PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ชาเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีรสชาติเยี่ยมและดีต่อสุขภาพ ในประเทศอังกฤษ การดื่มชาถือเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของชาวอังกฤษ เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีน (ซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดของชา) [1] หรือแม้แต่ในประเทศแอฟริกาใต้และตะวันออกกลางก็นิยมดื่มชาเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะสนุกสนานกับช่วงเวลาปาร์ตี้หรือเพลิดเพลินกับช่วงเวลาส่วนตัว การดื่มชาก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตัวเลือกหนึ่งสำหรับคุณ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การเสิร์ฟชาอังกฤษ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอาจเพียงเทน้ำเดือดลงไปในแก้วและเริ่มดื่มชาได้เลย แต่หากต้องการเสิร์ฟชาแบบอังกฤษ คุณควรเรียนรู้เรื่องชาแต่ละชนิด และอุปกรณ์จำเป็นในการชงชา [2]
    • ชาดำเป็นหนึ่งในชาที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ชาดำนั้นมีหลายชนิดจนอาจทำให้เกิดความสับสนว่าควรเสิร์ฟชนิดใดดี ซึ่งชาดำที่เหมาะในการเสิร์ฟที่สุดนั้นก็คือชาดำที่ตัวเราเองนั้นรู้สึกชื่นชอบมากที่สุด ชาดำที่เจอเป็นส่วนมากมักเป็นชาดาร์จีลิ่ง ชาซีลอน และชาอัสสัม คุณควรลองรสชาติของชาดำหลากหลายชนิดเพื่อค้นหาชนิดของชาดำที่คุณชอบมากที่สุด [3]
    • แน่นอนว่าคุณสามารถเสิร์ฟชาจากแก้วได้เลย แต่หากต้องการอารมณ์ของการจิบชาแบบอังกฤษแท้ๆ คุณควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม สิ่งที่คุณต้องใช้ ได้แก่ กาน้ำชา (กาน้ำชาจีนหรือเซรามิค) ถ้วยชาพร้อมจานรอง โถน้ำตาล เหยือกครีม กาต้มน้ำ ถ้วยสำหรับทิ้งน้ำชาหรือใบชาที่เหลือ และจานของว่าง
    • จำไว้ว่าเวลาดื่มชาของอังกฤษมักจะเริ่มประมาณ 4 โมง แต่คุณสามารถเสิร์ฟชาได้ตลอดเวลาตั้งแต่ 2-5 โมง
  2. ชาอังกฤษแบบดั้งเดิมมักทานคู่กับแซนด์วิชชิ้นเล็กๆ สโคน และขนมอบหลากหลายชนิด คุณอาจเสิร์ฟของว่างที่คุณชอบเพิ่มเติม หรืออาจเสิร์ฟเพียงแค่อย่างเดียวหรือไม่กี่อย่างก็ได้ คุณสามารถทำของว่างได้ด้วยตัวเอง หรือหาซื้อจากร้านขนมก็ได้ [4]
    • ของว่างที่เสิร์ฟควรมีขนาดชิ้นพอดีคำเพื่อจะได้ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ในการตัดแบ่ง
    • แซนด์วิชนั้นมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับชนิดของขนมปังที่ใช้ (เช่น ขนมปังขาว ขนมปังธัญพืช ขนมปังข้าวไรย์) และรูปทรงของแซนด์วิชที่คุณ (เช่น สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า สามเหลี่ยม วงกลม) ให้ตัดขอบขนมปังออกให้หมด คุณจะใส่แตงกวาหั่นบางและครีมชีส (อาจใส่แซลมอนรมควันเพิ่มลงไป) หรือจะใส่มะเขือเทศหั่นบาง เชดดาร์ชีส และผักสลัดน้ำ หรือคุณอาจทำแซนด์วิชเพสโต้หรือแซนด์วิชไก่ก็ได้ คุณยังสามารถนำแซนด์วิชแต่ละใส้มาผสมกันตามใจชอบได้อีกด้วย [5]
    • สำหรับสโคน คุณอาจทำสโคนแบบธรรมดา หรือตกแต่งเพิ่มเติมด้วยช็อกโกแลตชิพ ผิวส้มขูด หรือเมล็ดป๊อปปี้ อาจเสิร์ฟสโคนพร้อมกับครีมสดหรือแยม
    • ขนมอบมีมากมายหลากชนิด คุณสามารถทำเลมอนดริซเซิลเค้ก อัลมอนด์ชอร์ตเบรด ชีสเค้ก มาการอง บิสกิต หรือเค้กกล้วยหอมก็ได้
  3. วิธีการชงชาให้ออกมาสมบูรณ์แบบนั้นมีความซับซ้อนพอๆ กับการแปรธาตุเลยทีเดียว แต่หากคุณได้ลองทำความเข้าใจในวิธีการชงชาที่ถูกต้องดูสักครั้ง การชงชาก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ การชงชาที่ยอดเยี่ยมนั้นถือเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนการเสิร์ฟชา (การเสิร์ฟชาทุกโอกาส ไม่เพียงแต่การจิบชายามบ่ายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น) [6]
    • ต้มน้ำในกาต้มน้ำให้เดือด ขณะรอน้ำเดือด ให้ล้างกาน้ำชาด้วยน้ำอุ่น เพื่อให้กาน้ำชามีความอุ่นก่อนจะเทน้ำร้อนลงไป
    • ใส่ใบชา (หรือถุงชา) และเทน้ำร้อนลงไป การชงชาสำหรับ 1 คน ให้ใส่ชาปริมาณเต็มช้อนจำนวน 1 ช้อนลงไปในกาน้ำชา ควรชงชาจากใบชามากกว่าถุงชา แต่หากชงจากถุงชา ให้ใช้ถุงชา 1 ถุงต่อ 1 คนชงในกาน้ำชาเช่นเดียวกับการชงด้วยใบชา
    • ระยะเวลาในการชงชาขึ้นอยู่กับชนิดของชา หากเป็นชาอัสสัม ชาซีลอน หรือชาดาร์จีลิ่ง ให้แช่ชาทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที ถ้าต้องการให้ชามีรสเข้มขึ้นหรืออ่อนลง ให้ปรับระยะเวลาการแช่ชาได้ตามเหมาะสม
  4. แต่ละคนชอบดื่มชารสชาติแตกต่างกัน บางคนชอบเติมเลมอนและน้ำตาล บางคนชอบเติมนม (แต่ห้ามเติมเลมอนและนมด้วยกัน เพราะจะทำให้นมจับตัวเป็นก้อน) ดังนั้นจึงควรเตรียมนม น้ำตาล และเลมอนให้พร้อมทั้งหมด
    • คุณจะเติมนมลงไปก่อนหรือหลังเทชาก็ได้ ไม่มีเหตุผลพิเศษในการเลือกทำตามวิธีใดวิธีหนึ่งนอกจากความชอบส่วนตัวของแต่ละคน (สมัยก่อนคนส่วนมากมักเติมนมลงไปก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้แก้วแตก แต่ในปัจจุบันไม่มีปัญหานี้แล้ว)
    • ควรเตรียมนมทางเลือกไว้สำหรับผู้ที่ไม่ทานนมวัว อย่างเช่นนมอัลมอนด์ นมถั่วเหลือง หรือนมมะพร้าว นมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มรสชาติของชาให้แตกต่างกันตามรสชาติของนมแต่ละชนิด นมทางเลือกที่มีรสชาติเข้ากันดีกับชาที่ไม่ใส่นมวัวคือนมอัลมอนด์ และยังมีนมมะพร้าวและนมข้าวอีกด้วย
    • ควรจัดเตรียมวัตถุที่ใช้แทนน้ำตาลไว้เช่นเดียวกันเนื่องจากบางคนอาจไม่ทานน้ำตาลฟอกขาว อาจลองใช้น้ำเชื่อมอากาเว่ สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือน้ำตาลหญ้าหวาน
  5. แม้ว่าการเสิร์ฟชาแบบอังกฤษอาจจะมีกฎและวิธีที่เฉพาะเจาะจงหลายอย่าง แต่คุณยังคงสามารถทำสิ่งใหม่ๆ ในการเสิร์ฟชาได้ จุดประสงค์ของการดื่มชาคือเพื่อความเพลิดเพลิน ดังนั้นให้ลองมองหาอะไรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความเพลิดเพลินให้กับการดื่มชาของเรา
    • นั่งดื่มชาข้างนอกบ้าน ไม่มีอะไรเพลิดเพลินไปมากกว่าการนั่งดื่มชาในสวนยามบ่าย แต่ควรตรวจสอบสภาพอากาศให้ดีเสียก่อน เพราะคุณคงไม่อยากให้ช่วงเวลายามบ่ายของคุณถูกขัดจังหวะโดยฝนหรือลมแน่ๆ
    • อาจลองเสิร์ฟผลไม้แทนขนมอบหรือเสิร์ฟพร้อมขนมอบ การทานผลไม้คู่กับชานั้นเป็นความคิดที่ดีหากสามารถหาผลไม้ตามฤดูกาลหรือผลไม้พื้นเมืองที่สดใหม่ได้
    • ทำของที่ระลึกจากชา อาจให้ชาถุงเล็กๆ แก่แขกติดมือกลับบ้าน หรือจะนำผ้ามาเย็บเป็นกาน้ำชาเล็กๆ เพื่อทำเป็นของที่ระลึกก็ได้ แต่ของที่ให้นั้นไม่ควรมีราคาแพงหรือมีขนาดใหญ่เกินไป ของฝากเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะทำให้แขกนึกถึงช่วงเวลาดื่มชายามบ่ายอันน่าประทับใจได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การเสิร์ฟชาจีน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพื่อให้เสิร์ฟและเตรียมชาจีนได้อย่างถูกต้อง คุณควรเข้าใจความแตกต่างของชาแต่ละชนิดและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการชงชา จำไว้ว่าการชงชาแบบจีนและแบบตะวันตกนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก [7]
    • มีชาหลายชนิดให้เลือก ได้แก่ ชาแดง (ชาวตะวันตกจะเรียกว่าชาดำ) ชาเขียว ชาขาว ชาอู่หลง และชาผูเอ่อร์ ชาผูเอ่อร์และชาแดงเป็นชาที่มีรสชาติเข้มที่สุด (ทั้ง 2 ชนิดเป็นชาที่ผ่านการหมัก) ในขณะที่ชาเขียวจะเป็นชาที่ผ่านกระบวนการผลิตน้อยที่สุด ทำให้ยังมีวิตามินคงเหลืออยู่มาก ส่วนชาขาว (ที่ผ่านการหมักแบบอ่อนๆ) จะมีรสชาติที่อ่อน และชาอู่หลงนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก
    • กาน้ำชาแบบจีน (เรียกว่ากาน้ำชาอี๋ซิง) มีขนาดเล็กกว่ากาน้ำชาแบบตะวันตก เมื่อชงชาครั้งหนึ่งจะได้ชาเพียงแก้วเดียว (ประมาณ 240 มิลลิลิตร) เท่านั้น ควรใช้กาคนละใบตามประเภทของชาแต่ละชนิด เนื่องจากดินเหนียวของกาน้ำชาจะดูดซับกลิ่นของชาบางชนิดไว้ [8]
    • ถ้วยชาแบบจีนมีรูปทรงที่ดูเหมือนชามเล็กๆ มีขนาดเล็ก เตี้ย และตื้น สามารถจิบได้เพียงเล็กน้อย เพราะการดื่มชาแบบจีนจะให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ
    • การใช้ที่กรองชาจะช่วยให้ไม่มีเศษใบชาเล็กๆ ตกลงไปในถ้วยน้ำชา
  2. นำกา ที่กรองชา และถ้วยมาทำให้อุ่นและฆ่าเชื้อด้วยน้ำร้อน โดยนำน้ำร้อนเทลงไปในกาจนน้ำล้นออกมา และให้เทลงบนฝาด้วย ให้ทำวิธีเดียวกันกับที่กรองชาและถ้วย จากนั้นจึงเทน้ำทิ้งไป [9]
  3. ใส่ใบชาในปริมาณที่เหมาะสมลงไปในกาแล้วเทน้ำร้อนตามลงไปจนน้ำปริ่มขอบและล้นออกมา จากนั้นให้ปิดฝาแล้วเทน้ำที่ล้างชาออก เปิดฝาออกหลังจากนั้นเพื่อไม่ให้ใบชาต้มนานจนเกินไป
    • ไม่ควรใช้โลหะหรือมือในการตักใบชา ให้ใช้ไม่ไผ่หรือไม้เท่านั้น
    • โดยทั่วไปมักจะใส่ใบชาลงไปในกาประมาณ ¼ หรือ ⅓ โดยขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ดื่มและชนิดของชา (ให้ใส่ใบชาเพิ่มขึ้นเมื่อชงชาที่มีรสชาติอ่อนอย่างชาขาวและลดปริมาณลงเมื่อชงชาผู่เอ่อร์)
  4. เช่นเดียวกับการชงชาแบบอังกฤษหรือแบบญี่ปุ่น การชงชาแบบจีนก็มีขั้นตอนที่มีลักษณะเฉพาะเช่นเดียวกัน เพื่อให้ชาที่ชงออกมามีรสชาติที่ดี ให้ทำตามขั้นตอนเฉพาะของการชงชาแต่ละประเภท
    • ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิเหมาะสมกับชาแต่ละชนิด เช่น การชงชาเขียวไม่ควรใช้น้ำเดือด แต่ให้ใช้น้ำที่ต้มจนมีฟองเล็กๆ ผุดขึ้นมาแทน ส่วนการชงชาอู่หลงและชาผูเอ่อร์ให้ใช้น้ำที่เดือดในการชง และชาขาวควรชงที่อุณหภูมิประมาณ 68 องศาเซลเซียส
    • ออกซิเจนที่อยู่ในน้ำจะทำให้ชามีรสชาติอร่อยมากขึ้น ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ภาชนะที่มีรูพรุนอย่างกาดินเผาแทนกาแบบโลหะหรือแบบแก้ว
  5. เทน้ำเดือด (หรือน้ำร้อน) ลงไปในกาน้ำชา แล้วจึงเทชาออกมาใส่แก้วโดยทันที น้ำชากาแรกนั้นไม่ควรนำมาดื่ม เนื่องจากการรินชาครั้งแรกเป็นถือการเตรียมถ้วยชาก่อนการดื่ม ทำให้ถ้วยมีรสชาติและความอุ่น เหมาะแก่การดื่มชา
    • เติมน้ำร้อนลงในกาน้ำชาอีกครั้ง จากนั้นให้นำชากาแรกที่อยู่ในถ้วยเทลวกด้านนอกของกาเพื่อคงความร้อนให้กับกาน้ำชา และยังช่วยรักษาดินเหนียวที่นำมาทำกา ทำให้ชามีรสชาติดี
    • การต้มใบชาในกาควรใช้เวลาเพียง 10-30 วินาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ควรเทชาจากถ้วยราดไปบนกาให้หมด
    • เพียงเท่านี้ชาก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว ชา 1 แก้วสามารถจิบได้เพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงควรดื่มอย่างช้าๆ และตั้งใจ ชาที่ดีจะสามารถชงซ้ำได้ประมาณ 3 ครั้ง หากต้องการชงซ้ำ ให้ทำตามวิธีการรินชานี้อีกครั้ง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การเสิร์ฟชาจากทั่วโลก

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ชามินต์โมร็อคโค. ชามินต์ชนิดนี้นิยมดื่มกันในประเทศโมร็อคโคถือและถือเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมของประเทศ เป็นการผสมผสานระหว่างชาเขียวกับมินต์และน้ำตาล (บางครั้งอาจใส่เมล็ดสน วอร์มวูด หรือเลมอน เวอร์บีนา เพื่อเพิ่มรสชาติเปรี้ยวอย่างเลมอน) ชาโมร็อคโคจะเสิร์ฟในช่วงเวลารับประทานอาหารหรือช่วงเวลาตลอดทั้งวัน หรือเสิร์ฟให้แก่แขกตามประเพณีดั้งเดิม [10]
    • ใส่ใบชา 2 ช้อนชาลงไปในกาแล้วเติมน้ำที่เดือด ทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นจึงเทน้ำชาผ่านที่กรองลงในกาอีกใบ (ถ้าให้ดีควรใช้กาสแตนเลส) เพื่อกรองเอาเศษใบชาออก
    • เติมน้ำตาล 2-3 ช้อนชา (จำไว้ว่าชาชนิดนี้ควรมีรสหวาน)
    • นำกาไปตั้งไฟ จะทำให้น้ำตาลละลาย และยังทำให้ชามีรสชาติที่ใกล้เคียงกับชามินต์โมร็อคโคแบบต้นตำรับมากยิ่งขึ้น จากนั้นให้ใส่ใบมินต์ตามลงไป
    • ให้เสิร์ฟชาทั้งหมด 3 รอบ เพราะรสชาติของชาจะเปลี่ยนไปเมื่อแช่ใบชาเป็นเวลานาน
  2. ชาที่ได้รับความนิยมในแถบอเมริกาใต้นี้มักดื่มกันในการพบปะสังสรรค์ เช่น การพบปะกันในหมู่เพื่อนหรือครอบครัว โดยเชื่อกันว่าชาชนิดนี้มีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพ ในการดื่มชาเยอร์บา มาเตแบบดั้งเดิมนั้น สิ่งที่จำเป็นคือมาเต (น้ำเต้าชนิดหนึ่ง) และบอมบิลลา (หลอดดูดที่มีที่กรอง) [11]
    • ใส่ใบชาเยอร์บา มาเตลงไปในน้ำเต้าในประมาณ ⅔ แล้วเขย่าเพื่อให้ใบชาไปรวมกันอยู่ด้านหนึ่งและเหลือพื้นที่ไว้อีกด้านหนึ่ง เทน้ำเย็นเพียงเล็กน้อยลงไปในพื้นที่ว่าง เพื่อไม่ให้ใบชาที่อยู่ด้านบนเปียกชื้นมากเกินไป เอียงน้ำเต้าจนกระทั่งใบชาดูดซึมน้ำจนหมด
    • ใช้นิ้วจับที่ด้านบนของหลอดและนำด้านปลายใส่เข้าไปในน้ำเต้าจนถึงก้นน้ำเต้า
    • เติมน้ำร้อน (ประมาณ 65 องศาเซลเซียส) ลงไปในพื้นที่ว่างจนน้ำเกือบท่วมใบชา ดื่มชาจากบอมบิลลาจนกระทั่งน้ำชาหมดจึงเติมน้ำลงไปอีกครั้ง ชาจะมีรสเข้มมากในครั้งแรก และจะค่อยๆ อ่อนลงหลังชงซ้ำครั้งต่อๆ ไป
    • แบ่งให้เพื่อนๆ ดื่มด้วย ควรระวังไม่ให้หลอดคนถูกน้ำชา และควรดื่มชาจากพื้นที่ว่างในน้ำเต้าเท่านั้น คุณสามารถเติมน้ำเข้าไปใหม่ได้ถึง 15-20 ครั้ง [12]
    • อาจชงเยอร์บา มาเตในเครื่องชงกาแฟได้เช่นกัน โดยชงเหมือนกับการชงกาแฟทั่วไป เพียงแค่อาจไม่ได้ลองทำตามวิธีดั้งเดิมเท่านั้น
  3. ชาที่เป็นที่นิยมในประเทศอินเดียคือชาดำใส่นมควายและน้ำตาลที่เสิร์ฟมาในถ้วยดินเผาเล็กๆ หรืออาจลองทำชาที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากอย่างชามาซาลา
    • ในการทำชามาซาลา สิ่งที่ต้องเตรียมคือ พริกไทยดำ 4 เม็ด อบเชย 1 ก้าน ลูกกระวานเขียว 6 ลูก กานพลู 6 ดอก ขิงขนาด 1 นิ้ว (2.5 เซนติเมตร) ปอกเปลือกและหั่นเป็นแว่น ชาดำ 2 ช้อนโต๊ะ (ปริมาณเท่ากับชา 2 ถุง) น้ำ 3 ถ้วย นมสด 1 ถ้วย และน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ (ควรเลือกใช้น้ำตาลทรายแดง)
    • ต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่เครื่องเทศชนิดต่างๆ ลงไป ปิดฝาแล้วต้มไว้นาน 5 นาทีจึงปิดไฟ ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที นำไปต้มอีกครั้งสักครู่แล้วจึงยกออก จากนั้นจึงเติมชาลงไปและทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที กรองเครื่องเทศออกแล้วเติมน้ำตาลกับนมลงไป อุ่นด้วยไฟอ่อนประมาณ 1 นาที [13]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ไม่ควรทิ้งชาไว้จนเย็น เพราะชาที่เย็นแล้วจะทำให้รสชาติของชาเปลี่ยนไป เว้นแต่ว่าชาชนิดนั้นจะเหมาะกับการดื่มแบบเย็นๆ แม้ว่าชาร้อนจะเป็นตัวเลือกทั่วไปสำหรับงานปาร์ตี้ต่างๆ แต่คุณก็สามารถดื่มชาเย็นแทนหรือดื่มร่วมกับชาร้อนได้เช่นเดียวกัน
  • อาจลองชารสชาติหรือชนิดอื่นๆ ดูบ้าง เช่น ชาคาร์โมไมล์ ชาสมุนไพร ชาไจ ชาดำ ชาขาว ชาเขียว และชาแต่งกลิ่น
  • แต่ละประเทศทั่วโลกมีวัฒนธรรมการดื่มชาที่แตกต่างกัน เช่น พิธีชงชาของประเทศญี่ปุ่น ลองเรียนรู้วิธีการดื่มชาของประเทศต่างๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การดื่มชาของคุณดูสิ!
โฆษณา

คำเตือน

  • หลังจากที่แช่ชาทิ้งไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรมั่นใจว่าชามีความร้อนพอที่เมื่อเติมครีมหรือนมลงไปแล้วชายังคงอุ่นอยู่
  • ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนเกินไปเพราะอาจถูกลวกปากได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,066 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา