ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาจมีหลายปัจจัย ที่ทำให้คุณอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็มีให้เลือกด้วยกันหลายวิธี เช่น หากคุณเพิ่งตัดความสัมพันธ์กับคนรักเก่าที่ชอบใช้กำลัง คุณคงหาทางเริ่มต้นชีวิตใหม่เพื่อความสุขใจห่างไกลความเจ็บปวด หรือบางทีคุณอาจไม่ค่อยชอบถิ่นที่อยู่ปัจจุบัน เลยอยากย้ายไปที่ใหม่ สังคมใหม่ๆ ไม่ว่าเป้าหมายหรือเหตุผลของคุณจะเป็นอะไร คุณสามารถเปลี่ยนชีวิตได้ด้วยการคิดพิจารณา วางแผนให้ถี่ถ้วน แล้วถามใจตัวเองว่าพร้อมสำหรับชีวิตใหม่หรือยัง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ตัดสินใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้องคิดพิจารณาดีๆ ว่าทำไมคุณถึงอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ มักมีเหตุผลล้านแปด ซึ่งบางเหตุผลก็ไม่ค่อยจะเกิดประโยชน์อะไร
    • อย่างถ้าลูกของคุณเพิ่งจะย้ายออกจากบ้าน แยกไปมีชีวิตของเขาเอง ทิ้งไว้แต่บ้านที่เงียบเหงาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายสิบปี คุณคงคิดว่าถึงเวลาเริ่มบทใหม่ในชีวิตของคุณเองด้วยอีกคน เมื่อไม่ต้องคอยหาเลี้ยงดูแลลูกๆ อีกต่อไป ก็น่าจะลองใช้ชีวิตใหม่ในแบบของตัวเอง
    • แต่ในทางกลับกัน คุณไม่ควรอ้างว่าอยากเปลี่ยนแปลง แต่ที่แท้แล้วต้องการหนีปัญหา เพราะถือเป็นการแก้ไม่ตรงจุด ถึงเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง เปลี่ยนตัวเองยังไง อารมณ์เดิมๆ ก็ตามมากวนใจอยู่ดี ต้องจัดการที่ต้นตอ คุณถึงจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างแท้จริง
  2. จุดเปลี่ยนหรือเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในชีวิต ก็เช่นการแต่งงาน ญาติเสีย อกหักรักคุด ตกงาน ประสบปัญหาทางการเงินหรือสุขภาพ ย้ายที่อยู่ ไม่ก็ตั้งครรภ์ ทั้งหมดนี้ล้วนมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของคุณได้ทั้งนั้น บางเหตุการณ์อาจทำให้คุณปลาบปลื้มดีใจ แต่บางเรื่องเกิดแล้วเครียด วิตก หรืออาจหดหู่ [1] [2] [3] ถ้าคุณเพิ่งพบเจอเหตุการณ์ไหนที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ให้รู้ไว้ว่าสภาพจิตใจของคุณอาจยังได้รับผลกระทบและอาจยังคิดพิจารณาได้ไม่ถี่ถ้วน ให้รอสักพักก่อน แล้วค่อยตัดสินใจทำอะไรที่สำคัญ
    • ถ้าคุณเพิ่งสูญเสียครั้งใหญ่มาก็เศร้าซะให้พอ การไว้อาลัยเป็นช่วงเวลาที่จำเป็น เพราะจะได้ตรวจสอบและทำความเข้าใจความเศร้าที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จากนั้นจึงปรับตัวเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ คุณไม่ต้องรีบร้อนเปลี่ยนแปลงอะไรหรือกดดันตัวเองให้ต้อง “ทำใจ” ได้ในทันที [4]
  3. จะแน่ใจว่าสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เป็นผลสำเร็จดังหวัง คุณต้องศึกษารูปแบบชีวิตในอดีตของคุณก่อน ต้องแน่ใจว่าอยากจะเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผลที่ดี ไม่ใช่เพราะอยากวิ่งหนีจากอดีต การหนีปัญหาน่ะมันได้ผลแค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ
    • ตัวอย่างก็เช่น คุณมีนิสัยชอบ “มองข้าม” หรือหลีกหนีทันทีที่เกิดปัญหาหรือเปล่า? มีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าการจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ คุณต้องเผชิญหน้ากับทั้งเรื่องร้ายและเรื่องดี หรือก็คือต้องรับมือทั้งความรู้สึกทุกข์และสุขของตัวเอง [5] คุณทำยังไง เวลาที่พบเจออุปสรรค? ยังยึดถือเป้าหมายของตัวเอง หรือทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไป?
  4. วิธีที่คุณมองโลกนี่แหละจะกำหนดวิถีชีวิตของคุณ แก่นแท้ของความเชื่อของคุณคืออะไร ทั้งเกี่ยวกับตัวคุณเอง คนรอบข้าง และชีวิตในภาพรวม คุณต้องรู้ก่อนเป็นอันดับแรกว่าอะไรสำคัญกับคุณ แล้วถึงจะตัดสินใจเรื่องใหญ่อย่างการเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ พอรู้แล้วว่าคุณยึดมั่นถือมั่นในเรื่องใด คุณก็จะตัดสินใจได้ถูกต้องเพื่อรักษาสิ่งนั้นไว้ [6] จงยอมรับในตัวตนของคุณ ซึ่งถือเป็นขั้นแรกที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลง [7]
    • ลองตั้งคำถามกับตัวเองดู เช่นว่าใครคือสองคนที่คุณชื่นชม อะไรทำให้พวกเขาน่าเคารพนับถือ? เพราะอะไร? แล้วชีวิตคุณได้รับอิทธิพลด้านใดมาจากเขาบ้าง?
    • อีกคำถามที่น่าสนใจก็คือ เรื่องไหนที่ทำให้คุณตื่นตัวหรือเกิดแรงบันดาลใจทันทีที่ได้ยิน? เช่น คุณชอบชะมัดใช่ไหม เวลาได้ยินใครพูดถึงเรื่องสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ แถมฝันอยากเป็นส่วนนึงของปรากฏการณ์ที่ว่า? เวลาคุณได้ยินเรื่องโครงการจิตอาสาต่างๆ คุณแทบรอไม่ไหวที่จะไปสมัครหรือเปล่า? ถ้ารู้เรื่องพวกนี้ คุณก็จะรู้ว่าอะไรที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ ไม่ว่าจะนวัตกรรมใหม่ๆ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน/การเรียน ความเท่าเทียมกันในสังคม หรือการบริการช่วยเหลือคนอื่นก็ตาม
    • แต่ไม่มีความเชื่อของใคร “ด้อยค่า” หรือ “เหนือกว่า” ของคนอื่นหรอกนะ บางคนก็รักการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่อีกคนชอบความสงบนิ่ง แต่ไม่มีอะไร “ผิดหรือถูก” ทุกอย่างเป็นเรื่องของการยอมรับตัวเอง แล้วใช้ชีวิตไปตามความเชื่อส่วนบุคคล ค่านิยมนั้นมีมากมายหลากหลาย ลองค้นดูในเน็ตก็ได้ ถ้าอยากรู้ว่าแนวคิดที่คุณสนใจนั้นมีคำจำกัดความหรือชื่อเรียกว่าอะไร [8]
    • มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าโดยทั่วไปแล้ว คนเรามักให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นอันดับต้นๆ รวมถึงคุณค่าและความเคารพในหน้าที่การงานของตนด้วย [9] ถ้าคุณรู้สึกด้อยในด้านเหล่านี้ ควรมุ่งความสนใจ “เปลี่ยนชีวิตใหม่” ไปที่มุมนั้น
  5. คุณอยากเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยหรือเปล่า. สำหรับบางคน การเริ่มต้น “ชีวิตใหม่” อาจหมายถึงการล้างกระดาน เช่น การย้ายที่อยู่ เปลี่ยน social network ทั้งหลาย หางานใหม่ และอื่นๆ แต่สำหรับบางคนอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงแบบน้ำซึมบ่อทราย เช่น การดัดนิสัยตัวเอง หรือเปลี่ยนมุมมอง เพื่อมุ่งเน้นปรับตัวรับวิถีชีวิตใหม่ที่อาจมีหลายด้านคละเคล้ากันไป ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน ขอให้รู้ตัวอยู่เสมอว่าคุณตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด
    • ดูให้ออก มุมไหนในชีวิตที่ต้องเปลี่ยนแปลง เช่น อะไรที่ทำให้คุณไม่มีความสุขหรือไม่พอใจ? จะเปลี่ยนชีวิตแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลย หรือจะดีกว่าไหมถ้าเปลี่ยนจริงจังแค่ด้านสองด้าน? เรารู้ว่าจะลุกมาเปลี่ยนอะไรสักอย่างมันยากแค่ไหน เพราะงั้นอาจได้ผลกว่าถ้าเริ่มเปลี่ยนจากจุดเล็กๆ แล้วค่อยขยายวงออกไป
  6. แบบฝึกหัดนี้จะช่วยตอบคำถามว่าอะไรคือเป้าหมายของคุณ คุณควรเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง มีผลการวิจัยแนะนำว่าวิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกดีและกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น [10] ลองจินตนาการถึงตัวคุณในอนาคตดู ถ้าคุณได้รับพลังวิเศษที่จะทำให้ทุกความหวังและความฝันของคุณกลายเป็นจริง จริงๆ แล้วคุณเป็นใคร และอยากจะกลายเป็นใคร [11]
    • ตอนจินตนาการให้ลงลึกทุกรายละเอียด คนรอบข้างคุณเป็นใคร? คุณอาศัยอยู่ที่ไหน? คุณทำงานหรือทำอะไร? รู้สึกยังไง? ให้ลงรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะได้เห็นภาพชัดเจนที่สุด เช่น คุณอาจจินตนาการว่าคุณเป็นนักดนตรีอิสระที่ดังเป็นพลุแตก มีวงเป็นของตัวเอง ตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตตามผับบาร์ฮิปๆ ไปทั่วประเทศ เป็นต้น
    • คราวนี้ให้นึกว่าต้องมีจุดแข็งและทักษะอะไรบ้าง คุณถึงจะไปยังจุดนั้นได้ คุณมีดีอะไรอยู่แล้ว? จุดไหนที่ต้องพัฒนาต่อไป? ห้ามโกหกตัวเองเด็ดขาด อย่างถ้าคุณอยากเป็นนักดนตรี ตอนนี้คุณคงเล่นดนตรีเป็นบ้างแล้ว หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องรักเสียงเพลง ที่เพิ่มเติมอาจเป็นหัวทางธุรกิจ ก็ต้องศึกษาหาความรู้ต่อไป
    • ฝันให้ไกลแต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง [12] แหงล่ะ ว่าคุณเป็นยอดมนุษย์อย่างซูเปอร์แมนไม่ได้ นั่นเป็นเพียงแค่ฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง แต่คุณหาทางทำอะไรสักอย่างให้ตัวเอง คล้ายกับจะเป็น ยอดมนุษย์ได้ เช่น คุณปลื้มซูเปอร์แมนเพราะเขาผดุงความยุติธรรมใช่ไหม? ก็ให้คุณหาทางทำอะไรสักอย่างในด้านนั้น อาจจะมุ่งมั่นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทนายก็ได้ แต่ถ้าคุณชอบซูเปอร์แมนเพราะพละกำลังเหนือมนุษย์ ก็ให้เน้นไปทางออกกำลังกายฟิตหุ่น หรือถึงขั้นไปเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวตามฟิตเนสเลยก็ได้ จะได้ช่วยคนอื่นให้แข็งแรงหุ่นดีแบบคุณบ้าง
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Carmela Resuma, MPP

    ผู้จัดการ FLYTE
    คาร์เมลาเป็นผู้จัดการของ FLYTE องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ช่วยกระตุ้นนักเรียนที่อยู่ในชุมชนยากจนได้พบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยว เธอเป็นนักเดินทางรอบโลกมาตั้งแต่อายุแค่ 3 ขวบ และมีแรงกระตุ้นในการเสริมสร้างพลังแก่เยาวชน สังคมและการท่องเที่ยว
    Carmela Resuma, MPP
    ผู้จัดการ FLYTE

    เรื่องราวจากผู้เชี่ยวชาญของเรา : "ดิฉันกับสามีแต่งงานกันตั้งแต่ปี 2011 และเราคิดอยากจะฮันนีมูนด้วยการออกเดินทางเที่ยวรอบโลก มันเป็นความฝันเพ้อๆ ของพวกเรา และมีอะไรต้องเสี่ยงเยอะ ในตอนนั้น พวกเรามีหนี้กู้ซื้อบ้าน และต่างก็มีงานประจำที่จะต้องนำมาคิดด้วย แต่เขาก็ออกจากงาน และดิฉันก็ลาออก พวกเราออกเดินทางตามฝัน และได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเป็นที่สุด"

  7. เล่าจื๊อเคยกล่าวไว้ว่า "หนทางไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรก" คุณเองก็ต้องตั้งเป้าเป็นขั้นเป็นตอน เหมือนขั้นบันไดสู่ชีวิตใหม่ การมีเป้าหมายอย่างชัดเจนจะช่วยนำทางคุณให้ก้าวไปสู่ชีวิตใหม่ได้อย่างมั่นใจ
    • ลองคิดดูว่าตัวคุณจะเป็นยังไงในอีก 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี และ 20 กว่าปีข้างหน้า
    • ตั้งเป้าหมาย ต้องเป็นเป้าหมายที่ดีด้วย หรือก็คือเฉพาะเจาะจง มีขอบเขต ทำได้จริง ชัดเจนไม่หลงประเด็น และมีกำหนดเวลา
    • เริ่มจากเป้าหมายใหญ่ แล้วแตกออกเป็นขั้นตอนย่อยๆ และลงรายละเอียดถึงสิ่งที่ต้องทำในแต่ละขั้นตอนด้วย
    • เช่น ถ้าคุณอยากเปลี่ยนอาชีพไปเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อรับใช้ประชาชนและผดุงความยุติธรรม นั่นคือเป้าหมายหลักๆ ของคุณ จะทำให้สำเร็จได้คุณต้องลงมือทำตามขั้นตอนหรืองานต่างๆ ที่คุณต้องทำ [13] สิ่งที่คุณต้องทำก็เช่น ฟิตร่างกายให้แข็งแรง จะได้ผ่านการทดสอบสมรรถภาพ รวมถึงไปพูดคุยสอบถามรายละเอียดจากผู้คัดเลือก จากนั้นก็ไปสมัครสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นต้น ลงรายละเอียดถึงขั้นว่าต้องออกกำลังกาย 3 ชั่วโมงต่อวัน ศึกษารายละเอียดการสอบคัดเลือกจากในเว็บไซต์ และทำตามขั้นตอนต่างๆ ให้ครบถ้วน
    • เป้าหมายของคุณต้องจับต้องได้และเฉพาะเจาะจงให้มากที่สุด อ่านบทความของเราก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เปลี่ยนชีวิตใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งที่คุณต้องทำโดยรวมอาจมีเยอะแยะมากมายไปหมด แต่ถ้าวิธีเริ่มชีวิตใหม่ของคุณชัดเจนเฉพาะเจาะจงกว่านั้น อย่างการหางานใหม่หรือเปลี่ยนมุมมองใหม่ คุณก็อาจมีภารกิจไม่มากไม่มาย สรุปคือคุณต้องแบ่งการเปลี่ยนแปลงออกเป็นหลายๆ ด้านของชีวิต เช่น ด้านร่างกาย จิตใจ ที่อยู่ สังคม การเงิน และการงาน
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Nicolette Tura, MA

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีสุขภาพที่ดี
    นิโคเล็ตต์ ทูร่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการมีสุขภาพดีและเป็นผู้ก่อตั้ง The Illuminated Body บริษัทให้คำปรึกษาเรื่องการมีสุขภาพดีและความสัมพันธ์ในซานฟรานซิสโก นิโคเล็ตต์เป็นครูสอนโยคะที่มีใบรับรองและผ่านการสอนมากว่า 500 ชั่วโมงจากสถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งชาติ (NASM) โดยเอกทางด้านจิตวิทยา เธอสำเร็จปริญญาตรีด้านสังคมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเบอร์กลีย์แห่งแคลิฟอร์เนียและได้รับปริญญาโทด้านสังคมศาสตร์จาก SJSU
    Nicolette Tura, MA
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีสุขภาพที่ดี

    ซื่อสัตย์ต่อตัวเองว่าตัวคุณอยู่ตรงจุดไหน ลองคิดว่าภาพที่สูงที่สุดที่คุณนึกเกี่ยวกับตนเองคืออะไร ต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้าง คุณอยากให้กิจกรรมทุกเช้าเป็นอย่างไรบ้าง ลองคิดว่าเมื่อไหร่ที่ได้เวลาต้องพักผ่อน ดูทุกด้านของชีวิตที่รู้สึกว่ามันไม่สมดุล ทั้งการงานและความสัมพันธ์ น่จะช่วยคุณตัดสินใจว่าจำต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อวิถีชีวิตใหม่

  2. บางคนถือว่าสุขภาพที่ดีขึ้นหรือร่างกายแข็งแรงกว่าเดิมนั้นเปรียบเสมือนบทใหม่ของชีวิต เพราะคุณอาจอ้วนมานานพอแล้ว และอยากจะแข็งแรงสดใสกับใครเขาสักที หรือคุณอาจรากงอกมานานจนลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองด้วยการวิ่งมาราธอนก็เป็นได้ บอกเลยว่าโชคดีมาก เพราะการเปลี่ยนแปลงทางกายนั้นถือว่าง่ายกว่าด้านอื่นเป็นไหนๆ คุณหันมารักสุขภาพจนเป็นนิสัยได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าแนวทางไหนที่เหมาะกับคุณ
    • ต้องผอมให้ได้ นี่แหละปณิธานปีใหม่ยอดนิยม แต่ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายยอดฮิตที่ล่มไม่เป็นท่าตลอดศกเหมือนกัน [14] ถ้าน้ำหนักเกินพิกัดคือสิ่งที่คุณอยากเปลี่ยนแปลง หรือเพราะมันส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของคุณ ให้รีบปรึกษาแพทย์เลยว่าลดน้ำหนักยังไงให้ปลอดภัยและยั่งยืน คุณหมออาจแนะนำให้คุณออกกำลังกายและควบคุมอาหาร แต่ถ้าคุณมีน้ำหนักมากจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือใช้ยารักษาแทน ไม่ว่าจะแบบไหนควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มแผนลดน้ำหนักของคุณ [15]
    • กินเพื่อสุขภาพนั้นจริงๆ แล้วง่ายนิดเดียวถ้าคุณรู้วิธี แทนที่จะมองว่า “อดอาหารลดความอ้วน” ให้มองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสร้างนิสัยการกินที่ดีระยะยาว โดยหันมากินผักผลไม้สด เนื้อไร้มัน โฮลเกรน และพยายามเลี่ยงอาหารขยะและอาหารแปรรูป [16]
    • การฟิตหุ่นคือปณิธานปีใหม่ที่ฮิตติดอันดับ 5 [17] แย่หน่อยที่คนไทยส่วนใหญ่มักเห่อออกกำลังกายแค่เป็นพักๆ ด้วยวิธียอดนิยมต่างๆ ที่มาแล้วก็ไป เราแนะนำให้คุณเต้นแอโรบิคจังหวะกลางๆ อย่างน้อย 150 นาทีต่ออาทิตย์ ตามด้วยการเล่นเวทหรืออะไรที่เน้นกล้ามเนื้ออย่างน้อย 2 ครั้งต่ออาทิตย์ [18]
    • แต่งตัวตามสไตล์ การแต่งตัวของคุณบอกได้ว่าคุณรู้สึกกับตัวเองยังไงและคุณเป็นยังไงในสายตาคนอื่น มีการวิจัยบ่งชี้ว่าถ้าคุณแต่งตัวแบบที่สนับสนุนเป้าหมายของคุณ คุณก็จะประสบความสำเร็จในที่สุด [19] เพราะงั้นก็เอาเลย อยากใส่เดรสดำชุดเก่งก็ใส่เลย หรือจะเป็น t-shirt ลายหนังหรือการ์ตูนโปรดก็ตามสไตล์
  3. การเปลี่ยนแปลงความคิดและจิตใจ รวมถึงการรับมือกับอารมณ์ต่างๆ นั้นเป็นเรื่องต้องใช้เวลา แต่รับรองว่าผลที่ตามมานั้นแสนจะยิ่งใหญ่ ถ้าคุณรับมือกับอารมณ์ของคุณด้วยวิธีต่างออกไป คุณก็จะเห็นโลกในมุมมองใหม่ จนรู้สึกได้ว่าชีวิตกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดี [20] การเติบโตนั้นเป็นกระบวนการต่อเนื่องยาวนานตลอดชีวิตของคุณ แต่อย่างน้อยๆ ก็ลองเริ่มที่เรื่องเหล่านี้ดูได้
    • เขียนบันทึกคำขอบคุณ ความซาบซึ้งในสิ่งต่างๆ นั้นเป็นมากกว่าทัศนคติ แต่ถือเป็นวิธีที่คุณใช้มองชีวิต เลือกที่จะใส่ใจความดีงาม แม้จะเป็นเพียงรายละเอียดที่เล็กที่สุดก็ตาม มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าการรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณต่อสิ่งต่างๆ ทำให้คุณมีความสุขและพอใจในชีวิตของตัวเองมากยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณรู้จักโอนอ่อนผ่อนตามและปรับตัว แถมยังร่างกายแข็งแรงและนอนหลับสนิท ความเจ็บปวดต่างๆ ก็คลายหายไป [21] ให้ลองใช้เวลา 5 นาทีในทุกวันหรือสองวัน จดบันทึกสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณในวันนั้น และลงรายละเอียดด้วยว่าทำไมคุณถึงรู้สึกเช่นนั้น และส่งผลยังไงต่อชีวิตของคุณบ้าง [22]
    • รู้จักให้อภัย การให้อภัยนั้นจะปลดแอกคุณจากความเจ็บปวดหรือบาดแผลในอดีต เวลาคุณให้อภัยคนอื่นนั้น จริงๆ แล้วคุณให้อภัยตัวเองต่างหาก มีงานวิจัยที่บอกว่าการให้อภัยทำให้คุณคลายความโกรธและความวิตกกังวลได้ [23]
    • โศกเศร้าซะให้พอ ใช้เวลากับความเศร้าของตัวเองและความสูญเสียที่เกิดขึ้นบ้าง แทนที่จะรีบ “ทำใจให้ลืม” การไว้อาลัยนั้นต้องใช้เวลาและต้องอดทนกับตัวเอง การเปิดใจยอมรับความเศร้าถือเป็นกุญแจสู่การเยียวยา และก้าวไปสู่ชีวิตใหม่ได้ในที่สุดหลังฟ้าสว่าง [24]
    • รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร คนเรามักถูกสอนว่าอย่าใส่ใจตัวเองมากนัก แต่จริงๆ แล้วการใส่ใจความต้องการของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว คุณไม่จำเป็นต้อง “ตอบรับ” ทุกคำเชิญหรือคำขอร้องเสมอไป การใช้เวลาส่วนตัวไม่ใช่เรื่องผิด การดูแลใส่ใจตัวเองนอกจากจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณมองและปฏิบัติต่อคนอื่นดีขึ้นไปกว่าเดิมอีกด้วย [25]
  4. บางทีการย้ายที่อยู่ก็เพียงพอให้คุณรู้สึกว่าชีวิตกำลังเปลี่ยนไป คุณอาจหางานใหม่ หาเพื่อนฝูงใหม่ๆ ทำความเข้าใจกับสังคมใหม่ๆ รอบตัว คุณต้องรู้จักยืนหยัดด้วยตัวเอง สร้าง connection ใหม่ๆ และรู้จักยืดหยุ่น ปรับตัวตามสถานการณ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทักษะสำคัญสำหรับการเริ่มต้นใหม่ [26]
    • การกล้าก้าวออกมาทำอะไรที่ไม่เคย จะช่วยพัฒนาความสามารถและเพิ่มแนวโน้มในการประสบความสำเร็จ เพราะคุณจะขยันกว่าเดิม ตั้งใจมากขึ้นเวลาตกอยู่ในสถานการณ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง [27]
    • ศึกษาหาความรู้หน่อย ว่าย้ายไปที่ไหนถึงจะใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุขที่สุด ที่ต้องพิจารณาก็พวกอัตราการเกิดอาชญากรรม อัตราการว่างงาน ค่าครองชีพโดยเฉลี่ย และราคาอสังหาริมทรัพย์ ที่สำคัญคือจะได้ประสบการณ์ที่เอื้อต่อวัฒนธรรมและความสนใจของคุณหรือเปล่า
    • ตามเว็บไซต์ดังๆ ทั้งไทยและเทศต่างก็มักมีการจัดอันดับ “เมือง/ประเทศน่าอยู่” คุณอาจลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากตรงนั้นก็ได้ รวมถึงอันดับคุณภาพชีวิตของคนในถิ่นที่อยู่ต่างๆ ด้วยเช่นกัน
    • ถ้าเป็นไปได้ ให้ลองคุยกับคนท้องถิ่นดู ลองแวะไปดูลาดเลาว่าถ้าย้ายมาอยู่คุณจะชอบหรือเปล่า ยิ่งรู้จักเมืองรู้จักคนมากเท่าไหร่ ก็จะเตรียมตัวพร้อมใช้ชีวิตใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
  5. ยากมากถ้าจะเริ่มชีวิตใหม่โดยมีคนห่วยๆ คอยถ่วงความเจริญ บางทีก็ควรตัดใจ ยอมปล่อยมือคนบางคนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า หรือบางคนก็ไม่น่าต้องไปเสียเวลาอยู่ด้วย แล้วคุณจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะพอคนพวกนี้อันตรธานหายไป หน้าที่กับความสัมพันธ์ที่เรามีระหว่างกันนั้นสำคัญมากต่อการยกระดับจิตใจและเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณ [28] มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าเรานั้นมักได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากคนรอบข้าง [29] ดังนั้นถ้าคุณอยากเริ่มชีวิตใหม่ ให้เลือกใช้เวลากับเฉพาะคนสำคัญ ที่จะรักและให้เกียรติคุณอย่างที่ควรเป็น ข้างล่างคือตัวอย่างสัญญาณที่บอกได้ว่าใครคนนั้นคงไม่เหมาะกับคุณ [30]
    • แค่อยู่ด้วยก็ทำเอาเหนื่อยหน่าย หรือขยาดไม่อยากพูดคุย
    • ช่างติช่างวิจารณ์อยู่ตลอด จนคุณรู้สึกเหมือนทำอะไรก็ไม่ถูกสักอย่างเวลาอยู่ใกล้เขา
    • ปากคอเราะร้าย ทั้งต่อว่าซึ่งหน้าและนินทาคุณลับหลัง
    • คุณหลงเขาคนนั้นจนโงหัวไม่ขึ้น เหมือนกับว่าชีวิตนี้ขาดเขาไม่ได้ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ชายตามองคุณเลย
    • อยู่กับเขาทีไรชวนเครียดชะมัด
    • คุณไม่ไว้ใจเขาพอจะเล่าเรื่องความหวัง ความเห็น ความต้องการ หรือแชร์ความรู้สึกต่างๆ กับเขา
    • ถ้าเป็นผู้เสพติดที่กำลังบำบัด ต้องอยู่ให้ห่างที่เดิมๆ คนเดิมๆ ที่เคยใช้เวลาด้วยกัน จะได้ไม่เสี่ยงกระตุ้นอาการเสพติดเก่าๆ ให้กลับมา ถ้าคุณกำลังเลิกเหล้า แล้วดันมาขลุกอยู่กับเพื่อนชวนก๊งหน้าเดิมๆ ในบาร์ประจำ จะเป็นการเพิ่มภาระให้ตัวเองโดยใช่เหตุ จนอาจพลั้งเผลอกลับไปดื่มเหล้าอีก ให้ลองหากำลังใจจากเพื่อนใน social network ที่ไม่ได้ร่วมประสบการณ์เสพติดกันมา จะได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่โดยเร็ว [31]
    • เปลี่ยนสังคมหรือสภาพแวดล้อมก็ช่วยได้เยอะในกรณีที่คุณกำลังเยียวยาตัวเองจากการถูกทำร้ายทั้งจากครอบครัวและคนรัก เหยื่อหลายรายที่ถูกทำร้ายโดยคนใกล้ตัวมักถูกคนเหล่านั้นบังคับตัดความสัมพันธ์กับผู้อื่น ควบคุมและจับตามองทุกฝีก้าวจนสุดท้ายแทบไม่เหลือใคร ถ้ารู้จักมองหากลุ่มคนที่จะคอยดูแลให้กำลังใจก็สามารถเริ่มชีวิตใหม่ได้ไม่ยาก [32] คุณควรลองติดต่อพูดคุยกับกลุ่มหรือสมาคมที่สนับสนุนให้ความช่วยเหลือผู้ที่เคยถูกทำร้ายโดยคนในครอบครัว ไม่ว่าจะในวัด โรงเรียน หรือกลุ่มที่แพทย์เป็นผู้แนะนำก็ตาม [33]
  6. ตัดสัมพันธ์กับคนแย่ๆ มักยากเสมอ เพราะอย่างน้อยคุณคงมองเห็นอะไรดีๆ ในตัวเขาหรือเธอ ถึงได้หลงไปคบแต่แรก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าคุณตัดใจเลิกคบคนพวกนั้นได้ คุณก็จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุขสดใสกว่าเดิม เรามีวิธีตัดความสัมพันธ์ถ่วงความเจริญมาแนะนำ [34]
    • เปิดใจคุยกันก่อน บางทีเขาอาจไม่รู้ตัวว่าทำคุณเจ็บหรืออึดอัดใจ บอกความรู้สึกไปตรงๆ ให้เขารับรู้ แล้วดูสิว่าเขาพร้อมปรับตัวเพื่อคุณไหม ถ้าไม่ คุณจะเสียเวลากับเขาไปทำไมอีก
    • ลองชั่งใจ เขาจำเป็นไหมในชีวิตของคุณ บางทีถึงจะเป็นคนที่เรารักและรักเรา ก็อาจพูดจาให้เจ็บช้ำน้ำใจกันได้ นี่ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคน “เลวร้าย” ที่เราควรตัดความสัมพันธ์ ก่อนจะเลิกคบใคร ลองคิดพิจารณาดูว่าคุณยังต้องพึ่งพาหรือต้องการเขาอยู่หรือเปล่า ถึงจะอยู่ด้วยยากเย็นเหลือเกินก็เถอะ แต่ในทางตรงกันข้าม แค่เพราะเขาคนนั้นทำให้คุณรู้สึกดี ก็ไม่ได้แปลว่าความสัมพันธ์นั้นจะดีตาม เช่น อยู่กับเขาแล้วอิ่มหมีพีมันทั้งเหล้ายาปลาปิ้ง ก็ไม่ได้แปลว่าของพวกนั้นมันดีกับชีวิตคุณใช่ไหมล่ะ [35]
    • ถนอมความสัมพันธ์กับคนที่อยู่ด้วยแล้วมีแต่ความสุขใจ ลองไล่รายชื่อมาซิ ใครทำให้คุณมีกำลังใจอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิม ใครอยู่ด้วยแล้วมีความสุข มองโลกในแง่ดี คนเหล่านี้นี่แหละที่คุณต้องดูแลรักษาเป็นอย่างดี จะได้ลืมความสัมพันธ์แย่ๆ รอบตัวไป พวกความสัมพันธ์ที่คุณรู้สึกเหมือนต้อง ทู่ซี้ เพราะกลัวถูกทิ้งไว้คนเดียวน่ะ [36]
    • เลิกเจอเลิกคุย ถ้าคิดได้แล้วว่าคบกับใครแล้วไม่เกิดผลดีเลย ก็ให้บอกไปเลยว่าเราเลิกคบกันจะดีกว่า คุณต้องแข็งใจไม่พูดกับเขา/เธอ เลิกส่อง social media ต่างๆ นานา และเก็บให้เรียบพวกของเตือนความทรงจำต่างๆ
  7. ไม่ว่าคุณจะเพิ่งจบมหาวิทยาลัยหรือทำงานมานานเป็น 30 ปีแล้ว ไม่มีคำว่าเร็วหรือสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นใหม่ทางการเงิน คุณอาจอยากเริ่มเก็บหอมรอมริบเพื่อเป้าหมายใหญ่ในชีวิต เช่น ซื้อบ้านหรือไว้ใช้ตอนเกษียณ หรืออยากเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองซะใหม่จะได้ไม่มือเติบเหมือนที่เป็น ลองถามใจตัวเองดูดีๆ แล้วคิดว่าต้องทำยังไงถึงจะปฏิวัติการเงินของตัวเองได้ตามต้องการ [37]
    • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก็ดี โดยเฉพาะถ้าเป้าหมายของคุณค่อนข้างใหญ่และซับซ้อน อย่างการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว
    • ตรวจสุขภาพทางการเงิน ระบุรายได้ของคุณให้ชัดเจน จะได้พอเห็นภาพว่ามีหนี้มีสินเท่าไหร่ มีทรัพย์สินอะไรบ้าง สำคัญมากที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจอะไรทางการเงิน
    • คนที่เพิ่งแต่งงานยิ่งต้องคิดพิจารณาเรื่องเงินเป็นอย่างดี อาจต้องกำหนดงบที่เหมาะสม เพิ่มกันและกันเป็นผู้รับผลประโยชน์จากเงินเกษียณหรือเงินประกัน พวกเงื่อนไขต่างๆ ของประกันนี่ล่ะสำคัญ [38]
    • ถ้ามีหนี้สินเยอะเกินกว่าจะชำระได้ ก็อาจต้องยื่นขอเป็นผู้ล้มละลาย แล้วแต่ว่าคุณมีหนี้กับรายได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งโดยมากแล้วหนี้จะถูกล้างไปให้คุณได้เริ่มต้นใหม่ทางการเงิน อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ส่งผลในระยะยาวด้านเครดิตและความเป็นอยู่ของคุณ เพราะฉะนั้นอย่าเอะอะก็เลือกวิธีนี้ ให้ปรึกษาทนายความด้านนี้ดูก่อน ว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับกรณีของคุณหรือไม่ [39]
  8. การเริ่มต้นอาชีพใหม่นี่แหละสุดยอดวิธีแปลงโฉมชีวิต ผู้คนมากมายต้องทนทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ หรือทำไปวันๆ ไม่ได้ตื่นเต้นเร้าใจ การปีนป่ายออกจากหล่มนั้นได้สำเร็จถือเป็นก้าวใหม่ที่ยอดเยี่ยมของชีวิต หาให้เจอว่าคุณเชื่อมั่นในอะไร (ลองหาอ่านในบทความนี้ดู) แล้วเลือกอาชีพที่ใช่ ที่จะทำให้คุณดำเนินชีวิตตามความเชื่อของคุณ [40]
    • เลือกงานที่จะได้ใช้ทักษะและความถนัดของคุณให้เกิดประโยชน์ คุณรู้อะไรบ้าง? คุณเชี่ยวชาญด้านไหน? มีทักษะพิเศษที่ไม่เหมือนใครไหม? เช่น บางทีคุณอาจเป็น “คนของประชาชน” ที่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเวลาได้พบปะพูดคุยกับใครต่อใคร แต่น่าเสียดายที่งานปัจจุบันไม่เปิดโอกาสให้คุณได้เปล่งประกายเลย เรื่องพวกนี้แหละที่น่าจะเป็นทักษะเด่นของคุณและเป็นเรื่องที่คุณรักและเชื่อมั่น
    • อย่าน้อยเนื้อต่ำใจถ้าตัวเองความรู้น้อยหรือตกที่นั่งลำบากกว่าคนอื่น ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากจุดไหนก็ตาม คุณก็สามารถไปได้ไกลเท่าที่ต้องการ เช่น หากคุณชอบพบปะผู้คนเลยตัดสินใจเป็นนักบำบัดหรือครูบาอาจารย์ คุณก็ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง ถ้าคิดได้แบบนี้คุณก็จะก้าวไปข้างหน้าได้แน่นอน [41]
    • มองความล้มเหลวซะใหม่ ถ้าคิดซะว่าผิดเป็นครู ล้มเพื่อลุก อุปสรรคต่างๆ ก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งคุณจากการก้าวไปสู่ความสำเร็จและชีวิตในแบบที่คุณต้องการได้ แทนที่จะจมปลักอยู่กับความผิดพลาดของตัวเองในอดีต ให้เก็บมาใช้เป็นบทเรียนที่จะผลักดันคุณไปสู่ความสำเร็จในอนาคตจะดีกว่า [42]
    • ตั้งเป้าเรื่องหน้าที่การงานอย่างชาญฉลาด หรือก็คือลงรายละเอียด มีขอบเขต ทำได้จริง มีเหตุผล และกำหนดระยะเวลา คิดซิว่าอีก 6 เดือนข้างหน้านับจากนี้คุณจะไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร แล้วอีก 1 ปีหรือ 5 ปีข้างหน้าล่ะ อย่าลืมกำหนดด้วยว่าอะไรที่จะเป็นเส้นชัยของคุณ [43]
  9. ถ้าอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ จะมีประโยชน์มากเลยถ้าลองพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ใช้ชีวิตในแบบที่คุณฝันดู เพราะคุณจะได้เห็นภาพว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ยังไง เช่น ถ้าคุณอยากเลิกเป็นหนูถีบจักร ทำงาน 9 - 5 โมง แล้วกลายเป็น life coach อยู่แถวเขาใหญ่ คงต้องรู้ก่อนว่า life coach คนอื่นๆ เขาก้าวมาทำอาชีพนี้ได้ยังไง ให้พอรู้แนวทาง การสอบถามคนอื่นถึงหนทางสู่ความสำเร็จของเขายังเปิดโอกาสให้คุณได้สร้าง connection ซึ่งจะมีประโยชน์ในการก่อร่างสร้างชีวิตใหม่ของคุณ [44]
    • ลงลึกถึงรายละเอียดหน่อย ใครๆ ก็ทำได้ถ้าแค่จินตนาการถึงอาชีพหรือสังคมใหม่ แต่การจะทำความเข้าใจกับรายละเอียดยิบย่อยที่คุณจะต้องพบเจอระหว่างทางนี่สิ จะช่วยให้คุณไม่ออกทะเลแม้เจออุปสรรคก็ตาม
    • เช่น คุณอาจฝันกลางวันว่าจะลาออกจากงานซ้ำๆ ซากๆ ในกรุงเทพฯ แล้วย้ายไปอยู่ภูเก็ตที่เหมือนสวรรค์บนดิน แต่ถ้าคุณลองถามคนท้องถิ่นเขาดู คุณอาจพบว่ายังมีตื้นลึกหนาบางอีกเยอะที่คุณไม่เคยรู้ อย่างผู้คนและรถราก็หนาแน่นพอๆ กับกรุงเทพฯ นั่นแหละ และโอกาสจะหาบ้านริมทะเลอย่างฝันนั้นก็เป็นไปแทบไม่ได้เลย ไม่ใช่ว่าพอรู้ความจริงแล้วต้องถอดใจ แต่ถือซะว่าเป็นความรู้ใหม่ๆ ที่จะช่วยให้คุณปรับตัวรับสภาพความจริงแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ดีกว่าเดิม
  10. เวลาจะเริ่มต้นใหม่แต่ละทีนั้นลำบากจนอยากถอดใจ แต่ถ้ามีคนรอบตัวที่เขารักและให้เกียรติคุณ การเดินทางครั้งใหม่ของคุณก็คงไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่ามีคนคอยให้กำลังใจ จะได้เข้มแข็งพร้อมเผชิญอุปสรรค
    • ถ้าคุณไม่มีเพื่อนหรือครอบครัวคอยเคียงข้าง ให้ลองมองหาที่อื่น อย่างกลุ่มคนที่มีความสนใจเดียวกัน หรือจะที่พึ่งทางใจอย่างวัดก็ได้ อาจพบคนที่มีเรื่องราวคล้ายกันกับคุณ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

สุขใจนานๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่คุณทั้งต้องขยัน มุ่งมั่น และอดทน เรารู้ว่าบางทีมันก็เครียดและน่ากลัว เพราะฉะนั้นควรอยู่กับปัจจุบัน รู้เท่าทันใจตัวเอง ถามตัวเองสิว่าตอนนี้รู้สึกยังไง? มีพฤติกรรมแบบไหน? กังวลเรื่องอะไร? ถ้าจดบันทึกความรู้สึกนึกคิดของตัวเองไว้ด้วยก็จะยิ่งรู้เท่าทันอารมณ์ มองออกว่าด้านไหนที่คุณยังขาดและต้องพัฒนา
    • ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจทำให้คุณหดหู่ ถ้าปกติรู้สึกเศร้า ว่างเปล่า ไร้ค่า หรือสิ้นหวังเป็นประจำอยู่แล้ว หมดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบ น้ำหนักลดและนอนไม่หลับ วิตกกังวลหรือรู้สึกผิดอยู่บ่อยๆ หรือถึงขั้นอยากทำร้ายตัวเอง แปลว่าคุณต้องหาคนช่วยแล้ว รีบไปพบแพทย์หรือจิตแพทย์โดยด่วนเลย [45] ถ้ารู้สึกอยากหรือคิดจะฆ่าตัวตาย ให้รีบโทรแจ้งตำรวจหรือกรมสุขภาพจิต โทร. 1323
  2. จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ต้องรู้จักปรับตัวรับอุปสรรคและเรื่องท้าทายต่างๆ การเริ่มงานใหม่ไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่รู้สึกด้อยค่าหรือเบื่อยหน่ายขึ้นมาอีก พอย้ายจังหวัดไปแล้วก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะลืมบ้านเกิดตัวเองไปได้ เมื่อไหร่ที่พบปัญหา ให้มองว่าเป็นโอกาสแล้วหาทางปรับตัวแก้ไขกันไป [46]
    • ระหว่างการเปลี่ยนถ่ายไปสู่ชีวิตใหม่ คุณอาจพบอุปสรรคน้อยใหญ่เป็นระยะ เช่น คุณอาจอยากเข้าร่วมกลุ่มจิตอาสาเพราะฝันอยากรับใช้ผู้คนอย่างมีเกียรติ แต่กลับพบว่าคุณแก่เกินไปเขาไม่รับ คุณจะเลือกอย่างไหนระหว่างตีอกชกหัวว่าฝันสลาย หรือกลับไปเริ่มมองหาเป้าหมายใหม่ ว่ามีอะไรที่คุณยังทำได้อีก ที่จะสามารถช่วยเหลือคนอื่นและเป็นอาชีพที่มีเกียรติไม่แพ้กัน
  3. บางทีคุณก็ไม่รู้ตัวหรอกว่ามีอะไร “ผิดปกติ” เกิดขึ้นกับคุณ เพราะงั้นก็ไม่เสียหายอะไรที่จะลองไปพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหรือนักบำบัดดูก่อนจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่าลืมว่าคุณกำลังจะตัดสินใจครั้งใหญ่ ซึ่งมักก่อให้เกิดความเครียดตามมาอยู่แล้ว นักบำบัดจะทำหน้าที่เป็น “sounding board” สะท้อนความหวังและความกังวลของคุณที่มีต่อการตัดสินใจ และช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีคิดและรับมือกับเรื่องท้าทายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี [47]
    • หลายคนคิดว่าถ้าเรามีแค่ปัญหาทั่วไป “ในชีวิตประจำวัน” ก็ไม่ถึงขั้นต้องไปหานักบำบัด หรือเชื่อว่านักบำบัดสงวนไว้สำหรับรักษา “คนบ้า” เท่านั้น แต่ความจริงแล้วการไปขอรับคำปรึกษาจากนักบำบัดก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับการไปหาหมอฟันเพื่อขัดหินปูน ปัญหายิบย่อยของคุณอาจก่อตัวเป็นปัญหาใหญ่ที่ร้ายแรงได้ถ้าคุณนิ่งนอนใจ [48]
    • หลายคนเชื่อว่าการไปพบนักบำบัดเป็นสัญญาณบอกว่าคุณกำลังอ่อนแอหรือ “ใกล้บ้า” แต่มันแทบจะตรงกันข้ามเลย การไปพบผู้เชี่ยวชาญแปลว่าคุณใส่ใจตัวเองพอจะรู้ว่าตัวเองต้องการความช่วยเหลือเมื่อถึงเวลา และนั่นเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมทีเดียว [49]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จงเรียนรู้จากอดีต แต่อย่ายึดติด
  • เปิดใจกับคนที่เขารักและพร้อมจะสนับสนุนคุณ กำลังใจสำคัญมากสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่
  • ต้องรู้จักวางแผน จัดระเบียบชีวิตตัวเองก่อนจะกระโจนลงเรือลำใหม่
โฆษณา

คำเตือน

  • บางทีการเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็นำมาซึ่งความหดหู่และวิตกกังวล ดูแลตัวเองให้ดีและไปพบผู้เชี่ยวชาญหากพบว่าเริ่มมีพฤติกรรมหรืออารมณ์ที่ไม่ปกติ
  • ถ้าคุณเคยถูกทำร้ายร่างกายโดยคนในครอบครัวและต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ให้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนและสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ที่เชื่อใจได้ หรืออาจติดต่อศูนย์ช่วยเหลือ เช่น มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี โทร. 02-577-0496 เพื่อขอคำแนะนำ อย่าเสี่ยงหลบหนีจากผู้ที่ทำร้ายคุณโดยลำพัง ควรปรึกษาและขอความช่วยเหลือจากคนที่ไว้ใจได้ ที่สำคัญคือต้องมีการวางแผนและความปลอดภัยของคุณถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
โฆษณา
  1. https://www.psychologytoday.com/blog/what-matters-most/201303/what-is-your-best-possible-self
  2. http://greatergood.berkeley.edu/pdfs/optimism_intervention.pdf
  3. https://www.psychologytoday.com/blog/what-matters-most/201303/what-is-your-best-possible-self
  4. Rouillard, L. (2009). Goals and Goal Setting : Achieve Measurable Results. Rochester, NY: Axzo Press.
  5. http://www.statisticbrain.com/new-years-resolution-statistics/
  6. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/weight-loss/basics/weightloss-basics/hlv-20049483
  7. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/weight-loss/basics/diet-plans/hlv-20049483
  8. http://www.statisticbrain.com/new-years-resolution-statistics/
  9. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/weight-loss/basics/diet-and-exercise/hlv-20049483
  10. https://www.psychologytoday.com/blog/do-something-different/201304/what-your-clothes-might-be-saying-about-you
  11. http://www.pbs.org/thisemotionallife/blogs/navigating-lifes-big-changes-ease
  12. http://greatergood.berkeley.edu/topic/gratitude/definition#why_practice
  13. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/tips_for_keeping_a_gratitude_journal
  14. Baskin, T.W., & Enright, R. D. (2004). Intervention studies on forgiveness: A meta-analysis. Journal of Counseling and Development, 82, 79-90.
  15. http://cmhc.utexas.edu/griefloss.html
  16. http://www.pbs.org/thisemotionallife/blogs/navigating-lifes-big-changes-ease
  17. http://www.huffingtonpost.com/mo-seetubtim/10-reasons-why-you-should_1_b_5477876.html
  18. http://www.forbes.com/sites/kathycaprino/2014/05/21/6-ways-pushing-past-your-comfort-zone-is-critical-to-success/
  19. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/14609497
  20. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK53409/
  21. http://www.huffingtonpost.com/dr-karuna-sabnani/unhealthy-relationships_b_4228308.html
  22. http://psychcentral.com/blog/archives/2013/07/18/5-ways-to-avoid-addiction-relapse/
  23. http://www.rootcause.org/docs/Resources/Research/Empowering-Victims-of-Domestic-Violence/Empowering%20Victims%20of%20Domestic%20Violence-%20Social%20Issue%20Report.pdf
  24. http://uknowledge.uky.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1114&context=crvaw_facpub
  25. http://www.huffingtonpost.com/dr-karuna-sabnani/unhealthy-relationships_b_4228308.html
  26. http://drphil.com/articles/article/198
  27. https://www.psychologytoday.com/blog/just-listen/201009/how-cut-your-losses-negative-people
  28. http://www.oprah.com/money/Suze-Ormans-10-Tips-for-a-Fresh-Financial-Start
  29. http://www.practicalmoneyskills.com/personalfinance/lifeevents/marriage/together.php
  30. http://bankruptcy.lawyers.com/consumer-bankruptcy/what-is-personal-bankruptcy.html
  31. http://www.forbes.com/sites/kathycaprino/2013/10/11/a-step-by-step-plan-to-change-your-career-to-something-you-love/
  32. http://www.forbes.com/sites/kathycaprino/2013/10/11/a-step-by-step-plan-to-change-your-career-to-something-you-love/
  33. http://www.fastcompany.com/3034436/hit-the-ground-running/the-10-best-pieces-of-advice-for-making-a-fresh-start
  34. http://www.forbes.com/sites/kathycaprino/2013/10/11/a-step-by-step-plan-to-change-your-career-to-something-you-love/
  35. http://www.fastcompany.com/3034436/hit-the-ground-running/the-10-best-pieces-of-advice-for-making-a-fresh-start
  36. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/depression/basics/symptoms/con-20032977
  37. http://www.forbes.com/sites/kathycaprino/2013/10/11/a-step-by-step-plan-to-change-your-career-to-something-you-love/
  38. https://www.psychologytoday.com/blog/in-therapy/201403/8-more-reasons-go-therapy
  39. http://psychcentral.com/lib/9-myths-and-facts-about-therapy/
  40. http://psychcentral.com/lib/9-myths-and-facts-about-therapy/

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,262 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา