ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หน้าร้อนที่ไร้แอร์อาจจะทำให้เกิดความร้อนที่มากเกินไปจนรู้สึกไม่สบายตัวได้ แต่ที่จริงแล้วมันมีวิธีที่จะรักษาความเย็นและความสบายของบ้านช่วงเดือนในหน้าร้อนที่อบอุ่นโดยไม่ต้องใช้แอร์เลยล่ะ ซึ่งจะสามารถทั้งหลีกเลี่ยงความร้อนและประหยัดเงินได้อีกด้วย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ทำให้ตัวเองเย็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าความร้อนขัดขวางคุณจากการพักผ่อนในยามค่ำคืนแล้วล่ะก็ ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู:
    • ใช้พัดลมในห้อง โดยพัดลมที่เปิดเบอร์ต่ำจะรักษาระดับลมที่พัดเบาๆ ไปทั่วห้อง หากไม่ชอบลมที่พัดตรงๆ ตอนที่หลับอยู่ ก็ให้ใช้พัดลมในหน้าต่างแทนเพื่อจะได้ให้อากาศถ่ายเท
    • ใช้เตียงน้ำ มันเหมือนกับเตียงลมแต่เต็มไปด้วยน้ำที่ไร้แรงดันเพื่อรองรับร่างกายด้วยการพยุง โดยน้ำนำและดูดซับความร้อนได้ดีกว่าลม ดังนั้นเตียงน้ำก็เหมือนกับสระว่ายน้ำที่จะทำให้รู้สึกเย็นในทุกสภาพอากาศ (อาจจำเป็นต้องใช้แผ่นให้ความร้อนแบบใช้พลังงานต่ำตัวเล็กๆ ไว้ข้างล่างเพื่อจะได้ใช้งานได้ทั้งปี) และมันนุ่มแต่อาจจะเหมือน “เปลญวน” ยิ่งไปกว่านั้นมันยังใหญ่และหนักกว่า (ทำให้นอนยากกว่า) ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ให้ลองก่อนที่จะซื้อ
    • เอาหมอนเล็กๆ ไปใส่ในช่องฟรีซซัก 1 หรือ 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน โดยเอาถุงพลาสติกมาใส่กันน้ำแข็งจับกับตัวผ้า
    • แขวนเตียงไว้ตรงส่วนที่เย็นที่สุดของบ้านในระหว่างวัน โดยเมื่อตื่นขึ้นให้เอาเครื่องนอนไปไว้ในห้องที่เย็นที่สุดของบ้าน (ที่ห้องใต้ดินหรือที่ไหนก็ได้ที่มีร่มเงาเยอะที่สุด) แล้วแขวนผ้าห่มและผ้าปูที่นอนให้ทุกด้านโดนลม จากนั้นเก็บลงมาและเอาไปปูบนเตียงก่อนเข้านอน
    • ใช้ปลอกหมอนจากผ้าไหมหรือผ้าซาตินและผ้าปูที่นอนซาติน รวมทั้งผ้าปูที่นอนฝ้ายก็ดีเหมือนกัน โดยผ้าเหล่านี้จะให้สัมผัสที่นุ่มขึ้นและเย็นขึ้นเมื่อนอนหลับ และเอาผ้าปูที่นอนสักหลาดออกไปก่อนจนกว่าอากาศจะเย็น
    • ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกร้อนให้เอาผ้านวมออก ปาผ้าห่มทิ้งไปซะแล้วใช้แค่ผ้าปูที่นอนพอ
  2. มันเป็นการผ่อนคลายที่ทำได้ทันทีและจะคงอยู่ไปอีก 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
    • ดื่มน้ำบ่อยๆ ร่างกายจะรู้สึกเย็นกว่าเมื่อไม่ขาดน้ำ โดยลองดื่มน้ำ 8 ออนซ์ อย่างน้อยทุกชั่วโมง อาจจะเติมใบสะระแหน่หรือส้ม มะนาวหรือแตงกวาหั่นบางๆ เข้าไปในน้ำเพื่อทำให้มันมีรสชาติขึ้น
    • ใช้ขวดสเปรย์ โดยเติมน้ำแล้วปรับหัวให้น้ำออกมาแบบละอองฝอย และฉีดลงบนผิวเพื่อจะได้เย็นทันที
    • ไม่ให้หลังคอโดนแสง (สวมหมวกกลับหลังหรือยกปกเสื้อขึ้น) หรือเอาผ้าเช็ดหน้าเปียกไว้บนหลังคอ เพราะตัวจับความร้อนของระบบควบคุมอุณหภูมิร่างกายอยู่ที่บริเวณนี้ และด้วยวิธีการนี้เองจะทำให้ร่างกายทุกส่วนรู้สึก “เย็น”
    • วางหรือผูกถุงน้ำแข็งไว้หลังศีรษะ
    • ทำให้ผมเปียกหรือแค่ตามไรผมบริเวณหน้าผากและขมับ การระเหยของน้ำจะทำให้ศีรษะเย็น (แม้ว่ามันอาจจะทำให้ผมค่อนข้างงอก็ตามถ้าเป็นคนผมหยักศก)
    • สวมผ้าพันคอที่เปียกน้ำและวางบนศีรษะ หรืออาจจะทำตัวเหมือนอยู่ในยุคปี 80 แล้วใช้ที่คาดผมจากผ้าเทอร์รี่ (เป็นผ้าที่มีห่วงคล้องสำหรับซับน้ำ) ไว้บนหน้าผาก
    • ลองใช้พัดลมไอหมอกดู โดยอุปกรณ์พกพาได้เหล่านี้จะใช้แบตเตอรี่ ดังนั้นจะสามารถเอาไปที่ไหนก็ได้ เมื่อใช้พัดลมแล้วน้ำจะระเหยลงบนผิวคุณ แล้วจะทำให้เกิดความรู้สึกเย็นอย่างทันทีเลย
    • แช่เสื้อยืดในอ่างล้างหน้าบิดน้ำออกแล้วใส่ นั่งลงบนเก้าอี้สนามหญ้า (หรือเก้าอี้อื่นที่ปล่อยให้ลมพัดเข้าได้) หน้าพัดลม ทำให้เปียกอีกเมื่อมันแห้ง โดยใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็น (ไม่ใช่น้ำแข็ง) เพื่อจะได้ไม่ทำให้ระบบร่างกาย “ตกใจ”
    • สวมเสื้อแขนสั้นและใส่น้ำตรงแขนเท่านั้น ถ้ามันมีลมหรือพัดลมพัดอยู่มันจะทำให้เย็นได้แน่ๆ ใช้ขวดพ่น อ่างล้างหน้าหรือสายยางหากอยู่ข้างนอกเพื่อให้แขนเสื้อเปียก และหากอยู่ข้างนอกแต่ใส่กางเกงขายาวก็ให้เอาน้ำแปะที่ขา แล้วน้ำจะทำให้ขาเย็น สำหรับกระโปรงก็ทำได้เหมือนกัน โดยแค่พรมตรงขอบด้วยน้ำเท่านั้นเอง
    • ให้น้ำเย็นไหลผ่านข้อมือข้างละ 10 วินาที มันจะเป็นการลดอุณหภูมิของร่างกายได้ประมาณ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
    • แช่เท้าลงในถุงน้ำเย็น เพราะร่างกายจะปล่อยความร้อนออกมาจากมือ เท้า ใบหน้าและหู ดังนั้นการทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งนี้เย็นก็เป็นการทำให้ร่างกายเย็นได้ โดยสระน้ำสำหรับเด็กก็ดีต่อเท้าของผู้ใหญ่เหมือนกันนะ
    • ใส่น้ำเย็นลงในอ่างอาบน้ำและลงไปแช่ เมื่อชินกับอุณหภูมินั้นแล้วปล่อยน้ำบางส่วนออกมาและเติมน้ำเย็นเข้าไป โดยทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าเย็นพอ ร่างกายจะเย็นต่อไปอีกนานแม้จะออกมาแล้วก็ตาม และถ้าอยากให้เย็นเร็วๆ ก็ใช้น้ำแข็งเลย
    • ไปว่ายน้ำ ที่สระว่ายน้ำ ทะเลสาบ มหาสมุทร หรือแม่น้ำและถอดชุดคลุมออก
  3. มันมีหลายวิธีที่จะสวมใส่อะไร (หรือไม่ใส่อะไร) เวลารู้สึกร้อน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์:
    • ไม่ต้องใส่อะไร ถ้าอยู่ในสถานที่ที่ไม่ต้องใส่อะไร มันจะเป็นวิธีที่สบายที่สุดและธรรมชาติที่สุดที่จะทำให้เย็น
    • เกือบจะไม่ต้องใส่อะไร โดยใส่ชุดว่ายน้ำหรือชุดชั้นในที่บ้าน
    • ใส่เสื้อผ้าสำหรับหน้าร้อนที่มีเส้นใยธรรมชาติ โดยใส่ผ้าที่ถักหลวมๆ มาจากธรรมชาติ อย่างผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าลินินดีกว่าผ้าจากโพลีเอสเตอร์ เรยอน(ไหม) หรือเส้นใยสังเคราะห์อื่นๆ (ที่มีข้อจำกัดของการใช้ผ้า)
    • ใส่เสื้อสีสว่าง เพราะเสื้อสีทึบดูดความร้อนจากแสงอาทิตย์และทำให้อุ่นมากกว่า นานกว่าผ้าสีสว่างหรือสีขาวที่จะสะท้อนแสงและความร้อนออก โดยใส่เสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อนจากเส้นใยธรรมชาติ
    • คลุมตัว การคลุมตัวเองอาจจะหมายถึงการทำให้เย็นขึ้นโดยเฉพาะเมื่อสภาพอากาศมีความชื้นต่ำ อย่างชาวตะวันออกกลางมีวัฒนธรรมการสวมเสื้อผ้าปกคลุมมิดชิดตั้งแต่ศีรษะยันเท้าท่ามกลางอุณหภูมิร้อนจัดของทะเลทราย คุณทำให้ผิวอยู่ในร่มเงาโดยการปกป้องผิวจากแสงแดดที่ส่องมา และต้องใช้เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าธรรมชาติและหลวมๆ
  4. สิ่งที่กินและดื่มอาจจะช่วยให้เย็นได้เช่นกัน
    • แช่สิ่งที่ชอบตุนไว้ในช่องฟรีซ โดยแช่ถุงผลไม้ที่หั่นแล้ว อย่างแตงโม สับปะรด หรือมะนาวไว้ในช่องฟรีซ เพราะการทำให้ตัวเองเย็นก็เป็นประสบการณ์ความอร่อยได้เหมือนกัน
    • ใช้ประโยชน์จากสะระแหน่ เพราะมันให้ความสดชื่นแก่ผิวให้เกิดความรู้สึกเย็น โดยลองผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสาระแน่หรือเมนทอลเพื่อให้ผิวเย็นรวมทั้งทาโลชั่นที่มีเปปเปอร์มินต์ (หลีกเลี่ยงตรงใบหน้าและดวงตา) อาบน้ำด้วยสบู่เปปเปอร์มินต์ ใช้น้ำยาแช่เท้าหรือทาแป้งที่มีมินต์
    • ใช้แตงกวา ฝานแตงกวาเย็น (จากตู้เย็นหรือเครื่องทำความเย็น) บางๆ แล้วเอามาแปะลงกลางหน้าผาก มันจะเยี่ยมไปเลยสำหรับวันที่ร้อนๆ หรือเมื่อติดอยู่ในรถร้อนๆ และยังเห็นผลแทบจะทันที ก้อนน้ำแข็งหรือโซดาก็ช่วยได้เหมือนกัน แต่ตัวสมานของแตงกวาจะช่วยให้เปลือกตาสดชื่นได้มากกว่า
    • กินอาหารรสเผ็ด มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่คนส่วนใหญ่ในเขตร้อนของโลกกินอาหารเผ็ด เพราะอาหารเผ็ด (รสชาติร้อน) ช่วยเพิ่มระบบหายใจให้ร่างกายเย็นขึ้นเมื่อระเหย และมันยังอาจทำให้เกิดหลั่งสารเอนโดรฟินที่ค่อนข้างน่าพึงพอใจและทำให้ลืมความร้อนไปได้
  5. อากาศอุ่นจะอยู่ข้างบน (เพราะมันจะมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศเย็น) ดังนั้นมันจะแบ่งอยู่บนชั้นสูงสุดของอากาศเย็นที่จะจมอยู่ต่ำกว่า เช่น หากอยู่ในบ้าน ส่วนที่เย็นที่สุดจะอยู่ใกล้กับพื้นในห้องใต้ดินหรือบนผิวพื้น
  6. ลองใช้ระบบความร้อนของเครื่องมือหายใจใต้น้ำ. เอาแก้วน้ำและเติมก้อนน้ำแข็งให้เกือบถึงปากแก้ว จากนั้นถือมาไว้ตรงกับระดับปากแล้วเป่าลมเบาๆ เข้าไปในแก้ว โดยน้ำแข็งจะทำให้อากาศที่เป่าเข้าไปในแก้วเย็นขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพราะอากาศจะออกมาแค่ทางเดียว (คือทางที่จะมาสู่หน้าคุณ) แล้วอากาศเย็นจะเข้ามาปะทะกับผิวเลย
    • เพื่อให้ “ระบบเครื่องมือหายใจใต้น้ำ”ทำงานได้ดี ให้เอาพัดลมไปจ่อที่แก้วใส่น้ำเย็นที่มีน้ำแข็ง 4 ใบ แล้วอากาศเย็นๆ จากแก้วจะออกมาข้างนอกไม่ไปไหน และทุกคืนก็แช่น้ำแข็งและเปิดหน้าต่างไว้เลย
  7. อ่านหนังสือเกี่ยวกับการปีนเขาเอเวอร์เรสต์ ไปแอนตาร์กติกา หรือดูหนังเกี่ยวกับฤดูหนาวอย่าง “เพนกวินหัวใจจักรพรรดิ” และ “ไอซ์เอจ” ซึ่งอาจจะไม่ทำให้ร่างกายเย็นขึ้นแต่หากใจคิดถึงสภาพแวดล้อมที่เย็นๆ แล้ว ก็อาจจะทำให้รู้สึกเย็นขึ้นมาได้นิดหน่อยเหมือนกัน
  8. โดยพักผ่อนและเย็นขึ้นในเวลาเดียวกันด้วยคำแนะนำเหล่านี้:
    • นั่งนิ่งๆ เพราะการทำกิจกรรมทางกายในที่ร้อนๆ เป็นความคิดที่แย่ โดยไม่เดิน ถอนหญ้า หรือดูดฝุ่นที่พื้นจนกว่าจะมีอากาศเย็นของยามเย็น
    • สร้างร่มเงา หนีออกจากดวงอาทิตย์ โดยต้นไม้และความเขียวขจีอื่นๆ มักจะเป็นตัวสร้างร่มเงาที่ดีได้มากกว่าสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ แต่ไม่ว่าจะอยู่ใต้กันสาดหรือร่มเงาข้างชายหาดก็ให้หลีกเลี่ยงแสงแดดซะ
    • หลีกเลี่ยงชั่วโมงที่มีแสงแดดจัด โดยไม่ออกไปข้างนอกช่วงระหว่าง 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รังสีจากดวงอาทิตย์ร้อนแรงที่สุด และยังเป็นการหลีกเลี่ยงแดดเผาได้อีกด้วย
  9. 9
    ใช้เสื้อยืดเก่าๆ . ใช้เสื้อยืดเก่าและทำให้มันเปียก โดยปล่อยให้มันซับน้ำซัก 2 – 3 นาที แล้วบิดแค่พอไม่ให้มันหยด ม้วนขึ้นมา จากนั้นวางไว้รอบคอ แล้วจะรู้สึกเย็นขึ้นมากๆ ทันที
    โฆษณา


วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ทำให้บ้านเย็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปิดม่านและผ้าม่านระหว่างวันเพื่อช่วยกันความร้อนของดวงอาทิตย์ โดยเมื่อแสงแดดส่องถึงอาคารในตอนเช้าให้ปิดหน้าต่างทุกบานและปิดประตูและหน้าต่างด้านนอกจนกว่าจะผ่านช่วงที่ร้อนที่สุดของวันไป และทำแบบนี้จนกว่าจะตกกลางคืนและเย็นพอที่จะเปิดหน้าต่างในยามค่ำคืน
    • เพื่อการปกป้องที่ดีกว่า ใช้ผ้าม่านโปร่งแสง กันความร้อนหรือหน้าต่างที่ติดฟิล์ม (เหมือนกับรถติดฟิล์มที่ดูมืดหรือเป็นกระจกสะท้อนแสง: การกันความร้อนชั่วคราวด้วยฟิล์มใสจะแตกต่างและป้องกันการนำความร้อนออกไปสู่อากาศเย็นภายนอกได้ดีกว่า โดยในฤดูร้อนนั้น การกั้นการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์โดยใช้สีหรือวัตถุสะท้อนแสงจะสำคัญกว่าการขัดขวางตัวนำความร้อนด้วยฟองน้ำ) หรือใช้ของง่ายๆ อย่างแผ่นฉนวนกันความร้อนสะท้อนแสงหรือกระดาษแข็งตัดเพื่อให้ได้ขนาดและปิดด้วยกระดาษฟอยล์และถ้าเป็นไปได้ก็ให้ไปรอบๆ บ้านแล้วติดแผ่นนี้ไว้ โดยเฉพาะบนทิศใต้ (หรือทิศเหนือเมื่ออาศัยอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตร) ซึ่งผ้าม่านที่เอามาติดเหล่านี้แหละจะป้องกันเราจากความร้อนจากแสงแดดโดยการอยู่ใกล้ๆ กับกรอบหน้าต่างไว้ แต่ก็ต้องปล่อยให้ลมพัดเข้ามาด้วย คุณยังสามารถติดกันสาดชั่วคราวที่ “ระเบียง” โดยใช้ด้ามไม้กวาดและผ้าปูที่นอน
  2. เปิดหน้าต่างที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ไว้เมื่ออากาศเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านมาในยามเย็น โดยการปล่อยให้ประตูข้างในทั้งหมดเปิดไว้(รวมทั้งตู้เสื้อผ้าและตู้กับข้าว) ก็ช่วยด้วย แต่หากปิดมันไว้มันจะกักเก็บความร้อนในเวลากลางวันและบ้านก็จะไม่เย็นเร็วนักในยามค่ำคืน
    • เมื่อตื่นต้องปิดหน้าต่างและม่านทันทีที่แสงแดดส่องถึง ซึ่งอาจจะเร็วราวตี 5 หรือ 6โมงเช้าเลยทีเดียวในบางที่
    • ลองระบายอากาศให้ทั่วถึงโดยเปิดบ้านตอนที่อากาศเย็นๆ ในยามเช้า แล้วปิดผ้าม่านตรงด้านที่ร้อนของบ้าน และทำให้หน้าต่างที่อยู่ด้านตรงข้ามกับบ้านให้เหลือน้อยกว่า 1 นิ้วจากด้านล่างเพื่อช่วยให้เย็น
  3. ติดพัดลมเพดาน พัดลมที่ติดข้างบนหน้าต่างหรือพัดลมติดหลังคาเพื่อไล่อากาศร้อนที่สะสมอยู่ด้านบนผลักออกไปข้างนอก โดยตั้งพัดลมเพื่อดูดอากาศเย็นขึ้นไปจากพื้นด้านล่างแล้วเป่าอากาศร้อนที่อยู่ด้านบนไปที่เพดาน
  4. ถ้าอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์ให้ใช้พัดลมแบบผสมเพื่อสร้างอากาศที่ถ่ายเท. ไล่อากาศร้อนโดยจัดให้พัดลมที่มีแรงสูงไว้ใกล้ๆ หน้าต่าง แต่ไม่ต้องใกล้มากเพราะฝนอาจทำให้เครื่องพังได้ รวมทั้งใช้พัดลมที่หมุนไปมาได้วางที่ใกล้กับหน้าต่างเพื่อจะให้ความสดชื่นและอากาศที่เย็นขึ้น โดยใช้พัดลมทั้งสองแบบเมื่ออากาศข้างนอกเย็นกว่าข้างใน ซึ่งมักจะเป็นในระหว่างคืนหรือในวันที่ฟ้ามืดครึ้ม
  5. เอาชามโลหะที่ใส่น้ำแข็งกับเกลือไปไว้หน้าพัดลมและปรับให้พัดลมมีลมที่พัดผ่านน้ำแข็ง หรือใช้ขวดน้ำ 1 หรือ 2 ลิตร (0.5 แกลลอน) แล้วเติมน้ำให้เกือบเต็ม (70%) และเกลือสินเธาว์ (10%) ส่วนที่เหลืออีก 20% ปล่อยให้เป็นพื้นที่ว่าง โดยเกลือจะลดอุณหภูมิเพื่อให้น้ำยังคงแข็งตัวและทำให้น้ำแข็งเย็นตัวที่สุด แช่แข็งของเหลวลงในขวด แล้วใส่มันในชามใหญ่ๆ (เพื่อจะจับหยดน้ำที่ควบแน่น) และตั้งพัดลมให้เป่ามัน เมื่อน้ำแข็งเค็มที่อยู่ในขวดละลายแล้ว อากาศรอบๆ มันจะเย็นและพัดลมจะพัดอากาศนั้นไปที่คุณ ซึ่งน้ำและเกลือในขวดสามารถแช่แข็งซ้ำได้ทุกคืนและใช้ได้อีกหลายครั้ง
    • สามารถเปิดเครื่องระบายอากาศของเตาหรือปล่องไฟ มันจะช่วยไล่อากาศร้อนออกจากบ้านและดึงเอาความเย็นในอากาศยามเย็นเข้ามาในบ้าน
  6. อย่าใช้เตาหรือเตาอบทำอาหาร ให้กินอาหารเย็นๆ หรือใช้ไมโครเวฟหรือย่างข้างนอกถ้าจะทำอาหาร รวมทั้งหลอดไฟไส้เป็นตัวปล่อยความร้อนด้วย ให้เปลี่ยนเป็นหลอดฟลูออเรสเซนส์หรือหลอด LEDs แทน และปิดโคมไฟและคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ใช้ นอกจากนี้ก็ให้ปิดทีวีเพราะมันปล่อยความร้อนมากและเปลืองพลังงานที่ไม่จำเป็นไปกับการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
  7. อย่าอาบน้ำร้อน ล้างจาน ซักผ้าหรือทำอาหารจนกว่าจะมืด ต้องให้ฝาหม้อปิดแน่นสนิทและขอบฝาบนเตาปิดดี เครื่องซักผ้าและเครื่องล้างจานอยู่ในสภาพดีและไม่มีอะไรพังหรือฉีกขาด
  8. ถ้าใช้เตาแก๊สที่มีวาล์วต้องตั้งให้ดี เพราะถ้าแรงไปมันจะเกิดความร้อนที่มากเกินไปได้
  9. วางผ้าสีขาวทับบนสิ่งที่เป็นปุยขนทุกอย่างในบ้าน. เช่น หมอนลูกฟูกที่มีปลอกหมอนทำจากผ้าซาตินสีขาวสำหรับฤดูร้อน เอาผ้าลินินมาหุ้มโซฟาขนแกะ หรือแม้กระทั่งแค่ปูผ้าปูสีขาวกับทุกเครื่องใช้ เพราะผ้าสีสว่างจะสะท้อนแทนที่จะดูดแสงและพื้นผิวที่เรียบจะทำให้ดูเย็นและรู้สึกเย็นได้
  10. ถ้าเลือกได้ให้เลือกหลังคาที่สว่างหรือสีทาหลังคาแบบเคลือบ เพราะมันจะสะท้อนแทนการดูดซับแสง
  11. บ้านที่มีผนังและห้องใต้หลังคากันความร้อนชั้นดีจะเอาความร้อนออกจากตัวบ้านได้ในฤดูร้อน ลองคิดว่าบ้านเป็นเครื่องทำความเย็นจากโฟมขนาดใหญ่ดูสิ ซึ่งมันมีหลายวิธีที่จะเลือกทำได้ มีทั้งชนิดที่ติดตั้งกับผนังบ้านอย่างไม่ยุ่งยากอะไร ผลดีอีกต่อหนึ่งคืออาจมีการช่วยเหลือจากรัฐบาลในการสนับสนุนราคาในการปรับปรุงบ้านอีกด้วย
  12. ต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้จะช่วยให้ร่มเงาแก่บ้านหรือสนามและทำให้ทุกสิ่งเย็นขึ้นได้อย่างมากเลย พืชผลัดใบ (ในช่วงฤดูหนาว) จะปล่อยให้แสงแดดในฤดูหนาวลอดผ่านเมื่อมันต้องการและจะสร้างร่มเงาในฤดูร้อน
    • ถ้าปลูกต้นไม้ไม่ได้ให้ทำโครงไม้ระแนงและปลูกเถาวัลย์แทน โดยเถาที่ได้รับการตัดแต่งอย่างดีจะทำหน้าที่เหมือนกับต้นไม้ผลัดใบหรืออาจจะปลูกพืชที่กินได้อย่างองุ่นหรือกีวีก็ได้
  13. จัดลานบ้านให้อยู่ในจุดที่ได้รับความเย็นหรือร่มเงาจากตัวบ้านมากที่สุด. อย่าสร้างลานบ้านที่ไม่ได้รับร่มเงาจากคอนกรีต หินหรืออิฐเพราะมันจะสะท้อนความร้อนจากแสงแดดเข้าไปในผนังหรือหน้าต่าง โดยเฉพาะในทิศใต้หรือทิศตะวันตก โดยหิน ก้อนกรวดและคอนกรีตก็ยังสะสมความร้อนไว้นานกว่าพื้นที่ที่ปลูกต้นไม้แม้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว
    • ถ้ามีพื้นที่อย่างลานบ้านอยู่แล้วให้ปลูกต้นไม้เพื่อที่ทั้งลานบ้านและอีกด้านของบ้านจะได้รับร่มเงาในระหว่างช่วงที่ร้อนที่สุดของวัน
  14. สร้างระเบียงสำหรับฤดูร้อนไว้ทิศเหนือของบ้าน ที่เป็นด้านที่ได้รับร่มเงาจริงๆ เพราะทิศใต้และทิศตะวันตกจะเป็นส่วนที่ร้อนที่สุดและส่วนใหญ่ต้องการร่มเงา ดังนั้นวางแผนการจัดตำแหน่งของหน้าต่างและประตูของบ้านคุณให้ดี (เข็มทิศจะชี้ไปทางตรงข้ามในซีกโลกใต้)
  15. ถ้าที่บ้านมีห้องใต้ดินและระบบอากาศแบบรวมที่มีกระบวนการวางระบบความร้อน เย็นและระบายอากาศให้ใส่อากาศเย็นเข้าไปในห้องใต้ดินเพื่อจะดึงเอาอากาศเย็นแบบบริสุทธิ์ที่ลงไปขึ้นมาและทำให้มันหมุนเวียนไปในส่วนที่เหลือของบ้านโดยวิธีง่ายๆ อย่างการตั้งให้มันอยู่ในโหมด “พัดลม”
    • ติดตั้งระบบระบายอากาศสำหรับแต่ละห้องด้วยตัวรับอากาศเย็น กำจัดอากาศร้อนและควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งจะเป็นตัวนำอากาศยามค่ำคืนเข้ามาและใช้แอร์แค่ช่วงกลางวัน
  16. เป็นการดึงเอาอากาศร้อนไปที่ห้องใต้หลังคาซึ่งจะค่อยๆ ลดลงผ่านช่องระบายอากาศ และทำให้บ้านเย็นโดยเปิดประตูเข้าไปทางห้องใต้ดิน และต้องให้ทุกประตูที่อยู่ระหว่างห้องนั้นและห้องที่มีพัดลมอยู่เปิดไว้ โดยเปิดเอาไว้ยามค่ำคืนและเปิดหน้าต่างห้องชั้นล่างแล้วมันจะทำให้บ้านเย็นได้ดีเลย และอย่างไรก็ตามก็ให้ดูช่องระบายอากาศของห้องใต้หลังคาให้ดีด้วยหรือหลังคาไม่ปล่อยความร้อนมากเกินไป
  17. เมื่อมันเย็นแล้วจะสร้างความแตกต่างกับอุณหภูมิของบ้านได้อย่างเหลือเชื่อเลย
  18. อาจจะเป็นประตูกั้น ประตูรั้วหรือประตูม้วนที่จะปล่อยให้ลมพัดเข้าได้ในขณะที่ยังคงความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยไว้ ส่วนหน้าต่างที่ล็อคได้ให้เปิดไว้แค่ 2 นิ้ว ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ซึ่งจะทำให้บ้านเย็นตอนกลางคืนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถอดรองเท้าและถุงเท้าพวกนั้นออก โดยเฉพาะในวันที่อากาศชื้น เพราะมันจะทำให้เท้ามีเหงื่อซึมและเพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกาย และให้เดินเท้าเปล่าให้บ่อยเท่าที่ทำได้
  • อย่าเปิดพัดลมทิ้งไว้เมื่อไม่มีใครอยู่ โดยมันไม่ได้ทำให้อากาศในห้องเย็นแต่แท้จริงแล้วมันทำความร้อน เพราะตัวเครื่องของพัดลมเป็นตัวกำเนิดความร้อนและการหมุนเวียนอากาศจะทำให้ความร้อนน้อยลงจากแรงเสียดทาน มันแค่ทำให้รู้สึกเย็นขึ้นเมื่ออยู่ที่นั่นเพราะความชุ่มชื้นที่ระเหยออกมาจากผิวออกมา ดังนั้นควรประหยัดไฟและปิดพัดลมทุกตัวที่ไม่ใช้
    • อย่างไรก็ตาม “การตายจากพัดลม” เป็นแค่ข่าวลือ
  • ผสมแอลกอฮอล์ล้างแผล (isopropanol) กับน้ำลงในขวดสเปรย์ แล้วฉีดหูและอุ้งเท้าของสุนัขและแมวเพื่อช่วยให้มันเย็น โดยฉีดที่หลังคอและส้นเท้าและข้อมือ เพราะการระบายความร้อนของแอลกอฮอล์นี้จะกำจัดความร้อนออกจากผิวกาย และทำให้มันเย็น โดยใช้วิธีนี้เมื่อสัตว์เลี้ยงอยู่ในอาการลมแดดหรือเพลียแดด
  • ใช้เสื่อนอนที่ทำจากหวายหรือไม้ไผ่ เพราะไผ่จะเรียบเนียนและเย็นกว่าร่างกายเรา
  • ถ้าโรงจอดรถอยู่ใต้ที่อาศัย ให้ปล่อยรถไว้ข้างนอกให้เย็นก่อนที่จะเอามาเก็บในโรงรถ
  • ถ้าผมยาวให้ผูกผมเพื่อที่คอจะได้ไม่รู้สึกร้อน
  • ใช้ผ้าเช็ดมือแล้วเอาน้ำแข็งใส่แล้วบิดไว้ มันจะได้ไม่ตกและพันรอบคอหรือหน้าผาก
  • ดื่มน้ำเยอะๆ เอาขวดน้ำแช่ไว้ในช่องฟรีซเยอะๆ และใส่น้ำแข็งไว้ด้วย ปล่อยให้ก้อนน้ำแข็งใหญ่ๆ ในขวดนั่นละลาย ซึ่งทำให้เย็นได้แน่ๆ
  • ทำให้ผ้าขนหนูเปียกและแช่ช่องฟรีซประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วเอามาไว้บนตัวหรือบนพัดลมที่เป่าอยู่เพื่อจะทำให้วันร้อนๆ เย็นขึ้น
  • ถ้ามีสระว่ายน้ำหรือที่เมืองมีก็ให้ไปว่ายน้ำ จะได้เย็นขึ้น


โฆษณา

คำเตือน

  • เด็กทารก เด็กๆ ผู้หญิงท้อง และผู้สูงอายุจะมีแนวโน้มที่จะได้รับความร้อนที่มากเกินไปได้มากกว่ากลุ่มอื่น โดยต้องเฝ้าระวังสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนบ้านให้ดี
  • ความร้อนมักจะเกี่ยวกับความแห้งแล้ง ถ้ามีการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ต้องจัดเตรียมน้ำไว้ให้เพียงพอ
  • ความร้อนที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการลมแดดและตายได้
  • ถ้าเคยมีอาการลมแดดหรือขาดน้ำให้โทรหาเบอร์ฉุกเฉินหรือหน่วยงานฉุกเฉินและหาผู้ช่วยเหลือที่เชี่ยวชาญ โดยอุณหภูมิของร่างกายที่มากกว่า 40°C เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและถึงตายได้ถ้าถึง 45°C
  • ในหลายพื้นที่ อุณหภูมิที่สูงในตอนกลางวันอาจทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ ดังนั้นต้องเตรียมการเกี่ยวกับสถานการณ์เรื่องสภาพอากาศไว้
  • ร่างกายจะไม่ได้มีอุณหภูมิที่ดีเหมือนที่เคยมี(ยกเว้นแต่ว่ายังคงรักษาความแข็งแรงไว้ได้)เพราะเป็นไปตามอายุและรูขุมขนอาจจะไม่สามารถผลิตเหงื่อได้มากพอ โดยเฝ้าระวังและผ่อนคลายในที่ที่มีแอร์สักครู่
  • แม้จะเป็นปัญหาน้อยมากสำหรับคนที่มีสุขภาพดี การมีน้ำมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัญหากับหัวใจ ตับและไตได้เหมือนกัน โดยหากมีปัญหาสุขภาพที่หนักมากให้ระวังปริมาณการดื่มน้ำเพราะไตอาจจะไม่สามารถขับปริมาณน้ำที่มากเกินพอดีออกไปได้
  • วิธีการที่เกี่ยวกับการเป่าพัดลมเล็กๆ หรือหายใจเหนือน้ำแข็งอาจจะไม่ดีนักและอาจถึงขั้นเป็นอันตรายได้ โดยประสิทธิภาพในการทำให้บ้านเย็นแบบเล็กน้อยนี้จะน้อยกว่าการใช้แอร์และความร้อนข้างใน และเกลือมันยุ่งยาก กัดกร่อนและทำให้น้ำเกิดกระแสไฟฟ้าได้ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เย็นด้วยน้ำแข็งก็คือ การดื่มมัน
  • ถ้าเทน้ำใส่ตัวเองและนั่งหน้าสิ่งที่เหมือนกับพัดลมหรือแอร์อาจทำให้ป่วยเพราะจะเป็นหวัดได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงให้หลีกเลี่ยงการไปที่เย็นๆ หากมีเหงื่อซึม
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 50,224 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา