ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณพยายามจะหาข้ออ้างเพื่อ หยุดเรียน โดดงาน ไม่อยากไปพบพ่อตาแม่ยาย หรือรับบทเป็นคนป่วยในละครเวที การแกล้งป่วยเป็นอะไรที่ง่ายกว่าที่คุณคิด ถ้าคุณดูไม่เหมือนคนป่วย คนอื่นก็จะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ว่าคุณป่วยจริงๆ แต่ถ้าคุณเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก ปรับทัศนคติและน้ำเสียง และรู้จักอาการที่ต้องเลียนแบบสำหรับโรคต่างๆ เพียงเท่านี้คนอื่นก็จะเชื่อว่าคุณป่วยจริง แล้วคุณก็จะได้เวลาของตัวเองกลับมาและไม่ต้องทนทำในสิ่งที่คุณไม่อยากทำ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เปลี่ยนทัศนคติและการกระทำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกอาการป่วยอย่างใดอย่างหนึ่งและแกล้งป่วยโรคนั้นโรคเดียว. คนส่วนใหญ่มักจะเลียนแบบไข้หวัดรุนแรงหรือไข้หวัดใหญ่ เพราะคุณคงเคยเป็นโรคนี้มาก่อนและสามารถเลียนแบบอาการได้ง่ายๆ นอกจากนี้การแกล้งทำเป็นปวดหัวไมเกรน ท้องเสีย หรือปวดท้องก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน เพราะคุณไม่ต้องเล่ารายละเอียดของอาการมากนัก เพราะคงไม่มีใครอยากได้ยินรายละเอียดเรื่องการขับถ่ายของคุณมากนักหรอก
    • สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าเอาอาการของโรคต่างๆ มาปนกัน ถ้าคุณอยากจะแกล้งปวดหัวไมเกรน อย่าบ่นว่าปวดท้อง และถ้าคุณแกล้งทำเป็นท้องเสีย อย่าเริ่มจาม [1]
  2. ลองคิดย้อนกลับไปว่าตัวเองดูเป็นอย่างไรเวลาที่ป่วย แล้วเลียนแบบท่าทางแบบนั้น. คุณต้องไม่ยิ้มหรือแสดงความร่าเริงเวลาที่คุณอยากจะแกล้งป่วย เพราะจะทำให้คนเริ่มตั้งคำถามว่าคุณป่วยจริงๆ หรือเปล่า [2]
    • ลองนึกดูว่าครั้งล่าสุดที่คุณป่วยจริงๆ คุณรู้สึกและแสดงออกอย่างไร เพื่อให้การแสดงของคุณน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
  3. ใช้คอนซีลเลอร์หรือแป้งขาวเพื่อให้ผิวของคุณซีดกว่าเดิม. คอนซีลเลอร์สีเขียวปริมาณเล็กน้อยช่วยให้ผิวของคุณดูเหมือนคนป่วยขึ้นมาได้นิดหน่อย ในขณะที่การโรยแป้งขาวจะทำให้คุณดูซีดเซียวและเหมือนคนคลื่นไส้
    • คอนซีลเลอร์จะทำให้คุณดูเหมือนคนป่วยมากกว่า แต่คุณก็สามารถใช้แป้งขาวปริมาณเล็กน้อยแทนได้ถ้าคุณไม่มีเครื่องสำอาง
  4. ใส่เสื้อผ้าตัวโคร่งๆ หรือเอาผ้าห่มมาพันรอบตัว. ไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคอะไร คนป่วยมักจะชอบทำตัวให้อบอุ่นและเอาผ้ามาพันตัวไว้หลายๆ ชั้น เอาผ้าห่มหลายๆ ผืนมาพันตัวหรือไม่ก็ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ทั้งในคืนก่อนวันที่แกล้งป่วยและในวันที่แกล้งป่วย [3]
    • คุณอาจจะแกล้งทำเป็นหนาวสั่นหรือตัวสั่นเล็กน้อยเพื่อเลียนแบบอาการไข้หวัดแม้ว่าคุณจะอยู่ในผ้าห่มก็ตาม เพราะคนป่วยมักจะรู้สึกทั้งร้อนและหนาวในเวลาเดียวกัน
  5. อาการป่วยเกือบทุกอย่างจะทำให้ความสามารถในการทรงตัวลดลง ไม่ว่าคุณจะแกล้งปวดหัวไมเกรนหรือเป็นหวัดรุนแรง ให้ตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ แบบช้าๆ และมึนงงกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง [4]
  6. สูดน้ำมูก ไอ และบ่นเรื่องอาการที่คุณแกล้งทำบ่อยๆ. ถ้าคุณอยากให้คนอื่นเชื่อคุณจริงๆ ล่ะก็ คุณควรแกล้งแสดงอาการป่วยออกมาให้ได้มากที่สุด ถ้าคุณแกล้งเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้สูดจมูกและไอทุก 2-3 นาทีเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าคุณแกล้งทำเป็นป่วยด้วยโรคอื่นก็อย่าลืมบ่นถึงอาการบ่อยๆ และเอามือลูบท้องหรือหน้าผาก แล้วแต่ว่าคุณแกล้งทำเป็นป่วยโรคอะไร [5]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

แกล้งทำเป็นป่วยหรือบาดเจ็บจากโรคต่างๆ แบบเจาะจง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลียนแบบโรคไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ด้วยการไอ คัดจมูก และอ่อนเพลีย. หายใจทางปากเท่านั้น ซึ่งเป็นการบอกว่าคุณหายใจไม่ออกทางจมูก และพูดจาหรือตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ช้าลง [6] คุณอาจจะแกล้งทำเป็นไอน้อยๆ และสูดน้ำมูกแรงๆ เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
    • อาการน้ำมูกไหลปลอมยาก แต่คุณสามารถทำให้ดวงตาของคุณดูเหมือนมีน้ำตาได้ด้วยการไม่กระพริบตานานกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ดวงตาชุ่มไปด้วยน้ำเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ให้ทำก่อนที่จะไปคุยกับคนอื่นแป๊บเดียว
  2. แกล้งทำเป็นปวดหัวไมเกรนด้วยการเลี่ยงแสง เสียง และผู้คน. ไมเกรนไม่มีอาการป่วยที่สามารถมองเห็นได้ เพราะฉะนั้นคนอื่นจะต้องฟังที่คุณเล่าอย่างเดียวถึงจะเข้าใจอาการ แกล้งทำเป็นว่าคุณรู้สึกไวต่อแสงและเสียงแล้วเข้าไปอยู่ในห้องมืดๆ เงียบๆ ถ้าทำได้ [7]
    • อาการทั่วไปของไมเกรนได้แก่ เวียนศีรษะ ตอบสนองต่อแสงและเสียงอย่างรุนแรง เสียการทรงตัว และปวดศีรษะอย่างรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงขมับและด้านหลังของศีรษะ
  3. เลียนแบบอาการท้องไส้ปั่นป่วนด้วยการทำเป็นคลื่นไส้และไปเข้าห้องน้ำบ่อยๆ. เอามือลูบท้อง 2-3 ครั้งในคืนก่อนหน้าและบ่นว่ารู้สึก "ไม่ค่อยดี" ก่อนที่จะเข้านอนเร็วกว่าปกติเล็กน้อยโดยที่ยังกินอาหารไม่หมด และแกล้งทำเป็นท้องเสียด้วยการเข้าห้องน้ำนานๆ และแกล้งทำเป็นปวดท้องบิดๆ [8]
    • คุณสามารถแกล้งทำเป็นอาเจียนได้ด้วยการทำเสียงเหมือนสำลักและเสียงอ๊อกในลำคอ จากนั้นก็เทน้ำเปล่าหนึ่งแก้วลงไปในโถส้วม กดชักโครก ใช้เวลาทำความสะอาดสัก 2-3 วินาที แล้วก็ออกจากห้องน้ำ จากนั้นก็ไปนอนบนโซฟาและไม่กินอาหาร
    • ตลอดทั้งคืนให้เดินไปเข้าห้องน้ำบ่อยๆ แต่อย่าลืมเปิดพัดลมไว้ด้วย คนอื่นจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ยินเสียงอะไรออกมาจากห้องน้ำเลย
    • ฉีดน้ำหอมปรับอากาศเยอะๆ เพื่อกลบ "กลิ่น" แล้วพอถึงวันรุ่งขึ้นก็รีบพุ่งตัวไปเข้าห้องน้ำ [9]
  4. โดยทั่วไปคนป่วยมักจะพยายามกลบอาการของตัวเอง จะไอก็ต่อเมื่อต้องไอจริงๆ และจะแสดงอาการคลื่นไส้ก็ต่อเมื่ออาการคลื่นไส้ตีขึ้นมาอีก ฝึกแสดงท่าทางของอาการต่างๆ ในกระจก และทำให้ตัวเองเชื่อได้ก่อนค่อยพยายามทำให้คนอื่นเชื่อว่าคุณป่วย [10]
    • การจามจริงๆ กับจามปลอมๆ นั้นแยกกันง่าย เพราะฉะนั้นอย่าแกล้งจาม แต่ถ้าคุณคิดว่าจามแล้วจะทำให้คนอื่นเชื่อว่าคุณป่วยจริงๆ มากขึ้น ให้เอาขนนกหรือสิ่งของอื่นๆ ที่คล้ายๆ กันไปจั๊กจี้ตรงใต้จมูกเพื่อกระตุ้นให้คุณจามออกมา
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เตรียมตัวล่วงหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พูดถึง "อาการ" ของคุณล่วงหน้าก่อนลาป่วยหนึ่งวัน. คืนก่อนหน้าให้ค่อยๆ แสดงอาการป่วยออกมา พูดว่าคุณรู้สึกเวียนหัว กินอาหารเย็นไม่หมด และอาจจะเข้านอนกว่าเร็วกว่าปกติ แม้ว่าคุณจะไม่ได้เข้าไปนอนจริงๆ ก็ตาม
    • เป้าหมายของคุณคือการปลูกฝังความคิดที่ว่าคุณรู้สึกไม่ค่อยสบายไว้ในหัวของคนอื่น แทนที่จะพูดออกไปเลยว่า "ฉันรู้สึกไม่สบาย" วิธีนี้จะทำให้อาการต่างๆ ของคุณดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะคุณไม่ได้พูดขึ้นมาเองว่าคุณอาจจะป่วย
  2. ค่อยๆ แสดงอาการป่วยที่เลือกไว้อย่างช้าๆ ตลอดระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง. ไม่มีใครจู่ๆ ก็ป่วยแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพราะอาการมักจะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ จนกว่าคนที่ป่วยจะทนไม่ไหว เพราะฉะนั้นค่อยๆ แสดงอาการด้วยการไอหรือสูดน้ำมูกเบาๆ ถ้าคุณแกล้งป่วยเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ หรือทำตัวเซื่องซึมและตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ช้าลงถ้าคุณจะแกล้งทำเป็นคลื่นไส้ [11]
  3. นอนดึกเพื่อให้ถุงใต้ตาบวมเหมือนคุณไม่ได้นอน. คนส่วนใหญ่ที่ป่วยมากๆ จะมีปัญหาในการนอน (ยกเว้นว่าเขาจะกินยาที่ทำให้ง่วงเข้าไปเยอะๆ) นอนดึกกว่าเดิมสัก 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้ถุงใต้ตาของคุณบวมชัดเจน [12]
    • ถุงใต้ตาจะเป็นลักษณะทางกายภาพที่ทำให้คนอื่นเชื่อว่าคุณนอนไม่หลับ ทั้งที่จริงๆ แล้วคุณใช้เวลากับตัวเองอย่างสนุกสนานจนดึกดื่น
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้อายแชโดว์ตกแต่งดวงตานิดๆ เพื่อให้ตาดูโหลได้ แต่ระวังอย่าแต่งมากเกินไป เพราะถ้ามีใครสังเกตเห็นว่าคุณทาอายแชโดว์และไม่ได้อ่อนเพลียจริงๆ มีหวังคุณโดนแหกอกแน่
  4. อย่าวางแผนทำกิจกรรมต่างๆ หรือออกไปสังสรรค์เพื่อให้ดูเหมือนว่าคุณป่วยจริงๆ. สิ่งที่จะทำให้คนอื่นจับได้ว่าคุณแกล้งป่วยเป็นอันดับหนึ่งเลยก็คือ การที่เขาจับได้ว่าคุณไปทำอะไรสนุกๆ ตื่นเต้นๆ แทนที่จะนอนพักให้หายป่วยอยู่ที่บ้าน [13]
    • งดเล่นโซเชียลมีเดียทั้งวัน ยกเลิกแผนการกับเพื่อนๆ และอยู่บ้านทั้งวัน เพราะคุณคงไม่อยากให้ใครมารู้ความจริงเข้าว่าคุณหลอกเขา
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณไม่ได้ป่วยจริงๆ พยายามอย่าลาป่วยมากเกินไป เพราะในกรณีที่คุณป่วยหนักจริงๆ แล้วใช้วันลาป่วยไปแล้ว คุณน่าจะต้องทำมากกว่าแค่โทรไปขอลาป่วยกับหัวหน้า
โฆษณา

คำเตือน

  • การบังคับตัวเองให้อาเจียนอาจไปทำลายเหงือกและเคลือบฟันได้ ถ้าคุณตัดสินใจว่าจะพยายามกระตุ้นอาการสำรอกออกมา ก็อย่าทำมากเกินไป ไม่อย่างนั้นคุณจะอาเจียนออกมาจริงๆ และอาจจะเป็นอันตรายต่อช่องปากในระยะยาว
  • การลางานบ่อยๆ อาจทำให้เพื่อนร่วมงานไม่พอใจที่เขาต้องมารับผิดชอบงานของคุณด้วย คุณต้องแจ้งหัวหน้าแต่เช้าตรู่เพื่อให้เขามีเวลาที่จะกระจายงานใหม่ หรือไม่ก็เสนอตัวรับผิดชอบงานในภายหลัง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,956 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา