ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ดีเวลลอปเปอร์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในกระบวนการทำสีผม โดยสารออกฤทธิ์ที่สำคัญของดีเวลลอปเปอร์คือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งมีคุณสมบัติในการเปิดเกล็ดผม ระดับความเข้มข้นของดีเวลลอปเปอร์สำหรับที่เลือกใช้ในการทำสีผม จะเป็นตัวกำหนดความเข้มหรือความอ่อนของสีผมที่ทำออกมา ดังนั้นคุณจึงควรเลือกใช้ดีเวลลอปเปอร์ที่มีระดับความเข้มข้นที่เหมาะสม รวมถึงนำมาผสมเข้ากับครีมเปลี่ยนสีผมอย่างถูกวิธี เพื่อให้มั่นใจว่าสีผมที่ออกมาตรงตามความต้องการของคุณ
สิ่งที่คุณควรรู้
- เลือกดีเวลลอปเปอร์ 10 ระดับ เพื่อเปลี่ยนสีผมเพียง 1 เฉด, 20 ระดับ เพื่อเปลี่ยนสีผม 2 เฉด หรือ 30 ระดับ เพื่อเปลี่ยนสีผม 3 เฉด, 40 ระดับจะทำให้ผมเสีย
- มองหาชุดผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่ประกอบด้วยครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์คู่กัน
- เช็คดูอัตราส่วนของครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์ที่ใช้บนกล่องผลิตภัณฑ์ โดยส่วนใหญ่แล้วอัตราส่วนในการผสมน้ำยาสำหรับทำสีผมคือครีมเปลี่ยนสีผม 1 ส่วนต่อดีเวลลอปเปอร์ 2 ส่วน
ขั้นตอน
-
เลือกใช้ดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเข้มข้นระดับ 10 สำหรับเปลี่ยนสีผมเพียง 1 เฉด. ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 10 เป็นระดับที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมมากที่สุด เนื่องจากประกอบด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพียง 3% เท่านั้น ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 10 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้สีผมที่ทำเข้มกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยและไม่ต้องการเปลี่ยนหรือล้างสีผมเดิม [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 10 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหากคุณมีผมเส้นเล็กและบาง เนื่องจากมีความเข้มข้นที่ไม่รุนแรงต่อเส้นผมมากนัก
- ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 10 ยังเหมาะสำหรับใช้ควบคู่กับโทนเนอร์ปรับสีผมเพื่อให้น้ำยาทั้งสองชนิดเกิดความสมดุล โดยคุณอาจจำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ปรับสีผมหากเส้นผมของคุณมีเม็ดสีเหลืองประกอบอยู่
- ระดับ 10 ยังเหมาะหากคุณจะปรับสีเพียงเล็กน้อย เช่นผมสีน้ำตาลเข้มแล้วอยากเปลี่ยนเป็นสีดำ
- แต่ละความเข้มข้น 10 ระดับจะยกสีผมขึ้นเพียงเล็กน้อย
-
เลือกใช้ดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเข้มข้นระดับ 20 สำหรับเปลี่ยนสีผม 1-2 เฉด. ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 20 เป็นระดับที่หลายคนนิยมเลือกใช้มากที่สุด เนื่องจากประกอบด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 6% ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 20 ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับใช้ในการปิดผมขาวอีกด้วย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 20 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหากคุณมีเส้นผมที่หนา เนื่องจากมีความเข้มข้นที่มากพอในการเปิดเกล็ดผม
- ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 20 เหมาะสำหรับใช้ในการปิดผมขาวเพราะตัวเลขที่สูงกว่านั้นจะยกระดับสีของผมรอบข้าง ทำให้เผยและเน้นผมขาวแทนที่จะซ่อนมันแทน
-
เลือกใช้ดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเข้มข้นระดับ 30 สำหรับเปลี่ยนสีผม 3-4 เฉด. ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 30 ประกอบด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 9% เหมาะสำหรับใช้ในการเปลี่ยนสีผมมากมายหลากหลายเฉดสี อย่างไรก็ตาม ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 30 มีความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูงและควรใช้กับเส้นผมที่หนาและแข็งแรงเท่านั้น เพราะอาจทำให้เส้นผมเกิดความเสียหายได้สำหรับผู้ที่มีเส้นผมที่เล็กและบาง [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ชุดผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่วางขายตามร้านค้าโดยส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับดีเวลลอปเปอร์ระดับ 20 หรือ 30
- ดีเวลลอปเปอร์เหล่านี้อาจจะเหมาะถ้าคุณมีผมทองสีออกทรายและอยากได้ผมทองแบบสว่าง
-
หลีกเลี่ยงการเลือกใช้ดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเข้มข้นระดับ 40 เพื่อไม่ให้เส้นผมได้รับความเสียหาย. ไม่แนะนำให้เลือกใช้ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 40 สำหรับผู้ที่ไม่ใช่มืออาชีพ เนื่องจากมีความเข้มข้นที่ในระดับรุนแรงและอาจทำให้เส้นผมแห้งเสียได้หากใช้ไม่ถูกวิธี ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 40 มักถูกเลือกใช้สำหรับการเปลี่ยนเฉดสีผมที่แตกต่างจากเดิมและไม่เหมาะสำหรับใช้ในการเปลี่ยนสีผมด้วยตัวเองที่บ้าน [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หากคุณคิดว่าจำเป็นต้องใช้ดีเวลลอปเปอร์ระดับ 40 เพื่อให้สีผมที่ออกมาตรงกับความต้องการของคุณ คุณอาจเลือกเข้าร้านทำผมใกล้บ้านเพื่อรับบริการเปลี่ยนสีผมจากช่างผู้เชี่ยวชาญแทนได้เช่นกัน
โฆษณา
-
มองหาชุดผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่ประกอบด้วยครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์คู่กัน. โดยส่วนใหญ่แล้วดีเวลลอปเปอร์มักวางขายคู่กันกับครีมเปลี่ยนสีผมในกล่องเดียว คุณจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเลือกดีเวลลอปเปอร์ที่มีระดับความเข้มข้นที่ถูกต้อง การหาซื้อชุดผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่ประกอบด้วยน้ำยาทั้งสองชนิดคู่กันจึงเป็นตัวเลือกที่สะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากดีเวลลอปเปอร์จะมีระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมกับสีผมที่คุณเลือกย้อม [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าสีผมที่คุณได้อาจแตกต่างจากสีผมของนางแบบบนกล่องผลิตภัณฑ์ โดยสีผมที่ทำออกมานั้นมักเข้มหรือสว่างกว่าสีผมที่แสดงบนกล่องผลิตภัณฑ์ประมาณ 1-2 เฉด
-
ซื้อดีเวลลอปเปอร์แยกต่างหากหากคุณซื้อครีมเปลี่ยนสีผมแล้ว. หากคุณซื้อครีมเปลี่ยนสีผมแบบหลอดเดี่ยวๆ คุณสามารถหาซื้อดีเวลลอปเปอร์แยกต่างหากได้เช่นกันโดยเลือกระดับความเข้มข้นตามความต้องการของคุณ การซื้อดีเวลลอปเปอร์แยกต่างหากอาจช่วยให้คุณได้สีผมตรงตามต้องการได้ง่ายยิ่งขึ้น [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หากคุณซื้อชุดผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่ประกอบด้วยครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์คู่กัน คุณก็ไม่จำเป็นต้องดีเวลลอปเปอร์แยกต่างหากอีก โดยคุณสามารถใช้ดีเวลลอปเปอร์ที่มาคู่กันในกล่องได้เลยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- พยายามเลือกซื้อครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์ยี่ห้อเดียวกันเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำยาทั้งสองชนิดสามารถทำงานควบคู่กันได้ดี
-
ซื้อครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์ให้เพียงพอกับความต้องการ. การที่ครีมเปลี่ยนสีผมหรือดีเวลลอปเปอร์หมดลงในระหว่างกระบวนการย้อมผมของคุณอาจส่งผลให้สีผมที่คุณได้ไม่เสมอกันหรือไม่ตรงตามที่ต้องการ ดังนั้นคุณจึงควรเตรียมครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์เผื่อไว้เพิ่มเติมอีกชุดหนึ่งให้พร้อมทุกครั้งที่ทำการย้อมผม [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- สำหรับผู้ที่มีผมยาว (เลยบ่าลงไป) ให้ใช้ครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์ 2-3 ชุด และสำหรับผู้ที่มีผมสั้น (เหนือบ่าขึ้นไป) ให้ใช้ครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์ 1-2 ชุด
โฆษณา
-
สวมถุงมือและผ้าคลุมสำหรับทำผม. ปกป้องมือของคุณไม่ให้สัมผัสถูกน้ำยาด้วยการสวมถุงมือยางลาเท็กซ์หรือถุงมือยางไนไตรให้เรียบร้อยก่อนทำการผสมและชโลมน้ำยาลงบนเส้นผม รวมถึงสวมผ้าคลุมสำหรับทำผมหรือเสื้อตัวเก่าเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาเปื้อนถูกเสื้อผ้าของคุณ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นผิวห้องน้ำหรือห้องครัวเปื้อนเลอะเทอะ ให้คุณใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปูรองไว้รอบๆ อ่างล้างมือ
-
เช็คดูอัตราส่วนของครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์ที่ใช้บนกล่องผลิตภัณฑ์. โดยส่วนใหญ่แล้วอัตราส่วนในการผสมน้ำยาสำหรับทำสีผมคือครีมเปลี่ยนสีผม 1 ส่วนต่อดีเวลลอปเปอร์ 2 ส่วน ก่อนเริ่มทำการย้อมผมทุกครั้ง อย่าลืมเช็คดูอัตราส่วนของครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์ที่ใช้ที่ระบุไว้บนกล่องผลิตภัณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่าคุณผสมน้ำยาทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันในปริมาณที่ถูกต้อง [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าเดาเอาเองโดยเด็ดขาดหากคุณไม่มั่นใจเกี่ยวกับอัตราส่วนผสม เพราะหากคุณผสมน้ำยาทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันในอัตราส่วนที่ไม่ถูกต้อง สีผมที่คุณได้อาจไม่ตรงตามความต้องการของคุณ ดังนั้นหากคุณไม่มั่นใจเกี่ยวกับอัตราส่วนผสม ลองสอบถามช่างทำผมผู้เชี่ยวชาญหรือเข้าร้านทำผมเพื่อรับบริการเปลี่ยนสีผมจากช่างแทน
-
ผสมครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์เข้าด้วยกัน. เทครีมเปลี่ยนสีผมและดีเวลลอปเปอร์ในปริมาณที่ถูกต้องลงในชามพลาสติกและใช้ช้อนพลาสติกคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นชโลมน้ำยาลงบนเส้นผมตามต้องการ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หากคุณต้องการ ย้อมผมทั้งศีรษะ ให้คุณชโลมน้ำยาลงบนเส้นผมจนทั่วทั้งศีรษะโดยเริ่มตั้งแต่ปลายผมไล่ขึ้นมายังโคนผม
- หากคุณต้องการทำไฮไลท์สีผม ให้คุณแบ่งผมออกเป็นช่อๆ แล้วชโลมน้ำยาลงบนช่อผมที่ต้องการ คุณสามารถใช้ฟอยล์ห่อช่อผมแต่ละช่อไว้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาเปื้อนถูกเส้นผมที่อยู่รอบๆ
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://stylecaster.com/beauty/hair-dye-tricks/
- ↑ http://stylecaster.com/beauty/hair-dye-tricks/
- ↑ http://stylecaster.com/beauty/hair-dye-tricks/
- ↑ http://stylecaster.com/beauty/hair-dye-tricks/
- ↑ https://www.allure.com/story/hair-color-hacks
- ↑ http://stylecaster.com/beauty/hair-dye-tricks/
- ↑ http://www.harpersbazaar.com/beauty/hair/advice/a586/home-hair-color-1110/
- ↑ http://www.harpersbazaar.com/beauty/hair/advice/a586/home-hair-color-1110/
- ↑ http://www.harpersbazaar.com/beauty/hair/advice/a586/home-hair-color-1110/
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 55,646 ครั้ง
โฆษณา