ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณกำลังมีความสัมพันธ์อยู่กับแฟนที่หึงหวงหรือทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ คุณอาจจะเริ่มรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคุณนั้นไม่ดีและไม่มีความสุขอย่างที่มันควรจะเป็น ถ้าคนรักของคุณกำลังควบคุมทุกการกระทำของคุณ บอกคุณว่าคนไหนคุณสามารุคุยด้วยได้และคนไหนที่คุณคุยด้วยไม่ได้ และทำให้คุณรู้สึกโดดเดี่ยวหรือหดหู่ ถ้าเป็นเช่นนี้ เขากำลังทำร้ายจิตใจของคุณอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น การทำร้ายประเภทนี้จะยกระดับเป็นการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายได้ เรียนรู้ที่จะตระหนักถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็นการทำร้ายและจัดการที่จะจบความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยการครอบครองนี้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

รู้ว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีความสุข

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคนรักไม่ได้สมบูรณ์แบบอยู่เสมอ แต่โดยทั่วไปแล้วคุณจะต้องรู้สึกดีกับตนเองและคนรัก ถ้าคุณอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีการทำร้ายกัน เช่น คนรักของคุณทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ คุณจะมีความรู้สึกในแง่ลบ นี่เป็นสัญญาณว่าคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่มีความสุข คุณอาจจะรู้สึก
    • หดหู่
    • เหงา
    • ละอาย
    • รู้สึกผิด
    • โดดเดี่ยวหรือถูกกักขัง
    • กังวล
    • กลัวเรื่องความปลอดภัยของตนเองและลูกๆ
    • อยากฆ่าตัวตาย
      • ถ้าคุณมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย โทรศัพท์ไปที่ 911 (โทรฉุกเฉินทั่วประเทศ) ทันทีหรือโทรไปที่ 0-2713-6793 สมาคมสมาริตัน (ให้คำปรึกษาเรื่องการฆ่าตัวตาย การทำร้ายตัวเอง) หรือไปหน่วยฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด
  2. สังเกตว่าแฟนหนุ่มของคุณทำตัวเหมือนเขาเป็นเจ้าของคุณ. จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของนั้นมีรากฐานมาจากคำว่า “ครอบครอง” แฟนของคุณคิดว่าคุณเป็นสิ่งของที่เขาครอบครองอยู่และสามารถควบคุมได้
  3. แฟนหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอาจจะไม่อนุญาตให้คุณใช้เวลากับผู้อื่น เขาอยากจะเป็นศูนย์กลางของจักรวาลของคุณแทน เขาอาจจะออกคำสั่งให้คุณตัดขาดการติดต่อกับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนทำงาน เขากำลังพยายามทำลายเครือข่ายสังคมของคุณและทำให้คุณต้องพึ่งพาเขาอย่างสิ้นเชิง คุณจะรู้สึกโดดเดี่ยวและเหมือนอยู่ตัวคนเดียว [1]
    • คิดถึงคนอื่นๆ ในชีวิตของคุณ คุณเจอพวกเขาบ่อยแค่ไหน? เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสูญเสียคนอื่นๆ ที่จะช่วยเหลือคุณ มันก็จะยิ่งยากขึ้นที่คุณจะหลบหนีจากความสัมพันธ์ที่ทำร้ายตัวคุณเอง
  4. พิจารณาว่าแฟนหนุ่มมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อคุณพูดคุยกับคนแปลกหน้า. แฟนหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจะควบคุมคนที่คุณจะพบและพูดคุยด้วย และนี่อาจจะรวมถึงคนแปลกหน้าด้วย เช่นพนักงานเสิร์ฟ พนักงานที่ร้านค้า คนตรวจเช็คสินค้า เป็นต้น
  5. สังเกตว่าแฟนหนุ่มติดตามการกระทำของคุณแค่ไหน. แฟนหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจะตามรอยว่าคุณทำอะไรและคุณไปที่ไหน เขาจะออกคำสั่งถามว่าคุณเพิ่งไปที่ไหนมา คุณเพิ่งทำอะไรมา คุณคุยกับใคร คุณซื้ออะไร และแม้แต่คุณกำลังอ่านอะไร นี่จะเป็นเรื่องน่าเหนื่อยหน่ายและเหยื่อที่ถูกกระทำหลายคนก็อาจจะหยุดทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถูกสอบสวนเช่นนี้
  6. สังเกตว่าแฟนหนุ่มของคุณควบคุมคุณไม่ให้เข้าถึงบางสิ่ง. แฟนหนุ่มของคุณอาจจะไม่อนุญาตให้คุณเข้าถึงบางสิ่ง เช่น ไม่ให้โทรศัพท์หรือใช้อินเตอร์เน็ต ไม่ให้ใช้รถ ไม่ให้ไปโรงเรียน ไปทำงาน ไปศูนย์สุขภาพ หรือใช้ยา การจำกัดไม่ให้คุณเข้าถึงสิ่งเหล่านี้เป็นอีกทางหนึ่งที่เขาจะทำให้คุณต้องพึ่งพาเขาอย่างสิ้นเชิง และมันจะช่วยให้เขาตามรอยและควบคุมการกระทำของคุณ
  7. คู่รักที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจะกล่าวหาอีกคนหนึ่งว่านอกใจหรือไม่ซื่อสัตย์ คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณไม่สามารถคุยกับผู้ชายอีกคนหนึ่งได้เลยเพราะแฟนของคุณจะหึงหวง ความสัมพันธ์ที่มีความสุขจะต้องสร้างจากความเชื่อใจและการเคารพซึ่งกันและกัน และคุณควรที่จะสามารถติดต่อกับใครก็ได้ที่คุณต้องการ [2]
  8. รู้ว่าการครอบครองนั้นแอบซ่อนอยู่ภายใต้การทำเป็นรักและเอาใจใส่. แฟนหนุ่มของคุณอาจจะพยายามควบคุมการกระทำและพฤติกรรมของคุณโดยปิดบังไว้ว่ามันเป็นแค่การดูแลเอาใจใส่ [3] เขาอาจจะตัดสินใจแทนคุณว่าคุณควรจะทำอะไร แต่ซ่อนมันภายใต้คำพูด “นี่ดีที่สุดสำหรับคุณแล้ว”
    • ตัวอย่างเช่น เขาอาจจะพูดว่าคุณไม่ควรขับรถเพราะรถอาจจะเสียได้ แต่เขากลับไม่ช่วยคุณเอารถไปซ่อมเพื่อให้มันปลอดภัย
  9. คิดเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างคุณและแฟนของคุณว่ามีลักษณะอย่างไร. มันควรจะเป็นการเคารพซึ่งกันและกัน คู่รักที่มีความสุขจะอ่อนโยนและเอาใจใส่ต่อกัน พวกเขาไม่มีชื่อเรียกที่จะกดอีกคนหนึ่งให้ต่ำกว่า ตะคอก หรือแสดงออกถึงพฤติกรรมที่จะทำร้ายกัน พวกเขาจะสนับสนุนซึ่งกันและกันทั้งในที่สาธารณะและเมื่ออยู่กันสองคน พวกเขาจะให้เกียรติเส้นแบ่งของอีกคนหนึ่ง คู่รักที่มีความสุขจะมีเส้นแบ่งส่วนตัว (ที่บ่งบอกความชอบและความต้องการ) และมีความมั่นใจเมื่อแสดงออกถึงเส้นแบ่งของพวกเขา โดยแสดงออกอย่างอ่อนโยนและรักใคร่ [4]
    • เมื่อพูดคุยสื่อสารกัน ผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่มีความสุขจะสื่อสารกันอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา นี่หมายความว่าคู่รักที่มีความสุขสามารถแบ่งปันความรู้สึกให้อีกคนหนึ่งได้โดยไม่ต้องทำตัวให้ถูกต้องตลอดเวลา และรับฟังอีกคนหนึ่งอย่างเต็มไปด้วยความรัก เปิดกว้าง และไม่ตัดสินความคิดนั้น
  10. ดูว่าเมื่อถกเถียงกับแฟนของคุณมักจะเป็นอย่างไร. ไม่ใช่ทุกคนจะมีความเห็นตรงกันตลอดเวลา แม้แต่ในความสัมพันธ์ที่มีความสุขที่สุดก็ตาม การเข้าใจผิด การสื่อสารแบบผิดๆ และความขัดแย้งต่างๆ จะต้องถูกจัดการทันทีและมีความชัดเจน การสื่อสารที่ตรงไปตรงมาจะช่วยรักษาระดับความรักใคร่และการเคารพซึ่งกันและกันในความสัมพันธ์นั้น รวมถึงจะช่วยให้คู่รักทั้งสองร่วมมือที่จะแก้ปัญหาและประเด็นต่างๆ ร่วมกัน
    • คู่รักที่มีความสุขจะไม่เล่น “เกมโทษคนอื่น” แต่ละคนก็จะรับผิดชอบการกระทำ ความคิด และอารมณ์ของตนเอง และแต่ละคนก็ควบคุมความสุขและชีวิตเป็นของตนเอง คู่รักทั้งสองก็ต้องรับผิดเมื่อตัวเองทำผิดและทำสิ่งสำคัญเพื่อชดเชยคู่รักอีกคนหนึ่ง ตัวอย่างเช่น การขอโทษ ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี
  11. ระบุว่าแฟนของคุณพยายามควบคุมคุณโดยการบิดเบือนข้อมูลให้สับสน. การบิดเบือนข้อมูลว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จเป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำร้ายจิตใจ โดยคนหนึ่งจะควบคุมและบิดเบี้ยวเหตุการณ์หรือพฤติกรรมเพื่อที่อีกคนหนึ่งจะได้ไม่เชื่อในการกระทำของตนเองและสงสัยในความสามารถของตนเอง [5] วิธีนี้จะเป็นการควบคุมอีกคนหนึ่งเพื่อที่เธอจะได้ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเป็นอิสระได้ [6]
    • ตัวอย่างเช่น แฟนหนุ่มของคุณพูดถึงการกระทำในอดีตแต่เขาเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่าง ถ้าดูโดยรวม มันเหมือนจะจะถูกต้อง แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ส่งเสริมให้เขาเป็นคนที่ถูกต้องและทำให้คุณดูเป็นคนผิด [7]
    • ถ้าแฟนของคุณบิดเบือนเรื่องราวแบบนี้เป็นเวลานาน มันยากที่จะบอกว่าอะไรที่เกิดขึ้นจริงบ้าง คุณอาจจะไม่เชื่อมั่นในการตัดสินของตัวคุณเองและคุณอาจจะมีความมั่นใจในตนเองต่ำมากๆ ลองคิดทบทวนถึงเวลาที่คุณไม่เชื่อแฟนหนุ่มของคุณเมื่อเขาพูดถึงการกระทำในอดีต คุณอาจจะรู้สึกว่าเขาจำบางอย่างผิดไป และนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบิดเบือนในความสัมพันธ์ของคุณ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

รู้สัญญาณของการถูกทำร้าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความสัมพันธ์ที่มีการทำร้ายกันคือความสัมพันธ์ที่บุคคลหนึ่งทำร้ายคุณไม่ว่าจะเป็นในเชิงจิตวิทยา ทางร่างกาย ทางการเงิน ทางจิตใจอารมณ์ ทางเพศ และการมีอำนาจเหนือกว่าอีกคนหนึ่ง โดยจะต้องกระทำอย่างต่อเนื่องและไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความสัมพันธ์เช่นนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงภายในบ้านเพราะอำนาจของสมาชิกในครอบครัวไม่สมดุลกัน [8]
  2. รู้ว่าการทำร้ายทางอารมณ์จิตใจ (Emotional abuse) เป็นอย่างไร. การทำร้ายชนิดนี้จะเกี่ยวข้องกับการใช้วาจาทำร้าย โดยผู้ที่กระทำจะลดระดับความมั่นใจของคุณอย่างเป็นระบบ เช่น ตะโกนเรียกชื่อของคุณแบบไม่ให้เกียรติ ตำหนิคุณอย่างต่อเนื่อง ไม่แสดงออกว่าไว้ใจคุณ ทำเหมือนคุณเป็นสิ่งของของเขา พูดข่มขู่คุณให้กลัว ให้ลูกๆ ต่อต้านคุณหรือทำร้ายพวกเขา [9]
    • พฤติกรรมการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการทำร้ายทางอารมณ์จิตใจ แต่สามารถเกิดขึ้นพร้อมกับการทำร้ายรูปแบบอื่นๆ ได้
  3. การใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายอาจจะมีความหมายอธิบายไปในตัวอยู่แล้วและก็ดูชัดเจนอยู่แล้ว แต่สำหรับบุคคลที่เติบโตมากับการถูกตบตี พวกเขาอาจจะไม่เข้าใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาและเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี สัญญาณดังต่อไปนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการทำร้ายร่างกาย [10]
    • “ดึงผม ชกต่อย ตบหน้า เตะ กัด หรือบีบคอ” [11]
    • ไม่ให้สิทธิที่คุณพึงมี เช่น อาหารและการนอน
    • จงใจทำลายสิ่งของของคุณหรือสิ่งของภายในบ้าน เช่นเขวี้ยงจาน ต่อยที่ผนังจนเป็นรู
    • ขู่ทำร้ายคุณด้วยมีดหรือปืนหรือใช้อาวุธกับคุณ
    • กักขังคุณไว้ไม่ให้หนีออกมา โทรศัพท์ไปที่ 911 เพื่อขอความช่วยเหลือ หรือไปที่โรงพยาบาล
    • ทำร้ายร่างกายลูกๆ
    • เตะคุณออกมาจากรถหรือทิ้งคุณไว้ที่สถานที่แปลกๆ
    • ขับรถรุนแรงขณะที่คุณอยู่บนรถ
    • บังคับให้คุณดื่มแอลกอฮอล์หรือกินยา
  4. การทำร้ายชนิดนี้ได้แก่การบังคับให้คุณมีเพศสัมพันธ์แบบไม่เต็มใจ และ “การบีบบังคับทางเพศ” ซึ่งทำให้คุณรู้สึกว่าคุณถูกบังคับที่จะมีเพศสัมพันธ์ อีกทั้งยังรวมถึง “การบังคับให้ตั้งครรภ์” ซึ่งหมายความว่าคุณไม่มีตัวเลือกได้ว่าคุณจะอยากตั้งครรภ์หรือไม่
    • ผู้กระทำอาจจะควบคุมการแต่งกายของคุณ ข่มขืนคุณ จงใจให้คุณติดโรคทางเพศจากเขา มอมยาและให้คุณดื่มแอลกอฮอล์เพื่อที่จะได้มีเพศสัมพันธ์กับเขา ทำให้คุณตั้งครรภ์ หรือทำให้คุณแท้งโดยที่คุณไม่ยินยอม บังคับให้คุณดูหนังโป๊อนาจาร และอื่นๆ
  5. เข้าใจมุมมองของการทำร้ายทางด้านการเงิน (Financial abuse). โดยการทำร้ายทางด้านการเงิน ผู้ที่กระทำจะไม่ให้คุณมีเงินใช้เป็นของตนเองแม้ว่าคุณจะเป็นคนหาเงินนั้นมาเอง พวกเขาอาจจะยึดบัตรเครดิตของคุณและใช้บัตรเครดิตในชื่อของคุณ หรือทำลายประวัติการใช้บัตรเครดิตของคุณ
    • ผู้กระทำอาจจะย้ายไปที่บ้านของคุณและจะไม่จ่ายบิลหรือค่าใช้จ่ายอะไรเลย พวกเขาอาจจะยึดเงินที่คุณไว้ใช้จ่ายเรื่องพื้นฐาน เช่น ซื้อของใช้หรือยา
  6. เข้าใจการทำร้ายทางระบบดิจิตอล (Digital abuse) ว่าเป็นอย่างไร. ผู้กระทำอาจจะใช้เทคโนโลยีทำการข่มขู่ แอบตามรอย ทำร้าย และรังควานคุณ พวกเขาอาจจะใช้โซเชียลมีเดียส่งข้อความคอยรังควานคุณ หรือสั่งคุณให้บอกรหัส ผู้กระทำจะให้คุณพกมือถือตลอดเวลาและต้องตอบสายเขาทันทีที่โทรศัพท์ดัง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

เริ่มทำอะไรบางอย่าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มองตามความเป็นจริงว่าความสัมพันธ์นั้นคุ้มค่าที่จะแก้ไขหรือไม่. ถ้าคุณอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ คนรักของคุณก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขาด้วย เหยื่อหลายคนที่ถูกทำร้ายถูกทำให้เชื่อว่า “มันเป็นความผิดของฉัน” และ “ถ้าฉันทำแบบนี้ เขาคงไม่ทำแบบนั้นหรอก” แต่คู่ของคุณเป็นคนตัดสินใจว่าจะกระทำสิ่งนั้นเอง ถ้าความสัมพันธ์นี้ยังคุ้มค่าที่จะแก้ไขอยู่ แฟนหนุ่มของคุณอาจจะอยากต้องการเปลี่ยนตัวเองจริง เขาจะต้องเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลง [12]
    • ถ้าแฟนหนุ่มของคุณเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนทำให้คุณรู้สึกโดดเดี่ยว อึดอัด หดหู่ กังวล หรือกลัว คุณควรที่จะออกมาจากความสัมพันธ์นั้น
  2. หาแรงสนับสนุนจากเพื่อนที่ไว้ใจหรือสมาชิกในครอบครัว. บ่อยๆ แล้วคนที่ถูกควบคุมอยู่มักจะปลีกตัวออกห่างจากเพื่อนและครอบครัว เธออาจจะถอยออกมาจากทุกคนเพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิหรือถูกทำให้มีปมในใจ [13] แต่เมื่อคุณรู้ว่าคุณจะต้องออกมาจากความสัมพันธ์นี้ คุณอาจจะต้องได้รับแรงสนับสนุนจากคนรอบข้าง แม้ว่าคุณจะไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัวมาสักพัก พวกเขาก็จะเต็มใจที่จะช่วยคุณ
    • ขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่สามารถช่วยคุณได้ พูดคุยกับบุคคลนั้นเพื่อหาแผนการที่จะออกจากความสัมพันธ์นั้น
  3. หาความช่วยเหลือจากศูนย์ฮอทไลน์ความรุนแรงในครอบครัว. มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ (0-2277-8811 หรือ 0-2277-7669) จะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ และช่วยให้คุณคิดแผนที่จะออกจากความสัมพันธ์นั้น
    • มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ยังมีเว็บไซต์ (www.hotline.or.th) ที่คุณสามารถเข้าไปตั้งกระทู้ระบายปัญหาได้และจะมีเจ้าหน้าที่มาตอบปัญหาและเสนอทางแก้ไขให้คุณ เจ้าหน้าที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจทำในสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้
  4. แบบฟอร์มการวางแผนเพื่อความปลอดภัยเป็นวิธีที่จะรู้ได้ว่าคุณจะทำอะไรเมื่อคุณข่มขู่หรืออยู่ในอันตราย
    • สามารถดาวน์โหลด แบบฟอร์มนี้ ได้จากศูนย์ต่อต้านความรุนแรงภายในบ้านและความรุนแรงทางเพศแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ปริ้นออกมาและลองกรอกข้อมูลดู
    • เก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่แฟนของคุณจะหาไม่เจอ [14]
  5. ถ้าความสัมพันธ์นั้นดูอันตราย คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลว่าทำไมคุณต้องเดินออกมา ให้ออกมาทันทีและหาที่ที่ปลอดภัยอยู่เช่นบ้านพักฉุกเฉิน
    • สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือทำให้ตัวเองปลอดภัย (รวมถึงลูกๆ และสัตว์เลี้ยงด้วยถ้ามี)
  6. สัญชาตญาณของคุณจะบอกเองว่าความสัมพันธ์นั้นมันไม่ถูกต้องและแฟนของคุณก็ไม่เคารพในตัวคุณ มันอาจจะยากที่จะคิดได้ดังนี้ แต่ถ้าคุณเชื่อมั่นใจในตนเองและคุณซื่อสัตย์กับตัวเอง คุณสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีและปลอดภัยขึ้นได้ [15]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

จบความสัมพันธ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป็นความคิดที่ดีที่จะซ้อมก่อนว่าคุณจะพูดอะไรกับแฟนหนุ่มเพื่อยุติความสัมพันธ์ นี่จะช่วยให้คุณทบทวนความคิดของคุณเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะแสดงมันออกมา มันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากถ้าคุณเป็นเหยื่อของความสัมพันธ์ที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของเช่นนี้ แต่คุณสมควรได้รับสิทธิ์ที่จะให้คนอื่นรับฟังและเคารพความคิดของคุณ
  2. การเลิกกับใครสักคนแบบที่ดีที่สุดควรจะเจอกันจริงๆ แต่ในความสัมพันธ์ที่รุนแรงเช่นนี้ คุณควรที่จะระมัดระวังถึงปฏิกิริยาของแฟนหนุ่มของคุณ ถ้าคุณไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรรุนแรง คุณก็สามารถบอกเขาต่อหน้าได้ คุณอาจจะต้องเลือกสถานที่สาธารณะที่เขาจะไม่สามารถทำร้ายคุณได้หรือทำร้ายข้าวของ
    • ถ้าคุณคิดว่าเขาจะทำอะไรรุนแรง คุณควรรีบออกมาจากสถานการณ์นั้นโดยไม่ต้องอธิบายต่อหน้าเขา คุณอาจจะทิ้งโน๊ตไว้ถ้าคุณรู้สึกว่าจำเป็นต้องทำ ถ้าคุณมีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง พาพวกเขาออกมาด้วย
  3. ถ้าคุณกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของคุณ ให้พาเพื่อนที่ไว้ใจไปกับคุณด้วย บุคคลนี้จะเป็นพยานและสนับสนุนคุณ
  4. อธิบายไปว่าพฤติกรรมของเขาทำให้คุณรู้สึกอย่างไร. คุณสามารถใช้โอกาสนี้บอกว่าเขาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคุณมากแค่ไหนและทำให้คุณรู้สึกอย่างไร ให้พูดไปอย่างมั่นใจ บอกเขาถึงสิ่งที่คุณต้องการจากความสัมพันธ์ที่ดี บอกเขาว่าความสัมพันธ์นี้มันไม่ได้เป็นแบบที่คุณต้องการและคุณก็กำลังจะเดินจากไป
    • คุณอาจจะยกตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเขาไม่เคารพคุณอย่างไรบ้าง ทำให้คุณโดดเดี่ยว และควบคุมคุณอย่างไร
  5. แฟนหนุ่มอาจจะไม่ฟังคำอธิบายของคุณ เขาอาจจะยิ่งหาข้ออ้างป้องกันตัวเอง หรืออาจจะกระทำรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ เขาอาจจะขอโทษคุณหรืออาจจะไม่สนใจคุณ ให้ยึดกับเป้าหมายของคุณและทำสิ่งที่ถูกต้อง
  6. คนรักของคุณอาจจะพยายามขอร้องให้คุณอยู่ต่อและยกโทษให้เขา แต่ให้ระวังคำสัญญาของเขาเพราะอาจจะเปลี่ยนได้ในภายหลัง การทำร้ายกันก็เหมือน “วงจร” ที่มีช่วงที่สงบ จากนั้นก็จะเริ่มรุนแรงขึ้น และตามด้วยการที่คุณถูกทำร้าย หลังจากถูกทำร้าย วงจรก็จะหมุนกลับมาเริ่มต้นใหม่ ถ้าคุณตัดสินใจแล้วว่าจะออกมาจากความสัมพันธ์นี้ให้ได้ ให้ฟังเสียงตัวเองก่อน เพิกเฉยกับการอ้อนวอนและคำขอโทษของเขา
    • ถ้าเขาขู่ว่าเขาจะทำร้ายตัวเองถ้าคุณจากไป คุณต้องไม่สนใจเขา มันเป็นการกระทำของเขา เขาก็ต้องรับผิดชอบเอง เขากำลังใช้ความรู้สึกผิดของคุณเพื่อที่จะควบคุมให้คุณอยู่ต่อ คุณควรที่จะให้ความสนใจกับความปลอดภัยของตัวคุณก่อน [16]
  7. ถ้าคนรักของคุณทำอะไรรุนแรงขึ้นมา ให้โทรหา 911 ทันที การโทรหา 911 จะทำให้คุณมั่นใจว่าคุณจะสามารถหยุดการทำร้ายร่างกายได้ถ้ามันเกิดขึ้น มันจะทำให้คุณมั่นใจว่าคุณและลูกๆ ของคุณจะปลอดภัยขณะที่คุณจะออกจากบ้าน [17]
    • บอกตำรวจเกี่ยวกับประสบการณ์การถูกทำร้ายร่างกายที่คุณประสบมา อธิบายรายละเอียดและเปิดให้ดูว่าตรงไหนบ้างที่บาดเจ็บ ให้ตำรวจถ่ายภาพรอยแผลนั้นไว้ทันทีและวันต่อมาที่แผลช้ำปรากฎขึ้น รูปภาพเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในศาลได้ ถามชื่อและยศของเจ้าหน้าที่ แจ้งความลงบันทึกประจำวันและเก็บเอกสารต่างๆ ไว้ถ้าคุณอยากจะถ่ายเอกสารใบแจ้งความนั้น ตำรวจอาจจับกุมแฟนหนุ่มของคุณไปถ้าพวกเขาคิดว่าคุณจะไม่ปลอดภัย
  8. คิดถึงรายชื่อของสถานที่ที่คุณสามารถไปได้ คิดถึงเพื่อนและครอบครัวคนที่ไม่สนิทกับคนรักของคุณ ระบุตำแหน่งบ้านพักฉุกเฉิน โดยบ้านพักฉุกเฉินจะเป็นขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร พวกเขาจะมีที่อยู่ที่เป็นความลับและคุณสามารถไปได้ 24 ชั่วโมงถ้าคุณอยากจะย่องออกจากบ้านขณะที่แฟนของคุณหลับอยู่ถ้าจำเป็น พวกเขาอาจจะช่วยคุณร่วมมือกับการบริการของรัฐเพื่อประโยชน์ของคุณในการเริ่มต้นใหม่ การขอคำสั่งให้ความคุ้มครองบุคคล และอาจจะให้คำปรึกษาอื่นๆ
  9. บุคคลนี้อาจจะพยายามที่จะติดต่อคุณทางโทรศัพท์ ทางโซเชียลมีเดีย หรือมาหา อย่าตอบข้อความของเขา
    • ลบเบอร์โทรศัพท์ของเขาออกจากเครื่อง ลบเขาออกจากการเป็นเพื่อนกันทางโซเชียลมีเดีย คุณอาจจะต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
    • ถ้าคุณรู้สึกว่าเขาติดตามคุณอยู่หรือแอบสืบเกี่ยวกับคุณ ให้เปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน ให้ออกจากที่ทำงานและโรงเรียนในเวลาที่แตกต่างกันและในเส้นทางที่แตกต่างกัน ถ้าคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย ให้ขอคำสั่งให้ความคุ้มครองบุคคล
  10. คุณสามารถขอคำสั่งคุ้มครองบุคคลได้โดยทำหนังสือและลงลายมือชื่อด้วยตนเองมายังหน่วยงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจหรือตำรวจภูธรภาค 1-9 [18]
    • บันทึกรายละเอียดของการติดต่อจากแฟนหนุ่ม ถ้าแฟนหนุ่มของคุณพยายามที่จะเข้าถึงคุณและแอบตามรอยคุณ ให้จดเวลา สถานที่ และรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง นี่สามารถใช้เพื่อขอความคุ้มครองบุคคลถ้าคุณต้องการ
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

เดินหน้าต่อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทั้งนี้ ขี้นอยู่กับว่าความสัมพันธ์ที่คุณออกมา คุณอาจจะอยากหาการปรึกษาเพื่อได้พูดคุยประสบการณ์ของคุณ มันอาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะได้เข้าใจถึงสัมพันธ์นั้นและพฤติกรรมของคนรักของคุณ
  2. หลังจากที่จบความสัมพันธ์รุนแรงนั้นที่คุณไม่รู้สึกปลอดภัยเลย คุณอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อที่จะรู้สึกปลอดภัยอีกครั้ง นี่หมายความว่าคุณจะปลอดภัยทั้งทางกาย และปลอดภัยจากการวิพากษ์วิจารณ์และดูถูก ปลอดภัยจากการใช้ความรุนแรงทางการเงิน และมีความปลอดภัยในการกระทำและพฤติกรรมของคุณ [19]
    • คุณอาจจะฟื้นฟูความปลอดภัยทางกายโดยเข้าชั้นเรียนเกี่ยวกับการป้องกันตนเอง คุณอาจฟื้นฟูความปลอดภัยทางการเงินโดยการหางานและสร้างบัญชีเงินขี้นมาใหม่
  3. จุดจบของความสัมพันธ์อาจจะทำให้คุณเศร้าได้ อาจจะทำให้คุณรู้สึกผิด หลงทาง และวิตกกังวล ปล่อยให้ตนเองแสดงความรู้สึกเหล่านี้ออกมา ให้ทำอะไรที่สร้างสรรค์เช่นงานศิลปะหรือเขียนบันทึกเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ออกไป [20]
  4. หลังจากที่คุณออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ดีนั้นแล้ว เป็นเวลาที่ดีที่คุณจะได้มาสนใจตัวเองอีกครั้ง ทำกิจกรรมที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การปีนเขา เล่นสกี ดูหนัง เน้นไปที่สิ่งที่จะทำให้คุณมีความสุขอย่างสุขภาพดีอีกครั้ง
  5. เริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่อย่างระมัดระวัง.เมื่อคุณคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ คุณอาจจะเริ่มความสัมพันธ์นั้นด้วยความระมัดระวังและบางทีอาจจะมีความกลัวเล็กน้อย ให้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ใหม่ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ารูปแบบความสัมพันธ์นั้นเหมือนกับความสัมพันธ์ที่แล้ว ให้รีบยุติมันทันที อย่าทำให้ตัวเองต้องไปอยู่ในวงจรนั้นอีก [21]
    • ระบุคุณสมบัติที่คุณต้องการจากคนรัก หลังจากความสัมพันธ์รุนแรง ให้ใช้เวลาคิดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดของความสัมพันธ์ที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ ให้ตั้งตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
  6. การเลิกจากความสัมพันธ์ที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของนั้นอาจจะยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่กับความสัมพันธ์นั้นเป็นเวลานาน ให้เข้มแข็งไว้และเชื่อมั่นในความสามารถที่จะเยียวยาตนเอง ให้คำยืนยันที่ดีกับตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้ตัดสินใจถูกต้อง
    โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
จบความสัมพันธ์
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,473 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา