ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หน้าเว็บโหลดช้ากว่าที่เคยใช่ไหม? เวลาดาวน์โหลดอะไรก็ไม่เร็วทันใจอย่างเมื่อก่อนใช่หรือเปล่า? เมื่อพูดถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ต ก็มักจะมีปัจจัยต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย แต่โชคดีที่ยังมีอีกหลายวิธีให้คุณสามารถเพิ่มความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณได้ และคุณก็สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายในไม่กี่นาทีซะด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ตรวจสอบฮาร์ดแวร์ เครือข่าย และการเชื่อมต่อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนที่จะลงมือปรับแต่งฮาร์ดแวร์และค่าต่างๆ บนคอมพิวเตอร์ ให้ตรวจสอบดูว่าความเร็วอินเตอร์เน็ตที่คุณกำลังใช้อยู่เป็นอย่างไร แล้วลองเปรียบเทียบกับความเร็วของบริการอินเตอร์เน็ตตามที่เขาโฆษณาไว้ ในอินเตอร์เน็ตจะมีเว็บตรวจสอบความเร็วอยู่มากมาย เพียงพิมพ์คำว่า "speed test" ใน Google แล้วเลือกเว็บแรกๆ ในผลลัพธ์ที่ปรากฏขึ้นมา
    • เว็บตรวจสอบแต่ละเว็บจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป และแม้กระทั่งเว็บเดียวกันก็อาจให้ผลลัพธ์ต่างกันในแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ของเว็บทดสอบและจำนวนผู้ที่กำลังใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเดียวกับคุณ
    • ลองทำหลายๆ การทดสอบเพื่อหาค่าเฉลี่ยความเร็วเน็ตที่คุณได้รับ
    • คุณอาจต้องติดตั้งโปรแกรม Flash เพื่อทำการตรวจสอบ
    • ถ้าเว็บมีตัวเลือกให้ ให้เลือกเซิร์ฟเวอร์ทดสอบที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งที่คุณอยู่มากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เที่ยงตรงมากที่สุด (ใน speedtest.net ทางเว็บจะเลือกเซิร์ฟเวอร์ให้โดยอัตโนมัติโดยพิจารณาจากค่าพิง)
  2. เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้กับบริการที่คุณจ่ายไป. ลองตรวจสอบกับผู้ให้บริการดูสิว่าความเร็วที่คุณ "ควร" จะได้รับนั้นคือเท่าไร แต่ให้จำไว้ว่าความเร็วตามที่ผู้ให้บริการโฆษณาไว้นั้นเป็นเพียงความเร็ว "ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้" เท่านั้น คุณจึงอาจไม่ได้รับความเร็วสูงสุดนี้ตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังใช้ WiFi
    • หากคุณไม่ได้อัพเกรดอินเตอร์เน็ตมาแล้วนานนม การอัพเกรดอาจทำให้คุณได้ใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่เร็วกว่าในราคาที่ถูกกว่า แต่โดยปกติ ทางบริษัทจะไม่ค่อยค่อยกระตือรือร้นหาบริการที่ดีกว่ามาอัพเดตให้คุณทราบ เพราะฉะนั้น ลองสืบค้นเองเลยว่ามีบริการใหม่ๆ ออกมาหลังจากคุณสมัครตัวอื่นไปหรือเปล่าด้วยการตรวจสอบกับผู้ให้บริการทั้งหมดใกล้บ้านคุณ
    • แล้วก็อย่าลืมด้วยล่ะว่าเมกะไบต์/เมกะบิตนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยปกติผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตจะโฆษณาความเร็วเป็นเมกะบิต ไม่ใช่เมกะไบต์ โดย 1 เมกะไบต์ (MB) จะเท่ากับ 8 เมกะบิต (Mb) เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเสียเงินซื้ออินเตอร์เน็ต 25 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) แสดงว่าความเร็วสูงสุดตามจริงที่ส่งมาจะมีเพียง 3 เมกะไบต์นิดๆ ต่อนาที (MBps) เท่านั้น และถ้าการทดสอบของคุณมีผลลัพธ์ออกมาเป็น KBps คุณจะต้องนำค่าที่ได้มาหารด้วย 1000 เพื่อให้ได้ค่าออกมาเป็น Mbps
  3. การรีสตาร์ทโมเด็มและเราเตอร์จะช่วยลดปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับเครือข่ายได้ เพราะระบบจะไปลบข้อมูลเก่าๆ และทำการปรับแต่งค่าของโมเด็มใหม่ตามที่ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตจัดไว้ให้ และถ้าจำเป็น โมเด็มจะทำการอัพเดตเฟิร์มแวร์จากผู้ให้บริการให้โดยอัตโนมัติอีกด้วย
  4. หากคุณกำลังใช้เราเตอร์ Wireless อุปกรณ์บางชนิดอาจปล่อยคลื่นที่รบกวนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของคุณ สำหรับเราเตอร์นั้นจะมีอยู่หลายรูปแบบ ทั้งแบบ 802.11 b, g, และ n (2.4 GHz) หรือแบบ 802.11 a (5.8 GHz) อุปกรณ์ทั่วๆ ไปที่สามารถปล่อยคลื่นรบกวนสัญญาณ Wireless ของคุณก็คือไมโครเวฟและมือถือ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำงานในช่วงคลื่น 2.4 GHz สำหรับการลดคลื่นรบกวนนั้นก็สามารถทำได้โดยการปิดดาต้าบนมือถือ และย้ายไมโครเวฟออกไปให้ห่างจากอุปกรณ์ที่ใช้สัญญาณ Wireless และเราเตอร์ในขณะที่คุณกำลังใช้อินเตอร์เน็ต
  5. ตรวจสอบว่าคุณใช้อินเตอร์เน็ตถึงขีดจำกัดดาต้าแล้วหรือยัง. เพราะผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบางรายจะกำหนดขีดจำกัดการใช้อินเตอร์เน็ตของผู้ใช้แต่ละรายไว้ โดยเจ้าขีดจำกัดนี้จะไปจำกัดปริมาณข้อมูลที่คุณสามารถดาวน์โหลดและอัพโหลดบนอินเตอร์เน็ตในแต่ละช่วงเดือน บางครั้งเขาจะเรียกเจ้าขีดจำกัดตัวนี้ว่า "แผนการใช้ดาต้า" (Data Usage Plan) ให้คุณทำการล็อกอินเข้าไปยังหน้าบัญชีผู้ใช้ หรือติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์เพื่อตรวจสอบว่าคุณใช้ดาต้าเกินขีดจำกัดรายเดือนแล้วหรือยัง ส่วนใหญ่บทลงโทษสำหรับการใช้ดาต้าเกินขีดจำกัดมักจะเป็นการลดความเร็วในช่วงที่เหลือของรอบบิลนั้นๆ หรืออาจจะมีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  6. 6
    โทรติดต่อผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต. บางครั้ง ปัญหาเน็ตช้าที่คุณกำลังเผชิญอาจแก้ไขได้จากฝั่งผู้ให้บริการเท่านั้น โดยปกติ ทางผู้ให้บริการจะสามารถบอกได้ว่าสัญญาณของคุณต่ำกว่ามาตรฐานหรือเปล่าโดยการอ่านระดับสัญญาณจากโมเด็มของคุณ จึงไม่จำเป็นต้องส่งช่างเทคนิคไปถึงบ้าน แต่ถ้าจำเป็น พวกเขาจะส่งช่างตรวจสอบสายสัญญาณไปที่บ้านหรือละแวกบ้านของคุณเพื่อตรวจสอบระบบพื้นฐาน แต่ถ้าช่างพบว่าปัญหาเกิดจากฝั่งของคุณเองล่ะก็ คุณจะต้องเสียค่าบริการสำหรับการไปตรวจสอบด้วยนะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจเช็คปัญหาบนมือถือหรืออินเตอร์เน็ตของคุณให้ดีเสียก่อน
  7. ถ้ามีใครคนอื่นกำลังดาวน์โหลดข้อมูลจำนวนมากอยู่บนเครือข่ายที่คุณใช้ เช่น กำลังดูวิดีโอแบบสตรีมมิ่ง หรือกำลังดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ แสดงว่าพวกเขากำลังใช้ความเร็วอินเตอร์เน็ตไปหลายเปอร์เซ็นเลยทีเดียว ถ้าคุณพอจะคุ้นเคยกับส่วนต่อประสานในเครือข่ายของเราเตอร์ คุณอาจจะลองหาส่วนตั้งค่าคุณภาพบริการ (Quality of Service: QoS) เพื่อกำหนดลำดับความสำคัญในการรับส่งข้อมูลจาก IP หรือบริการหนึ่งๆ รวมถึงจำกัดปริมาณข้อมูลของ IP หรือบริการอื่นๆ หรืออาจไปขอให้คนอื่นพยายามดาวน์โหลดข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตให้น้อยที่สุด
  8. 8
    เปลี่ยนตำแหน่งของเราเตอร์ Wireless หรือคอมพิวเตอร์ของคุณ. ถ้าคุณกำลังเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านเราเตอร์ Wi-Fi สัญญาณคุณภาพต่ำอาจจะทำให้ความเร็วเน็ตลดลงหรือสัญญาณไม่ชัดเจน ดังนั้นลองย้ายเราเตอร์เข้ามาใกล้คอมพิวเตอร์ให้มากที่สุด หรือจะย้ายคอมพิวเตอร์ไปใกล้ๆ เราเตอร์ก็ได้ หรืออาจจะวางเราเตอร์ไว้บนตู้ไปซะเลยเพื่อให้สามารถกระจายสัญญาณได้ดีขึ้น [1]
    • กำจัดฝุ่นบนเราเตอร์และโมเด็มของคุณบ้างเป็นครั้งคราวโดยใช้อากาศอัดกระป๋อง วิธีการนี้จะช่วยให้อุปกรณ์ของคุณไม่ร้อนเกินไป ซึ่งจะทำให้สัญญาณเสถียรขึ้นนั่นเอง
    • ดูแลการระบายอากาศในบริเวณรอบๆ อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ร้อนเกินไป
  9. ลองตรวจสอบจากอุปกรณ์กรองสัญญาณว่าคุณมี DSL หรือเปล่า. เมื่อคุณเปิดใช้ DSL แสดงว่าคุณได้เชื่อมต่อสายสัญญาณจากขั้วต่อโทรศัพท์เข้าไปในกล่องอุปกรณ์กรองสัญญาณทรงสี่เหลี่ยมแล้ว ส่วนอีกด้าน คุณจะมีสายสัญญาณ 2 สายโผล่ออกมา สายหนึ่งจากโทรศัพท์ของคุณ และอีกสายจากโมเด็มของคุณ และถ้าคุณใช้การเชื่อมต่อแบบ DSL ในการเชื่อมต่อโทรศัพท์บ้าน อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าคุณกำลังใช้อุปกรณ์กรองสัญญาณที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้ได้ความเร็วสัญญาณที่ดีที่สุดยังไงล่ะ
  10. หากคุณกำลังใช้อินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม สัญญาณอินเตอร์เน็ตของคุณอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากลมพัดแรง หิมะตกหนัก ฝนตก ฟ้าผ่า มีคลื่นวิทยุรบกวนหรือสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าอื่นๆ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ปรับแต่งคอมพิวเตอร์และเครือข่ายของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้โปรแกรมสแกนหาไวรัสอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์. เพราะไวรัสนั้นนอกจากจะทำให้ข้อมูลและตัวตนของคุณตกอยู่ในอันตรายแล้ว มันยังสามารถกินพื้นที่ในคอมพิวเตอร์และลดความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณได้อีกด้วย การดูแลคอมพิวเตอร์ของคุณให้ปราศจากไวรัสจึงเท่ากับการเร่งความเร็วอินเตอร์เน็ตไปด้วยในตัว [2]
    • คุณควรติดตั้งและเปิดใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสไว้ตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังใช้อินเตอร์เน็ต โปรแกรมไวรัสจำนวนมากสามารถติดตั้งได้ฟรี แต่คุณควรจะติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสเพียงโปรแกรมเดียวเท่านั้น (มิฉะนั้น แต่ละโปรแกรมจะทำงานขัดแย้งกันเอง)
  2. ใช้โปรแกรมสแกนหามัลแวร์และแอดแวร์อย่างสม่ำเสมอ. โปรแกรมป้องกันไวรัสส่วนใหญ่จะไม่สแกนหาแอดแวร์และสปายแวร์ เจ้าแอดแวร์และสปายแวร์นี้คือโปรแกรมอันตรายที่สามารถลดความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณได้อย่างมหาศาล เพราะมันจะเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง การลบเจ้าตัวอันตรายเหล่านี้อาจจะยากสักหน่อย แต่ก็มีโปรแกรมหลายๆ ตัวที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อตรวจหาและกำจัดโปรแกรมที่เข้ามารุกล้ำข้อมูลส่วนตัวของคุณ แต่โปรแกรมป้องกันมัลแวร์จะไม่เหมือนโปรแกรมสแกนไวรัสตรงที่คุณสามารถติดตั้งโปรแกรมได้คราวละหลายๆ ตัว และก็ควรทำซะด้วย โปรแกรมสแกนแอดแวร์และสปายแวร์ที่น่าสนใจก็ได้แก่
    • Malwarebytes Antimalware
    • Spybot Search & Destroy
    • Adw Cleaner
    • HitMan Pro
  3. ถ้าคุณติดตั้งแถบเครื่องมือจำนวนมากลงในเบราว์เซอร์ แถบเครื่องมือเหล่านี้อาจทำให้ความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณลดลงอย่างมาก การลบแถบเครื่องมือเหล่านี้จึงช่วยเพิ่มความเร็วให้กับเบราว์เซอร์ และยังช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณอีกด้วย
    • แถบเครื่องมือบางตัวอาจจะลบยากสักหน่อย คุณจึงอาจจำเป็นต้องใช้โปรแกรมป้องกันมัลแวร์ในรายการที่ให้ไว้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้
  4. ถ้าคุณถูกแถบเครื่องมือที่ลบยากๆ ตามรังควานไม่เลิก และทุกอย่างในเบราว์เซอร์ก็ดูจะช้าอืดอาดไปหมด คุณอาจจะอยากลองเปลี่ยนไปใช้เบราว์เซอร์ใหม่ซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว เบราว์เซอร์อย่าง Microsoft Edge, Chrome และ Opera สามารถเล่นเน็ตได้เร็วกว่า Internet Explorer และ Firefox อยู่เยอะทีเดียว [3]
  5. ฮาร์ดดิสก์ที่ได้รับการปรับแต่งมาไม่ดีอาจฉุดกระชากลากความเร็วคอมของคุณให้จมดิ่ง ซึ่งจะส่งผลต่อทุกสิ่งที่คุณทำ รวมถึงการท่องเว็บด้วยเช่นกัน การปรับแต่งฮาร์ดดิสก์นั้นทำได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่นาที แต่สามารถเปลี่ยนประสบการณ์ท่องอินเตอร์เน็ตของคุณได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
    • ต้องหมั่นจัดระเบียบข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ อย่างไรก็ตาม Windows เวอร์ชันใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะทำการจัดระเบียบให้คุณโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
    • รันโปรแกรม Disk Cleanup เพื่อลบไฟล์ Temporary ที่อาจเป็นตัวการทำให้เบราว์เซอร์ทำงานช้าลง
    • พยายามให้ฮาร์ดดิสก์ของคุณมีพื้นที่ว่างอย่างน้อย 15% อยู่เสมอ เพราะถ้าฮาร์ดไดรฟ์ของคุณมีข้อมูลมากเกินไป โปรแกรมต่างๆ จะต้องใช้เวลาในการโหลดและทำการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ค่อนข้างนาน และยังทำให้เบราว์เซอร์ของคุณทำงานช้าลงแบบฮวบฮาบอีกด้วย
  6. เว็บเบราว์เซอร์ต่างๆ จะเก็บบันทึกข้อมูลจากเว็บไซต์ที่คุณเข้าไว้ เพื่อให้คุณสามารถเข้าเว็บไซต์นั้นๆ ได้เร็วขึ้นในอนาคต แต่ถ้าหน่วยความจำแคชของคุณมีขนาดใหญ่เกินไป มันอาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการใช้งานของคุณได้เช่นเดียวกัน
  7. ตรวจสอบว่าโปรแกรมตัวไหนกินความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณมากเกินไป. บ่อยครั้งที่ความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณลดลงเนื่องจากมีโปรแกรมอื่นกำลังใช้อินเตอร์เน็ตอยู่ ในการตรวจสอบว่ามีโปรแกรมอื่นๆ เช่น โปรแกรมป้องกันไวรัสและการอัพเดตอื่นๆ กำลังใช้อินเตอร์เน็ตโดยที่คุณไม่รู้ตัวอยู่หรือไม่นั้น คุณจะต้องเปิดหน้าต่าง "Command Prompt" ขึ้นมา โดยการกดปุ่ม Windows + R เพื่อเปิดกล่อง Run จากนั้นให้พิมพ์คำว่า cmd แล้วกด Enter (สำหรับ Win 7 ให้กดปุ่ม Start>All programs>Accessories> คลิกขวาในหน้าต่าง "Command prompt" แล้วเลือก 'run as Administrator')
    • พิมพ์คำว่า netstat -b 5 > activity.txt แล้วกด Enter หลังจากนั้น คุณจะเห็นรายการโปรแกรมต่างๆ ที่กำลังเข้าใช้อินเตอร์เน็ต หลังจากผ่านไปประมาณ 1 นาที ให้กด Ctrl + C เพื่อหยุดการสแกน จากนั้นระบบจะสร้างไฟล์ซึ่งมีรายการโปรแกรมทั้งหมดที่กำลังใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตของคุณขึ้นมา
    • พิมพ์ activity.txt แล้วกด Enter เพื่อเปิดไฟล์และดูรายการโปรแกรมดังกล่าว
  8. กดปุ่ม Ctrl + Alt + Delete พร้อมๆ กันเพื่อเปิดโปรแกรม Task Manager จากนั้นไปที่เมนู Process แล้วปิดโปรแกรมต่างๆ ที่อาจกำลังกัดกินความเร็วอินเตอร์เน็ตอันทรงคุณค่าของคุณ (โปรดระวัง: การปิดการทำงานซึ่งมีชื่อไฟล์ที่คุณไม่รู้จักอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานของโปรแกรมที่คุณรู้จักดี)
    • มองหาคอลัมน์ "User" ในแท็บ Processes การปิดการทำงานใดๆ ที่มีผู้ใช้คือ "System" อาจทำให้การทำงานของโปรแกรมอื่นๆ ล้มเหลวและจำเป็นต้องรีสตาร์ทคอม แต่ถ้าผู้ใช้คือชื่อของคุณเอง การปิดการทำงานดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ ยกเว้นกับโปรแกรมนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ระบบมักไม่อนุญาตให้ทำการปิดโปรแกรมที่จำเป็นในระบบ หรืออาจจะเปิดโปรแกรมดังกล่าวขึ้นมาใหม่
  9. ถอนการติดตั้งตัวกินความเร็วเน็ตที่ไม่จำเป็น. ถ้าคุณพบโปรแกรมที่กำลังใช้อินเตอร์เน็ตซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป หรือจำไม่ได้ว่าติดตั้งไปตั้งแต่เมื่อไร ให้ทำการถอนการติดตั้งเพื่อเพิ่มความเร็วของเครือข่ายที่เบราว์เซอร์ของคุณสามารถเข้าใช้งาน
  10. ถ้าในตึกของคุณมีคนจำนวนมากกำลังใช้ช่องสัญญาณเดียวกัน คุณจะสังเกตได้ว่าความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณลดลงอย่างเห็นได้ชัด ลองใช้โปรแกรมอย่างเช่น inSSIDer สำหรับเครื่อง PC และ KisMAC หรือ WiFi Scanner สำหรับเครื่อง Mac เพื่อสแกนหาช่องสัญญาณอื่นๆ ที่ยังมีคนใช้ไม่มาก เพราะการเปลี่ยนไปใช้ช่องสัญญาณอื่นๆ เหล่านี้จะช่วยลดสัญญาณแทรกและมักช่วยเพิ่มความเร็วได้อีกด้วย
    • ถ้าคุณเห็นช่องสัญญาณใหม่เปิดขึ้นมา ให้ลองเปลี่ยนช่องสัญญาณเพื่อเพิ่มความเร็วของอินเตอร์เน็ต คุณอาจต้องดูเอกสารเกี่ยวกับเราเตอร์ของคุณหรือหาเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเราเตอร์แบบที่คุณใช้เพื่อหาวิธีการเข้าระบบเราเตอร์และเปลี่ยนช่องสัญญาณ Wireless
  11. เข้าเว็บไซต์ของผู้ผลิตและทำการดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์สำหรับเราเตอร์ของคุณ จากนั้นให้ลองเปรียบเทียบเฟิร์มแวร์ตัวใหม่ที่พบกับเวอร์ชันที่ใช้อยู่ และทำการอัพเกรดถ้าจำเป็น แต่โดยปกติ เราเตอร์ส่วนใหญ่จะตรวจสอบการอัพเดตเฟิร์มแวร์ให้โดยอัตโนมัติเมื่อคุณเปิดหน้าปรับแต่งอุปกรณ์ขึ้นมา
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

อัพเกรดฮาร์ดแวร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ว่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตของคุณจะเร็วปี๊ดแค่ไหน ถ้าคอมของคุณอืด อะไรๆ ก็จะดูอืดไปหมด พูดง่ายๆ ก็คือ คุณจะสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้เร็วเท่าที่คอมของคุณจะเอื้ออำนวยเท่านั้น
    • หนึ่งในวิธีการอัพเกรดคอมพิวเตอร์ที่เร็วและง่ายที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานให้กับเว็บเบราว์เซอร์ของคุณนั่นก็คือ การติดตั้งแรมเพิ่มหรือแรมใหม่ที่ดีกว่าเข้ากับคอมพิวเตอร์
  2. ถ้าเราเตอร์ของคุณเก่ากึ๊ก มันอาจจะรองรับจำนวนผู้ท่องเว็บในปัจจุบันไม่ค่อยไหว นอกจากนี้ เราเตอร์เก่าๆ มักจะมีเสาสัญญาณที่อ่อน จึงทำให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเครือข่ายไม่ค่อยมั่นคง ทั้งหมดทั้งมวลรวมกันจะทำให้ความเร็วในการท่องเว็บของคุณต่ำกว่าความเร็วสูงสุดนั่นเอง
    • หาซื้อเราเตอร์จากบริษัทที่เชื่อถือได้อย่างเช่น Netgear, D-Link, Cisco และ Belkin และอย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าเสาสัญญาณที่ติดมาแข็งแรงพอที่จะไปได้ทุกที่ที่จำเป็น
    • ถ้าเครือข่าย Wireless ของคุณมีการกระจายสัญญาณเป็นวงกว้าง คุณอาจต้องทำการติดตั้งรีพีทเตอร์เพื่อกระจายซ้ำสัญญาณ Wireless ของคุณไปยังบริเวณอื่นๆ ของบ้านหรือออฟฟิศ และยังช่วยเพิ่มอาณาเขตการกระจายสัญญาณ Wireless ได้อีกเยอะ
  3. เปลี่ยนเคเบิลโมเด็มรุ่นเก่าคร่ำครึของคุณซะ. ไม่ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณใช้จะคงทนสักแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องร่วงโรยไปตามเวลาเพราะถูกทำร้ายเนื่องจากความร้อนสะสม ในขณะที่โมเด็มบรอดแบรนด์ของคุณเก่าขึ้น มันก็ต้อง 'ใช้ความพยายาม' มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะดูแลสัญญาณให้ดีอยู่เสมอ (อัตราส่วนระหว่างสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนจะลดลง ในขณะที่จำนวนการร้องขอแพคเกจเดิมซ้ำจะเพิ่มขึ้น) เคเบิลโมเด็มทั่วๆ ไปมักจะให้สัญญาณดีกว่า ไม่เหมือนเคเบิลโมเด็มแท้ของบริษัท
    • อย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าเคเบิลโมเด็มที่ซื้อมาจากบุคคลที่สามสามารถใช้งานกับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตที่คุณใช้อยู่ได้หรือเปล่า
  4. และถ้าทำได้ ให้พยายามต่อตรงเข้ากับอุปกรณ์ที่คุณเชื่อมต่อให้มากที่สุด เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านั้นใช้ความเร็วได้สูงขึ้น และยังช่วยลดคลื่นรบกวนจากอุปกรณ์ Wireless อื่นๆ ของคุณ เช่น แท็บเล็ตและมือถือได้อีกด้วย
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ติดตั้ง eSpeed Accelerator หรือโปรแกรมที่คล้ายกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ดาวน์โหลด eSpeed Accelerator. เจ้าตัวนี้จะเป็นไฟล์เล็กๆ สำหรับแก้ไขฐานข้อมูล Registry ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณได้ถึง 30% เป็นอย่างต่ำ
  2. 2
    โปรแกรมนี้ทำงานอย่างไร?
    • คุณน่าจะสังเกตเห็นแล้วว่าเมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์ที่มีขนาดประมาณ 100 MB คุณจะใช้เวลาสูงสุด 1 วินาทีต่อการดาวน์โหลด 2-5 MB แต่สำหรับไฟล์ขนาด 1024 MB มันจะสามารถดาวน์โหลดได้เร็วกว่าปกติแบบสุดๆ และเจ้า eSpeed Accelerator ตัวนี้แหละที่จะทำให้คุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 100 MB ได้เร็วเหมือนกำลังดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 1024 MB เจ๋งใช่ไหมล่ะ ต้องขอบคุณ Predator Studios สำหรับของเจ๋งๆ แบบนี้
  3. 3
    ฉันไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 85 MB ได้! ฉันต้องทำอย่างไร?
    • ดาวน์โหลด Speedify ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดีๆ (แต่อาจจะไม่ดีกว่า) นอกเหนือจาก espeed เจ้าโปรแกรมตัวนี้จะมีกลไกการทำงานที่ต่างออกไป ซึ่งมีประโยชน์สุดๆ โดยเฉพาะสำหรับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่ใช้โมเด็มซิม (เครือข่ายที่ใช้สาย USB ร่วมกับซิมการ์ดเพื่อรับสัญญาณ ซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะในประเทศอินเดีย) โดยความเร็วจะมีหลากหลายตั้งแต่ 4G ไปจนถึงสัญญาณแย่ๆ อย่าง 2G และถ้าคุณมี WiFi อยู่ด้วยในเวลาเดียวกัน โปรแกรมตัวนี้จะรวมสัญญาณทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อให้คุณได้ความเร็วที่ดีขึ้น
  4. 4
    ฉันจะหาเจ้าโปรแกรมที่คุณกำลังพูดถึงนี้ได้จากที่ไหน?
    • พิมพ์คำว่า eSpeed Accelerator หรือ Speedify ใน Google ได้เลย
    • อย่าลืมเลือกเว็บเซิร์ฟเวอร์ดีๆ เพื่อให้คุณยังสามารถใช้เครือข่ายเส็งเครงที่มีอยู่ตอนนี้เปิดดูได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • DNS (ระบบการตั้งชื่อโดเมน) เป็นบริการที่จะช่วยแปลงชื่อโดเมน (เช่น wikihow.com) เป็นที่อยู่ IP ซึ่งคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน แต่ถ้าบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลตัวนี้ยังทำงานช้า การเข้าเว็บต่างๆ ก็คงจะช้าเหมือนกัน ทางเลือกหนึ่งในการจัดการกับปัญหานี้คือการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ DNS ของคุณซะเลย โดยเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสำหรับใช้ในการประเมินว่าเซิร์ฟเวอร์ตัวไหนจะเร็วกว่าสำหรับคุณก็คือ namebench แต่คุณอาจต้องหาคำแนะนำเฉพาะสำหรับการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ DNS บนคอมพิวเตอร์หรือเราเตอร์ของคุณเพิ่มสักหน่อย
  • อย่าคาดหวังว่าการเชื่อมต่อแบบหมุนโทรศัพท์ (dial-up) หรือบริการความเร็วแบบปานกลางจะเร็วปรู๊ดป๊าดได้อย่างใจ โดยพื้นฐาน อินเตอร์เน็ตจะพุ่งเป้าไปที่สัญญาณแบบบรอดแบรนด์ ซึ่งจะมีความเร็วประมาณ 512 kbps หรือสูงกว่านี้ บางครั้ง คุณจึงอาจต้องรอสักหน่อย
  • การประสบปัญหาความเร็วลดลงเมื่อใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างออกไป (เช่น ข้ามเขตแดนประเทศและข้ามน้ำข้ามทะเล) ถือเป็นเรื่องปกติ
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าลืมระวังสแกมที่จะโผล่ขึ้นมาแบบปุบปับหรือที่พบในเว็บไซต์ต่างๆ แล้วอวดอ้างว่าจะทำการตรวจสอบคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตให้คุณแบบฟรีๆ เพื่อให้คุณรู้ว่าอินเตอร์เน็ตของคุณสามารถเร็วขึ้นได้อีกแค่ไหน เพราะสแกมพวกนี้มักจะทำแค่สแกนและรายงาน "ปัญหา" ให้คุณทราบ แต่มักจะ ไม่ แก้ไขให้จนกว่าคุณจะ (ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อ) ลงทะเบียนโปรแกรมหรือเปลี่ยนเป็นเวอร์ชันโปรเพื่อให้โปรแกรมทำการ "แก้ไข" อย่างที่สัญญาณไว้
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลดวิดีโอจากทุกเว็บไซต์ได้แบบฟรีๆ
แก้ปัญหาเข้าบางเว็บไม่ได้
หาวันที่เผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์
ดูว่าใครแชร์โพสต์ของคุณบนเฟซบุ๊ก
แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ DNS ไม่ตอบสนอง
เช็คตำแหน่งปัจจุบันใน Google Maps
รู้ความหมายของอีโมจิรูปหัวใจสีดำ
ตั้งชื่ออีเมลให้โดนใจ
เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในคอมพิวเตอร์ Windows
เว้นวรรคห่างๆ ใน HTML
หาละติจูดกับลองจิจูดใน Google Maps
เปิดใช้งานคุกกี้ในเว็บเบราว์เซอร์อินเตอร์เน็ตของคุณ
อิโมจิซ่อนความสยิวที่คนใช้แชตกันมากที่สุด
หา URL ของเว็บไซต์
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,248 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา