ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มันอาจจะดูเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอด 1 วันของชั้นมัธยมศึกษาอย่าว่าแต่หลายปีเลย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามันจะดูน่ากลัวแต่มีหลายอย่างที่คุณสามารถทำเพื่อให้ประสบการณ์ในชั้นมัธยมศึกษาเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดของชีวิต

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การอยู่อย่างมีความสุขและมีสุขภาพดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในช่วงมัธยมศึกษาคุณจะรู้สึกกดดันให้เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเข้ากับสังคม พยายามต่อต้านความรู้สึกนี้ให้มากที่สุดและอนุญาตให้ตัวเองเป็นตัวตนที่ต้องการ ชั้นมัธยมศึกษาให้โอกาสคุณเพื่อค้นหาตัวเองและเติบโตแต่มันจำเป็นที่การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นต้องมาจากภายใน
    • สร้างช่วงเวลาของชีวิตที่ระบุเป้าหมายหลักหลักที่คุณต้องการบรรลุในแต่ละช่วงของชีวิต เมื่อคุณรู้สึกว่าถูกกดดันให้เปลี่ยนแปลง คุณสามารถนึกว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่
    • ถ้าหากคุณกำลังรับมือกับความกดดัน ลองหาที่เงียบๆ ที่คุณสามารถทำสมองให้ปลอดโปร่งและมองสถานการณ์นี้อย่างมีสติ
  2. มีความคิดและอารมณ์เชิงบวก เมื่อเจอช่วงเวลาที่ลำบาก. การมีทัศนคติที่ดีจะช่วยให้คุณมีกำลังใจถึงแม้ว่ามันรู้สึกว่าชีวิตกำลังจะแตกสลาย จำไว้ว่าช่วงมัธยมศึกษาต้องมีวันสิ้นสุด เพราะฉะนั้นพยายามวางตัวให้สงบและผ่อนคลายแม้ในช่วงเวลาที่คร่ำเครียด [1]
  3. เสื้อผ้ามีส่วนสำคัญในชีวิตมัธยมศึกษา เพราะฉะนั้นลองหาสไตล์ของเสื้อผ้าที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุข สิ่งนี้อาจจะเป็นเสื้อผ้านำสมัยที่เพื่อนของคุณสวมใส่หรือเป็นสไตล์ดั้งเดิม ทดลองอย่างที่คุณต้องการจนกว่าคุณจะเจอบางอย่างที่รู้สึกใช่ [2]
    • ถ้าหากคุณต้องใส่ชุดนักเรียน ลองเพิ่มสไตล์ของตัวเองโดยการใส่เครื่องประดับที่เล็กและกลมกลืน
    • อย่าใส่เสื้อผ้าโป๊หรือไม่เหมาะสมที่ผิดกฎระเบียบของโรงเรียน
  4. ถ้าหากคุณไม่ได้เป็นสมาชิกของฟิตเนสหรือมีส่วนร่วมในกีฬาของโรงเรียน ลองออกกำลังกายทุกวันเป็นเวลาประมาณ 60 นาที ถึงแม้ว่าคุณอาจจะรู้สึกว่าตารางเรียนแน่นอยู่แล้วแต่จำไว้ว่าการมีสุขภาพดีจะทำให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้นในขณะที่ช่วยพัฒนารูปร่างหน้าตาและความสามารถในโรงเรียนด้วย [3]
    • แทนที่จะออกกำลังกายแบบเดิมๆ เช่น วิดพื้น คุณสามารถไปเดินเล่นกับเพื่อนหรือเข้าร่วมในเกมกีฬาของโรงเรียน
  5. นอกเหนือจากคืนที่ต้องนอนดึกเพื่อทำชิ้นงานให้เสร็จหรืออ่านหนังสือสอบแล้ว พยายามนอนให้ได้ 9-10 ชั่วโมงต่อคืน ถึงแม้ว่าคุณอาจจะรู้สึกว่าคุณเสียเวลาแต่การพักผ่อนจะทำให้คุณกระปรี้กระเป๋าระหว่างวันซึ่งช่วยให้คุณมีความสุขและสดชื่น [4]
    • เข้านอนและตื่นเวลาเดิมทุกวันเพื่อช่วยให้คุณได้พักผ่อนเพียงพอ
    • พยายามทำการบ้านให้เสร็จแต่หัววันเพื่อคุณจะได้มีเวลาเพียงพอในการพักผ่อน ถ้าหากคุณมีการบ้านมากมายที่ต้องทำให้เสร็จก่อนเข้านอน ลองถามคุณครูเพื่อขอเลื่อนกำหนดส่งการบ้าน
  6. คุยกับคุณครูที่ปรึกษาถ้าหากคุณกำลังรับมือกับปัญหาทางด้านจิตใจ. ถ้าหากคุณประสบกับอารมณ์ที่คุณไม่รู้วิธีรับมือ คุณต้องนัดเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาด้านจิตใจหรือพบนักบำบัดส่วนตัว ผู้คนที่เป็นมืออาชีพที่ได้รับจ้างเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นและจะสอนเทคนิคเพื่อให้คุณรับมือกับอารมณ์ ปัญหาที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาพบได้มากคือ: [5]
    • รับมือภาวะอาการวิตกกังวล ซึ่งสามารถทำให้คุณรู้สึกกังวลและเครียดได้ตลอดเวลา
    • รับมือกับภาวะซึมเศร้า ซึ่งสามารถทำให้คุณรู้สึกเศร้าหรือเบื่อหน่ายในชีวิตเป็นอย่างมาก
    • ภาวะความเชื่อมั่นในตัวเองต่ำซึ่งสามารถทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่มีค่าหรือไม่ดีพอ
    • โรคเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร เช่น อะนอเร็กเซียและบุลีเมียซึ่งสามารถทำให้ร่างกายของคุณอ่อนแอและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่สุขภาพไม่ดี
  7. การเป็นนักเรียนที่ดีเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับสภาพจิตใจของคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะมีการบ้านและงานมากมายแต่คุณต้องใช้เวลาในแต่ละสัปดาห์เพื่อทำสิ่งที่คุณชอบ เช่น ดูหนัง เล่นเกมหรือไปสวนสาธารณะ
    • ถ้าหากคุณไม่มีเวลาว่างมากมายระหว่างสัปดาห์ ลองหาเวลาในช่วงสุดสัปดาห์
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาเพื่อน กับผู้คนที่หลากหลาย. ทุกคนมีบางอย่างที่ต้องให้เพื่อเติบโตเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นลองทักทายผู้คนที่หลากหลาย เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะสร้างกลุ่มเพื่อนที่เต็มไปด้วยคนที่ไม่เหมือนใครที่ชอบคุณในแบบที่คุณเป็นและเพิ่มคุณค่าให้ชีวิตของคุณ
    • ทำตัวดีกับนักเรียนทุกคนที่คุณเจอไม่ว่าพวกเขาจะแก่หรืออ่อนกว่าคุณ วิธีนี้คุณจะสามารถได้รับความเคารพจากทางโรงเรียน
    • ถ้าคุณไม่สามารถหาเพื่อนใหม่ได้เพราะคุณขี้อาย คุณต้องลองออกจากขอบเขตส่วนตัวโดยการเริ่มบทสนทนากับคนอื่น
  2. เมื่อคุณมองหาเพื่อน คุณต้องมองหาคนที่ทำให้คุณรู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเองและทำทุกอย่างเพื่อให้กำลังใจคุณ ถึงแม้ว่าจะมีเพียงหนึ่งหรือสองคนแต่การมีเพื่อนที่คุณสามารถไว้ใจและพึ่งพาได้จะทำให้ชีวิตในช่วงมัธยมศึกษาของคุณง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก [6]
    • ถ้าหากเพื่อนของคุณเริ่มทำให้คุณรู้สึกไร้ค่าก็อย่ากลัวที่จะตัดเขาออกจากชีวิต มันอาจจะยากแต่มันจะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นในระยะยาว
  3. หลีกเลี่ยงคนที่ทำให้คุณรู้สึกแย่เกี่ยวกับตัวเอง. ในตลอดช่วงมัธยมศึกษาคุณจะเจอคนที่ชอบดูถูกคุณหรือทำให้คุณรู้สึกแย่ คุณต้องพยายามอยู่ห่างจากคนพวกนี้และจำไว้ว่าคำดูถูกของพวกเขาไม่เป็นความจริงและแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจส่วนตัวของพวกเขาเอง
    • คนที่ใจร้ายในช่วงมัธยมศึกษามักจะรู้สึกผิดกับพฤติกรรมของตัวเองเมื่อเขาอายุมากขึ้น
  4. ถ้าหากใครบางคนทำให้คุณรู้สึกแย่หรือข่มขู่คุณตลอดเวลา คุณต้องพูดกับพ่อแม่และคุณครูทันที มันไม่ใช่เรื่องน่าอายที่ต้องการอยู่อย่างปลอดภัยและผู้ใหญ่จะสามารถช่วยให้คุณรับมือกับการถูกกลั่นแกล้งได้อย่างถาวร [7]
  5. คุณไม่จำเป็นต้องประจบคุณครูแต่คุณต้องทำตัวดีและเป็นมิตรกับทุกคนที่สอนคุณ หากเป็นไปได้ก็ควรใช้เวลา 2-3 นาทีก่อนหรือหลังคาบเรียนเพื่อคุยกับคุณครูเกี่ยวกับเนื้อหาการเรียน ไม่เพียงแต่คุณจะเรียนรู้มากขึ้นแต่มันยังจะทำให้สิ่งเหล่านี้ง่ายขึ้นด้วย:
    • ขอยืดเวลาส่งการบ้าน
    • โอกาสในการขอหน่วยกิตมากขึ้น
    • จดหมายแนะนำ
  6. เข้าร่วมชมรมหรือทีมกีฬาของโรงเรียนเพื่อพบกับคนที่มีความชอบเดียวกัน. กิจกรรมที่นอกเหนือจากวิชาเรียนคือวิธีที่ดีในการพบกับคนที่มีความชอบเดียวกันและสร้างมิตรภาพที่ยืนยาว ถ้าหากคุณสนใจในงานอดิเรกหรือกีฬาบางอย่างอยู่แล้วก็ดูว่าโรงเรียนของคุณมีชมรมหรือทีมกีฬานั้นหรือไม่ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณสามารถดูรายการกิจกรรมของโรงเรียนและเลือกสิ่งที่คุณชอบ [8]
    • นอกเหนือจากในแง่ของสังคมแล้ว การเข้าร่วมชมรมจะทำให้คุณเป็นนักเรียนที่โดดเด่นเมื่อสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
    • ชมรมมีหลายรูปแบบตั้งแต่กลุ่มอาสาสมัครไปจนถึงกลุ่มการแข่งขัน บางโรงเรียนปล่อยให้นักเรียนตั้งชมรมตามความชอบอย่างอิสระ
    • ถ้าหากคุณไม่สนใจเข้าร่วมทีมกีฬาก็สามารถเข้าร่วมชมรมสันทนาการแทน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การเป็นนักเรียนดีเด่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ซื้อสมุดจดตารางเรียน กิจกรรมนอกเหนือวิชาเรียนและกำหนดส่งรายงานเพื่อช่วยให้คุณจัดระเบียบตัวเองตลอดวัน อย่าลืมหยิบมันมาเรียนด้วยเพื่ออัพเดทกิจกรรม [9]
    • จดวันสอบในสมุดและกำหนดวันอ่านหนังสือ
    • จดช่วงเวลาที่คุณจะยุ่งกับเพื่อนหรืองานต่างๆ เพื่อที่คุณจะสามารถวางแผนตัวเองได้
  2. หลีกเลี่ยงการมีแฟ้มสำหรับทุกสิ่งที่คุณเก็บโน๊ตข้อความ รายงานและบททดสอบจากทุกวิชา สิ่งนี้จะทำให้คุณไม่เป็นระเบียบและถ้าหากคุณทำแฟ้มหาย คุณก็จะทำทุกอย่างหาย คุณต้องแยกแฟ้มที่มีฉลากบ่งบอกแต่ละวิชาอย่างชัดเจน
    • ในกรณีที่คุณลืมแฟ้มหลักที่บ้าน เก็บแฟ้มสำรองไว้ในล็อคเกอร์ที่มีกระดาษ ดินสอและอุปกรณ์อื่นๆ ให้คุณใช้ตลอดทั้งวัน
    • ถ้าหากคุณไม่มีล็อกเกอร์เพื่อเก็บแฟ้ม คุณสามารถเก็บในกระเป๋าใบใหญ่
  3. พยายามใส่ใจทุกอย่างที่คุณครูสอน ถึงแม้ว่าคุณไม่รู้สึกสนใจในวันนั้นแต่คุณต้องย้ำเตือนตัวเองให้พยายามและจำว่าคุณจะต้องใช้ประโยชน์ตรงนี้ในภายหลัง
    • ถ้าหากคุณไม่สามารถตั้งใจเรียนได้ ลองเลิกทำสิ่งที่ทำให้คุณเสียสมาธิ เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่งและโทรศัพท์มือถือ
    • ถ้าหากเพื่อนต้องการพูดกับคุณในห้องเรียน คุณต้องขอให้พวกเขารอไปก่อน
    • เขียนหัวข้อของแต่ละวิชาทันทีที่คุณครูบอก วิธีนี้จะช่วยให้คุณจดจ่อกับวิชานั้น
    • ถ้าหากคุณไม่สามารถเข้าใจสื่อการเรียนก็อย่ากลัวที่จะยกมือและถามคำถาม
  4. การจดโน๊ตไม่เพียงแต่จะทำให้การอ่านหนังสือสอบง่ายขึ้นแต่มันยังช่วยให้คุณจดจำสื่อการเรียนได้ดี ถ้าหากเป็นไปได้ คุณควรจดโน๊ตด้วยลายมือเพราะมันจะง่ายต่อการจดจำข้อมูลในภายหลัง [10]
    • แทนที่จะจดทุกสิ่งที่คุณครูพูด ลองฟังและถอดข้อความที่สำคัญออกมา วิธีนี้จะช่วยให้การจดโน๊ตง่ายขึ้นและทำให้คุณเรียนรู้ข้อมูลในขณะที่จด
  5. ทำการบ้าน . การทำการบ้านไม่เพียงแต่จะทําให้คุณได้เกรดดีแต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจสื่อการเรียนได้ดีขึ้นเพื่อที่คุณจะสามารถใช้ความรู้นี้ในชีวิตประจำวัน หาเวลา 2-3 ชั่วโมงในแต่ละคืนเพื่อทำการบ้านให้เสร็จ [11]
    • ใช้ช่วงเวลาที่น่าเบื่อ เช่น ตอนนั่งรถเมล์กลับบ้านเพื่ออ่านหนังสือ
    • ถ้าหากคุณไม่สบาย ขอให้เพื่อนรับการบ้านแทนคุณ วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่พลาดเรียน
  6. ทบทวนบทเรียน สำหรับคำถามและการสอบ. ถ้าหากคุณรู้ว่าคุณกำลังจะสอบ คุณต้องเริ่มอ่านหนังสือ 1 สัปดาห์ล่วงหน้า วิธีนี้จะทำให้คุณมีเวลาเหลือเฟือในการทบทวนสื่อการเรียนและอ่านสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ ถ้าหากคุณไม่เข้าใจสื่อการเรียน คุณสามารถขอให้คุณครูช่วยเหลือก่อนหรือหลังคาบเรียนได้ [12]
    • อย่ารอจนเหลือเวลาเพียง 1 คืนเพื่ออ่านหนังสือ ถึงแม้ว่าการอ่านหนังสือก่อนสอบทันทีจะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าสื่อการเรียนสดใหม่แต่คุณจะไม่มีเวลาเข้าใจวิชาได้อย่างถี่ถ้วน
    • ถ้าหากคุณไม่สามารถอ่านหนังสือคนเดียวได้ ลองอ่านร่วมกับกลุ่มเพื่อนจากชั้นเรียนเดียวกัน เพียงทำให้มั่นใจว่าคุณจดจ่อกับสื่อการเรียน
  7. ยิ่งคุณวางแผนเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะสามารถเลือกมหาวิทยาลัยก็มีเยอะขึ้นเท่านั้น ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ท่านช่วยวางแผนการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยอิงจากสิ่งที่คณะกรรมการของมหาวิทยาลัยสนใจ [13]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การหาคู่รัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าหากคุณเจอนักเรียนคนอื่นที่คุณรู้สึกถูกดึงดูดทางร่างกายหรืออารมณ์ คุณสามารถลองจีบพวกเขาแล้วดูว่าพวกเขารู้สึกแบบเดียวกับคุณหรือไม่ ถ้าหากเขารู้สึกไม่สบายใจกับการกระทำของคุณ คุณต้องเคารพความเป็นส่วนตัวและหยุดจีบเขา เทคนิคของการจีบแบบเรียบง่ายที่คุณสามารถใช้ คือ:
    • การสัมผัสอย่างแผ่วเบาที่หัวไหล่หรือแขน
    • การสบตาบ่อยๆ
    • การชมเชย
    • การหยอกล้อ
  2. ถ้าหากคุณชอบผู้ชายหรือผู้หญิงที่โรงเรียนก็อย่ากลัวที่จะชวนเขาไปเดท ถึงแม้ว่าคุณจะตื่นเต้นมากแต่คุณต้องเข้าหาพวกเขาด้วยความมั่นใจและถามคำถามอย่างตรงไปตรงมาให้มากที่สุด
    • พยายามทำตัวให้เฉพาะเจาะจงเวลาที่คุณชวนคนที่ชอบไปออกเดท ลองถามว่า “อยากไปดูหนังกันวันเสาร์นี้ไหม?”
    • อย่ากังวลถ้าเขาปฏิเสธ การถูกปฏิเสธนั้นเจ็บปวดแต่จำไว้ว่ายังมีคนอีกมากมายที่โรงเรียน
  3. ชั้นมัธยมศึกษาคือช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบสำหรับการทดลองมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ยืนยาวก็ตาม ประสบการณ์เหล่านี้จะช่วยคุณพัฒนาทักษะการคบคนในอนาคต [14]
    • จำไว้ว่าความสัมพันธ์มีขึ้นและมีลง คุณต้องหาเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่คุณสามารถพูดด้วยได้ในขณะที่ ทำใจหลังเลิกรากัน และเหตุการณ์อื่นๆ
  4. ร่างกายนี้เป็นของคุณเพราะฉะนั้นอย่าให้ใครกดดันคุณให้ทำสิ่งที่คุณไม่อยากทำ ถ้าหากคุณตัดสินใจที่จะมีเพศสัมพันธ์ คุณต้องรับรู้ถึงความเสี่ยงในการติดโรคเพื่อที่คุณจะรู้วิธีการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยและมีความสุข [15]
    • ถ้าหากคุณยังไม่พร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์ก็อย่ากังวล ถึงแม้ว่านักเรียนมัธยมส่วนใหญ่ใช้เวลาในการหมกมุ่นเรื่องเพศแต่มีหลายคนที่ยังรักษาความบริสุทธิ์มาจนถึงช่วงต่อมาของชีวิต
    • ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ คุณต้อง ใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมและการติดโรคผ่านการมีเพศสัมพันธ์
    • ถ้าหากเป็นไปได้ คุณต้องปรึกษาพ่อแม่ก่อนที่จะตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ คุณอาจจะรู้สึกอึดอัดแต่การสื่อสารอย่างเปิดใจสามารถช่วยให้คุณมีชีวิตรอดปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาด
    โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าทำลายข้าวของของโรงเรียน ขโมยของผู้อื่นหรือแกล้งนักเรียนคนอื่น ไม่มีโรงเรียนไหนอนุญาตให้นักเรียนทำพฤติกรรมแบบนี้และโรงเรียนสามารถดำเนินการทางกฎหมายขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความเสียหาย
  • ห้ามนำยา อาวุธ สื่อโป๊หรือสิ่งของต้องห้ามมาโรงเรียน นักเรียนที่ถูกจับได้อาจจะถูกพักการเรียน ไล่ออกหรือถูกจับได้
  • หลีกเลี่ยงการกลั่นแกล้งนักเรียนที่เด็กกว่า จำไว้ว่าคุณก็เคยยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกันและคุณคงไม่ชอบให้ใครทำแบบนี้กับคุณ คุณต้องเสนอความช่วยเหลือถ้าหากพวกเขากำลังมองหาห้องเรียน หยิบของที่ทำหล่นหรืออะไรก็ได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,104 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา