ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม ให้คุณจำไว้เสมอว่าอย่าพยายามใช้กำลังในการแก้ปัญหาที่คุณมีกับคนบนท้องถนนเด็ดขาด และสิ่งแรกที่คุณควรทำก็คือ หาทางแก้ไขหรือลดความรุนแรงของปัญหาด้วยการพูดจากันดีๆ แต่ถ้าเมื่อใดที่คุณพบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่คุณต้องปกป้องตัวเองจริงๆ การเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้บนท้องถนนก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรจะเรียนรู้ไว้เพื่อทำให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยและเป็นฝ่ายที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ฉะนั้น หากคุณรู้จักที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ และเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเอาไว้ และใช้เทคนิคจากศิลปะการต่อสู้ที่เหมาะสมในการเอาชนะฝ่ายตรงข้าม คุณก็จะรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกมั่นใจได้ หากต้องเผชิญหน้ากับคนที่ใช้ความรุนแรง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ป้องกันตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงแม้ว่าคุณอาจจะเลือกไม่ได้ว่าการต่อสู้นั้นจะเกิดขึ้นที่ไหนได้บ้าง แต่จริงๆ ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่คุณสามารถทำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่คุณต้องป้องกันตัวได้ ซึ่งก็จะมีตั้งแต่การหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันกลางถนนหรือบนทางเท้าแข็งๆ หรือคอนกรีต หรือที่ที่มีขอบคมหรือขอบแข็งๆ อย่างบันไดคอนกรีต
    • หากคนที่จะทำร้ายคุณดึงอาวุธออกมาอย่างเช่น มีดหรือท่อยาวๆ ให้คุณพยายามวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นให้ได้ [1]
    • หากมีใครบางคนพยายามจะปล้นคุณด้วยการเล็งปากกระบอกปืนมาที่ตัวคุณ คุณก็ควรให้สิ่งของที่เขาต้องการไป อย่าไปเสี่ยงทำให้ตัวเองบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตเลยจะดีกว่า
    • จำไว้ว่า บางครั้งการป้องกันตัวและการรักษาตัวรอดนั้นก็หมายถึงการพยายามบังคับให้ตัวเองมีชีวิตอยู่รอดนั่นเอง
  2. การโจมตีเข้าที่บริเวณใบหน้า ขมับ ลำคอ ไต หรือช่องท้อง อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามเจ็บจนสู้ต่อไม่ไหวได้ในที่สุด [2] นอกจากนี้ การข่วน การกัด การใช้เล็บ การฉีดพ่นบางอย่างใส่ การดึงผม และการโจมตีที่ดวงตาก็เป็นวิธีที่ใช้ได้เหมือนกัน และให้จำไว้ว่าคุณกำลังป้องกันตัวเองจากคนที่ใช้ความรุนแรงอยู่ คุณไม่ได้กำลังต่อสู้อยู่บนสังเวียนที่คุณจำเป็นต้องทำตามกติกาที่วางไว้ ฉะนั้น ให้ใช้วิธีไหนก็ได้ที่จะทำให้ตัวเองปลอดภัย เช่น ใช้นิ้วมือโจมตีไปที่ดวงตาและลำคอ
    • การชกไปที่จมูกสามารถทำให้สายตาพร่ามัวและทำให้เกิดความเจ็บปวดได้ และนั่นก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกงุนงงได้ในช่วงหนึ่ง ซึ่งเพียงพอที่จะให้คุณหนีออกมาได้
  3. คุณควรจะเตะในระดับต่ำๆ ที่ตรงบริเวณหน้าแข้ง ข้อเท้า ด้านในหรือด้านหลังของน่อง หรือของต้นขาและหัวเข่า (หากขาของอีกฝ่ายกำลังเหยียดตรงอยู่) และอย่าเล็งเป้าให้สูงขึ้นไปเหนือหัวเข่าหรือเอว เพราะว่านั่นจะเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายจับยึดขาคุณได้ นอกจากนี้ หากคุณมีสิ่งของบางอย่าง เช่น ไม้กระบองหรือท่อยาวๆ คุณอาจจะใช้ของเหล่านั้นโจมตีขาของคู่ต่อสู้ก็ได้ เพราะถ้าเกิดว่าคู่ต่อสู้ของคุณไม่สามารถที่จะเดินหรือเข้ามาโจมตีคุณต่อได้อีก คุณก็จะสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยโดยที่ไม่ต้องต่อสู้ต่อไปเรื่อยๆ
  4. การโจมตีจากด้านหลังนั้นยากที่จะมองเห็นและหลีกเลี่ยงได้ และในการต่อสู้จริงๆ นั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะกลายเป็นคนขี้ขลาดหากคุณเลือกโจมตีจากด้านหลัง ฉะนั้น คอยระวังหลังตัวเองเอาไว้ และเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางด้านหลัง โดยให้คุณใช้การเคลื่อนไหวทางด้านข้าง จากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง และวนรอบๆ ตัวอีกฝ่ายเอาไว้ จำไว้ว่า การโจมตีที่ขาของคู่ต่อสู้หรือการเข้าจับยึดแขนทั้งสองข้างของคู่ต่อสู้จากทางด้านหลังนั้น จะช่วยให้คุณหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไว้ได้นานพอที่ความช่วยเหลือจะมาถึง
  5. ให้คุณใช้ด้านบนของหน้าฝากโขกลงไปที่จมูกและใบหน้าของคู่ต่อสู้ เพราะการใช้หัวโขกนั้นสามารถน็อคคู่ต่อสู้ให้ล้มลงหรือทำให้กระดูกบนหน้าแตกได้ ฉะนั้น เวลาจะสู้ ก็ให้คุณเก็บคางและใช้ด้านบนของหน้าผากโขกไปที่บริเวณดวงตา จมูก และปากของคู่ต่อสู้ [3]
  6. หากคุณต่อสู้แบบประชิดตัวได้สำเร็จ แม้แต่คู่ต่อสู้ที่แข็งแรงกว่าหรือว่องไวกว่าก็สามารถอยู่ในการควบคุมของคุณได้ ซึ่งรูปแบบการต่อสู้ลักษณะนี้ที่เป็นที่นิยมก็จะมีทั้ง การต่อสู้แบบบราซิลเลียน ยูยิตสู การต่อสู้แบบแซมโบ การสู้แบบมวยปล้ำ ฉะนั้น ให้คุณเรียนรู้วิธีการจับ ทุ่ม และล็อกคอคู่ต่อสู้เอาไว้หากคุณอยากจะให้การต่อสู้นี้จบลงเร็วๆ นอกจากนี้ ให้จำไว้ว่าการบังคับทิศทางตำแหน่งการต่อสู้ให้อยู่กับพื้นนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เช่นกัน [4]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้เทคนิคต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นอกเหนือจากสิ่งของต่างๆ ที่สามารถใช้เป็นอาวุธและกับดักแล้ว การรู้ว่าตัวเองควรจะวิ่งไปทางไหนก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนคนเยอะกว่า ฉะนั้น ให้ใช้สติทั้งหมดที่ตัวเองมี อย่าเพียงแต่มองไปรอบๆ แบบไม่มีจุดมุ่งหมาย และให้โฟกัสไปกับสิ่งที่ตัวเองอาจจะต้องทำในสถานการณ์นั้นด้วย
  2. คุณควรจะยืนให้ห่างจากคู่ต่อสู้เพื่อความปลอดภัยจนกว่าคุณจะพร้อมสู้จริงๆ เพราะเนื่องจากว่าคนที่โจมตีคุณนั้นจะต้องอาศัยระยะประชิดเพื่อเข้าโจมตีคุณ ดังนั้น การยืนให้ห่างพอที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเอื้อมไม่ถึงตัวคุณก็หมายถึงการที่ฝ่ายนั้นไม่สามารถโจมตีคุณได้นั่นเอง นอกจากนี้ ให้พยายามยืนที่ทางด้านข้างของอีกฝ่ายแทนการยืนประจันหน้ากัน และจำไว้ด้วยว่า บางครั้งตัวคู่ต่อสู้เองก็สามารถเป็นอุปสรรคต่อพวกเขาเองได้เช่นกัน ฉะนั้น ให้คุณตั้งการ์ดป้องกันเอาไว้ โดยคุณอาจจะใช้วิธีไขว้แขนขึ้นเอาไว้ข้างบนและป้องกันใบหน้าของตัวเองเอาไว้เวลาที่คู่ต่อสู้มุ่งเป้ามาที่หน้าคุณก็ได้
  3. ถ้าอิงตามกฎหมายที่ว่าถึง “การใช้กำลังตามสมควร” แล้ว คุณก็มีสิทธิที่จะใช้กำลังตามความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง ซึ่งถ้าหากคุณชักมีด (หรืออาวุธแบบอื่น) ขึ้นมาขู่ฝ่ายตรงข้ามแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังคิดที่จะเข้ามาทำร้ายคุณอยู่ นั่นก็แสดงว่าเขากดดันให้คุณต้องปกป้องตัวเองแล้วล่ะ จำไว้เสมอว่า การมีชีวิตอยู่คือสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ฉะนั้น สิ่งที่คุณควรทำก็คือ โจมตีหรือขู่ฝ่ายตรงข้ามให้เกิดความกลัวแค่พอที่จะทำให้คุณมีโอกาสหนีออกมาได้
    • ให้มองหาสิ่งของบางอย่างที่น่าจะเอาไว้ใช้เป็นอาวุธได้ อย่างเช่น ด้ามไม้กวาด ไม้กระบอง หรือฝาปิดถังขยะก็ได้
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Adrian Tandez

    ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปการป้องกันตัว
    เอเดรียน แทนเดซเป็นผู้ก่อตั้งและหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ Tandez Academy ศูนย์ฝึกอบรมศิลปการป้องกันตัวที่มีชื่อเสียงระดับโลก เขาเป็นครูมวยเจี๋ยฉวนเต้าของบรู๊ซ ลี ศิลปการป้องกันตัวแบบฟิลิปปินส์และสีลัตโดยปรมาจารย์ด้านศิลปการป้องกันตัวอย่างแดน อิโนซานโต เขาฝึกการป้องกันตัวด้านนี้มากว่า 25 ปี
    Adrian Tandez
    ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปการป้องกันตัว

    ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีมีด พยายามปลดมีด เอเดรียน แทนเดซ ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการป้องกันตัวกล่าวว่า: “หากคุณจำต้องสู้กับคนมีมีด จำต้องปลดมีดออกโดยเร็ว ถ้าเป็นไปได้ ให้คว้ามีดจากฝ่ายตรงข้าม ในขณะต่อสู้ ให้ป้องกันอวัยวะสำคัญ ใบหน้าและลำคอ พยายามเคลื่อนเท้าตลอดเวลาและใช้ข้าวของเครื่องใช้มาเป็นอุปสรรค อย่าเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามมาทำให้คุณบาดเจ็บได้ง่าย”

  4. ปิดระยะห่างให้เหลือน้อยที่สุดหากคุณพร้อมที่จะโจมตีฝ่ายตรงข้ามแล้ว. คนส่วนใหญ่นั้นคิดว่าถ้าหากเข้าโจมตีในระยะประชิดกับฝ่ายตรงข้าม นั่นก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกไม่ถนัดและรู้สึกว่ามันเป็นการโจมตีในแบบที่ไม่คาดคิดได้ ซึ่งข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการเข้าประชิดตัวก็คือ คู่ต่อสู้ของคุณจะไม่สามารถเหยียดแขนออกมาได้เต็มที่ และนั่นก็จะช่วยลดกำลังของการชกได้ [5] ฉะนั้น ให้คุณพยายามกดคู่ต่อสู้ให้ติดกับพื้น และควบคุมลำตัวของคู่ต่อสู้ให้ได้ เพราะถ้าหากอีกฝ่ายนอนติดอยู่กับพื้น พวกเขาก็จะไม่สามารถชกคุณให้แรงเท่ากับตอนที่พวกเขายืนได้
  5. ทำตัวให้ผ่อนคลายเท่าที่จะทำได้ และหายใจเข้าลึกๆ . ยิ่งคุณผ่อนคลายมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีแรงโจมตีมากขึ้นเท่านั้น และความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของคุณก็จะลดลงไปด้วย ฉะนั้น ให้คุณควบคุมการหายใจของตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึกๆ ผ่านทางจมูก และหายใจออกผ่านทางปาก และจำไว้ว่า ถ้าคุณหายใจแบบตื้นๆ นั่นก็จะทำให้คุณเหนื่อยเร็วขึ้น และทำให้คู่ต่อสู้ได้เปรียบคุณได้ [6]
    • ยิ่งคุณตื่นเต้นหรือเครียดมากเท่าไร เวลาสู้ คุณก็จะยิ่งเหนื่อยเร็วขึ้นเท่านั้น
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Adrian Tandez

    ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปการป้องกันตัว
    เอเดรียน แทนเดซเป็นผู้ก่อตั้งและหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ Tandez Academy ศูนย์ฝึกอบรมศิลปการป้องกันตัวที่มีชื่อเสียงระดับโลก เขาเป็นครูมวยเจี๋ยฉวนเต้าของบรู๊ซ ลี ศิลปการป้องกันตัวแบบฟิลิปปินส์และสีลัตโดยปรมาจารย์ด้านศิลปการป้องกันตัวอย่างแดน อิโนซานโต เขาฝึกการป้องกันตัวด้านนี้มากว่า 25 ปี
    Adrian Tandez
    ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปการป้องกันตัว

    ใช้เทคนิคที่ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงให้ตนเองบาดเจ็บ เอเดรียน แทนเดซ ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการป้องกันตัวกล่าวว่า: “ถ้าจัดท่าทางถูกต้อง ไหล่คุณควรเป็นแนวเดียวกับข้อศอกและข้อมือและฝ่ามือ คุณจะเพิ่มความรุนแรงได้ถ้าร่างกายมั่นคง ทั้งยังทนทานต่อแรงที่สะท้อนกลับมาเพราะ การจัดท่าทางที่ถูกต้องก็เหมือนเป็นตัวซับแรงสะเทือน

  6. รักษาสมดุลของตัวเองเอาไว้ เพื่อที่คุณจะได้สามารถยืนได้อย่างมั่นคง. ให้คุณกางขาให้กว้างเท่ากับความกว้างของไหล่และงอเข่าเล็กน้อย จำไว้ว่า การนอนต่อสู้กันบนพื้นนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ สำหรับคนที่ไม่เคยฝึกฝนการต่อสู้บนพื้นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจอกับคู่ต่อสู้ที่มีอาวุธ มีพรรคพวกเยอะ หรือมีประสบการณ์การต่อสู้ในลักษณะนี้มาอยู่แล้ว ฉะนั้น หากคุณพบว่าตัวเองและฝ่ายตรงข้ามกำลังต่อสู้กันอย่างอลหม่าน ให้คุณรีบแยกตัวออกมาด้วยวิธีไหนก็ได้ [7]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

หลีกเลี่ยงการต่อสู้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่า วิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะการต่อสู้บนท้องถนนนั้นก็คือการหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันตั้งแต่ทีแรกนั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว การต่อสู้บนท้องถนนก็มักจะมีสัญญาณเตือนให้รู้ก่อนที่จะเกิดการใช้กำลังต่อสู้กันจริงๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น ให้คุณพยายามเคลียร์ปัญหากันก่อนที่จะเกิดการต่อสู้กันจริงๆ หากเป็นการปะทะคารมกัน ก็ให้คุณใจเย็นๆ เข้าไว้และมีจิตใจที่มั่นคง และเลือกที่จะเป็นฝ่ายขอโทษแทน นอกจากนี้ ให้คุณทำตัวเป็นกลางและหลีกเลี่ยงการประจันหน้าเข้าไว้ โดยคุณอาจจะลองพูด ขอโทษ กับอีกฝ่าย และอธิบายให้รู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรให้พวกเขาโกรธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
    • สัญญาณเตือนต่างๆ ที่จะทำให้คุณรู้ได้ว่ามีใครสักคนอยากจะปะทะกับคุณก็จะมีทั้ง การกำหมัดแน่น ท่าทางที่ดุดัน และการตะโกนหรือการก่นด่าสาปแช่ง [8]
    • คุณอาจจะพูดบางอย่างออกมาอย่างเช่น “คุณ...คือฉันเสียใจจริงๆ นะที่คุณต้องต้องเจออะไรแบบนั้น แต่ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย ฉันขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เข้าใจผิด”
    • หากพวกเขามีท่าทีจะเข้ามาทำร้ายคุณ จำไว้เสมอว่าคุณต้องไขว้มือหรือแขนขึ้นมาป้องกันเอาไว้เวลาที่พวกเขาจะโจมตีคุณ และคุณก็อาจจะพูดออกไปด้วยว่า “เฮ้...ถอยไปนะ!” หรือไม่ก็พูดว่า “ฉันไม่ได้อยากจะสู้กับพวกเธอนะ ปล่อยฉันไปเถอะขอร้องล่ะ”
  2. หากคุณเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ หรือว่ามีพวกน้อยกว่า หรือแค่ไม่อยากจะต่อสู้เฉยๆ คุณก็ควรจะวิ่งหนีออกมาตั้งแต่ครั้งแรกที่มีโอกาส โดยให้คุณพยายามวิ่งหนีเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นสาธารณะ หรือพื้นที่ที่มีแสงสว่างและผู้คนเยอะๆ และระหว่างที่คุณวิ่งหนีออกมา ก็ให้คุณพยายามใช้สิ่งของต่างๆ ทำเป็นสิ่งที่คอยกีดขวางทางของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • หากคุณสามารถใช้ถังขยะ รถยนต์ รถบัส หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ มากันตัวคุณจากการวิ่งไล่ของฝ่ายตรงข้ามได้ นั่นก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก
    • ให้คุณวิ่งหนีบนทางที่เป็นทางแคบๆ อย่างเช่น ช่องว่างระหว่างรถยนต์สองคัน หรือปล่องบันไดแคบๆ หรือว่าห้องโถงแคบๆ ก็ได้ เพราะวิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามยกพวกเข้ารุมคุณได้
    • หากคุณรู้ว่าตัวเองไม่มีทางวิ่งได้เร็วกว่าพวกเขา คุณอย่าลองวิธีนี้เด็ดขาด เพราะถ้าหากคุณโดนจับได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฝ่ายตรงข้ามมีหลายคน) โอกาสที่คุณจะแพ้การต่อสู้ก็จะเพิ่มมากขึ้นไปอีก เพราะว่าคุณได้สูญเสียพลังงานของตัวเองไปแล้ว ฉะนั้น เวลาคุณตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจริงๆ ให้คุณมองไปรอบๆ และเตรียมพร้อมที่จะป้องกันตัวเองซะ
  3. อย่ากลัวที่จะกรีดร้องหรือตะโกนขอความช่วยเหลือ และให้มองหาเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเอาไว้ การส่งเสียงดังๆ หรือตะโกนออกมาจะเป็นการเรียกความสนใจจากคนอื่นได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามของคุณไม่อยากจะให้เกิดขึ้นแน่นอน นอกจากนี้ วิธีนี้นี้ยังทำให้อีกฝ่ายเกิดความวอกแวกและตื่นตระหนกจนทำให้พวกเขากลายเป็นคู่ต่อสู้มีศักยภาพน้อยลงได้ด้วย และถ้าหากคนอื่นเห็นว่าอาจจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น คนที่จะทำร้ายคุณก็อาจจะมีแนวโน้มใช้ความรุนแรงน้อยลงไปด้วย
    • คุณอาจจะตะโกนออกมาว่า “ช่วยด้วย มีคนกำลังจะทำร้ายฉัน!” หรือ “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้ฉันที!”
    • เวลาที่คุณจะตะโกนขอความช่วยเหลือ ให้คุณมองหาใครสักคนแล้วมองตาของพวกเขาก่อนที่คุณจะตะโกนออกไปหาพวกเขา
    • หากคุณสร้างสถานการณ์ลักษณะนี้ขึ้นมาได้ คนที่จะทำร้ายคุณก็อาจจะเดินหนีออกไปเฉยๆ ก็เป็นได้
  4. โทรศัพท์หาตำรวจหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เร็วที่สุด บอกพวกเขาว่าคุณอยู่ตรงไหน และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ไหน และบอกลักษณะของคนที่จะทำร้ายคุณให้เจ้าหน้าที่รู้ อย่าพยายามยืนอยู่กับที่และต่อสู้กับทุกคนที่เข้ามาหากคุณต้องสู้กับคนหลายคน เมื่อมีโอกาสหนีก็ให้คุณหนีออกมาซะ
  5. หากคุณทำอะไรสักอย่างให้คนอื่นโกรธจนถึงจุดที่พวกเขาอยากจะต่อสู้กับคุณ บางทีนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณไปทำอะไรที่เป็นการยุแหย่พวกเขาก็ได้ ฉะนั้น ให้นึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปให้ดีๆ จากนั้นก็ขอโทษแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นซะ นอกจากนี้ ให้พยายามทำความเข้าใจจากมุมมองของพวกเขา และก็ต้องขอโทษอย่างใจจริงด้วย ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงโกรธ แต่ก็พยายามอย่าไปใส่อารมณ์กับความโกรธของพวกเขามากนัก และพยายามคลี่คลายสถานการณ์แทนการยั่วยุให้บานปลายจะดีที่สุด
    • ตัวอย่างเข่น หากมีใครบางคนตะโกนใส่หน้าคุณและมีท่าทีก้าวร้าวใส่คุณ คุณอาจจะพูดออกไปว่า “เฮ้...ฉันขอโทษจริงๆ ที่ทำน้ำคุณหกน่ะ คือตรงนี้คนมันเยอะจริงๆ ฉันก็เลยเดินไปชนคุณเข้า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เสื้อคุณเลอะจริงๆ เราไม่โกรธกันนะ”
    • หากคุณพูดบางสิ่งบางอย่างที่ไปกระทบจิตใจใครบางคน คุณอาจจะขอโทษเขาด้วยการพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดทำร้ายจิตใจคุณนะ และฉันก็ลองนึกดูแล้ว ฉันว่าตัวฉันเองก็พูดพล่อยเกินไป ฉันขอโทษจริงๆ เราทิ้งมันไว้ตรงนี้แล้วหายโกรธกันจะได้หรือเปล่า?
  6. ข้อหาทำร้ายร่างกายนั้นไล่ระดับตั้งแต่ความผิดอาญาที่ไม่ร้ายแรงไปจนถึงความผิดอาญาแบบร้ายแรง และถ้าหากคุณปลุกปั่นจนเกิดการต่อสู้ และทำร้ายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส คุณก็อาจจะโดนตั้งข้อหาจากทางการและถูกจำคุกได้ ซึ่งบทลงโทษสำหรับข้อหาทำร้ายร่างกายแบบรุนแรงนั้นไล่ระดับตั้งแต่การถูกคุมความประพฤตินานเป็นปีไปจนถึงการจำคุกเลยก็ว่าได้ [9] นอกจากนี้ การต่อสู้ก็ยังเป็นสิ่งที่เสี่ยงต่อสุขภาพร่างกาย ความเป็นอยู่ รวมถึงชีวิตคุณด้วย ฉะนั้น เวลาที่คุณอยู่บนท้องถนน คุณก็ควรจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ตั้งแต่ต้น
    • หากคุณอยากจะระบายอารมณ์รุนแรงของตัวเองออกมา หรือรู้สึกสนุกกับการต่อสู้ ให้คุณเข้ายิมที่มีการสอนศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (mixed martial arts) จะดีกว่า
    • นอกจากนี้ก็ยังมียิมประเภทอื่นๆ ที่คุณสามารถเข้าไปฝึกฝนการต่อสู้ได้อีก เช่น ยิมสอนมวยไทยและมวยสากลตามที่ต่างๆ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณกำลังต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่มีมากกว่าหนึ่งคน ให้คุณโจมตีคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน เมื่อคุณล้มคู่ต่อสู้ลงได้หนึ่งคนหรือมากกว่านั้นแล้ว ก็ให้คุณวิ่งหนีออกมาซะ เพราะบางครั้ง การล้มคู่ต่อสู้แค่เพียงคนเดียวก็สามารถสร้างความกลัวให้กับพวกที่เหลืออยู่ได้แล้ว
  • นับด้วยว่าฝ่ายตรงข้ามคุณมีอยู่กี่คนและจำไว้ให้ขึ้นใจ เพราะนี่จะช่วยป้องกันการจู่โจมแบบไม่คาดคิดได้ หากฝ่ายตรงข้ามกระจายตัวออกจากกัน
  • หากมีใครบางคนที่ฝึกฝนมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ดีกว่าคุณ ให้คุณยกหน้าที่นี้ให้พวกเขาเลย อย่าพยายามเข้าไปยุ่งวุ่นวาย เพราะตัวคุณอาจจะทำให้เกิดปัญหามากขึ้นก็ได้ นอกจากนี้ ให้คุณทำตามสิ่งที่พวกเขาสั่งให้คุณทำด้วย
  • การเรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัวนั้นถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมให้คุณสามารถที่จะเอาชนะการต่อสู้บนท้องถนนได้ หากเกิดเหตุการณ์ที่คุณจนมุมขึ้นมาจริงๆ ฉะนั้น ให้คุณ เลือกสไตล์การต่อสู้ ที่สอนให้คุณรู้จักที่จะต่อสู้แบบยืนปะทะ ต่อสู้แบบประชิดตัว และต่อสู้ในท่านอน เพื่อที่คุณจะได้ต่อสู้ได้ทั้งแบบยืนและนอนบนพื้น อย่างไรก็ตาม ให้คุณจำไว้ด้วยว่า ถึงแม้ว่าคุณจะเรียนศิลปะการป้องกันตัวมาเป็นเวลานานแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่การันตีได้เสมอไปว่าคุณจะปลอดภัยเวลาที่อยู่บนท้องถนน
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าพยายามต่อสู้กับใครเวลาที่ตัวเองกำลังรู้สึกมึนงงหรือมีอาการที่เกิดจากผลข้างเคียงจากการทานยาเด็ดขาด ยกเว้นถ้าตอนนั้นคุณต้องสู้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และไม่มีอาวุธป้องกันตัวจริงๆ
  • เวลาที่คุณกำลังจะชกหน้าคู้ต่อสู้ ให้คุณระวังให้มากๆ เพราะนิ้วคุณหากจะหักหรือมีบาดแผลรุนแรงได้หากคุณชกเข้าไปที่หน้าผาก ฟัน หรือจมูก
  • บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอแนวทางเบื้องต้นในการรับมือกับสถานการณ์คับขัน และไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เป็นการทดแทนการฝึกอบรมการป้องกันตัวแต่อย่างใด ฉะนั้น หากคุณรู้สึกกังวลกับการเรียนรู้วิธีป้องกันตัวจากความรุนแรงจริงๆ ล่ะก็ ให้คุณลองหาคลาสสอนวิธีการป้องกันตัวที่เปิดสอนในพื้นที่ที่คุณอยู่ดู และถ้าหากคุณไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากที่ไหน คุณอาจจะลองสอบถามที่สถานีตำรวจใกล้บ้านก็ได้
  • การต่อสู้อาจทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และอาจทำให้คุณติดคุกได้
  • “การใช้กำลังตามสมควร” คือวลีที่สำคัญที่สุดที่คุณควรจะต้องจำเอาไว้หากเกิดเหตุการณ์ที่คุณจำเป็นต้องปกป้องตัวเองจริงๆ เพราะตามกฎหมายแล้ว คุณสามารถป้องกันตัวเองจากการถูกคนอื่นทำร้ายได้ แต่ต้องไม่มากไปกว่านั้น แค่ต่อสู้พอที่จะให้ตัวเองหนีออกมาได้เท่านั้นพอ และต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบโดยเร็วที่สุดด้วย จำไว้เสมอว่าในบางประเทศ บางสิ่งบางอย่างเช่น การเตะใครสักคนในขณะที่คนๆ นั้นเสียหลักอยู่นั้นก็ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายแล้ว แม้จะเป็นในบริบทของการป้องกันตัวก็ตาม
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,916 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา