ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ช่วงนี้ Google Chrome ของคุณป้ำๆ เป๋อๆ หน่อยใช่ไหม? ปัญหาการใช้งานเบราว์เซอร์เกิดได้จากหลายสาเหตุเลย ตั้งแต่สัญญาณเน็ตอ่อนแรง ไปจนถึงไวรัสตัวร้าย โชคดีที่ Chrome นั้นแก้ง่ายเวลาเกิดปัญหา และถ้าจนปัญญาจริงๆ ก็แค่ถอนการติดตั้งแล้วลง Chrome ใหม่อีกรอบตั้งแต่แรก แค่ 2 - 3 นาทีก็เรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอน
-
ลองถอนแล้วติดตั้ง Chrome ใหม่อีกรอบก่อนแก้ด้วยวิธีการอื่น. ปัญหาการใช้งาน Chrome มีหลายแบบด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่ก็แก้ไขง่ายทั้งนั้น แค่ถอนเวอร์ชั่นเดิมแล้วลงเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่สำคัญคือ Chrome จะ sync พวก bookmarks และรหัสผ่านต่างๆ ของคุณไว้ในบัญชี Google ของคุณ เพราะงั้นไม่ต้องกลัวจะเสียข้อมูลสำคัญต่างๆ ไป แถมทั้งหมดนี้ทำได้ง่ายๆ ใน 2 - 3 นาที
-
ถอนการติดตั้ง Chrome.
- Windows - เปิด Control Panel แล้วเลือก "Programs and Features" หรือ "Uninstall a program" เลือก Google Chrome จากในรายการแล้วคลิก Uninstall
- OS X - เปิดโฟลเดอร์ Applications แล้วลากแอพ Chrome ไปที่ Trash (ถังขยะ)
-
เข้าเว็บ Chrome ด้วย Internet Explorer (Windows) หรือ Safari (OS X). โดยพิมพ์ google.com/chrome/browser/ ในเบราว์เซอร์
-
คลิกปุ่ม "Download Chrome". เพื่อดาวน์โหลดเวอร์ชั่นที่ใช้กับระบบปฏิบัติการของคุณโดยอัตโนมัติ
-
เปิดไฟล์ติดตั้ง. โดยคลิกที่ไฟล์ติดตั้งล่างหน้าต่างเบราว์เซอร์หลังดาวน์โหลดเสร็จ
- ระหว่างติดตั้ง จะกำหนดให้ Chrome เป็นเบราว์เซอร์หลักด้วยก็ได้ ถ้าสงสัยให้ลองอ่านรายละเอียดการติดตั้ง Chrome เพิ่มเติมในเน็ตดู
-
ลงชื่อเข้าใช้ Chrome. เปิดเมนู Settings แล้วคลิก Sign in to Chrome จากนั้นกรอกข้อมูลบัญชี Google ของคุณ สักพัก bookmarks ต่างๆ ก็จะถูกเซฟคืนมา
-
เช็คดูว่าใช้งานได้ดีเหมือนเดิมหรือยัง. ถ้ายัง ให้ลองใช้วิธีการอื่นๆ ต่อไป
- แต่ถ้าใช้ได้ดีเหมือนเดิมแล้ว ให้ติดตั้ง extensions ทีละตัว เพื่อดูว่าตัวไหนที่อาจก่อปัญหา
โฆษณา
-
1กด . ⇧ Shift + Esc เพื่อเปิด Chrome Task Manager . หรือคลิกปุ่ม Chrome Menu (☰) แล้วเลือก More tools → Task manager
-
2เลือก tab หรือ extensions ที่ค้างจากในรายการ. จะเห็นทุก tab และ extensions ที่ใช้งานอยู่ ซึ่งจะรู้เลยว่า tab หรือ extensions ไหนที่มีปัญหา
-
3คลิกปุ่ม . End Process . เพื่อบังคับปิด tab หรือ extensions ที่ค้าง
-
4ทำซ้ำกับ tab หรือ extensions อื่นๆ ที่ค้าง. พอปิด tab ที่ค้างไปแล้ว ก็น่าจะใช้ Chrome ต่อได้แบบไม่มีปัญหาอะไรโฆษณา
-
เปิดเบราว์เซอร์ตัวอื่น. ข้อความ error ที่พบอาจเกิดจากสัญญาณเน็ตที่ไม่เสถียร วิธีทดสอบได้เร็วทันใจที่สุดก็คือลองเปิดเบราว์เซอร์อื่นดู (Internet Explorer กับ Safari จะมาพร้อม Windows กับ OS X อยู่แล้ว) แล้วลองเข้าเว็บดู ถ้าโหลดหน้าเว็บได้ตามปกติ แสดงว่า Chrome มีปัญหา ให้แก้ไขตามวิธีการต่างๆ ที่เราบอก แต่ถ้าโหลดหน้าเว็บไม่ได้ แสดงว่าเป็นที่สัญญาณเน็ต [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าเข้าไม่ได้แค่บางเว็บ แสดงว่าเว็บนั้นล่มอยู่ หรือปิดไปแล้ว
-
เช็คสัญญาณเน็ต. ถ้าต่อเราเตอร์ผ่าน Ethernet ให้เช็คว่าสายแน่นดีไหม แต่ถ้าต่อผ่าน Wi-Fi ก็ต้องสัญญาณแรงพอ
- ลองอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเน็ตดู เรื่องแก้ไขปัญหาสัญญาณเน็ต
โฆษณา
-
คลิกปุ่ม Menu (☰) แล้วเลือก Tools → Extensions . extensions ที่คุณติดตั้งไปอาจจะเป็นตัวปัญหาก็ได้ ให้ลองปิดการใช้งาน extensions ทั้งหมด แล้วค่อยๆ เปิดใช้ใหม่ทีละตัว จนเจอตัวปัญหา
-
เอาติ๊กออกจากแต่ละ extensions ในรายการ.
-
รีสตาร์ท Chrome.
-
ทดสอบเบราว์เซอร์. ถ้ายังมีปัญหา แสดงว่าไม่ได้เป็นที่ extensions ให้ลองแก้ไขไปตามวิธีการที่เราบอก แต่ถ้า Chrome กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ให้ทำขั้นตอนถัดไป
-
เปิดใช้ extensions ทีละตัวจนเจอตัวปัญหา. ทดสอบ Chrome โดยเข้าเว็บเดิม (ที่ตอนแรกเข้าไม่ได้) ทุกครั้งที่เปิดใช้ extensions ใหม่โฆษณา
-
คลิกปุ่ม Menu (☰) แล้วเลือก Settings . ค่า proxy ที่ไม่เหมาะสมอาจก่อปัญหาการใช้งาน Chrome ให้รีเซ็ตค่า proxy อาจทำให้ Chrome กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
-
คลิกลิงค์ "Show advanced settings".
-
คลิก . Change proxy settings... .
-
คลิก . LAN Settings... .
-
อย่าลืมติ๊กช่อง "Automatically detect settings". ผู้ใช้ทั่วไปไม่จำเป็นต้องตั้งค่า proxy เอง ถ้าเชื่อมต่อ proxy ไม่ได้ ให้เช็คอีกรอบว่าข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ proxy ทั้งหมดถูกต้องแล้วโฆษณา
-
คลิกขวาที่ shortcut ของ Chrome ในหน้า desktop. Sandbox mode คือฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยของ Chrome ที่อาจทำให้เวลาเปิดเว็บแล้วเจอหน้าว่าง ลองปิดโหมดนี้ก่อน แล้วลองรีเฟรชหน้าเดิมดูว่าได้ผลไหม [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เลือก Properties .
-
คลิก tab . Shortcut .
-
เติม . --no-sandbox ต่อท้ายข้อความในช่อง "Target" .
-
คลิก . OK .
-
เปิด Chrome จาก shortcut. ถ้าโหลดหน้าเว็บได้แล้ว แสดงว่าเป็นที่ sandbox mode แต่บางทีก็เป็นเพราะไฟล์เสียหรือโดนมัลแวร์ ยังไงก็ตาม อันตรายมากถ้าจะเข้าเว็บนอก sandbox mode เพราะงั้นให้ปิด Chrome แล้วลบมัลแวร์หรือลง Chrome ใหม่ซะก่อนโฆษณา
-
ปิดหน้าต่าง Chrome ทั้งหมด. ถ้าไฟล์ user เสียอาจทำให้ใช้งาน Chrome ไม่ได้ตามปกติ ถ้าลบไฟล์พวกนี้ไปอาจแก้ปัญหาการใช้งาน Chrome ได้
-
เปิด Control Panel แล้วเลือก "Folder Options".
-
คลิก tab . View แล้วเลือก "Show hidden files, folders, and drives" . จากนั้นคลิก OK
-
ไปที่โฟลเดอร์ user data ของ Chrome. ที่ C:\Users\Your Username\AppData\Local\Google\Chrome\User Data\Default\Local Storage\
-
ลบทุกไฟล์ในโฟลเดอร์.
-
เปิด Chrome ขึ้นมา.โฆษณา
-
คลิกปุ่ม Menu (☰) แล้วเลือก Settings . การรีเซ็ต Chrome จะเป็นการลบ user data หรือข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดจาก Chrome ถ้า Chrome sync กับบัญชี Google ของคุณอยู่ ก็กู้คืน bookmarks กับรหัสผ่านต่างๆ ได้ โดยล็อกอินกลับมาหลังรีเซ็ต Chrome
-
คลิกลิงค์ "Show advanced settings". เลื่อนลงไปที่ล่างสุด
-
คลิก . Reset browser settings .
-
ลงชื่อเข้าใช้ Chrome อีกรอบ. เปิดเมนู Settings แล้วคลิก Sign in to Chrome จากนั้นกรอกข้อมูลบัญชี Google ของคุณโฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา