ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถึงแม้อาการเจ็บคอมักจะไม่ใช่สัญญาณของโรคร้ายแรง แต่ก็คงไม่มีใครอยากป่วยแบบนี้อยู่ดี วิธีกำจัดความรู้สึกแห้งๆ คันๆ ในคอที่ดีที่สุดก็คือการดื่มของเหลวในปริมาณมาก แน่นอนว่าน้ำเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการนี้ แต่เครื่องดื่มที่ช่วยลดการระคายเคืองอย่างชาผสมน้ำผึ้ง ซุปกระเทียมและชาคาโมมายล์ก็ล้วนมีส่วนผสมที่มีสรรพคุณลดความเจ็บปวดและช่วยให้ความระคายเคืองจางลงเร็วขึ้นด้วย สเปรย์ฉีดคอและเม็ดอมนั้นก็สามารถบรรเทาอาการเจ็บคอได้อย่างดี ส่วนการใช้ไอน้ำก็เป็นอีกวิธีที่ดีเพื่อรักษาอาการระคายเคือง ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย ถ้าคุณพร้อมจะลองทำอะไรก็ได้เพื่อให้ความรู้สึกคันคอหายไปแล้วล่ะก็ อ่านบทความนี้ต่อไปได้เลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ลองกลั้วคอ ทาวิคส์ และฉีดสเปรย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นี่เป็นหนึ่งในวิธีเก่าแก่ที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับแก้เจ็บคอ เมื่อมีอาการเจ็บคอ เยื่อเมือกในคอจะบวมและอักเสบ ทำให้รู้สึกเจ็บและคันคอ เกลือจะช่วยดึงน้ำออกจากเซลล์เยื่อเมือก เป็นการลดอาการบวม ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ คุณสามารถทำน้ำเกลือกลั้วคอเองได้โดยผสมเกลือธรรมดา 1/2 ช้อนชากับน้ำอุ่น 1 ถ้วย
    • ต้องกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ ไม่ใช่แค่เพียงบ้วนปาก เงยหน้าขึ้นเพื่อให้น้ำเกลือสัมผัสกับภายในลำคอส่วนหลัง เพราะนั่นคือจุดที่อักเสบ กลั้วคอประมาณ 30 วินาทีก่อนจะบ้วนน้ำทิ้ง
    • ควรกลั้วคอด้วยน้ำเกลือไม่เกินวันละ 3 ครั้ง ถ้าทำเกินจำนวนแล้วอาจทำให้เยื่อเมือกแห้งเกินไป ส่งผลให้รู้สึกระคายเคืองยิ่งกว่าเดิม
  2. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ ซึ่งช่วยลดอาการระคายคอได้ คุณสามารถซื้อไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เป็นขวดได้ตามเคาน์เตอร์ร้านขายยา สำหรับการทำน้ำยาบ้วน ให้ปฏิบัติตามคำสั่งบนฉลากขวด ซึ่งโดยปกติมักจะให้ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ฝากับน้ำ 1 ถ้วย กลั้วคอด้วยส่วนผสมนี้ ให้น้ำยาสัมผัสกับภายในลำคอส่วนหลัง บ้วนทิ้งหลังจากกลั้วคอไปแล้ว 1 นาที
    • ให้ใช้น้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เข้มข้น 3% ฉลากบนขวดควรระบุเช่นนี้ไว้ชัดเจน
    • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มีรสขม คุณสามารถเติมน้ำผึ้งนิดหน่อยในส่วนผสมเพื่อให้กลั้วคอง่ายขึ้นก็ได้ [1]
  3. วิคส์ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ลดอาการคัดจมูกเช่นเมนทอลหรือเป๊ปเปอร์มินท์ ซึ่งจะช่วยบรรเทาคอและลดอาการไอได้ สารลดอาการคัดจมูกเหล่านี้ถูกผสมกับปิโตรเลียมเจลเพื่อให้ยาเป็นเนื้อครีมจะได้ทาได้ง่ายๆ ซื้อวิคส์ตามร้านขายยาแล้วนำมาทาบนลำคอและหน้าอกเพื่อช่วยให้หายใจง่ายขึ้นและไอน้อยลง [2] คุณยังสามารถทำวิคส์เองได้ตามวิธีต่อไปนี้:
    • ละลายขี้ผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะในชามทนความร้อนที่วางบนหม้อใส่น้ำซึ่งตั้งไฟอยู่
    • ผสมน้ำมันมะพร้าว 1/2 ถ้วย
    • เติมน้ำมันเป๊ปเปอร์มินท์ 10 หยด
    • เทส่วนผสมทั้งหมดลงในภาชนะแก้วและปล่อยให้เย็นก่อนนำมาใช้
  4. การใช้พลาสเตอร์บรรเทาอาการเจ็บคอและคัดจมูกเป็นวิธีรักษาแบบพื้นบ้าน ใช้ประโยชน์ได้ดีเป็นพิเศษในกรณีที่ไอหนักและความรู้สึกปวดลามไปจนถึงหน้าอก ว่ากันว่าผงมัสตาร์ดช่วยทำให้บริเวณหน้าอกและลำคออุ่นและโลหิตไหลเวียนดี [3]
    • ผสมผงเมล็ดมัสตาร์ด 1/2 ช้อนชากับแป้งเอนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำให้มากพอที่จะได้เป็นส่วนผสมหนืดๆ
    • ทาส่วนผสมลงบนกระดาษเช็ดมือแล้วหาผ้าฝ้ายที่สะอาดสองผืนอย่างผ้าเช็ดจานมาประกบกระดาษไว้
    • วางแผ่นพลาสเตอร์ลงบนลำคอและหน้าอก แต่อย่าให้ส่วนผสมมัสตาร์ดสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง
    • ทิ้งไว้ 15 นาที หรือจนกว่าผิวจะรู้สึกอุ่นและมีเลือดฝาด
  5. ทั้งสเปรย์ฉีดคอและเม็ดอมล้วนมีส่วนประกอบที่บรรเทาอาการเจ็บคอและช่วยให้โพรงจมูกโล่ง ลองหาเม็ดอมที่มีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบหลักและมีเมลทอลหรือเป๊ปเปอร์มินท์มาอมดู หรืออาจใช้สเปรย์หรือเม็ดอมซึ่งมียาชาแบบอ่อนๆ เพื่อทำให้ลำคอชาและบรรเทาความเจ็บปวดก็ได้ [4]
  6. ยาแก้อักเสบที่ไม่ผสมสเตอรอยด์อย่างแอสไพรินสามารถช่วยลดอาการอักเสบที่ก่อทำให้เจ็บคอได้ สิ่งสำคัญคือต้องไม่กินยาเกินปริมาณที่กำหนดไว้
    • แอสไพรินมีความเกี่ยวข้องกับโรคที่หายากชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า เรย์ส ซินโดรม (Reye’s Syndrome) ดังนั้นจึงควรระวังถ้าให้เด็กหรือวัยรุ่นกิน
    • ห้ามให้เด็กหรือวัยรุ่นที่กำลังฟื้นตัวจากโรคไข้หวัดใหญ่หรืออีสุกอีใสกินยาแอสไพริน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ดื่มของเหลวบรรเทาอาการเจ็บคอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำผึ้งเป็นส่วนผสมที่สำคัญสำหรับเครื่องดื่มบรรเทาอาการเจ็บคอ มีการวิจัยออกมาสนับสนุนสิ่งที่เป็นความรู้พื้นบ้านมานานแล้วว่าน้ำผึ้งมีสรรพคุณเคลือบลำคอ ลดอักเสบและช่วยให้หยุดไอ [5] หรืออีกชนิดคือพริกคาเยนป่น ซึ่งมีสารแคปไซซิน (capsaicin) ที่เป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในตระกูลพริก โดยมีฤทธิ์บรรเทาความเจ็บปวด [6]
    • คุณสามารถทำเครื่องดื่มบรรเทาอาการเจ็บคอได้เองโดยผสมพริกคาเยนป่น 1/2 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาและน้ำเดือด 1 ถ้วยเข้าด้วยกัน รอให้เย็นเล็กน้อยแล้วค่อยๆ จิบเรื่อยๆ
    • หากคุณกินเผ็ดไม่ค่อยได้ ให้ลดปริมาณพริกคาเยนเหลือเพียง 1/8 ช้อนชาหรือต่ำกว่านั้น
    • ห้ามให้ทารกอายุต่ำว่า 1 ปีกินน้ำผึ้ง เพราะอาจะทำให้ทารกเป็นโรคโบทูลิซึม ซึ่งเป็นโรคผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน [7]
    • ถ้าไม่ใส่พริกคาเยนป่นและใส่วิสกี้ 1 ออนซ์กับน้ำมะนาวแทน เครื่องดื่มนี้จะเรียกว่า ฮ็อต ทอดดี้ (Hot Toddy) แทน
  2. ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นแล้วว่าสมุนไพรคาโมมายล์ที่ผู้คนใช้รักษาอาการเจ็บคอและไข้หวัดมานานนับศตวรรษแล้วนั้นประกอบไปด้วยสารที่รักษาภาวะติดเชื้อและช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายได้จริง [8] การดื่มชาคาโมมายล์วันละสองสามถ้วยต่อวันในช่วงที่เจ็บคอจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ถ้าดื่มก่อนนอนจะยิ่งดี เพราะชาคาโมมายล์จะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
    • ชาคาโมมายล์สามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ทางที่ดีควรตรวจสอบส่วนผสมของชาก่อนและเลือกยี่ห้อที่ใช้ดอกคาโมมายล์บริสุทธิ์หรือมีคาโมมายล์เป็นส่วนประกอบหลัก จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ข้างกล่องได้เลย
    • ผสมน้ำผึ้งสักช้อนและน้ำมะนาวนิดหน่อย (มะนาวมีสรรพคุณลดความบวมของเนื้อเยื่อ [9] ) เพื่อให้ชามีประโยชน์ยิ่งขึ้น
  3. ว่ากันว่ากระเทียมมีสรรพคุณฆ่าเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงอีกด้วย แม้ว่าประโยชน์ทางการแพทย์ของกระเทียมจะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนชัดเจน คนจำนวนมากก็แนะนำให้กินกระเทียมเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและแก้โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ [10]
    • คุณสามารถทำซุปกระเทียมเพื่อลดอาการระคายคอได้เองโดยการปอกและทุบกระเทียม 2 กลีบ จากนั้นเทน้ำเดือด 1 ถ้วยราด ถ้าเติมเกลือสักนิดจะยิ่งช่วยบรรเทาป่วยได้ดี
    • ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบกินกระเทียมมากๆ แค่ปอกกระเทียม 1 กลีบ ทุบแล้วเอามาดูดสักสองสามนาทีก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน
  4. หลายคนเชื่อว่าชะเอมเทศเป็นพืชที่แก้อาการเจ็บคอได้เพราะมีสารเคมีที่ลดขนาดเยื่อเมือกและบรรเทาความบวม ลูกอมรสชะเอมเทศนั้นไม่มีสารเคมีดังกล่าวมากพอ แต่ถ้าใช้รากแห้งของชะเอมเทศมาทำชาแล้วก็จะได้รับประโยชน์จากสารเหล่านี้ [11] ส่วนอบเชยก็มีสรรพคุณฆ่าเชื้อแบคทีเรียและมีรสชาติเข้ากันกับชะเอมเทศได้อย่างดี [12]
    • ทำชาชะเอมเทศเองได้โดยผสมรากชะเอมเทศ 1 ช้อนโต๊ะ ผงอบเชย 1/2 ช้อนโต๊ะและน้ำเย็น 2 ถ้วยในหม้อ นำหม้อไปตั้งไฟจนส่วนผสมเดือดแล้วเคี่ยวต่อไป 10 นาที กรองใส่แก้วแล้วก็ดื่มได้เลย

    • เพิ่มประโยชน์ให้ชาได้โดยการผสมน้ำผึ้งหรือบีบมะนาวลงไปในชา
  5. ใครๆ ก็รู้ว่าขิงช่วยทำให้หายคลื่นไส้ แต่รู้หรือไม่ว่าสมุนไพรชนิดนี้ยังช่วยแก้เจ็บคอได้อีกด้วย? ขิงช่วยทำให้โพรงจมูกไม่ตัน จมูกและลำคอโล่ง อีกทั้งมีฤทธิ์แก้อักเสบอีกด้วย [13] ทางที่ดีควรใช้ขิงสดแทนที่จะเป็นขิงแห้งหรือผงขิงเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
    • นำรากขิงสดชิ้นประมาณ 1 นิ้ว (2.5 ซม.) มาปอกเปลือกและสับ ใส่รากขิงสับลงในถ้วยแล้วเติมน้ำเดือด 1 ถ้วยลงไป ทิ้งไว้ 3 นาทีจากนั้นค่อยกรองน้ำแล้วดื่ม จะเติมน้ำผึ้ง น้ำมะนาวหรือพริกคาเยนป่นตามแต่ที่ชอบก็ได้
  6. ถ้ากำลังตามหาของคาวแก้เจ็บคออยู่ล่ะก็ คงไม่มีอะไรสู้ซุปไก่สูตรโบราณได้อีกแล้ว งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่าซุปไก่มีองค์ประกอบที่รักษาการติดเชื้อและทำให้โพรงจมูกโล่งได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ความเชื่องมงาย [14] ซุปไก่เป็นทางเลือกที่ดีถ้าคุณไม่รู้สึกอยากอาหารพอที่จะกินอาหารมื้อใหญ่ เพราะซุปไก่นั้นเต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย
    • ทางที่ดีควรทำซุปไก่เอง หรืออย่างน้อยก็ซื้อแบบสำเร็จรูปจากร้านที่ทำซุปจากไก่สด เพราะซุปไก่กระป๋องมีคุณประโยชน์เทียบกับแบบที่ทำสดๆไม่ได้
    • จะกรองซุปไก่แล้วดื่มแค่น้ำใสๆ ก็ได้ถ้าต้องการ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ดูแลร่างกายของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและคอยทำให้ลำคอที่ระคายเคืองชุ่มชื้นขึ้น ควรดื่มน้ำอุ่นซึ่งจะบรรเทาอาการอักเสบในลำคอมากกว่าน้ำเย็นซึ่งอาจทำให้ยิ่งเจ็บคอได้
  2. ถ้าคุณเป็นคนตื่นเช้าและนอนดึก ร่างกายของคุณจะไม่มีเวลารักษาตัว หากไม่อยากให้อาการเจ็บคอลามไปจนกลายเป็นไข้หวัดแล้วล่ะก็ ต้องให้เวลาตัวเองพักผ่อนและนอนหลับให้พอทุกคืน
    • เมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บคอ ทางที่ดีควรพักผ่อนตลอดวันที่เหลือ ดื่มของเหลวมากๆ กินอาหารที่มีประโยชน์และอยู่บ้านแทนที่จะออกไปเที่ยวกลางคืนดีกว่า
    • คุณอาจจำเป็นต้องหยุดเรียนหรือหยุดงานเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน ถ้าหากหยุดไม่ได้ก็ควรหาเวลาระหว่างวันเพื่อนอนพักหรืออยู่นิ่งๆ อย่างน้อย 15 นาที
  3. ไอน้ำจากน้ำร้อนจะช่วยทำให้ลำคอที่ระคายเคืองเพราะความแห้งชุ่มชื้นและช่วยบรรเทาอาการเจ็บและความรู้สึกอึดอัด ลองพยายามหายใจเอาไอน้ำเข้าทางจมูกและปากดู เพื่อให้ไอน้ำเข้าสู่ลำคอและโพรงจมูก
    • ถ้าคุณเลือกที่จะแช่น้ำอุ่น ลองผสมสมุนไพรหรือน้ำมันหอมระเหยลงในน้ำดู น้ำมันบางชนิดอย่างเป๊ปเปอร์มินท์หรือยูคาลิปตัสจะช่วยบรรเทาคอได้เหมือนกับการทาวิคส์
    • ถ้าต้องการแค่อบไอน้ำ ไม่ถึงกับแช่น้ำ ให้ปิดประตูห้องน้ำและเปิดน้ำให้ร้อนที่สุดจนเกิดไอน้ำ ยืนหรือนั่งในห้องน้ำและหายใจเอาไอน้ำเข้าไปประมาณ 5 ถึง 10 นาที
    • คุณสามารถอบไอน้ำที่ใบหน้าได้อย่างรวดเร็วโดยการต้มน้ำในหม้อให้เดือด ปิดไฟ เอาผ้าขนหนูคลุมหัวแล้วยื่นหน้าไปเหนือหม้อ ให้ไอน้ำเข้าไปในจมูกและลำคอ
  4. ถ้าอากาศในบ้านของคุณแห้ง อาจจะทำให้อาการเจ็บคอของคุณยิ่งแย่ลง เครื่องทำความชื้นจะช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ช่วยรักษาสภาพของเนื้อเยื่ออ่อนต่างๆ ในลำคอที่จำเป็นต้องชื้นจึงจะอยู่ได้ เครื่องทำความชื้นมีประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว เมื่ออากาศมักแห้งกว่าปกติ
  5. บางครั้งวิธีแก้ปวดที่ดีที่สุดก็คือความร้อน นำผ้าขนหนูชุบน้ำร้อน บิดน้ำออก พับแล้ววางบนคอจนผ้าเย็น ความร้อนจากผ้าจะช่วยให้โลหิตในคอหมุนเวียนดีและลดความบวมได้เล็กน้อย
    • ระวังอย่าทำน้ำลวกตัวเอง น้ำที่ใช้ไม่ควรร้อนจนทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อวางผ้าลงบนคอ
    • หรือจะใช้ถุงน้ำร้อนก็ได้ถ้าจะประคบนานๆ
  6. อย่าให้ในบ้านมีสารเคมีที่จะทำให้รู้สึกระคายเคืองในลำคอ เพราะเวลาที่หายใจเอาสารเคมีหรือกลิ่นที่รุนแรงเข้าไปแล้ว อาจะทำให้ลำคอภายในบวมและรู้สึกคันคอได้ ทางที่ดีควรกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปให้หมด:
    • น้ำหอมที่เป็นสารเคมี เช่นที่พบในน้ำยาทำความสะอาด น้ำหอมปรับอากาศ น้ำหอมฉีดตัว เทียนหอม ฯลฯ
    • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น น้ำยากฟอกขาว น้ำยาเช็ดกระจกและผงซักฟอก
    • ควันจากบุหรี่และแหล่งอื่น
    • สารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น รังแคหรือขนแมว เชื้อรา เกสรดอกไม้ ฯลฯ
  7. อาการเจ็บคอของคุณอาจติดต่อกันได้ ดังนั้นพักรักษาตัวอยู่กับบ้านเพื่อจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อใส่ผู้อื่น เพียงนักเรียนคนเดียวจามออกมาก็เพียงพอจะทำให้นักเรียนทั้งชั้นป่วยได้!
    • ถ้าไม่สามารถอยู่บ้านได้ ลองสวมหน้ากากอนามัยปิดจมูกและปาก หลีกเลี่ยงการไอใส่ผู้อื่น และปิดปากเวลาสนทนากับผู้อื่น ทางที่ดีก็ควรหลีกห่างจากผู้คนให้ได้มากที่สุด
    • แม้กระทั่งคุณเริ่มจะมีอาการเจ็บคอ คุณก็ควรหลีกเลี่ยงการจูบหรือกอดคนอื่น
  8. ถ้าเวลาผ่านไปหลายวันแล้วอาการเจ็บคอยังไม่หายไป และมีอาการป่วยอื่นเกิดขึ้นอีก ควรนัดพบแพทย์เพื่อตรวจว่าคุณป่วยเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงกว่าไข้หวัดธรรมดาหรือไม่ คุณอาจป่วยเพราะติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย (ซึ่งส่งผลให้เป็นโรคสเตรปโธรท อีกสุกอีกใส ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้ออื่นๆ) ซึ่งจะไม่สามารถรักษาหายได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หากคุณมีอาการต่อไปนี้ ควรนัดพบแพทย์ให้เร็วที่สุดที่จะทำได้: [15]
    • มีปัญหาในการหายใจหรือการกลืน
    • ปวดข้อ
    • ปวดหู
    • เป็นผื่น
    • มีก้อนบวมที่คอ
    • มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
    • มีเลือดปนในเสมหะ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้ารู้สึกเจ็บคอเกิน 5 วัน ควรนัดพบแพทย์ คุณอาจจะคออักเสบ ต่อมทอนซิลบวม เป็นโรคสเตรปโธรท หรือมีการติดเชื้ออื่นๆ ในลำคอ
  • อาบน้ำร้อนนานๆ เพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดเมือกในโพรงจมูกกับลำคอ
  • หากคุณมีอาการคัดจมูกด้วย ควรสั่งน้ำมูกเบาๆ โดยพ่นลมออกจากรูจมูกทีละข้าง แทนที่จะสูดน้ำมูกเข้าไป เพราะการสูดน้ำมูกเป็นการกักน้ำมูกไว้ในร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการกินน้ำตาล เพราะจะทำให้ระคายเคืองคอได้
  • ทำชาสมุนไรด้วยน้ำร้อนจัด และก่อนจะดื่มชา ให้ปล่อยไอน้ำลอยปะทะใบหน้าจนน้ำชาเย็นพอที่จะดื่มได้
  • เวลาทำอาหารหรือเครื่องดื่มแก้เจ็บคอ ไม่ควรใช้ส่วนผสมเกินปริมาณที่กำหนด เพราะหากใช้มากไปก็อาจทำให้ระคายคอได้
  • กลั้วคอด้วยน้ำมันมะพร้าวผสมน้ำอุ่น (เติมน้ำผึ้ง ขิง หรือน้ำมะนาวก็ได้)
  • เวลาอาบน้ำอุ่น พยายามสูดอากาศอุ่นๆ เข้าไปแล้วหายใจออกมา จะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นได้
  • ใช้สเปรย์ฉีดจมูก (เหมาะสำหรับคนที่น้ำมูกมากและข้นหนืดผิดปกติ)
  • พักการใช้เสียง อย่าพูดนะ!
  • ทำข้าวต้มอุ่นๆ กิน น่าจะช่วยให้คอรู้สึกดีขึ้น
  • ลองเปลี่ยนแปรงสีฟันดู คุณอาจกำลังเอาเชื้อโรคเก่าเข้าสู่ร่างกายอยู่เพราะเชื้อโรคสามารถมีชีวิตอยู่บนขนแปรงได้
  • กินพืชตระกูลมะนาวเช่นมะนาว ส้ม หรือทับทิมเพื่อเพิ่มระดับวิตามินซีในร่างกาย
  • ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวในน้ำเดือดเป็นเครื่องดื่มแก้เจ็บคอ พยายามหยุดงานหรือหยุดเรียนเพื่อที่จะได้ไม่เครียด นอนอยู่บนเตียง ทำงานหรือการบ้านก่อนเวลาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลทีหลัง หรือดูหนังแล้วก็ผ่อนคลาย
  • ห้ามตะโกน! การตะโกนจะทำให้เจ็บคอมากขึ้น ทางที่ดีควรพักคอ ดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ และอมยาบ่อยๆ
โฆษณา

คำเตือน

  • ถึงแม้อาการเจ็บคอจะน่ารำคาญ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บคอเรื้อรังเป็นเวลานานหรือไม่ยอมหายขาดอาจเป็นสัญญาณของปัญหาร้ายแรง หากคุณรู้สึกเจ็บคออย่างไม่ทุเลาลงเป็นเวลาหลายวันก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจเชื้อในลำคอ ซึ่งทำได้โดยการใช้ไม้ป้ายลำคอเพื่อตรวจหาโรคสเตรปโธรท
  • หากคุณรู้สึกปวดคอและกล้ามเนื้อนอกเหนือจากเจ็บคอด้วยแล้ว อย่ารอที่จะไปพบแพทย์ เพราะคุณอาจเป็นโรคไข้หวัดใหญ่
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,987 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา