ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการแก้ไข เวลาสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone หรือ Android เกิดค้างขึ้นมา มือถือนั้นอยู่ๆ ก็ค้างได้ด้วยหลายสาเหตุด้วยกัน วิธีการแก้ไขก็จะแตกต่างกันไป แต่ปกติแล้วแค่รีสตาร์ทหรืออัพเดทระบบ ก็น่าจะช่วยได้แล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

iPhone

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางทีที่เครื่องดับไป เปิดไม่ติด ก็เพราะแบตหมด แบบนี้ให้เสียบชาร์จไว้สัก 2 - 3 นาที ค่อยลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ดู
    • ถ้าเสียบชาร์จมือถือแล้วเห็นไอคอนรูปแบตว่างๆ มีขีดฆ่าสีแดง แสดงว่าแบตมือถือหมดเกลี้ยงเลย
    • เช็คก่อนว่าสายชาร์จใช้งานได้ตามปกติ ถ้าเสียบชาร์จเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่มีไอคอนรูปแบตโผล่มา ให้ลองเสียบปลั๊กอื่น หรือเปลี่ยนสายชาร์จไปเลย
  2. ถ้ามีแอพไหนค้าง ให้บังคับปิดด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
    • ถ้าใช้ iPhone X หรือใหม่กว่า ให้ปัดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน แต่หยุดตรงกลางจอ
    • ถ้าใช้ iPhone 8 หรือเก่ากว่า ให้กดปุ่ม home ล่างหน้าจอ 2 ครั้งติดกัน
    • ถ้าจะสลับไปมาระหว่างแอพ ให้ปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวา
    • ถ้าจะปิดแอพ ให้ปัดหน้าจอขึ้นไป
  3. กดปุ่ม Power ที่มือถือค้างไว้ จนแถบเลื่อน slide to power off โผล่มาด้านบนของหน้าจอ จากนั้นเลื่อนแถบไปทางขวาเพื่อปิดเครื่อง รอ 2 - 3 นาที ค่อยกดปุ่ม Power อีกรอบเพื่อเปิด iPhone กลับมา [1]
    • ถ้าไม่ได้ผล ให้ข้ามไปทำขั้นตอนถัดไป
  4. ถ้ากดปุ่ม Power หรือแตะหน้าจอแล้ว iPhone ไม่ตอบสนอง ให้บังคับรีสตาร์ท iPhone โดย [2]
    • iPhone X หรือใหม่กว่า: กดปุ่มเพิ่มเสียง แล้วกดปุ่มลดเสียง ให้กดปุ่มด้านข้างค้างไว้จนหน้าจอดับไปแล้วติดขึ้นมาใหม่ พอโลโก้ Apple โผล่มาก็ปล่อยมือได้เลย
    • iPhone 8 และ 8 Plus - กดปุ่มเพิ่มเสียงแล้วรีบปล่อย จากนั้นทำแบบเดียวกันกับปุ่มลดเสียง แล้วกดปุ่ม Power ค้างไว้จนโลโก้ Apple โผล่มาในหน้าจอ
    • iPhone 7 และ 7 Plus - กดปุ่มลดเสียงกับปุ่ม Power ค้างไว้พร้อมกัน จนโลโก้ Apple โผล่มาในหน้าจอ
    • iPhone รุ่นอื่นๆ - กดปุ่ม Home กับปุ่ม Power ค้างไว้พร้อมกัน จนโลโก้ Apple โผล่มาในหน้าจอ
  5. ถ้า iPhone เริ่มค้างหลังอัพเดทระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ก็อาจจะมีอัพเดทใหม่ตามมาแก้ไขเรื่องนี้ ให้เช็คว่ามีอัพเดทใหม่หรือไม่โดย [3]
    • เปิด Settings
    • แตะ General
    • แตะ Software Update
    • แตะ Install Now ถ้ามีอัพเดทใหม่ ให้ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในหน้าจอของ iPhone
    • หรือ อัพเดทผ่าน iTunes แทน ถ้ามีเหตุให้ใช้งานหน้าจอมือถือไม่ได้
  6. ลบแอพที่เพิ่งติดตั้ง . ถ้า iPhone เพิ่งเริ่มค้างหลังติดตั้งแอพใหม่ จะแอพเดียวหรือหลายแอพก็ตาม ให้ลบแอพนั้นๆ น่าจะช่วยให้หายค้างได้
  7. ถ้ายังแก้เรื่อง iPhone ค้างไม่ได้ ก็คงต้องเซฟข้อมูลเก่าที่เคย backup ไว้ใน iTunes คืนเครื่อง ทำได้โดยเสียบเครื่องกับคอม เปิด iTunes เปิดหน้าของ iPhone คลิก Restore iPhone แล้วทำตามขั้นตอนในหน้าจอ [4]
    • ถ้าไม่ได้ backup ข้อมูลไว้ ให้รีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงานแทน
    • ถ้าใช้ macOS Catalina ให้รีเซ็ต iPhone ด้วย Finder แทน iTunes
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

Android

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อันนี้แล้วแต่ว่าใช้มือถือรุ่นไหน ให้ปิดแอพที่ค้าง ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
    • กดไอคอน 3 เส้น หรือสี่เหลี่ยม 2 อันซ้อนเหลื่อมกัน ถ้าไม่เจอ ให้ปัดหน้าจอขึ้นไปจากด้านล่าง หรือกดปุ่มด้านล่างหน้าจอ
    • ถ้าจะสลับไปมาระหว่างแอพ ให้ปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวา
    • ถ้าจะปิดแอพ ให้ปัดหน้าจอขึ้นไปด้านบน
  2. บางทีมือถือก็แบตหมดจนเครื่องดับไป แบบนี้ให้เสียบชาร์จที่ปลั๊ก แล้วรอ 2 - 3 นาทีค่อยทำขั้นตอนต่อไป
    • ถ้าผ่านไป 2 - 3 นาทีแล้วไม่มีไอคอนขึ้นว่ากำลังชาร์จ ให้เสียบปลั๊กอื่นแทน หรือเปลี่ยนสายชาร์จใหม่เลย
    • ถ้าใช้สายชาร์จที่ติดมากับมือถือแต่แรก จะดีและปลอดภัยที่สุด
  3. กดปุ่ม Power ของมือถือค้างไว้ จนเมนู Power โผล่มา แล้วแตะ Power off เพื่อปิดเครื่อง รอ 2 - 3 นาที ค่อยกดปุ่ม Power อีกรอบ แล้วมือถือจะเปิดขึ้นมา
    • ถ้าไม่ได้ผล ให้ข้ามไปทำขั้นตอนถัดไป
  4. ถ้ากดปุ่ม Power หรือแตะหน้าจอแล้วมือถือไม่ตอบสนอง อาจจะต้องบังคับรีสตาร์ทเครื่องแทน [5]
    • อุปกรณ์ Android ส่วนใหญ่ จะบังคับรีสตาร์ทได้โดยกดปุ่ม Power กับปุ่มเพิ่มเสียงค้างไว้ประมาณ 10 วินาที
    • ถ้ากดปุ่ม Power + ปุ่มเพิ่มเสียง แล้วไม่ได้ผล ให้ลองกดปุ่ม Power + ปุ่มลดเสียงแทน
  5. ถ้าบังคับรีสตาร์ทเครื่องไม่ได้ด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ให้เลื่อนฝาด้านหลังของมือถือ Android ออก เอาแบตออก แล้วใส่แบตกลับเข้าไปใหม่และปิดฝา หลังผ่านไปประมาณ 10 วินาที
    • ขั้นตอนนี้ใช้ได้เฉพาะกับมือถือ Androids ที่ถอดแบตได้เองเท่านั้น
  6. ลบแอพ ที่ทำให้ Android ค้าง. ถ้ามือถือค้างทุกครั้งที่เปิดแอพใดแอพหนึ่ง หรือเพิ่งติดตั้งแอพเดียวหรือหลายแอพ แล้วน่าจะเป็นสาเหตุทำเครื่องค้าง วิธีแก้ง่ายที่สุดคือลบแอพนั้นทิ้งซะเลย คุณลบแอพได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
    • เปิด Google Play Store
    • พิมพ์ชื่อแอพที่จะลบในแถบค้นหาด้านบน
    • แตะ Uninstall เพื่อลบแอพ
  7. รีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงาน ถ้ามือถือบูทเครื่องไม่ขึ้น. ถ้าเครื่องค้างแล้วเปิดไม่ติด อาจจะต้องยอมทำ factory reset คือรีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงาน แปลว่าข้อมูลทั้งหมดในมือถือจะถูกลบหายไป เพราะงั้นต้อง backup ข้อมูลสำคัญไว้ก่อนรีเซ็ตมือถือ [6]
    • ปิดมือถือ
    • กดปุ่มค้างไว้เพื่อเข้าโหมด Recovery จนกว่าหน้าจอ recovery จะโผล่มา ปุ่มที่ต้องกดจะต่างกันไปตามมือถือรุ่นที่ใช้
      • Androids ส่วนใหญ่ - ให้กดปุ่ม Power กับปุ่มลดเสียง
      • Samsung - กดปุ่ม Power, ปุ่มเพิ่มเสียง และปุ่ม Home
    • กดปุ่มลดเสียง เลื่อนไปเลือก Recovery แล้วกดปุ่ม Power เพื่อยืนยัน
    • เลือก Wipe data / factory reset แล้วกดปุ่ม Power จากนั้นเลือก Yes เพื่อยืนยัน พอฟอร์แมตเครื่องเสร็จแล้ว มือถือจะรีสตาร์ท คุณก็ตั้งค่าได้เหมือนเครื่องใหม่เลย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าทำยังไงเครื่องก็ไม่หายค้าง ให้รีบ backup ข้อมูลไว้ทันที เพราะมือถือค้างแล้วมักเป็นสัญญาณบอกปัญหาอื่นที่ใหญ่กว่า ถ้าไม่รีบ backup ข้อมูลเก็บไว้ ข้อมูลอาจจะหายไปในไม่ช้า
  • ถ้าเคยทำมือถือตกน้ำ ทำน้ำหรือของเหลวอื่นหกใส่ มือถือมักเกิดอาการค้างหรือทำงานผิดปกติ ถ้าเกิดเหตุอย่างที่ว่ามาก่อนหน้า ไม่ว่าตกน้ำหรือน้ำหกใส่ ให้รีบเอาเข้าศูนย์ซ่อม หรือร้านรับซ่อมมือถือ อย่าพยายามเปิดเครื่องเอง [7]
โฆษณา

คำเตือน

  • อีกสาเหตุที่มือถือค้าง ก็คือไม่รองรับระบบปฏิบัติการ แอพ หรือบางข้อมูลในเครื่องอีกต่อไป พบบ่อยในมือถืออายุการใช้งาน 4 ปีขึ้นไป
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,462 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา