ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กุญแจสำคัญของการเอาชีวิตรอดจากการถูกงูพิษกัดคือการสงบสติและมองหาความช่วยเหลือทางการแพทย์ในทันที เวลาที่งูพิษกัดนั้น พวกมันจะปล่อยพิษเข้าสู่เหยื่อ ถ้าไม่ได้รับการรักษา รอยกัดนั้นก็อาจหนักถึงแก่ชีวิต แต่ถ้าเหยื่อได้รับเซรุ่มแก้พิษอย่างทันท่วงที มันจะป้องกันอันตรายนั้นหรืออาจพลิกสถานการณ์จากร้ายเป็นดีได้ [1]

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ตอบสนองอย่างฉับไวและด้วยอาการสงบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในสหรัฐคือหมายเลข 911, ในอังกฤษคือหมายเลข 999, ในออสเตรเลียคือหมายเลข 000 และในประเทศไทยคือหมายเลข 191 กุญแจของการเอาชีวิตรอดจากการถูกงูพิษกัดคือการได้รับเซรุ่มเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    • โทรศัพท์สายด่วนแม้ว่าคุณจะไม่แน่ใจว่างูที่กัดมีพิษหรือไม่ อย่ารอดูอาการ เพราะในระหว่างที่รอ คุณได้เสียเวลาอันมีค่าไปในขณะที่พิษงูแพร่กระจายแล้ว
    • ทางผู้รับแจ้งปลายสายจะแนะนำได้ว่าควรส่งรถฉุกเฉินไปรับคุณหรือคุณควรรีบไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
    • ถ้าคุณจะไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หาใครมาขับรถให้ อย่าขับรถไปเอง เพราะเมื่อพิษงูเริ่มออกอาการ มันอาจก่อให้เกิดอาการดังต่อไปนี้ มองเห็นไม่ชัด หายใจติดขัด หมดสติ และเป็นอัมพาต ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง [2]
  2. ยิ่งหัวใจเต้นเร็ว พิษยิ่งกระจายไปทั่วร่าง อย่าพยายามดูดเลือดออกจากรอยกัด มันไม่ช่วยอะไรและพิษได้กระจายไปแล้ว [3]
  3. มันจะทำให้เขาทราบว่าควรเตรียมเซรุ่มที่ถูกชนิดไว้ให้คุณ แต่เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมพิษในการเลือกวิธีรักษาที่ได้ผลที่สุด [4] ให้บอกข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของงูให้ละเอียดที่สุด [5]
    • งูตัวยาวขนาดไหน?
    • งูมีลำตัวหนาเท่าใด?
    • งูมีลำตัวสีอะไร?
    • หัวงูมีรูปทรงเช่นไร? เป็นรูปสามเหลี่ยมหรือไม่?
    • ลักษณะรูปทรงของตางูเป็นแบบไหน? เป็นทรงกลมหรือเรียวชี้ขึ้น?
    • ถ้าคุณมีเพื่อนอยู่ตรงนั้นที่สามารถถ่ายรูปงูไว้ในระหว่างที่คุณโทรแจ้งสายด่วน ให้นำรูปภาพนั้นติดตัวไปด้วย
    • อย่าพยายามสังหารงูเพื่อนำซากมันไปด้วย มันอันตรายอย่างยิ่งเพราะคุณเสี่ยงที่จะถูกกัดอีกรอบ แถมเสียเวลาอันมีค่าก่อนการได้รับเซรุ่ม และยิ่งคุณขยับตัวมากแค่ไหน พิษงูก็ยิ่งกระจายไปทั่วร่างได้เร็วแค่นั้น [6]
    • เซรุ่มบางชนิดเป็นแบบ ใช้งานได้หลากหลาย นั่นคือ มันมีประสิทธิภาพรักษาพิษงูได้หลายประเภท
  4. อยู่นิ่งๆ เงียบๆ ในระหว่างนั่งไปโรงพยาบาลหรือรอรถฉุกเฉิน. ยิ่งหัวใจเต้นเร็ว คุณก็จะยิ่งเพิ่มอัตราการไหลเวียนโลหิตไปยังบริเวณที่ถูกกัด ซึ่งจะเร่งการกระจายของพิษ [7]
    • บริเวณที่ถูกกัดจะเริ่มบวมเป่ง ให้รีบถอดเครื่องประดับหรือเสื้อผ้าที่รัดพอดีตัว
    • ให้พยายามรักษาบริเวณที่ถูกกัดให้อยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจเพื่อลดการไหลเวียนของพิษไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
    • ถ้าคุณถูกกัดที่แขนหรือขา ให้ดามมันไว้เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหว มันจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณขยับมันโดยไม่รู้ตัว คุณไม่ต้องการจะเพิ่มการไหลเวียนในบริเวณที่ถูกกัด
    • ถ้าคุณอยู่กับใครที่แข็งแรงพอจะแบกคุณได้ ให้เขาแบกหรืออุ้มคุณเพื่อที่คุณจะได้ไม่เพิ่มการไหลเวียนโลหิตจากการเดิน
    • ถ้าจำเป็นต้องเดิน ให้ลดภาระการออกแรงลงโดยไม่ถืออะไร (อย่างกระเป๋าเป้)
  5. ปล่อยให้เลือดในแผลสดไหลออกมาเองตามธรรมชาติ. ในตอนแรกเลือดจะทะลักออกมามากทั้งนี้เพราะพิษงูมักจะมีคุณสมบัติต่อต้านการแข็งตัวของเลือดอยู่ ถ้าแผลงูกัดนั้นลึกพอที่จะทำให้เลือดสาดกระจาย (เช่น งูกัดโดนเส้นเลือดใหญ่และคุณเสียเลือดอย่างรวดเร็ว) ให้รีบรัดบริเวณที่ถูกกัดในทันที
    • แหล่งข้อมูลให้ความเห็นที่ขัดแย้งกันในเรื่องที่ว่าสมควรล้างแผลหรือไม่ ในขณะที่บางแหล่งข้อมูลอ้างว่าการล้างแผลด้วยน้ำหรือใช้สบู่ร่วมฟอกด้วยนั้นไม่เป็นอะไร ก็มีบางแหล่งข้อมูลแนะนำไม่ให้ทำโดยอ้างว่าร่องรอยของพิษที่พบบนปากแผลจะช่วยให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญบ่งบอกได้ว่าคุณโดนงูอะไรกัดและสามารถให้เซรุ่มถูกชนิดแก่คุณได้ [8] [9]
    • ปิดปากแผลด้วยพลาสเตอร์ที่สะอาดและไม่มีส่วนผสมของยา [10]
  6. อาการนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ชนิดของงู ความรุนแรงของการกัด และปริมาณของพิษที่ถูกปล่อยเข้าสู่บาดแผล อาการอาจมีได้ดังนี้: [11] [12]
    • มีรอยแดง เปลี่ยนสี และ/หรือบวมรอบบริเวณที่ถูกกัด
    • มีอาการเจ็บปวดหรือปวดแสบปวดร้อนอย่างมาก
    • อาเจียน
    • ท้องร่วง
    • ความดันโลหิตตก
    • คลื่นไส้และเป็นลม
    • หายใจติดขัด
    • นัยน์ตาพร่ามัว
    • ปวดศีรษะ
    • น้ำลายฟูมปาก
    • เหงื่อไหลท่วม มีไข้และคอแห้ง
    • ชาหรือคันยุบยิบที่ใบหน้าหรือตามแขนขา
    • บังคับตัวเองไม่ได้
    • พูดจาติดขัด
    • ลิ้นและคอบวม
    • ปวดท้อง
    • อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง
    • ชีพจรเต้นถี่
    • ชักกระตุก
    • ช็อค
    • อัมพาต
    • วิงเวียน
  7. ไตร่ตรองถึงทางเลือกถ้าคุณอยู่ไกลจากแหล่งพยาบาล. ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์ GPS ที่ทำให้หน่วยกู้ชีพหรือรถฉุกเฉินสามารถหาตัวคุณเจอถ้าหากคุณอยู่ในระหว่างการเดินป่าในที่ห่างไกลชุมชน ดังนั้นจึงควรโทรแจ้งสายด่วนเสมอ จำไว้ว่าการรักษาเดียวที่ได้ผลที่สุดคือใช้เซรุ่ม หากปราศจากมัน รอยแผลกัดก็เป็นอันตรายและอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บถาวรขึ้นได้ ถ้าคุณไม่สามารถติดต่อหน่วยกู้ชีพได้ ทางเลือกของคุณคือ:
    • เดินต่อไปจนกระทั่งไปถึงบริเวณที่คุณสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ ถ้าต้องทำเช่นนี้ พยายามไปให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องออกแรงให้น้อยที่สุดด้วย ถ้ามีเพื่อนไปด้วย ให้เขาถือสัมภาระทั้งหมดให้คุณ
    • ถ้าไม่อาจเดินออกไปได้ ให้ล้างแผลด้วยสบู่กับน้ำเพื่อลดโอกาสของการติดเชื้อ
    • พันผ้าพันแผลรอบแขนขา 2-4 นิ้วเหนือรอยกัดเพื่อจำกัดการไหลเวียนของเลือด แต่ไม่ใช่รัดแน่นจนตัดการไหลเวียนของเลือดไปเลย คุณควรยังสามารถเอานิ้วสอดเข้าไปใต้ผ้าพันได้ มันจะช่วยทำให้พิษกระจายตัวได้ช้าลงและไม่ทำให้แขนขาขาดเลือดหล่อเลี้ยง [13]
    • ถ้าคุณมีชุดปฐมพยาบาลแผลงูกัดที่มีตัวดูดมาด้วย ให้ใช้มันตามคำแนะนำของผู้ผลิต แหล่งข้อมูลหลายที่บอกว่ามันใช้ดูดพิษไม่ได้ผลและเสียเวลาเปล่า แต่ถ้าคุณไม่เห็นวี่แววว่าจะได้รับเซรุ่มในเวลาอันรวดเร็ว ก็น่าลองดูอยู่ไม่น้อย [14]
    • พักและพยายามอยู่นิ่งๆ ให้บาดแผลอยู่ใต้ระดับหัวใจเพื่อให้พิษกระจายได้ช้าลง ปกติงูจะไม่ค่อยปล่อยพิษเวลากัด และต่อให้ปล่อยตอนกัด ก็มักไม่ปล่อยพิษในปริมาณที่สูงนัก คุณอาจโชคดีก็ได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

รู้ว่าไม่ควรทำอะไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าทำการประคบเย็นหรือประคบน้ำแข็งบนบาดแผล. มันจะไปลดการไหลเวียนของเลือด ทำให้พิษคั่งอยู่ตรงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นและอาจทำให้บริเวณนั้นเกิดความเสียหายมากขึ้น [15]
  2. ส่วนใหญ่มักจะทำก่อนที่จะเริ่มดูดพิษ แต่กลับไปเพิ่มโอกาสการติดเชื้อแทน [16]
    • เนื่องจากเขี้ยวงูมีลักษณะโค้ง พิษงูจึงมักจะไม่ได้ถูกฉีดเข้าไปตรงจุดที่คุณคิดเอาไว้ [17]
    • พิษงูน่าจะเริ่มกระจายไปเรียบร้อยแล้ว
  3. [18] การย้ายพิษงูมาอยู่ที่ปากนั้นอันตรายเพราะคุณสามารถดูดซึมพิษงูผ่านทางเนื้อเยื่อในช่องปากได้ และในกระบวนการเดียวกันคุณกลับย้ายเชื้อโรคในช่องปากเข้าไปสู่บาดแผล เพิ่มโอกาสของการติดเชื้อ
    • พิษงูส่วนใหญ่จะค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้ไปใช้เวลาหาความช่วยเหลือทางแพทย์ให้ทันท่วงทีดีกว่า
    • แหล่งข้อมูลบางที่แนะนำให้ใช้หลอดดูดพิษ [19] บางที่ก็แย้งว่ามันไม่ได้ผล [20]
  4. อย่าใช้ยาหรือยาระงับปวดใดๆ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์. ยาไม่สามารถใช้แทนเซรุ่มได้ [21]
  5. มันมีแต่ทำอันตรายต่อคุณและไม่ปรากฎหลักฐานว่าใช้ได้ผล [22]
  6. การลดอัตราการไหลเวียนของเลือดจะทำให้พิษคั่งอยู่ในบริเวณบาดแผลนั้น ทำให้เนื้อเยื่อตายหรือเสียหายได้และการตัดการไหลเวียนบริเวณนั้นไปเลยก็มีแต่จะทำให้แขนขานั้นเสียหายจนต้องถูกตัด [23]
    • คุณอาจพิจารณาเรื่องการใช้ผ้าพันแผลรัดเหนือรอยแผลขึ้นมา 2-4 นิ้วให้พิษกระจายตัวช้าลงถ้าคุณอยู่ไกลจากมือแพทย์ [24] อย่างไรก็ตาม นี่ก็มีผลทำให้พิษคั่งอยู่ตรงบริเวณนั้น เพิ่มความเสียหายต่อแขนขา
    • อย่ารัดจนตัดการไหลเวียนของเลือดไปยังแขนและขา
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การป้องกันงูกัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเห็นงู ให้เดินอ้อมเพื่อให้มันมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น งูสามารถเคลื่อนที่ได้ไวเวลาพุ่งฉก
    • ถ้าคุณได้ยินเสียงสั่นอันเป็นเอกลักษณ์ของงูหางกระดิ่ง ให้รีบออกมาจากบริเวณนั้นทันที
    • ถ้ามีโอกาส งูส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคุณ
    • อย่าพยายามไปรบกวนหรือใช้ไม้แหย่งู
    • อย่าพยายามจับงู
  2. เลกกิ้งกันงูเป็นกางเกงหนังสัตว์ที่คุณจะใส่รัดเหนือรองเท้าบู๊ตไว้ป้องกันการถูกงูกัด มันอาจจะหนักและร้อนในยามเดินป่า แต่คุ้มมากถ้ามันช่วยป้องกันไม่ให้งูมากัดคุณได้ คุณสามารถหาซื้อรองเท้าบู๊ตที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับป้องกันงูกัดโดยเฉพาะได้ [25]
    • รองเท้าที่มีการป้องกันและเลกกิ้งกันงูนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่งเวลาต้องเดินป่าตอนกลางคืน ซึ่งคุณอาจเผลอเหยียบงูเข้าโดยไม่ทันมอง
  3. หญ้าต้นสูงที่คุณมองไม่เห็นว่าจะเดินเหยียบอะไรหรือมีงูอยู่ใกล้หรือไม่ ถ้าต้องเดินย่ำไปในพงหญ้าสูงที่อาจมีงูซ่อนตัวอยู่ ให้ใช้ท่อนไม้ยาวๆ กวาดหญ้าข้างหน้าคุณ ท่อนไม้จะกวาดหญ้าออกให้คุณเห็นงูและทำให้มันตื่นตกใจจนเลื้อยหลบไป
  4. อย่าไปพลิกก้อนหินหรือท่อนไม้ที่ซึ่งอาจมีงูซ่อนอยู่ข้างใต้ ถ้าต้องทำ ให้ใช้กิ่งไม้ยาวและอย่าเอามือไปวางใกล้รูที่คุณมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
    • ถ้าคุณกำลังปรับพื้นที่หรือทำสวนในบริเวณที่มีงูพิษชุกชุม ให้สวมถุงมือหนังชนิดหนาไว้ป้องกันมือ จะเป็นการดีที่สุดถ้าถุงมือนั้นยาวมาถึงแขนเพื่อป้องกันได้มากกว่ามือคุณ
  5. เรียนรู้ที่จะแยกแยะและหลีกเลี่ยงงูพิษในบริเวณที่คุณอยู่. เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ให้ทำการศึกษางูพิษในบริเวณที่คุณอยู่ว่ามีหน้าตาอย่างไรและเพิ่มความระมัดระวังที่จะหลบเลี่ยงหากเห็นตัวมัน จำไว้ด้วยว่าคุณต้องตื่นตัวและคอยฟังเสียงสั่นหางของงูหางกระดิ่ง ถ้าได้ยิน ให้ถอยกลับทันที!
    โฆษณา


เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,967 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา