขอโทษในสิ่งไหนบ้าง และหลีกเลี่ยงการขอโทษในเชิงที่ชี้ว่าพวกเขาตีความการกระทำของคุณไปเอง แต่ให้ขอโทษเพราะการกระทำที่เกิดจากตัวคุณจะดีกว่า
- ตัวอย่างเช่น หากคุณเคยพูดออกไปว่างานที่เพื่อนคุณทำนั้นดูไร้สาระ และผ่านไปอีกเป็นล้านๆ ปีคุณก็จะไม่มีทางทำงานนั้นเด็ดขาด เวลาที่ขอโทษคุณอย่าพูดแค่ว่า “เราขอโทษที่เธอต้องมารู้สึกแย่เพราะคำพูดเราเรื่องงานของเธอ” เพราะนั่นถือว่าเป็น “การขอโทษที่ไม่ใช่การขอโทษ” เพราะมันดูเหมือนว่าคุณยังไม่ได้ยอมรับว่าความผิดเป็นของคุณเอง และเหมือนจะไปชี้กลายๆ อีกว่าเพื่อนของคุณอ่อนไหวเกินไป และไปทำให้คำพูดแบบนั้นเป็นเรื่องซีเรียสก่อนเอง ฉะนั้น สิ่งที่ควรพูดก็คือ “เราขอโทษที่เราพูดอะไรแบบนั้นออกไปเกี่ยวกับงานที่เธอทำ เราเข้าใจแล้วว่ามันทำร้ายจิตใจและความรู้สึกเธอ เรารู้ว่าเธอทำงานหนักมากเพื่อที่จะได้มีเงินมาจ่ายค่าเทอม เรายอมรับว่าตอนนั้นเราพูดอะไรที่ใจร้ายกับเธอมากจริงๆ ” [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
หาทางออก. การพยายามหาทางออกของปัญหานี้ด้วยกันนั้นมักจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะในบางครั้ง สิ่งที่ใช้ได้ผลกับคนๆ หนึ่งก็อาจจะไม่ได้ผลกับอีกคนก็ได้ [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ฉะนั้น ทางออกก็อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างการให้สัญญากับเพื่อนๆ ว่าจะแบ่งตารางเวลาให้อยู่ด้วยกันมากขึ้น หรือจะตั้งแจ้งเตือนเอาไว้เพื่อที่จะได้ไม่มีใครถูกลืมหรือถูกทิ้งไว้คนเดียวอีก ที่สำคัญ อย่าลืมหาทางออกของปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะบางอย่าง รวมไปถึงเหตุผลในการแยกตัวออกมาด้วย ตัวอย่างเช่น
- หากเพื่อนของคุณแยกตัวออกห่างจากคุณเพราะสถานการณ์เฉพาะบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเขา คุณต้องให้เวลาและพื้นที่กับเพื่อนคุณเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาส่วนตัวของเขาด้วย บอกให้เพื่อนคุณรู้ (ทางอีเมล ข้อความ หรือโทรศัพท์) ว่าคุณพร้อมเสมอเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกว่าพร้อมที่จะคุย ที่สำคัญอย่าไปกดดันเพื่อนของคุณด้วยการยืนกรานว่าจะต้องออกไปเที่ยวด้วยกันให้ได้ แต่ให้คุณติดต่อเพื่อนคุณไป และบอกให้เขารู้ว่าคุณคิดถึงเขา และคุณก็ให้ค่าในมิตรภาพระหว่างคุณและเขามาก ก็อย่างคำกล่าวที่ว่า “90% ของชีวิตก็คือการทำให้เห็นแค่นั้นเอง” หรือถ้าเป็นในกรณีนี้ก็หมายถึง การทำตัวเองให้พร้อมเสมอในเวลาที่เพื่อนต้องการคุณนั่นเอง [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หากคุณรู้สึกว่าตัวเองถูกละเลยเนื่องจากบางสิ่งบางอย่างที่คุณกำลังเผชิญหน้าในชีวิตแบบที่เรากล่าวไว้ในส่วนที่ 1 ตรงด้านบน ให้คุณบอกให้เพื่อนรู้ว่าคุณกำลังเจอกับปัญหาอะไรอยู่ และปรึกษากันเพื่อหาวิธีที่จะรักษามิตรภาพให้คงอยู่ต่อไปพร้อมๆ กับการรับมือกับเหตุการณ์ในช่วงนี้ของชีวิต ตัวอย่างเช่น หากช่วงนี้คุณยุ่งเรื่องที่จะต้องช่วยแม่ของคุณเพราะว่าแม่ของคุณป่วย และคุณไม่สามารถที่จะไปเฮฮาสังสรรค์กับเพื่อนได้ ให้คุณลองขอร้องให้เพื่อนคุณมาหาที่บ้านสักวันหนึ่งก็ได้ เพื่อที่คุณจะได้ทั้งอยู่บ้านกับแม่และมีช่วงเวลาบางช่วงกับเพื่อนๆ ในแบบที่คุณตั้งใจเอาไว้ได้
-
รักษามิตรภาพนี้และเดินหน้าต่อไป. เป็นไปได้ว่าการหาทางออกอาจจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และในบางกรณี เพื่อนบางคนก็ใช้ชีวิตเติบโตต่อไปในแบบที่ต่างจากอีกคน [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ฉะนั้น หากเพื่อนของคุณบอกว่าที่เขาละเลยคุณไปก็เพราะว่าคุณและเขาไม่ค่อยมีอะไรที่คล้ายกันเยอะเหมือนแต่ก่อน นั่นอาจจะถึงเวลาที่คุณจะต้องปล่อยมิตรภาพนั้นไปจริงๆ เพราะถ้าหากเพื่อนของคุณไม่ได้พยายามทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น หรือพยายามหาทางแก้ไขสถานการณ์หรือมิตรภาพให้ที่ดีขึ้นเลย ก็เป็นไปได้ว่านั่นเป็นเพราะพวกเขาอาจจะไม่ได้อยากทำแบบนั้นแล้ว ซึ่งแม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นบทเรียนหนักที่ต้องเจอในชีวิต แต่จำไว้ว่าบางครั้งมิตรภาพระหว่างเพื่อนก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลาได้ [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง แต่สิ่งดีๆ ที่คุณยังสามารถพบเจอได้อีกก็คือโลกทั้งใบที่อยู่ข้างนอกนั่น และในที่ตรงนั้น ก็จะเป็นที่ที่คุณสามารถ สร้างมิตรภาพครั้งใหม่ ได้!โฆษณา
คำเตือน
- หากการมองข้ามเลยเถิดจนกลายเป็นเรื่องการกลั่นแกล้งกัน ให้คุณแจ้งคุณครู ที่ปรึกษา พ่อแม่ หรือคนอื่นที่คุณไว้ใจและสามารถช่วยคุณได้ จำไว้ว่า การที่คนอื่นปฏิบัติกับคุณในรูปแบบของการข่มขู่ เหน็บแนม เยาะเย้ย สะกดรอยตามนั้นไม่ใช่เรื่องที่โอเคเลย เพราะสิ่งเหล่านี้คือรูปแบบหนึ่งของการคุกคามทางอารมณ์ [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/how-do-life/201405/when-youre-ignored-updated-cool-video
- ↑ http://blog.idonethis.com/calm-carry-on-when-ignored/
- ↑ http://blog.idonethis.com/calm-carry-on-when-ignored/
- ↑ http://blog.idonethis.com/calm-carry-on-when-ignored/
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/how-do-life/201405/when-youre-ignored-updated-cool-video
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/how-do-life/201405/when-youre-ignored-updated-cool-video
- ↑ http://lifehacker.com/how-do-i-confront-a-friend-whos-suddenly-turned-into-a-1078958342
- ↑ http://www.cpt.org/files/CT%20-%20How%20to%20Confront.pdf
- ↑ http://www.cpt.org/files/CT%20-%20How%20to%20Confront.pdf
- ↑ http://www.cpt.org/files/CT%20-%20How%20to%20Confront.pdf
- ↑ http://blog.idonethis.com/calm-carry-on-when-ignored/
- ↑ http://www.cpt.org/files/CT%20-%20How%20to%20Confront.pdf
- ↑ http://www.cpt.org/files/CT%20-%20How%20to%20Confront.pdf
- ↑ http://www.slate.com/blogs/lexicon_valley/2014/11/20/sorry_not_sorry_non_apology_fauxpology_unpology_and_other_names_for_hollow.html
- ↑ http://blog.idonethis.com/calm-carry-on-when-ignored/
- ↑ http://www.huffingtonpost.com/2013/06/14/coping-with-divorce_n_3442859.html
- ↑ http://www.huffingtonpost.com/margaret-ruth/the-single-best-way-to-te_b_247522.html
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/the-friendship-doctor/201307/how-gently-let-go-toxic-friend
- ↑ http://nobullying.com/emotional-abuse-all-too-common-and-misunderstood/
โฆษณา