PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เฟสบุ๊คเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการโซเชียลเน็ทเวิร์คในปัจจุบัน มันก็เหมือนกับนิวยอร์กนั่นล่ะ คือ ถ้าคุณอยู่รอดที่นั่นได้ คุณก็สามารถอยู่ที่ไหนก็ได้! อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่จะวัดความสำเร็จของคุณในเฟสบุ๊ค ก็คือจำนวนไลค์ที่คุณได้รับบนหน้าเพจ รวมถึงการโพสท์สถานะต่างๆ ของคุณ แต่การจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์บางอย่าง ไม่ว่าคุณจะต้องการเก็บไลค์เอาไว้เชยชมเป็นการส่วนตัว หรือเพื่อโปรโมทธุรกิจในโลกออนไลน์ บทความสั้นๆ ข้างล่างนี้ จะช่วยให้คุณรู้รายละเอียดทุกเม็ดเกี่ยวกับการได้เฟสบุ๊คไลค์

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ในโพสท์ส่วนตัว

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การโพสท์อะไรบ่อยๆ จะช่วยให้มีคนอื่นเห็นคุณในหน้าไทม์ไลน์ของพวกเขามากขึ้น หรือทำให้โอกาสที่โพสท์ของคุณจะถูกมองผ่านมีน้อยลง ซึ่งหากคุณมีชื่อเสียงในการโพสท์สถานะ รูปภาพ วิดีโอตลกๆ ฯลฯ คนส่วนใหญ่มักจะหยุดดูเวลาที่เห็นชื่อคุณขึ้นในหน้าฟีด (Feed) ยิ่งมีคนรอคอยโพสท์ของคุณมากเท่าไร โอกาสจะได้ไลค์จากการโพสท์ก็มากขึ้นเท่านั้น
    • ขอเตือนไว้ก่อนว่า การโพสท์บ่อยมากเกินไป จะไปทำให้หน้าฟีดของคนอื่นรกรุงรัง และพวกเขาก็จะรู้สึกเบื่อ ซึ่งอาจส่งผลให้พวกเขากดตั้งค่าซ่อนโพสท์ของคุณ หรืออาจจะยกเลิกการเป็นเพื่อนไปเลยก็ได้ – คุณคงไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นแน่ๆ!
    • การโพสท์ที่เหมาะสม คือ ประมาณ 1-2 โพสท์ต่อวัน ทุกวัน จากผลการศึกษาของ KissMetrics การโพสท์ด้วยความถี่ดังกล่าว จะช่วยให้ระดับการมีส่วนร่วมของผู้อื่นในเพจคุณเพิ่มขึ้นประมาณ 40% เลยทีเดียว [1]
  2. คนส่วนใหญ่ชอบการรับสื่อทางภาพมากกว่า ดังนั้น รูปภาพและวิดีโอมักจะดึงความสนใจของคนอื่นได้ มากกว่าการโพสท์คำพูดอย่างเดียว ด้วยเหตุที่สมองคนเราใช้เวลาเพียงครึ่งวินาทีในการประมวลภาพต่างๆ ดังนั้นมันจึงสะดวกกับพวกเขามากกว่า และทำให้พวกเขาโต้ตอบได้ทันใจ การโพส์วิดีโอสนุกๆ หรือน่าสนใจ มักเรียกไลค์ได้ดีเป็นพิเศษ แต่คุณควรหยอดคำโปรยนิดๆ เพื่อให้พวกเขาคลิกดูด้วย โดยใช้คำที่น่าสนใจอย่างเช่น “คลิปนี้ฮาแตก เล่นเอาตกเก้าอี้เลยทีเดียว” หรือ “เรื่องแบบนี้มีจริงเหรอเนี่ย…รีบดูก่อนโดนลบ!”
    • การแท็กเพื่อนๆ ที่อยู่ในรูปภาพนั้น ก็เป็นวิธีที่ดีในการเรียกไลค์ และอาจได้เพื่อนใหม่ด้วย คนเรามีความหลงตัวเองแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย จึงมักชอบเห็นรูปของตัวเองปรากฏอยู่ (ตราบใดที่รูปไม่ดูน่าเกลียด) ดังนั้น อย่าลืมแท็กพวกเขา และรอรับไลค์ได้เลย
    • เพียงแค่มีกล้องมือถือกับแอพฯอย่างไวน์ (Vine) หรืออินสตาแกรม (Instagram) คุณก็สามารถโพสท์วิดีโออันคมชัดของคุณและเพื่อนๆ ได้แล้ว เช่นกันอีกนั่นแหละ คนเรามักสนใจสิ่งที่ตนเองมีส่วนร่วม ดังนั้นเวลาโพสท์วิดีโอดังกล่าว อย่าลืมแท็กพวกเขาด้วยล่ะ การแท็กวิดีโอที่ถ่ายเพื่อนคุณตอนกำลังล้อเลียนท่าทางของณเดชน์ไว้ อาจได้ไลค์มากกว่าการโพสท์วิดีโอละครที่ณเดชน์กำลังเข้าฉากด้วยซ้ำ
  3. คนเรามักขี้เกียจและไม่ค่อยอดทน พวกเขามักอยากได้ความบันเทิงที่นี่เดี๋ยวนี้ ดังนั้น การโพสท์อะไรยาวๆ มักทำให้พวกเขามองผ่านและเลื่อนลงอย่างรวดเร็ว เพราะเฟสบุ๊คไม่ใช่บล็อกส่วนตัว คนอื่นไม่ได้ต้องการอ่านชีวิตประจำวันของคุณ และไม่ได้ต้องการสูตรทำอาหาร หรือบทวิจารณ์หนังเรื่องเดดพูล พวกเขาต้องการรู้ข่าวสาร เรื่องราวสั้นๆ อันน่าสนใจของคุณเท่านั้น จัดให้พวกเขาหน่อย
    • อาจไม่เหมือนทวีตเตอร์ ซึ่งคุณถูกจำกัดการโพสท์ด้วยจำนวนตัวอักษรไม่มาก อย่างไรก็ดี ในเฟสบุ๊คนั้น คุณควรเอากฏดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับตัวเองด้วย!
    • แน่นอนว่า หากคุณมีบล็อกส่วนตัว คุณอาจแนบลิงค์ไว้กับโพสท์ในเฟสบุ๊คก็ได้ เมื่อคุณมีชื่อเสียงจนผู้คนสนใจติดตามแล้ว พวกเขาก็อาจจะอยากกดลิงค์ตามไปที่บล็อกของคุณ เพื่ออ่านรายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติมเอง
  4. อีกวิธีหนึ่งในการได้ไลค์ คือ การตั้งคำถามให้เพื่อนๆ คุณในเฟสบุ๊คมีส่วนร่วม อย่างการถามความเห็นของพวกเขานั่นเอง หรือไม่ก็โพสท์ขอความช่วยเหลือ รวมถึงขอคำแนะนำในเรื่องต่างๆ คนเรามักชอบที่จะร่วมเสนอความเห็นดีๆ หรือน่าสนใจให้ผู้อื่น โดยคุณอาจลองโพสท์ถาม ดังนี้:
    • "บรรดาพ่อมดไอทีทั้งหลายโปรดทราบ! คอมพ์เรามันไม่ยอมให้ติดตั้ง iTunes...ทำไงดี?" หรือ "มีใครเคยไปกินร้านมนต์นมสดบ้าง มีที่จอดรถมั้ย? ตอนนี้กำลังหิวนม!" อย่าลืมมาตอบโต้กับพวกเขาให้เร็วที่สุดด้วยล่ะ พวกเขาจะได้อยากมาคอมเมนท์คุณอีกในอนาคต
    • อย่าทำลายธรรมเนียมในการถามแล้วกัน คุณไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวของตัวเอง หรือเรื่องเครียดๆ ที่ต้องปวดหัวมากเกินไปจากคนอื่น เช่น การถามว่าคุณควรเลิกกับสามีหรือไม่ ซึ่งคงไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องของคนสองคน หรือการถามวิธีการทำพาวเวอร์พอยท์ ซึ่งจะเป็นการแสดงความขี้เกียจและเห็นแก่ตัวของคุณเอง กูเกิ้ลเอาก็ได้
  5. บางครั้งคุณแค่ต้องรู้จักเสนอผลประโยชน์ต่างตอบแทน หรือ “แลกไลค์” กับใครบางคน ต่อให้คุณไม่ค่อยจะสนิทกับเขาหรือเธอก็ตาม เพราะแม้พวกเขาชอบโพสท์ของคุณมากแค่ไหน แต่ก็อาจจะไม่อยากกดไลค์ให้ เพราะเกรงว่าจะเกิดความรู้สึกอึดอัด ด้วยความที่ยังไม่ค่อยรู้จักกันดี ดังนั้น คุณควรละลายพฤติกรรมด้วยการไปกดไลค์ให้พวกเขาก่อน พวกเขาย่อมจะรู้สึกสบายใจมากขึ้น หรือถึงขั้นรู้สึกติดหนี้บุญคุณเลยก็ว่าได้ วิน-วิน ด้วยกันทั้งสองฝ่าย!
    • หากคุณไม่ได้รู้จักคนๆ นั้นดีพอ ก็ขอให้ระวังการเลือกกดไลค์นิดนึง เช่น หากเขาหรือเธอโพสท์ว่า “เพิ่งเลิกกับแฟนมาหมาดๆ สบายใจจัง!” หากคุณไม่ค่อยสนิทกับคนๆ นั้น มันคงดูแปลกไปหน่อยนะ ถ้าจะไลค์ให้โพสท์ดังกล่าว หรือหากบังเอิญแฟนที่คนๆ นั้นพูดถึง ดันเป็นเพื่อนคุณเองล่ะก็ คงจะซวยไม่ใช่น้อย
    • คุณไม่ควรกดไลค์ให้โพสท์ที่ดูซีเรียส หรือเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดมากเกินไป เช่น คุณไม่ควรกดไลค์ หากมีคนโพสท์ว่า “เมื่อวานน้องหมาแสนรักของฉันเพิ่งตายไป ลาก่อนนะเจ้าโด้ ขอให้ไปสู่สุขคติ” การไลค์โพสท์ดังกล่าวอาจดูไม่เหมาะสม
  6. เรื่องนี้อาจจะดูยากสักหน่อย หากคุณไม่ได้เป็นคนที่มีอารมณ์ขันพอตัว แต่อย่างที่บอกไปเมื่อครู่ คนเราเล่นเฟสบุ๊คเพื่อความบันเทิงมากกว่า หากคุณทำให้พวกเขายิ้มหรือหัวเราะได้ พวกเขาจะให้ไลค์เป็นรางวัลแน่นอน
    • พยายามนึกถึงเรื่องแปลกๆ หรือตลกๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับคุณ และโพสท์มันลงไป หรือหากคุณกล้าพอ ก็อาจจะโพสท์เรื่องน่าอับอายของคุณก็ได้ เช่น การผายลมในที่สาธารณะ หรือบังเอิญดันเข้าห้องน้ำผิด จนถูกแม่บ้านไล่ออกมา
    • หาก คุณ ไม่รู้จะตลกยังไง ก็เอาของคนอื่นมาใช้ก็ได้ โดยการค้นหาเรื่องตลกหรือคลิปล้อเลียนต่างๆ ตามอินเทอร์เน็ต และเอามาโพสท์หรือแชร์ไว้หน้าเพจตัวเอง คุณอาจจะไม่ได้เป็นเจ้าของคลิปเอง แต่ก็ยังได้ไลค์อยู่ดี
  7. อย่าโพสท์เรียกร้องความสนใจ หรือขอความเห็นใจ. โดยทั่วไปแล้ว คนเราไม่ชอบโพสท์ในเฟสบุ๊ค ประเภทที่เรียกร้องความสนใจ หรือขอให้ผู้อื่นเห็นใจ หากคุณโพสท์อะไรแนวๆ นั้น คุณอาจจะได้รับการสบถใส่โดยไม่รู้ตัว มากกว่าที่จะได้รับไลค์จากคนอื่น การโพสท์แบบดังกล่าวก็อย่างเช่น การแสดงความยินดีกับตัวเองหรือโปรโมทตัวเอง (“วันนี้ชั้นนั่งอยู่ร้านสตาร์บัค จู่ๆ ก็มีหนุ่มมาขอเบอร์อีกแล้ว!/ “พ่อผมเพิ่งถอยซูเปอร์คาร์คันใหม่มาให้ สัปดาห์นี้มีเฮ!”) หรือโพสท์แบบตัดพ้อตัวเอง (“ชาตินี้จะได้รวยกับเขาบ้างไหมเนี่ย ได้แค่ค่าแรงขั้นต่ำแบบนี้ เกิดมาจนก็งี้แหละ”) หรือการโพสท์รูปพวกเซลฟี่แสดงสีหน้าท่าทางต่างๆ เช่นหน้านิ่วคิ้วขมวด หรือทำปากจู๋บ่อยๆ ในกรณีที่คุณไม่ใช่ดารา
    • คุณไม่ควรโพสท์เรื่องที่คลุมเครือ หรือดูเป็นปริศนา ซึ่งจงใจอยากให้คนอื่นสงสาร หรือเกิดอาการประมาณว่า “เป็นไรไปอะ?” เช่น การโพสท์ขึ้นมาลอยๆ ว่า “ทำคุณได้โทษ โปรดสัตว์ได้บาป” หรือ “เกิดมาไม่เคยซวยแบบนี้เลย”
    • การโพสท์ประมาณว่า “เกลียดสีผิวตัวเองจัง ทำไมเวลาใส่ชุดสีแดง มันเหมือนอีกาคาบพริกแบบนี้!” เป็นโพสท์แบบสองแง่สองง่าม กล่าวคือ หากใครๆ ก็รู้ว่าคุณเป็นคนผิวคล้ำจริงๆ พวกเขาอาจจะหัวเราะงอหาย แต่หากตัวจริงคุณผิวขาวเหมือนดาราเกาหลีแล้วล่ะก็ คุณต้องโดนนักเลงเฟสบุ๊คถล่มและแน่ๆ และยังอดได้ไลค์ด้วย
    • หากคุณโพสท์แบบนั้น อย่างน้อยคุณควรจะทำให้พวกเขาอมยิ้มหรือตลก ด้วยการสื่อว่าคุณแค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้น โดยการใส่แฮชแท็กกำกับไว้ หรือลงท้ายว่า “…ฮ่าๆ” เป็นการแสดงให้รู้ว่าคุณกำลังล้อเล่น
  8. พยายามสังเกตนิสัยการใช้เฟสบุ๊ค และเก็บข้อมูลว่า มีใครออนไลน์ในช่วงเวลาใดบ้าง และใช้เป็นแนวทางในการโพสท์สถานะ ซึ่งจะช่วยให้ได้ไลค์จำนวนเยอะที่สุด โดยหลักๆ แล้ว คนเรามักจะเช็คเฟสบุ๊คตอนตื่นนอนครั้งหนึ่ง และตอนเลิกงานหรือเลิกเรียนอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น คุณควรเลือกโพสท์ตามเวลาที่มีคนเข้าใช้งานพีคที่สุด
    • หากคุณโพสท์อะไรในเวลาที่ไม่ค่อยมีคนเล่น เช่น ยามดึกดื่น หรือช่วงบ่ายวันธรรมดา คุณอาจผิดหวังกับยอดไลค์ที่ได้รับ ในกรณีนี้ คุณภาพของการโพสท์อาจจะไม่เกี่ยว แต่มันอยู่ที่ผิดจังหวะมากกว่า
    • คุณอาจต้องพิจารณาเรื่องปัจจัยภายนอก ที่ส่งผลต่อการใช้เฟสบุ๊คด้วย เช่น หากวันไหนมีอากาศดี ผู้คนก็อาจจะออกไปนอกบ้านมากหน่อย และไม่ค่อยอยู่หน้าคอมฯ หรือหากวันไหนมีถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมชาติไทย คนส่วนใหญ่ก็มักจะจดจ่อเชียร์หน้าโทรทัศน์มากกว่า ไม่ค่อยก้มหน้ากดโทรศัพท์หรอก พยายามเก็บโพส์เด็ดๆ ของคุณเอาไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่มีคนเล่นมากกว่านั้น
  9. มีวิธีบางอย่างที่สามารถช่วยคุณได้ หากคุณสิ้นหวังในการได้ไลค์แล้วจริงๆ วิธีที่ได้รับความนิยมมากวิธีหนึ่ง คือ การเล่นโพสท์บนสถานะของคุณว่า “กดไลค์ ได้หมายเลข” จากนั้น คุณก็เริ่มพิมพ์หมายเลขต่างๆ ส่งไปยังอินบ็อกซ์ของแต่ละคนที่มากดไลค์สถานะดังกล่าว เมื่อส่งไปให้ครบทุกคนแล้ว คุณก็เริ่มโพสท์คอมเม้นท์ใต้สถานะนั้น เพื่อเปรยว่าหมายเลขใดเป็นคนยังไง
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณส่งหมายเลข 28 ให้เพื่อนคุณที่ชื่อว่า ลูกน้ำ คุณก็อาจจะคอมเมนท์ใต้สถานะดังกล่าวว่า “หมายเลข 28 –สะโพกดินระเบิด งามเลิศในปฐพี ขี้งอนในบางที เพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของชั้น!” วิธีนี้ จะทำให้ลูกน้ำรู้ทันทีว่า คุณกำลังพูดถึงเธอ ในขณะที่คนอื่นไม่รู้!
    • จากนั้น ก็โพสท์ถึงหมายเลขหรือคนที่มากดไลค์คนอื่นๆ ในลักษณะเดียวกันด้วย จนครบทุกคน ซึ่งเมื่อเริ่มมีหลายคนเอะใจหรือรู้ว่าคุณกำลังเล่นอะไร พวกเขาจะเริ่มอยากมากดไลค์ให้ด้วย! แต่ต้องขอเตือนว่า พยายามใส่คอมเมนท์แบบชื่นชมและเป็นเชิงบวก เพราะไม่มีใครอยากถูกประจานผ่านเฟสบุ๊ค ถึงแม้จะเป็นแค่บุคคลนิรนามก็ตาม!
    • อีกวิธีหนึ่งก็คล้ายๆ กัน คือ คุณโพสท์สถานะว่า “กดไลค์ ได้ความในใจ” จากนั้น เมื่อมีคนมากดไลค์สถานะดังกล่าว คุณก็ส่งข้อความที่คุณอยากพูดถึงคนๆ นั้น “จากใจจริง” ไปทางอินบ็อกซ์ (ขอย้ำว่า จากใจจริง) แต่คุณควรให้ข้อความดังกล่าว เป็นไปในทางสร้างสรรค์ เพราะคุณกำลังต้องการมิตรสหาย ไม่ใช่ทำลายเสีย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ในเพจเพื่อการค้า (Business)

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณกำลังทำเพจใหม่ คุณควรจะส่งข้อความไปเชื้อเชิญให้เพื่อนๆ ในเฟสบุ๊ค มาช่วยกดไลค์เป็นการประเดิม ซึ่งหากคุณเป็นแอดมิน ทางระบบเฟสบุ๊คจะมีคำแนะนำขึ้นให้คุณทำตามนั้นเอง
    • อย่าลืมสอดแทรกคอมเม้นท์ ในเชิงขอฝากตัวธุรกิจใหม่ และขอความกรุณาให้พวกเขากดไลค์ด้วย หากคุณสุภาพเช่นนี้ ผู้คนมักจะอยากส่งเสริม
    • คุณควรขอให้พวกเขา ชักชวนเพื่อนของตัวเองแต่ละคน มากดไลค์เพิ่มให้คุณด้วย ขอให้มีคนทำตามนั้นต่อๆ กันไป เพียงแค่สองสามคน ยอดไลค์ก็สามารถเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณได้แล้ว
  2. วิธีที่สำคัญที่สุดวิธีหนึ่ง ในการรักษาเพื่อนเก่า และเพิ่มเพื่อนใหม่ก็คือ การโพสท์แต่เรื่องราวสิ่งที่น่าสนใจ และเชิญให้ทุกคนมีส่วนร่วมอยู่บ่อยๆ พยายามโพสท์เนื้อหาที่พวกเขาอยากจะแชร์ เช่น รูปภาพ คลิปวิดีโอ การร่วมสนุกชิงรางวัล หรือบทความที่เกี่ยวข้อง
    • จำไว้ว่า ขอแค่มีคนเดียว ที่เอาโพสท์ของคุณไปแชร์บนหน้าเพจของเขา ยอดไลค์คุณก็จะพุ่งสูงได้อย่างน่าอัศจรรย์แล้ว
    • พยายามโพสท์ถามคำถามและขอความเห็นจากผู้ใช้งาน และพยายามตอบกลับแต่ละคอมเม้นท์ด้วย ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาอยากมาคอมเมนท์อีก แถมช่วยเสริมสร้างความเชื่อใจและจงรักภักดีในแบรนด์ของคุณด้วย
    • คุณยังควรอนุญาตให้พวกเขาโพสท์รูปผ่านแฟนเพจของคุณได้ด้วย คนเรามักชอบที่จะมีส่วนร่วม
  3. คุณควรเสนอรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เช่น บัตรกำนัล คูปอง หรือของขวัญแบบสร้างสรรค์ๆ ให้คนที่มาไลค์เพจของคุณ พยายามทำให้มันดูเป็นเอกลักษณ์ คนทั่วไปที่มาเห็นเข้าจึงจะอยากมากดไลค์เพิ่มให้ ซึ่งเป็นการล่อใจมาก และหากของรางวัลดังกล่าวน่าประทับใจ พวกเขาอาจจะแชร์ต่อไปให้เพื่อนฝูงและครอบครัวอีกด้วย
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ คุณก็สามารถทำโปรโมชั่น โดยแจกรหัสส่วนลด เพื่อให้พวกเขาไว้ใช้ลด 10% ในการซื้อของครั้งต่อไป
    • หากคุณเปิดร้านดูแลตัดแต่งขนสัตว์เลี้ยง คุณก็สามารถโพสท์ใบปลิวโฆษณาร้าน เพื่อให้แฟนเพจปรินท์ออกมา และนำไปใช้บริการฟรีได้ 1 ครั้ง ซึ่งเมื่อผ่านครั้งนี้ไปแล้ว พวกเขามักจะกลับมาคอยติดตามข่าวสารโปรโมชั่นในเพจคุณอีกเรื่อยๆ
  4. กลุ่มต่างๆ ที่เปิดขึ้นมาในเฟสบุ๊คนั้น มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวง และสามารถช่วยแชร์เพจของคุณให้ผู้ใช้งานเฟสบุ๊คได้รับรู้จำนวนมาก กลุ่มเหล่านี้สามารถส่งอีเมลไปถึงผู้ใช้งานในกลุ่มได้ด้วย ในขณะที่แฟนเพจของคุณ ทำได้เพียงส่งผ่านระบบของเฟสบุ๊คเท่านั้น
    • พยายามชักจูงให้แอดมินของกลุ่มต่างๆ แชร์เพจของคุณ ด้วยการสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจและเกี่ยวกับกลุ่มนั้นๆ รวมถึงเอากลุ่มดังกล่าวไปช่วยแชร์ในเพจของคุณ เป็นการแลกเปลี่ยนด้วย กลุ่มในเฟสบุ๊คมักจะไม่ต้องการส่งสแปมไปหาสมาชิก ดังนั้น คุณควรทำคอนเทนต์ให้มีเนื้อหาเชื่อมโยงกับกลุ่ม และพยายามรักษาความสัมพันธ์แบบต่างตอบแทน ซึ่งเป็นประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณมีธุรกิจซุ้มขายไอติม ซึ่งได้อานิสงฆ์จากร้านอาหารที่อยู่รอบข้าง คุณควรขอให้ร้านอาหารแห่งนั้น ช่วยโปรโมทด้วยการนำไอติมของคุณไปแนะนำเป็นเมนูของหวาน ให้แก่ลูกค้าในร้าน หรืออาจจะเสิร์ฟพร้อมกับของหวานของทางร้านเองก็ได้ ในขณะที่คุณก็ช่วยร้านอาหารโปรโมทเมนูของพวกเขา รวมถึงเอาใบปลิวของร้านนั้น มาวางไว้ให้คนที่ซื้อไอติมคุณหยิบ
    • การใช้คูปองและรหัสส่วนลดมาเป็นตัวกระตุ้น ก็จะช่วยให้สมาชิกในกลุ่มต่างๆ หันมากดไลค์เพจคุณได้เช่นกัน
  5. วิธีการนี้อาจดูมีเล่ห์เหลี่ยมสักหน่อยในการรับมือกับคู่แข่ง แต่ในโลกแห่งเกมธุรกิจเช่นนี้ เรื่องแบบนี้ก็ถือว่าธรรมดา สมมุติว่า คุณไปเห็นลูกเพจในเพจของแบรนด์ดังหรือธุรกิจแห่งหนึ่ง กำลังคอมเมนท์ถามกันมากในเรื่องที่เกี่ยวกับสินค้าของพวกเขา แต่ไม่ค่อยมีใครมาตอบหรือรับเรื่องไว้เลย หากคุณบังเอิญทำธุรกิจเดียวกับแบรนด์ดังกล่าว คุณก็สามารถแทรกซึมเข้าไปช่วยตอบคำถามแทน และแปะลิงค์ไปยังแฟนเพจของคุณเองได้ คุณยังอาจเสนอส่วนลดที่มากกว่า ให้แก่คนเหล่านั้นได้อีกด้วย หากพวกเขากดไปยังเพจของคุณ [2]
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณทำธุรกิจร้านทำผม และคุณบังเอิญไปเห็นลูกค้าของร้านอีกแห่ง กำลังโพสท์ถามวิธีการเซ็ทผมบางทรง หรือถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่น่าใช้ แต่ไม่มีใครมาตอบคำถามพวกเธอเลย คุณก็สามารถเข้าไปช่วยตอบได้ และยังอาจแนะนำให้พวกเธอไปกดไลค์เพจคุณ โดยบอกพวกเธอว่า คุณมีข้อมูลดีๆ มานำเสนออยู่เป็นประจำด้วย และแน่นอนว่า คุณยังสามารถเสนอส่วนลดให้พวกเธอได้อีกด้วย คนเราชอบส่วนลดเป็นชีวิตจิตใจ
    • ตระหนักไว้อย่างหนึ่งว่า เรื่องนี้ถือเป็นการกระทำที่ค่อนข้างแรง และอาจจะก่อให้เกิดความตึงเครียดระหว่างคุณกับเพจดังกล่าวได้ เมื่อพวกเขารู้ว่าคุณกำลังทำอะไร อย่างไรก็ตาม มันเป็นการให้บทเรียนอันเจ็บปวดแก่พวกเขาเองด้วยว่า ไม่ควรเพิกเฉยต่อลูกค้า โดยเฉพาะโลกของเฟสบุ๊ค ทั้งนี้ คุณยังอาจเลือกที่จะเสิร์ชหาเพจต่างๆ ที่รีวิวผลิตภัณฑ์หรือบริการในสายธุรกิจเดียวกับคุณ และเข้าไปลงมือทำแบบเดียวกันด้วยก็ได้ เพื่อหาลูกค้าเพิ่ม
  6. ในระบบมีวิธีการง่ายๆ ในการติดตั้ง Facebook "Like Box" ไว้ในหน้าเว็บไซท์หลักของธุรกิจคุณ ซึ่งจะช่วยให้คนที่เข้าไปเยี่ยมชมเว็บ สามารถกดไลค์ได้อย่างสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องออกจากเว็บ หรือไปเสิร์ชหาเอาเอง ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่คนเหล่านจะกดไลค์ให้แฟนเพจคุณ เพราะการที่พวกเขาเข้าไปในเว็บของคุณ ก็แสดงว่าพวกเขาสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
    • คุณยังสามารถเขียนไว้บนเว็บไซท์ด้วยว่า หากใครกดไลค์แฟนเพจของคุณ พวกเขามีโอกาสจะได้รับส่วนลดและข้อมูลที่หาที่ไหนไม่ได้อีก แม้แต่ในเว็บไซท์ดังกล่าวเองก็เถอะ ดังนั้น หากพวกเขาชอบแบรนด์ของคุณ ก็ควรไปกดไลค์เพจเพื่อรับข้อเสนอต่างๆ ดีกว่า
    • นอกจากนี้ คุณยังอาจใส่แถบลิงค์ "Like us on Facebook" ไว้ในอีเมลของร้านหรือธุรกิจคุณได้ด้วย (รวมถึงของพนักงานแต่ละคนด้วย) ธุรกิจส่วนใหญ่จะส่งอีเมล์ออกไปหาลูกค้าเป็นร้อยอีเมลต่อวัน ดังนั้น การใช้วิธีนี้ย่อมเพิ่มยอดไลค์ได้ดีทีเดียว! [2]
  7. มันเป็นการแข่งขันที่รับสมัครเฉพาะคนที่เป็นลูกเพจของคุณเท่านั้น รางวัลอาจจะเป็นอะไรก็ได้ อย่างเช่น อุปกรณ์เสริมสำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณเอง ยิ่งรางวัลใหญ่มากเท่าไร ผู้ใช้งานก็ยิ่งอยากมากดไลค์เพจคุณและร่วมสมัครแข่งขันมากขึ้น และพวกเขายังอาจจะช่วยแชร์ไปยังเพจของเพื่อนๆ และคนในครอบครัวด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้เพจคุณมีคนมาไลค์เพิ่มอีก
    • คุณอาจออกแบบให้วิธีการแข่งขันดังกล่าว มีสีสันและสนุกมากขึ้น เช่น คุณสามารถให้ลูกเพจอัพโหลดรูปของพวกเขา ที่ถ่ายคู่กับผลิตภัณฑ์ของคุณ ดังนั้น หากคุณทำธุรกิจร้านขายคัพเค้ก คุณก็อาจจะให้ผู้เข้าแข่งขัน ทำท่ากินคัพเค้กของคุณและถ่ายไว้นำมาโพสท์ประกวด
    • คุณอาจจะให้พวกเขาร่วมโพสท์เรื่องราวของตัวเอง เรื่องราวของใครประทับใจที่สุดก็ได้รางวัลไป เช่น หากคุณทำธุรกิจร้านขายดอกไม้ และตั้งรางวัลไว้เป็นช่อดอกกุหลาบสำหรับวันแม่ คุณก็อาจให้พวกเขาโพสท์เล่าเรื่องราวประทับใจ เกี่ยวกับแม่ของพวกเขาเอง หรือโพสท์เหตุผลที่คิดว่าแม่ควรจะได้รางวัลก็ได้
  8. หากคุณบังเอิญต้องการรับสมัครพักงานพอดี คุณก็ควรจะโพสท์ประกาศไว้หน้าแฟนเพจของคุณด้วย ทั้งชื่อตำแหน่งและรายละเอียดสั้นๆ ของงาน รวมถึงวิธีการสมัคร ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ลูกเพจช่วยนำไปแชร์ให้คนรู้จักเห็น เผื่อพวกเขากำลังหางานทำอยู่ จะได้มากดไลค์เพจคุณอีก [2]
  9. บางครั้งเพียงแค่การบอกกล่าวให้คนทั่วไปรู้ว่า ธุรกิจของคุณมีแฟนเพจแล้ว ก็สามารถทำให้ยอดไลค์เพิ่มขึ้นได้มากแล้ว หากมีงานหรืออีเวนท์ใดๆ ที่ธุรกิจของคุณมีส่วนร่วม คุณก็ควรหาตากล้องไปถ่ายผู้เข้าร่วมงาน จากนั้นก็บอกพวกเขาว่า สามารถเข้าไปดูหรือเซฟรูปตัวเองได้จากเพจของคุณ ด้วยการกดไลค์เท่านั้นเอง นอกจากนี้ คุณยังสามารถทำใบปลิวหรือนามบัตร ที่มีคำว่า "Like us on Facebook!" พิมพ์ไว้ให้เห็นชัดๆ ด้วย [2]
  10. หากจ่ายค่าธรรมเนียมแล้ว ทางเฟสบุ๊คก็จะโปรโมทเพจของคุณ ไปสู่บรรดาผู้ใช้งานที่คุณไม่คาดคิดเลยว่าจะมากดไลค์ให้คุณได้ คุณควรใช้เมนู Facebook Insights เพื่อคอยติดตามดูลักษณะข้อมูลผู้ใช้งานหรือ Demographics เพื่อให้โฆษณาของคุณตรงกลุ่มเป้าหมายอยู่เสมอ เพื่อให้เงินที่คุณลงทุนไป คุ้มค่าเต็มเม็ดเต็มหน่วย คุณควรอัพโหลดรูปและคำโปรยในโฆษณาให้ดูอินเทรนด์กับธุรกิจของคุณด้วย [3]
    • คุณควรเข้าใจว่า การใช้ Facebook ads นั้น มีค่าใช้จ่ายพอสมควร พยายามเลือกแพคเกจที่คุณสามารถจ่ายไหวแล้วกัน
    • คุณยังสามารถใช้บริการของ Google ads เพื่อให้ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ทเข้าถึงแฟนเพจคุณมากขึ้น
  11. การจ่ายเงินซื้อไลค์ หรือใช้บริการปั๊มไลค์นั้น เป็นวิธีการที่ได้ผลในการเพิ่มยอดไลค์ได้แน่นอนที่สุด และยังอาจทำให้เพจของคุณไต่อันดับในเสิร์ชเอ็นจิ้นต่างๆ ได้ด้วย หากคุณจะซื้อ ก็ควรซื้อตั้งแต่ตอนทำเพจเสร็จแต่เนื่นๆ เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานจริงให้มากดไลค์เพิ่ม มันเป็นเทคนิค ‘พวกมาก ลากมา’ กล่าวคือ คนเรามักชอบกดไลค์ตาม เมื่อเห็นคนจำนวนมากไปกดให้เพจนั้นๆ ก่อน!
    • คุณควรเข้าใจว่า การซื้อไลค์เป็นวิธีที่ดีในการทำให้ยอดไลค์เพิ่ม แต่มันจะไม่มีประโยชน์เลย นอกจากจะมีผู้ใช้งานจริงมากดต่อ คุณยังคงต้องหมั่นมีส่วนร่วมกับลูกเพจ จากการโพสท์และคอมเม้นท์ รวมถึงคอยให้ข้อมูลพวกเขาเกี่ยวกับธุรกิจของคุณต่อไปด้วย
  12. มีหลากหลายวิธีที่คุณสามารถโปรโมทแฟนเพจในชีวิตจริงได้ ยิ่งมีคนสังเกตเห็นแฟนเพจคุณมากเท่าไร โอกาสที่พวกเขาจะเข้าไปกดดูหรือกดไลค์ก็มากขึ้นด้วย
    • เปิดหน้าแฟนเพจ โดยต่อเข้ากับโทรทัศน์ในร้าน คล้ายๆ กับเป็นเฟสบุ๊คทีวี ด้วยการใส่รหัสจากอุปกรณ์หรือสมาร์ททีวีของคุณ เข้าไปในระบบ Device Authentication
    • ปรินท์ URL ของเพจคุณเป็นสติ๊กเกอร์ออกมา และแปะไว้ในร้านก็ได้
    • ปรินท์ URL ของเพจคุณติดไว้บนใบเสร็จ หรือใบแจ้งที่คุณยื่นให้ลูกค้าก็ได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การแจกหรือแข่งขันรางวัล และเล่นเกมส์ชิงโชค เป็นวิธีการที่ได้ผลมากที่สุด รวมถึงการเอา "Like Box" ไปแปะไว้บนเว็บไซท์ของคุณด้วย
โฆษณา

คำเตือน

  • ระวัง อย่าให้การร่วมสนุกชิงของแจก ดึงดูดแต่พวกนักล่าของฟรี โดยไม่มีประโยชน์อะไรกับเพจคุณเลย แน่นอนว่าจุดประสงค์ คือ การให้พวกเขากดไลค์เพจคุณ แต่คุณก็ควรหาทางให้พวกเขาสนใจโพสท์ของคุณด้วย การแข่งชิงรางวัลอาจทำให้จำนวนไลค์เพิ่มปริมาณขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีคุณภาพ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 167,893 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา