ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เคยรู้สึกว่าตนเองฉลาดน้อยกว่าคนอื่นไหม อายหรือเปล่าที่เราไม่รู้คำตอบเมื่อมีคนถามอะไรสักอย่าง ทุกคนต่างก็เคยรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่รู้อะไรเลย ความจริงแล้วก็ไม่มีใครรู้อะไรไปหมดเสียทุกอย่างหรอก และถึงแม้เราจะเป็นคนรอบรู้หรือไม่ เราก็สามารถเพิ่มความฉลาดให้ตนเองได้ด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

พัฒนาความสามารถในการคิด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เสริมสร้างความจำ . การมีความจำดีถือว่าเป็นความฉลาดอย่างหนึ่ง แค่การสังเกตหรือสนใจอะไรบางอย่างนั้นไม่เพียงพอ เราต้องเก็บข้อมูลได้ดีด้วย ให้นำความทรงจำใหม่มาเชื่อมโยงกับความทรงจำเดิม การนำข่าวสาร ข้อสังเกต หรือข้อมูลใหม่ๆ มาเชื่อมโยงกับความทรงจำเดิมจะช่วยให้จำง่ายขึ้นกว่าการสร้างความทรงจำขึ้นมาใหม่ เราจะใช้เทคนิคเชื่อมโยงและรวมความทรงจำแบบไหนก็ได้ แต่ให้หมั่นฝึกอย่างสม่ำเสมอ และเราจะได้เทคนิคการเรียนรู้และเก็บข้อมูลใหม่ได้เร็วขึ้น ก้าวแรกย่อมยากเสมอ
  2. ทำไมคนบางคนถึงได้รอบรู้มากเหลือเกิน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่านอกจากบุคคลนั้นต้องมีความจำที่ดีแล้ว ยังต้องมีความใฝ่รู้ด้วย ถ้าเราพอใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไปโดยไม่พยายามทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่เราไม่รู้จักคุ้นเคยแม้สักนิดเดียว เราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย พยายามตั้งใจใฝ่รู้ด้วยการเตือนตนเองว่าการใฝ่รู้จะขยายโลกทัศน์และเพิ่มความฉลาดของเราให้มากขึ้น
  3. คนส่วนใหญ่จะทำกิจกรรมต่างๆ ที่ถนัดหรือทำบ่อยๆ ออกมาได้ดี แต่จงท้าทายตนเองให้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือคิดให้แตกต่าง แล้วเราจะฉลาดมากขึ้นไปอีก เลือกฝึกกิจกรรมที่เราอยากเรียนรู้ (เช่น การเล่นแอคคอร์เดียน) หรือฝึกวิชาที่ไม่ถนัด (เช่น วิชาคณิตศาสตร์) และตั้งใจฝึกไปเรื่อยๆ ตอนแรกเราอาจทำออกมาได้ไม่ดีนักและรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่เก่งกาจอย่างที่คิดเลย แต่ถ้าได้ศึกษา เรียนรู้ หรือฝึกอย่างมุมานะแล้ว เราจะเริ่มมีความมั่นใจและเชี่ยวชาญทักษะนั้นในที่สุด
  4. การทำสมาธิเป็นประจำจะช่วยพัฒนานิสัยและชีวิตทุกด้านอย่างที่กล่าวในบทความนี้และบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองอื่นๆ การทำสมาธิได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าไม่เพียงแค่ช่วยทำให้มีสมาธิมากขึ้นแต่ช่วยให้รู้สึกมีความสุขและเบิกบานด้วย [1] ถ้าอยากทราบประโยชน์ของการทำสมาธิมากกว่านี้ ให้ลองหาอ่านบทความที่อ้างถึงนี้ดู
    • นี้เป็นวิธีทำสมาธิแบบง่ายๆ แต่ได้ผล แค่รับรู้ถึงลมหายใจเข้าออกรวมทั้งระหว่างหายใจเข้าและออก การเคลื่อนไหวของท้อง เป็นต้น ลองอ่านวิธีการ ฝึกสมาธิ ดูสิ จะได้รู้วิธีฝึกอย่างละเอียด
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

แสวงหาความรู้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเห็นว่าตนเองตอบอะไรไม่ได้สักอย่างเมื่อครู อาจารย์ หรือติวเตอร์ถาม หรือทำคะแนนสอบออกมาไม่ดี แสดงว่าเราอาจยังไม่เข้าใจบทเรียนพอ นอกจากพยายามเรียนให้มากขึ้นแล้ว ยังควรพัฒนา “วิธีการเรียน” ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย บทความต่างๆ ด้านล่างนี้อาจช่วยได้
    • เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการเรียน และวิธีการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ทำข้อสอบให้ดี
  2. ทำการบ้าน และทบทวนบทเรียนทุกครั้ง. การบ้านจะทำให้เราได้ฝึก การทบทวนจะช่วยให้เราเข้าใจบทเรียน เมื่อทำการบ้านและทบทวนบทเรียนอยู่เป็นประจำ เราจะมั่นใจในการเรียนและการสอบมากขึ้น
    • ส่วนใหญ่แล้วการทำการบ้านไม่เหมือนการเรียน ฉะนั้นจึงไม่สามารถถือว่าการทำการบ้านเป็นการเรียนได้ การเรียนจะทำให้เราได้คิดไตร่ตรองอย่างละเอียดลึกซึ้งและทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น
    • อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่ารอจนใกล้ถึงวันกำหนดส่ง จึงค่อยลงมือทำ และอย่าลอกการบ้านเพื่อน นี่ไม่ใช่การเรียนรู้ เพราะพอการบ้านเสร็จและส่งครูไปแล้ว เราก็จะลืมความรู้ที่ได้ไปเลยหลังจากนั้น ผลคือพอต้องเข้ามาสู่โลกของการทำงาน เราก็จะนึกอะไรไม่ออกและไม่สามารถนำความรู้มาใช้ในการทำงานได้
    • อย่าเอาแต่เรียนเฉยๆ เพราะจะไม่ได้ผล หาทางทำให้การเรียนนั้นน่าสนใจ น่าสนุก เราจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้นและจำบทเรียนได้ดีขึ้น
  3. ความรู้ทุกอย่างสามารถหาอ่านได้จากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ นิตยสาร หรืออินเทอร์เน็ต จงเป็นนักอ่านตัวยง แล้วเราจะได้รู้ความคิดและข้อมูลมากขึ้น ถ้าเป็นคนอ่านหนังสือช้า ให้ เรียนรู้ทักษะการอ่านเร็ว จะจดคำบางคำที่สงสัยเอาไว้ แล้วหาความหมายในพจนานุกรมก็ได้
    • ถ้าเป็นคนอ่านหนังสือช้า ให้ยอมรับตนเองว่าเป็นเช่นนั้น ดีกว่าพยายามอ่านให้เร็วขึ้นแต่ไม่เข้าใจเลย หาเวลาอ่านหนังสือและขออย่าให้ใครมารบกวน พยายามอ่านให้เข้าใจมากกว่าอ่านให้มาก ตั้งเป้าหมายการอ่านและให้รางวัลตนเองสักหน่อยเมื่ออ่านจบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
  4. เข้าห้องสมุดบ่อยๆ และเลือกหนังสือที่เราสนใจอ่าน. เรื่องที่อ่านไม่สำคัญเท่าการลงมืออ่าน จงพกหนังสือดีๆ ติดตัวไว้อ่านเสมอ
  5. มีแต่ความใฝ่รู้แต่ไม่ยอมออกไปหาความรู้ก็เหมือนรถที่ไม่มีน้ำมัน เราจะไม่รู้อะไรเพิ่มขึ้นเลย โชคดีที่การค้นคว้าหาความรู้เป็นเรื่องที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง ถ้าเราอ่านหนังสือแล้วพบคำหนึ่งที่เราไม่รู้จัก ก็ให้ค้นหาความหมายของคำนั้นจากพจนานุกรม ถ้าเกิดสงสัยว่าเครื่องบินทำงานอย่างไร ก็หาหนังสือเกี่ยวกับเครื่องบินมาอ่านเสีย ถ้าอยากรู้ข่าวการเมือง ก็อ่านหนังสือพิมพ์ อยากรู้อะไร ก็ค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตและออกไปสำรวจโลกดูด้วยตาของตนเองก็ได้
  6. ถ้าเรารู้วิธีใช้แหล่งข้อมูลตั้งแต่โปรแกรมช่วยหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตไปจนถึงสารานุกรม เราก็จะสามารถหาข้อมูลที่เราต้องการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทักษะค้นคว้าที่มีประสิทธิภาพจะช่วยส่งเสริมความใฝ่รู้ เพราะเรารู้ว่าตนเองสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้นั้นได้ ถ้าต้องการพัฒนาทักษะในการค้นคว้า ลองเข้าเรียนหรือเข้าฝึกการค้นคว้า ถามบรรณารักษ์หรือครู หรือฝึกการค้นคว้าด้วยตนเอง หรือแค่กดปุ่ม “help” ในอินเทอร์เน็ตและโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้วอ่าน
  7. มีเรื่องมากมายที่ต้องอาศัยความรู้นอก “ตำรา” เราทุกคนต่างก็สามารถเรียนรู้เพื่อที่จะทำภารกิจประจำวันทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และที่โรงเรียนได้ดีขึ้น ถ้าเราไม่รู้ว่าจะทำภารกิจหนึ่งให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างไร อย่าเพิ่งไปขอให้ผู้อื่นช่วยเหลือหรือสอนให้ เราสามารถรู้ด้วยตนเองจากการลองผิดลองถูกหรือค้นคว้าหาความรู้ได้ ถึงการรู้ด้วยตนเองจะใช้เวลานานกว่าถามคนอื่น แต่เราก็จะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นกว่าเดิมและจำได้แม่นขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือจะได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหาแทนที่จะ “ทำตามคำบอก”
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรู้อะไรด้วยตนเองนั้นเป็นความพยายามที่น่านับถือก็จริง แต่บางครั้งเราก็ไม่มีเวลาพอที่จะทำแบบนั้น เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้วิธีการทำงานบางอย่าง ขอให้ผู้อื่นสอนให้จะดีกว่า ส่วนเราต้องตั้งใจฟังและซักถามเรื่องที่ยังสงสัย เราจะได้ไม่ต้องมาถามเขาซ้ำอีก
    • คนส่วนใหญ่ “ชอบ” ตอบคำถามที่ตนเองรู้จริง การถามพวกเขาเป็นการแสดงว่าเราเห็นคุณค่าของความรู้และความคิดของคนเหล่านั้น อีกทั้งเป็นการให้โอกาสผู้รู้ได้ถ่ายทอดความรู้ที่มีแก่ผู้อื่น แต่ถ้ามีใครแสดงปฏิกิริยาไม่ดีใส่ เมื่อเราไปขอความช่วยเหลือจากเขา อาจเป็นเพราะว่าคนคนนั้นไม่แน่ใจว่าตนเองรู้จริงหรือกำลังรีบ ในทั้งสองกรณีไม่ใช่ความผิดของเรา เราอาจถามเขาในคราวหน้า หรือถ้ารู้ว่าบุคคลนั้นรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา ก็พยายามยืนยันให้เขารู้ว่าคำแนะนำของเขานั้นเป็นประโยชน์มากแค่ไหน
  2. เวลาจะสอนอะไรใครสักคน เราต้องรู้เรื่องที่กำลังสอนเป็นอย่างดี การพยายามอธิบายความคิดหรือทักษะให้ใครสักคนฟังนอกจะทำให้เราจำเรื่องที่สอนได้ดีขึ้นแล้ว คำถามของคนอื่นยังช่วยให้เรารู้ตัวว่าตนเองนั้นรู้เรื่องที่กำลังพูดอยู่ดีแค่ไหน อย่าปล่อยให้ความไม่รู้อย่างละเอียดลึกซึ้งทำให้เราไม่กล้าสอนผู้อื่น เราจะได้เรียนรู้ไปด้วยขณะที่สอน ไม่เห็นต้องอายที่จะบอกว่า “ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเหมือนกัน เราสองคนมาช่วยกันค้นหาคำตอบดีกว่า!” การไม่มีข้ออ้างใดๆ เป็นสัญญาณของความเป็นผู้ใหญ่และความเป็นผู้ใหญ่จะทำให้เรามีความฉลาดทางอารมณ์มากขึ้น
    • เต็มใจที่จะถ่ายทอดความรู้ เราสามารถแบ่งปันความรู้และทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นได้ อย่าเก็บความรู้นั้นไว้คนเดียว จงแบ่งปันประสบการณ์ ทักษะ ความสามารถ และความรู้กับผู้อื่น พวกเขาจะได้มีความสามารถและความมั่นใจในตนเองมากขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

เพิ่มพูนความรู้และทักษะ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปิดพจนานุกรมและหาคำที่เรายังไม่รู้ จากนั้นฝึกใช้คำนั้นตลอดวัน เมื่อเข้าใจคำใหม่นั้นแล้ว ให้หาคำอื่นต่อไป
  2. ใครหลายคนเพิ่มความฉลาดของตนด้วยการพยายามเพิ่มความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ตนเองถนัดอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้านักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์รู้ภาษาซีพลัสพลัส (C++) ด้วย ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่านักเขียนโปรแกรมคนนั้นมีความรอบรู้ในสายงานของตนเองและมีโอกาสได้งานมากกว่านักเขียนโปรแกรมคนอื่น
  3. การพูดคุยกับผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญสาขาต่างๆ จะช่วยให้เรามีความรอบรู้มากยิ่งขึ้น อย่ารู้สึกว่าตนเองนั้นต่ำต้อย จงคิดว่านี้เป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้และซักถามพวกเขาเหล่านั้น!
  4. การหมั่นติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะทำให้รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างบนโลกใบนี้ เราสามารถตามทันโลกได้ เมื่ออ่านมากๆ
  5. การเขียนจะทำให้เราได้ใช้ความรู้ไปในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ว่าเราจะเขียนเรื่องสั้น เรื่องแนวแฟนตาซี หรือรายงานเรื่องสงครามโลกครั้งที่สอง ทุกอย่างที่เขียนต่างก็เป็นการฝึกทักษะการเขียนที่ดีทั้งนั้น พยายามฝึกสมองและเขียนอะไรเล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเขียนพรรณนาความรู้สึกหรือเขียนบรรยายสภาพอากาศ บางครั้งแค่ระดมสมองคิดอาจช่วยให้เราสร้างแนวคิดใหม่ๆ ได้
  6. การเรียนรู้ภาษาอื่นๆ เป็นวิธีการเพิ่มความฉลาดให้ตนเองที่ดีวิธีการหนึ่ง เด็กที่เรียนตั้งแต่สองภาษาขึ้นไปจะมีสมองเนื้อเทามากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียน และสมองของเด็กพวกนี้มีการเชื่อมโยงของเส้นประสาทมากกว่า สมองเนื้อเทามีหน้าที่ประมวลข้อมูลซึ่งได้แก่ความจำ การพูด และการรับรู้ความรู้สึก การรู้อีกภาษาหนึ่งยังช่วยเพิ่มความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นซึ่งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการมีความฉลาดทางอารมณ์
  7. หาเวลาอยู่กับตนเองเพื่อคิดใคร่ครวญถึงเรื่องต่างๆ. ตอนที่เราอยู่กับตนเองเป็นโอกาสที่จะได้ใคร่ครวญ คิดเรื่องต่างๆ อย่างละเอียดลึกซึ้ง และพักผ่อน ตอนที่อยู่ตามลำพัง เราจะได้พิจารณาทุกอย่างที่ได้เรียนรู้จากวันนั้นหรือสัปดาห์นั้นและเห็นว่าเรื่องไหนสำคัญต่อเราบ้าง การปลีกวิเวกบ้างจะช่วยให้เรารู้สึกสงบ ลดความเครียด และได้รู้จักตนเองมากขึ้น ฉะนั้นหาเวลาอยู่กับตนเองบ้างในแต่ละวัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • นักจิตวิทยาบางท่านกล่าวว่าความฉลาดมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น ความฉลาดด้านการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ (รู้จักการปฏิสัมพันธ์และผูกมิตรกับผู้อื่น) ความฉลาดทางด้านการใช้ร่างกาย (มีความคล่องตัว เล่นกีฬาเก่ง) เป็นต้น ถ้าเรามีความฉลาดด้านต่างๆ เหล่านี้ จงฝึกใช้ให้เชี่ยวชาญเถอะ ถึงแม้ความฉลาดที่กล่าวมานั้นจะไม่ทำให้เรา “ฉลาดขึ้น” ก็ตาม แต่ก็ช่วยให้เราดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและสมดุล
  • ดนตรีคลาสสิกอาจช่วยในการจดจำความรู้ใหม่ๆ ได้ดีและช่วยในการศึกษาเล่าเรียนได้ อย่างน้อยก็ลองหามาฟังกันดู เผื่อจะช่วยได้!
  • จงเป็นผู้ริเริ่ม การเป็นผู้ริเริ่มทำอะไรสักอย่างอาจดูน่ากลัวในตอนแรก แต่เมื่อทำสำเร็จ เราก็จะได้ประโยชน์จากการเป็นผู้ริเริ่มอย่างมากมาย จงอ่านและศึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้ง เรียนรู้ไปทีละอย่าง และคิดให้กว้าง มองหาจุดบกพร่องที่สามารถปรับปรุงได้และหาวิธีแก้ไข เปลี่ยนแปลง เอาชนะปัญหาที่ประสบอยู่ให้ได้ การเป็นผู้ริเริ่มเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากสภาพเดิมๆ แก้ปัญหาต่างๆ ที่เรื้อรัง และทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น ไม่ว่าเราจะทำอะไรตั้งแต่เป็นนักธุรกิจและนักประดิษฐ์ไปจนถึงการเป็นพ่อแม่และการสร้างความสัมพันธ์ในที่ทำงาน
  • การดูทีวีก็เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ในการเรียนรู้เหมือนกัน แต่จงเลือกดูอย่างชาญฉลาดและดูแต่พอดี ขอให้เลือกดูรายการที่ให้ความรู้ สารคดี และข่าวที่มีความถูกต้องน่าเชื่อถือ ควรดูทีวีแค่อาทิตย์ละสองสามชั่วโมง อย่าดูทีวีจนเป็นนิสัยเวลารู้สึกเหนื่อย เพราะตอนนั้นเป็นเวลาที่ควรพักผ่อนหรือทำอะไรที่ช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
  • อาจมีคนคิดว่าการเรียนจบบางสาขาหรือบางวิชาได้นั้นถือว่า “ฉลาดกว่า” คนอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้วความรู้ทุกสาขาต่างก็มีความสำคัญทั้งนั้น และเมื่อเอามาแบ่งปันกัน ก็จะทำให้ได้มุมมองต่างๆ มากมายในการแก้ปัญหาซึ่งแก้ได้อย่างยากเย็น (ปัญหาใหญ่ที่ดูเหมือนยังหาทางแก้ไม่ได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก) เราอาจได้วิธีแก้ปัญหาที่ไม่คาดคิดว่าจะมีก็ได้ หาให้พบว่าตนเองสนใจอะไรและมีความเชี่ยวชาญด้านไหนแล้วไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยการใช้ความรู้ความสามารถนั้นช่วยโลกใบนี้ให้น่าอยู่ขึ้น
  • การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่ใช่เพียงการกล้าเผชิญหน้ากับความท้าทายเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียนรู้ที่จะเอาชนะความกลัวและลงมือทำด้วย การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ช่วยเพิ่มความฉลาดและทำให้เราเป็นคนที่ตื่นตัว กระตืนรืนร้น และใฝ่รู้ จงพยายามฝืนตัวเองเสียหน่อย แล้วจะสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่นั้นให้เร็วกว่านี้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ นักวิจัยบางท่านกล่าวว่า ขณะที่เราหลับ สมองจะสร้างการเชื่อมโยงใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราไม่รู้ว่าจะแก้สมการคณิตศาสตร์ได้อย่างไร ให้พักไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาคิดใหม่ในวันพรุ่งนี้ สมองของเราอาจเกิดคิดคำตอบขึ้นมาได้ตอนเราหลับ
  • อาจลองติวหนังสือแบบตัวต่อตัว เพราะการเรียนหนังสือแบบตัวต่อตัวช่วยเพิ่มความรู้และทักษะได้จริงๆ ในแบบที่เราไม่ได้รับจากการอ่านหรือการดูวีดีโอย่างเดียว
  • อย่าเอาแต่รู้สึกว่าตนเองนั้นต่ำต้อยกว่าผู้อื่น จงใช้ความรู้สึกนั้นมาเป็นพลังทำให้เราบรรลุเป้าหมายและไปไกลเกินกว่าศักยภาพของตนเอง พอเรารู้สึกว่าตนเองนั้นต่ำต้อย เราก็จะรู้สึกโกรธแค้นตามมา ฉะนั้นจงรู้ว่าแท้จริงนั้นตนเองรู้สึกอย่างไรและใช้ความรู้สึกนั้นเป็นพลังในการสร้างแรงบันดาลใจให้ตนเอง การคลายความรู้สึกต่างๆ ที่มีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป แต่ให้พยายามทำความเข้าใจมุมมองและทัศนคติของผู้อื่น เราจะได้สามารถพัฒนาตนเองและเปิดใจรับฟังผู้อื่นรวมทั้งเปิดรับโอกาสมากมายที่รอให้เราเข้าไปคว้าไว้ด้วย
  • จงอ่านให้มาก! อย่ามุ่งแต่อ่านหนังสือประเภทใดประเภทหนึ่ง (เช่น เอาแต่อ่านนวนิยายวิทยาศาสตร์) จงอ่านหนังสือให้หลากหลาย เช่น หนังสือชีวประวัติบุคคล หนังสือประวัติศาสตร์ นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ เป็นต้น อาจใช้ปากกา หรือโน้ตบุ๊คบันทึกความรู้ที่ได้จากการอ่านลงไปด้วยก็ได้ เราจะได้มีข้อมูลไว้ใช้อ้างอิง พยายามอ่านข้อความที่จดเอาไว้บ่อยๆ ด้วย!
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่ามองว่าคนอื่นนั้นมีอะไรบ้าง แต่ให้มองว่าเรานั้นมีอะไรบ้างและสามารถทำอะไรได้บ้าง ถ้าเอาแต่สนใจว่าคนอื่น “ฉลาด” มากแค่ไหน เราก็จะไม่มีโอกาสเพิ่มความฉลาดของตนเอง
  • เมื่อพยายามแล้วพลาด อย่าจมปลักอยู่กับความผิดหวังนานเกินไป ให้ชมเชยความมานะของตนเองและพยายามอีกครั้ง ทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำได้สำเร็จ
  • การดื่มแอลกอฮอล์และใช้สารเสพติดมาเป็นเวลานานอาจทำให้เซลล์สมองเสียหาย ผลคือเราจดจ่อกับสิ่งต่างๆ ได้น้อยลง ไม่สามารถคิดอะไรได้อย่างกระจ่างและไม่ค่อยมีสมาธิ ไม่อาจนำความรู้ความสามารถมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมได้
  • ถ้าเราพยายามที่จะเรียนรู้อะไรสักอย่าง ให้ทิ้งอัตตาของตนเองไปเสียก่อน ความหยิ่งยโสหรือการทำตัวเหนือกว่าคนอื่นเป็นการแสดงออกว่าเรารู้สึกไม่พอใจและโกรธที่สิ่งต่างๆ ไม่เป็นอย่างที่ปรารถนา จงแสดงความโกรธด้วยวิธีที่สร้างสรรค์กว่านี้ พยายามเปลี่ยนพลังงานด้านลบเป็นพลังงานด้านบวกที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายที่เราต้องการแทน


โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,403 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา